ตรี ภรภัทร ศรีขจรเดชา จากเด็กเกเร สู่พระเอกคุณภาพสายดราม่า
ตรี-ภรภัทร ศรีขจรเดชา พระเอกสุดฮอตสายดราม่าคนนี้ ไม่เพียงแต่ฉายออร่าความเป็นพระเอกที่พุ่งแรงขึ้นทุกวัน แต่ฝีมือไม้ลายมือทางการแสดงยังพัฒนาแบบเต็มขั้น จากเด็กเกเรที่ไม่เคยคิดฝันจะเข้าวงการบันเทิง มาวันนี้ความตั้งใจและความอดทนกว่า 8 ปีที่จะเป็นนักแสดงมืออาชีพไม่สูญเปล่า ตรีขึ้นแท่นนักแสดงฝีมือดีอีกคนของวงการบันเทิงเป็นที่เรียบร้อย
ละครสงครามสมรสจบไปแล้ว กระแสปังแต่เริ่มจนจบเลย ส่งให้ตรีกลายเป็นพระเอกสุดฮอต
จริงๆ ก็คาดไม่ถึงครับ มันเกินฝันมาก ผมเองก็ไม่ได้คาดหวังเลย ต้องขอบคุณแฟนๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของสงครามสมรส ขอบคุณมากๆ เลยครับ รู้สึกดีใจแทนช่องวัน ดีใจแทนผู้กำกับ นักแสดงทุกคน ทีมงานทุกคนเลยครับ
ละครเรื่องนี้เป็นทนาย ซึ่งเป็นอาชีพที่มีความชำนาญเฉพาะทาง ฝึกสกิลอะไรเพิ่มเติมบ้างคะ
ถามว่าฝึกอะไรไหม ตอนแรกฝึกด้วยตัวเอง อ่านบททำความเข้าใจเอง อ่านแล้วก็ไปคุยกับผู้กำกับ คุยกับแอ็คติ้งโค้ช จากนั้นก็สร้างแบ็คกราวน์ของตัวละคร ไปรีเสิร์ชด้วยการไปศาลจริงๆ ไปบ่อยๆ ไปสังเกตคนที่ทำอาชีพทนายว่าเขามีคาแร็คเตอร์ประมาณไหน มีท่าทางอย่างไร เพราะแต่ละคนก็มีคาแร็คเตอร์ที่แตกต่างกันไป อาชีพนักแสดงอย่างเราต้องรู้จักสังเกตให้มากๆ ครับ
อีกอย่างคือในเรื่องตัวบทกฏหมาย ห้ามผิดเลย ห้ามปรับเปลี่ยน ประมวลกฏหมายเป็นเรื่องยากและละเอียดอ่อน ผมต้องใช้เวลาในการทำการบ้านด้วยการทำซ้ำๆ อ่านบ่อยๆ ต้องเข้าใจว่าพูดเพื่อใคร เพื่ออะไร พูดทำไม ทุกอย่างมีเป้าหมายชัดเจนครับ
ความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับนางเอกแถวหน้า “แอฟ-ทักษอร”
พี่แอฟเป็นพี่สาวที่น่ารัก เราคุยกันได้ทุกเรื่อง พี่เขาจะคอยเล่าคอยสอน เล่าประสบการณ์ต่างๆ ในวงการบันเทิง ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร ผมมีอะไรก็คอยปรึกษาตลอด พี่แอฟเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดี เป็นพี่สาวที่น่ารักมากๆ ครับ
แล้วกับน้องเจ้าคุณล่ะคะ
น้องเก่งมาก เก่งกว่าเราอีก เก่งมากขึ้นเรื่อยๆ เก่งขึ้นทุกวัน
สิ่งที่ได้จาก “สงครามสมรส”
ผมว่าให้ความรู้เรื่องกฎหมายเป็นอย่างดีเลย บางข้อเราไม่เคยรู้ แต่เรื่องนี้เราได้อ่าน ได้พูดออกมา พูดจนคนเข้าใจกฎหมายหลายๆ ข้อ อย่าง สามีภรรยาหย่ากันแล้ว ภรรยาไม่สามารถจดทะเบียนใหม่ได้ แต่สามีสามารถจดได้ (ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1453 กำหนดว่า “หญิงที่สามีตายหรือที่การสมรสสิ้นสุดลงด้วยประการอื่น จะทำการสมรสใหม่ได้ต่อเมื่อการสิ้นสุดแห่งการสมรสได้ผ่านพ้นไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน” ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันข้อพิพาทในอนาคต หากยอมให้ฝ่ายหญิงสมรสกับชายคนใหม่ทันที และในระหว่างนี้เกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา อาจสับสนและมีข้อโต้แย้งได้ว่าใครเป็นพ่อของเด็ก ระหว่างสามีเก่ากับสามีใหม่ ทำให้ยากต่อการเลี้ยงดูบุตรและจัดการแบ่งมรดกต่างๆ)
