ในยุคที่แนวคิดด้านการออกแบบ แทรกซึมเข้าไปอยู่แทบจะทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต บ่อยครั้งที่การนำเสนอมุมมองหรือไอเดียสร้างสรรค์ กลายเป็นโจทย์ใหญ่ ให้นักออกแบบขบคิด ด้วยหวังตอบสนองความต้องการของผู้คน ที่นับวันจะมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น การออกแบบโชว์รูมรถยนต์ก็เช่นกัน เหล่านักสร้างสรรค์พยายามตีโจทย์รอบด้าน นำเสนอองค์ประกอบทั้งภายนอกและภายในอย่างมีชั้นเชิง พร้อมปลุกเร้าความรู้สึก (Emotional) เสมือนว่าเพียงก้าวเท้าเข้ามาในโชว์รูมรถยนต์ คือจุดเริ่มต้นของการเปิดประสบการณ์ที่มากกว่าดีไซน์ เป็นสถานที่ตอบโจทย์ ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต
ภายใต้แนวคิดดังกล่าวนี้ อาจพูดได้ว่าเป็นการดึงสิ่งที่ผู้คนกำลังมองหา มารวมไว้ ณ จุดเดียวเป็นความแตกต่างที่ถ่ายทอดออกมาให้สามารถจับต้องได้ เกี่ยวกับมุมมองใหม่ด้านการออกแบบโชว์รูมรถให้จับตาต้องใจนี้ คุณวิสูตร สุขพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีทู ดีไซน์ สตูดิโอ จำกัด (V2 Design Studio) ในฐานะผู้จุดประกายไอเดีย อธิบายถึงหลักการได้อย่างน่าสนใจว่า เป็นการสะท้อนแนวคิดที่แตกต่างจากอดีต ที่เน้นตัวผลิตภัณฑ์หรือรถยนต์เป็นที่ตั้ง เปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับการรังสรรค์ ‘ประสบการณ์ของผู้บริโภค’ (Customer Experience) โดยลงรายละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ นำเสนอผ่านหลากหลายมิติ ทั้ง รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส เพื่อถ่ายทอดตัวตนของแบรนด์
ที่น่าสนใจคือ แม้จะออกแบบแนวคิดเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับยานยนต์ หากการใส่ใจอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาในโชว์รูม ก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญที่ต้องทำควบคู่กัน เป็นการมองในลักษณะของความเชื่อมโยง ตั้งแต่ออนไลน์ไปสู่ออฟไลน์ ซึมลึกไปถึงข้อมูล แล้วท้ายที่สุดต้องประเมินให้ได้ว่า ประสบการณ์แบบไหนกัน ที่ต้องการให้ลูกค้าหรือผู้คนทั่วไปได้สัมผัส
“เราให้ความสำคัญกับ 3 กิจกรรมหลัก ซึ่งเป็นเสมือนจุดเชื่อมต่อของออฟไลน์ คือ 1. การสัมผัสและทดลองขับ (Touch & Test) 2. การส่งมอบ (Handover Moment) 3. บริการหลังการขาย (Aftersales Service) ผ่านการออกแบบประสบการณ์ทุกมิติ ที่เกี่ยวกับการนำเสนอรถยนต์ (Product Experience) ในบรรยากาศที่เหมาะสม (Retail Experience) และเอื้อต่อการบริการของพนักงาน (People Experience)” คุณวิสูตร เผย 3 คีย์เวิร์ดที่เป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบโชว์รูมที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนยุคใหม่ พร้อมชู Concept Design ของแฟลกชิปโชว์รูม บีเอ็มดับเบิลยู มิลเลนเนียม ออโต้ บนถนนพัฒนาการ-ศรีนครินทร์ ที่เป็นเสมือนภาพสะท้อนที่ชัดเจนของไอเดียสร้างสรรค์สุดบรรเจิด
