เอปสันยึดแนวทางสหประชาชาติ สร้างความยั่งยืนให้สังคมไทย ผ่านงานซีเอสอาร์

Alternative Textaccount_circle
event

ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา สหประชาชาติ หรือยูเอ็น องค์กรที่คอยดูแลความสงบสุขของโลกเราในมิติต่างๆ ได้กำหนดวาระการพัฒนาระดับสากลขึ้นมา โดยมุ่งที่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเรียกว่า Sustainable Development Goals หรือ SDGs มีองค์กรและบริษัทมากมายทั่วโลกได้ตอบรับและให้คำมั่นที่จะสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นในสังคมที่ตัวเองมีธุรกิจอยู่ หนึ่งในนั้นคือยักษ์ใหญ่แห่งวงการพรินเตอร์ “เอปสัน”

เอปสันได้ยึดแนวทางการสร้างความยั่งยืนในทุกกระบวนทางธุรกิจมาตั้งแต่วันแรกที่เริ่มก่อตั้งบริษัทเมื่อเกือบ 80 ปีที่แล้ว และกลายเป็นบริษัทแรกในโลกที่ประกาศจะกำจัดสารซีเอฟซีที่ทำลายชั้นโอโซนออกจากกระบวนการผลิตทั้งหมด จนมาประสบความสำเร็จในปี 2536 หลังจากนั้นก็ได้เข้าร่วมข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) ในปี 2547 และได้ประกาศสนับสนุน SDGs ทุกวันนี้ เอปสันยังคงยึดหลักความยั่งยืนตั้งแต่ขั้นตอนการวางแนวคิดพัฒนาเทคโนโลยี การออกแบบผลิตภัณฑ์ ไปจนเสร็จสิ้นกระบวนการผลิต เทคโนโลยีที่มีขนาดกะทัดรัด แต่เต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและความแม่นยำของเอปสันถูกนำไปใช้ในนวัตกรรมมากมายในอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น

ยิ่งในโลกธุรกิจปัจจุบัน ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมกลายเป็นประเด็นสำคัญ กระแสของการใช้ Green Tech เติบโตอย่างรวดเร็วในทุกองค์กร ทำให้อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ของเอปสันได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นมากทั่วโลก จนทำลายค่านิยมเดิมๆ ในองค์กรธุรกิจที่เคยเลือกใช้เลเซอร์พรินเตอร์ไปอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่เพียงแต่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าเลเซอร์พรินเตอร์ถึง 85% ยังมีชิ้นส่วนในเครื่องที่ต้องเปลี่ยนทดแทนน้อยกว่าถึง 59% จึงช่วยลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ลงได้มาก ที่สำคัญเอปสันมีเทคโนโลยี Heat-Free ที่ไม่ใช้ความร้อนในกระบวนการพิมพ์ ทำให้กินไฟน้อยกว่าเลเซอร์พรินเตอร์ถึง 80%

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย)​ จำกัด กล่าวว่า “บริษัทแม่ ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น ได้ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน ควบคู่กับการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยยึดกรอบปฏิบัติตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs ของสหประชาชาติ ซึ่งมีด้วยกัน 17 หัวข้อ โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เน้นในเรื่อง “Quality Education” หรือการพัฒนาความรู้และการศึกษาในเยาวชน และในปี 2562 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขยายขอบเขตการทำซีเอสอาร์ไปในด้าน “Responsible Consumption and Production” ที่มุ่งเน้นให้ผู้บริโภคเกิดความตระหนักในการใช้ทรัพยากรผ่านกิจกรรม From Plastic to Fabric โดยให้ประชาชนนำถุงพลาสติกเหลือใช้มาแลกเปลี่ยนเป็นถุงผ้าที่พิมพ์ลวดลายจากพรินเตอร์ที่ใช้น้ำหมึกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของเอปสัน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตอบรับนโยบายการลดการใช้ถุงพลาสติก และส่งเสริมการใช้ถุงผ้าที่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้หลายครั้ง โดยถุงพลาสติกที่รวบรวมได้ บริษัทฯ ได้ส่งให้หน่วยงานพาร์ทเนอร์เพื่อนำไปรีไซเคิลเป็นบล๊อกปูถนนต่อไป”

