- เวีย ร่วมกับ บิ๊กซี สานต่อโครงการ “เพราะแคร์ นีเวียชวนแชร์ สร้างวัคซีนโควิด 19 ครั้งที่ 2” ระดมน้ำใจเพื่อวัคซีนโควิดตัวแรกของคนไทย
- ทุก ๆ การซื้อผลิตภัณฑ์นีเวียที่บิ๊กซีทุกสาขาหรือสั่งซื้อทางออนไลน์ ซื้อผลิตภัณฑ์นีเวีย 1 ชิ้น ทางนีเวียบริจาค 1 บาทในช่องทางปกติ และบริจาค 2 บาทในช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 18 สิงหาคม 2564 นี้
คุณรัคชิต ฮาร์เกฟ (ที่สองจากซ้าย) รองประธานกรรมการอาวุโส ภาคพื้นอาเซียน บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ คุณวิชัย เบญญาดิลก (ที่สองจากขวา) รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ และคุณวิภาดา ดวงรัตน์ (ขวา) รองประธานกรรมการบริหารคนที่ 1 บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี พร้อมด้วยคุณรัชยา นนทชัยภูมิ (ซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ผลิตภัณฑ์นีเวีย บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมแถลงเปิดโครงการ “เพราะแคร์ นีเวียชวนแชร์ สร้างวัคซีนโควิด 19 ครั้งที่ 2” เพื่อมอบรายได้สมทบทุนจากการขายผลิตภัณฑ์นีเวีย ผ่านทุกช่องทางการขายที่บิ๊กซีทั้งออนไลน์และกว่า 1,300 สาขาทั่วประเทศ ให้แก่กองทุนการวิจัยและพัฒนาวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการทำวิจัยและพัฒนาวัคซีนไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 18 สิงหาคม 2564 นี้
กรุงเทพฯ,ประเทศไทย, วันที่ 2 กรกฎาคม 2564 – วัคซีนคืออาวุธที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ณ ขณะนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งให้คนไทยมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลสู่ความความมั่นคงทางด้านสาธารณสุขที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต นีเวีย ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับโลก ที่ได้รับความไว้วางใจในการดูแลผิวพรรณจากคนไทยมากว่า 30 ปี ร่วมกับ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี สานต่อโครงการ “เพราะแคร์ นีเวียชวนแชร์ สร้างวัคซีนโควิด 19 ครั้งที่ 2” เพื่อมอบรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์นีเวีย ผ่านทุกช่องทางการขายที่บิ๊กซีกว่า 1,300 สาขาทั่วประเทศ โดยทุก ๆ การซื้อผลิตภัณฑ์นีเวียที่บิ๊กซี ทางนีเวียสมทบทุน 1 บาทหากซื้อผ่านช่องทางปกติ และบริจาค 2 บาทหากซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ให้แก่กองทุนการวิจัยและพัฒนาวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการทำวิจัยและพัฒนาวัคซีนไวรัสโควิด-19 โดยสามารถร่วมแคมเปญได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 18 สิงหาคม 2564 นี้
คุณรัคชิต ฮาร์เกฟ (ซ้าย) รองประธานกรรมการอาวุโส ภาคพื้นอาเซียน บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ และ คุณวิภาดา ดวงรัตน์ (ขวา) รองประธานกรรมการบริหารคนที่ 1 บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี
คุณรัคชิต ฮาร์เกฟ รองประธานกรรมการอาวุโส ภาคพื้นอาเซียน บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ กล่าวว่า “เรามีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือให้ประเทศไทยสามารถก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ โดยโครงการนี้ได้จัดทำขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่สองภายใต้แคมเปญ Care Beyond Skin ที่ไบเออร์สด๊อรฟ ดำเนินการมาตลอดกว่าสองปีเพื่อมอบความช่วยเหลือในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ เราเองได้เห็นถึงความสำคัญในการนำร่องสนับสนุนการวิจัยพัฒนาวัคซีนให้กับทีมวิจัยของไทย เพื่อจะได้เป็นรากฐานด้านระบบสาธารณสุขที่มั่นคงในอนาคต และด้วยความร่วมมือจากพันธมิตรอย่าง บิ๊กซี จะทำให้เราสามารถร่วมสนับสนุนให้วัคซีนรุดหน้าได้เร็วยิ่งขึ้น เพราะคนไทยสามารถมารวมพลังกันเป็นส่วนหนึ่งในการปันน้ำใจผ่านการซื้อผลิตภัณฑ์ของนีเวียที่บิ๊กซีในทุกช่องทางการขายทั่วประเทศตลอดสองเดือนเต็มนี้”