เพียงแรกสัมผัส ต้องสะดุดตากับดีไซน์ส่วนหน้าของอาคาร (Architectural Façade) ที่ออกแบบเป็นกล่องกระจกใส และระนาบแนวนอนขนาดใหญ่ เหมือนกำลังลอยเคลื่อนออกจากกัน (Floating Box) ช่วยขยายการมองเห็นของอาคารได้เต็มหน้ากว้างถนน และแบ่ง Façade ออกเป็น 3 หน้าต่างย่อย ตามกลุ่มรถที่ต่างกัน โถงจัดแสดงหลักชั้นล่างให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง เชื่อมต่อเป็นมุมกว้างคล้ายแกลเลอรี่ กับองศาในการจัดวางรถยนต์ที่หลากหลาย แทรกด้วยพื้นที่รับรองลูกค้า เรียกว่า ‘Customer Stage’ แสดงถึงการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันแรก ต่างจากอดีตที่ผลิตภัณฑ์ต้องมาก่อน
แน่นอนว่า การมองในมุมที่ต่างออกไป ช่วยปลุกเร้าความรู้สึกของผู้คน ราวกับกำลังเปิดประสบการณ์ใหม่ อยู่ในไลฟ์สไตล์มอลล์ขนาดย่อมๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นคนช่วงวัยไหน ก็สามารถเพลิดเพลินได้กับมุมต่างๆ ในโชว์รูม ระหว่างที่พ่อแม่ให้ความสนใจกับรายละเอียดของรถยนต์คันโปรด จากพนักงานที่บริการด้วยมิตรไมตรี เด็กๆ ก็สนุกสนานกับพื้นที่รับรองที่มีขนมขบเคี้ยว ตลอดจนอาหารว่าง และเครื่องดื่มที่จัดเตรียมไว้อย่างพิถีพิถัน ขับกล่อมด้วยเสียงเพลงที่คัดสรรค์ มาโดยเฉพาะ รวมถึงการออกแบบกลิ่นที่สื่อสารความเป็นแบรนด์ เคล้าบรรยากาศอบอุ่น จนเกือบลืมไปว่าที่นี่ คือ โชว์รูมรถยนต์
อีกหนึ่งไอเดียสร้างสรรค์ที่คุณวิสูตรอยากสะท้อนให้เห็น ผ่านงานดีไซน์ที่มีผลต่อ การเปลี่ยนแปลงอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างแยบยล ซึ่งไม่ค่อยพบเห็นได้บ่อยนัก สำหรับโชว์รูมรถยนต์ นั่นคือ พื้นที่ชั้นลอย (Mezzanine) ที่ออกแบบและจัดวางอย่างลงตัว ช่วยสร้างมิติการมองเห็นในมุมกว้างได้รอบทิศ โดยระดับที่ต่างกันของชั้นลอยช่วยแบ่งโซน จัดแสดงตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ พร้อมเปิดให้แสงสว่างจากธรรมชาติสาดส่องผ่านช่องหลังคาสอดรับกับลิฟท์กระจกใสรอบด้าน เชื่อมการมองเห็นแบบ 360 องศา หรือเรียกว่า พาโนรามิกวิว (Panoramic View) อันน่าตื่นตาตื่นใจ
ทว่าทั้งหมดอาจไร้ความหมาย หากฤกษ์สำคัญอย่างวันรับรถ ดูธรรมดาจนไม่น่าจดจำ โชว์รูมแห่งอนาคตนี้ จึงตั้งใจออกแบบห้องส่งมอบรถยนต์ให้มีความพิเศษ ด้วยขนาดของพื้นที่โอ่โถง ผสานรับแขกสุดหรูพร้อมจอแอลอีดีขนาดใหญ่ สำหรับไว้บันทึกช่วงเวลาแสนประทับใจโดยพื้นที่ดังกล่าวยังสามารถปรับใช้ในกิจกรรมอื่นๆ เช่น อีเว้นท์เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ หรือนำเสนอผลิตภัณฑ์ภายในโชว์รูม
ตราบใดที่ไอเดียสร้างสรรค์ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญ ให้นักออกแบบหยิบมาใช้ได้อย่างไม่มีวันจบ อาคารดีไซน์สุดล้ำ ฟังก์ชั่นภายในสุดเจ๋ง หลุดจากกรอบความคิดเดิมๆ จะยังคงผุดขึ้นมาให้เห็น เป็นกระจกบานใหญ่ ที่สะท้อนถึงการตีโจทย์รอบด้านอย่างมีชั้นเชิง พร้อมกับสร้างการปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น ไม่เฉพาะในเชิงธุรกิจ หากยังมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของผู้คนที่ได้สัมผัส และนำไปสู่การตัดสินใจได้ไม่มากก็น้อย เป็นบทสรุปที่ว่า มากกว่าดีไซน์ แต่ครบ จบ ในที่เดียว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุคใหม่ได้อย่างลงตัว…