ล่าสุดในปี 2563 นี้ ซึ่งเป็นปีครบรอบ 30 ปีของเอปสัน ประเทศไทย บริษัทฯ ได้เพิ่มกิจกรรมซีเอสอาร์ในด้าน “Life on Land” อีกหนึ่งในหัวข้อสำคัญของ SDGs โดยร่วมกับมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดกิจกรรม “Wheel for Wild” ปั่นพิทักษ์ป่า เพื่อรณรงค์ให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันรักษาทรัพยากรและใส่ใจในเรื่องการใช้พลังงานมากขึ้น ซึ่งเอปสันได้เชิญชวนประชาชนทั่วไปร่วมทำกิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับพรินเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยี Heat-Free โดยมีกติกาว่าเมื่อผู้ร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานผลิตไฟฟ้าครบ 3 นาที เอปสันจะทำการบริจาคเงินจำนวน 30 บาทให้กับทางมูลนิธิฯ

นอกจากนี้ จักรยานที่ต่อไดนาโมและแบตเตอรีจะจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าเครื่องพรินเตอร์รุ่น WF-C20590 เพื่อพิมพ์ใบประกาศเกียรติคุณจากมูลนิธิฯ ให้กับผู้ร่วมกิจกรรม เป็นการยืนยันถึงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของมูลนิธิฯ โดยเอปสันได้โร้ดโชว์ไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้สนใจที่หลากหลาย เริ่มจากงาน COMMART XTREME ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ในวันที่ 26-29 พฤศจิกายน ต่อด้วยที่อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ในวันที่ 2-4 ธันวาคม และศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ บริเวณลานกิจกรรมชั้น G ในวันที่ 14-15 ธันวาคม ก่อนปิดท้ายที่ราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 18-20 ธันวาคม

กิจกรรม “Wheel for Wild” ปั่นพิทักษ์ป่า ไม่เพียงแต่ตอกย้ำถึงความพยายามของเอปสัน ประเทศไทย ในการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมของประเทศไทยในฐานะองค์กรธุรกิจที่ดำเนินกิจการในประเทศไทยมานานถึง 30 ปี แต่ยังเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการคิดค้นนวัตกรรมและสร้างเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับธรรมชาติของโลก อย่างที่เห็นได้จากเทคโนโลยี Heat-Free ในอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ของเอปสันที่ประหยัดไฟ และใช้กำลังไฟเพียง 10 วัตต์ในการพิมพ์เอกสาร 1 หน้า ซึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวจะได้รับประสบการณ์อันน่าทึ่งนี้ ด้วยการปั่นจักรยานเพียงไม่ถึง 3 นาที ก็สามารถพิมพ์เอกสารสีออกมาได้

“ในปัจจุบัน ผู้บริโภคต้องการเห็นความพยายามและผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากผู้ผลิตในการรักษาธรรมชาติ ทั้งยังเต็มใจที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเพื่อให้ได้มีส่วนร่วมในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะคนกลุ่ม Millennial และ Gen Z ที่ยินดีจะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมหรือกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับธรรมชาติหรือมีส่วนในการตอบแทนสังคม การที่ผู้ผลิตสามารถแสดงออกถึงบทบาทในการรักษาสิ่งแวดล้อมไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันทางธุรกิจ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์สินค้า แต่ยังเป็นการนำธุรกิจไปสู่ทิศทางและตำแหน่งของการเป็นองค์กรที่สังคมและผู้บริโภคจะขาดไม่ได้ ซึ่งนั่นคือเป้าหมายของเอปสัน” นายยรรยง ทิ้งท้าย

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up