คุณวิภาดา ดวงรัตน์ รองประธานกรรมการบริหารคนที่ 1 บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี กล่าวว่า “สำหรับบิ๊กซี เรามีนโยบายสนับสนุนโครงการด้านช่วยเหลือสังคมมาอย่างต่อเนื่อง และโครงการที่ร่วมกันกับนีเวียเป็นปีที่สองนี้ ทางเราเองมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในฐานะคนไทยที่ได้ร่วมสนับสนุนงานวิจัยวัคซีนของคนไทยอีกครั้งหนึ่ง และที่สำคัญเพื่อให้ลูกค้าของเราสามารถซื้อสินค้าพร้อมกับร่วมทำบุญผ่านโครงการนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น ผ่านช่องทางการจำหน่ายของบิ๊กซีทั้งบนช่องทางออนไลน์ และกว่า 1,300 สาขาทั่วประเทศ โดยบิ๊กซีพร้อมสนับสนุนโครงการดี ๆ ในครั้งนี้ เพื่อร่วมต่อสู้กับภัยร้ายโควิด-19 ไปด้วยกัน และเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนทางสังคม และเศรษฐกิจของบ้านเราให้กลับมาเดินหน้าได้อย่างแข็งแกร่งต่อไป”
ทั้งนี้ วัคซีนโควิด-19 ที่ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังพัฒนา คือ ChulaCov19 (จุฬาคอฟไนน์ทีน) เป็นการคิดค้นและพัฒนาโดยความร่วมมือกับศาสตราจารย์ ดริว ไวสส์แมน นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังระดับโลกจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการมาถึงขั้นการทดสอบในอาสาสมัครระยะที่ 1 และต่อเนื่องไปในระยะที่ 2 โดยได้เริ่มการทดสอบระยะที่ 1 ไปเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพื่อหาขนาดวัคซีนที่เหมาะสมและกระตุ้นภูมิได้ดีที่สุดสำหรับคนไทย โดยมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด และจะทราบผลช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ และระยะที่ 2 กำหนดการในเดือนสิงหาคม 2564 ที่จะถึงนี้\
ศาสตราจารย์นายแพทย์เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม
ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศาสตราจารย์นายแพทย์เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “วัคซีน ChulaCov19 เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนที่อยากเห็นวัคซีนคุณภาพโดยฝีมือคนไทย รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ร่วมกันพัฒนาและต่อยอดองค์ความรู้ที่ได้คิดค้นมาเพื่อทำคุณประโยชน์ให้กับการสาธารณสุขของประเทศ และตอนนี้เราได้ก้าวมาสู่การทดสอบทางคลินิกกับกลุ่มอาสาสมัคร พวกเราทำงานกันอย่างเข้มแข็งด้วยความหวังว่าในที่สุดคนไทยจะมีวัคซีนคุณภาพที่คิดค้นและผลิตเองในประเทศได้ใช้กันอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นการลดการพึ่งพาทางด้านยาและวัคซีนให้กับประเทศ รวมทั้งเป็นฐานส่งต่อความช่วยเหลือให้กับประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต”
ทั้งนี้ หากมีการประกาศข้อกำหนดเรื่องระดับภูมิคุ้มกันของวัคซีนจากองค์การอนามัยโลก (WHO) หรือคณะผู้เชี่ยวชาญออกมาเพื่อใช้เป็นเกณฑ์การวัดประสิทธิภาพของวัคซีนได้ จะมีผลให้สามารถลดขั้นตอนการทดสอบทางคลินิกระยะที่สามไปได้ ซึ่งหากเป็นกรณีดังกล่าว คาดว่าวัคซีน ChulaCov19 จะสามารถผลิตและนำมาใช้ในคนหมู่มากได้เร็วที่สุดประมาณเดือนเมษายน 2565 แต่หากยังจำเป็นต้องมีการทดลองระยะที่สามตามกระบวนการปกติ คาดว่าจะผลิตวัคซีนมาใช้ได้ในช่วงประมาณไตรมาสที่ 3 ปี 2565