อะไรแบบนี้คือ เราก็ไม่เคยรู้มาก่อน ได้ความรู้ไหม่ ได้รู้ถึงข้อกฏหมาย และยังได้รู้ซึ้งถึงความรักหลายๆ มุม ทั้งความรักแบบฉันและเธอ ความรักของพ่อกับแม่ที่มีต่อลูก ความรักในครอบครัว ความรักของเพื่อน ละครจบแล้ว แต่ก็ยังดูได้ที่แอพ oneD นะครับ
แพลนงานละครเรื่องต่อไป
จริงๆ ผมก็ยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมาก มีการคุยกับผู้ใหญ่ไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่รู้เค้าโครงจะยังไง แต่ได้คุยเรื่องไทม์ไลน์การแสดงแล้ว เรื่องราวที่อยากจะเล่น คาแร็คเตอร์ที่อยากจะเล่น ยังไม่รู้ผลรวม คำตัดสินจากผู้ใหญ่ว่าจะเป็นอย่างไร เรื่องอะไรครับ
ที่ผ่านมาเล่นแนวดราม่าซะเยอะ อยากเล่นแนวโรแมนติก คอมเมดี้บ้างมั้ยคะ
ก็อยากนะครับ จะได้ผ่อนคลายบ้าง 8 ปีที่ผ่านมา ผมเจอแต่ละครดราม่า ดาร์กๆ เทาๆ ก็หวังว่าเรื่องหน้า จะได้เจออะไรที่เบาสมอง กุ๊กกิ๊กน่ารัก โรแมนติก คอมเมดี้บ้างครับ (ยิ้)
มีนักแสดงที่อยากร่วมงานด้วยไหมคะ
พี่ณเดชน์ครับ ชอบเป็นการส่วนตัวและอยากร่วมงานด้วย พี่เขาเป็นพระเอกที่จับต้องได้ คนไทยเข้าถึงได้ ผมว่าเขามีความเป็นพระเอก ทั้งในจอและนอกจอ มีความสามารถรอบด้าน นี่แหละพระเอกจริงๆ และที่สำคัญเลยเขาเป็นตัวอย่างที่ดี ในเรื่องของความตั้งใจ อย่างที่พวกเราเห็นและรู้ๆ กันอยู่ เรื่องความตั้งใจพี่เขาสุดยอดมากเลยครับ
ย้อนอดีตจุดเริ่มต้นการเข้าวงการเกิดขึ้นที่ร้านตัดผม
เหตุเกิดเพราะคุณพ่อไปตัดผม เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์ คาดไม่ถึง ตัวผมไม่ได้ไปด้วย ผมไม่เคยไปร้านตัดผมนี้เลย คือคุณพ่อเปิดรูปผมให้กับเจ้าของร้านดู แล้วพี่ผู้จัดการผม ไปตัดผมร้านนั้นพอดี คุณพ่อก็เปิดรู้ให้ดูด้วย ดูหน่อยๆ ดูแล้วพี่เขาก็เรียกเข้ามาที่ช่องวัน31
ถ้าถามว่าอะไรที่ทำให้ผมตัดสินใจเดินเข้าสู่วงการบันเทิง คือ… ชีวิตคนเรา เด็กวัยรุ่นที่วันหนึ่งมีคนยื่นขอเสนอมาให้ เป็นงานที่ดี โอกาสที่ดีและได้เงินด้วย แม้ผมจะไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่ ณ วันนั้นผมก็โตแล้ว เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 2 อายุ 21 ปี รู้สึกว่าไม่อยากขอเงินที่บ้าน เมื่อมีโอกาสดีๆ เข้ามา และไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรง ผมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ก็ลองทำดู ก็แค่นั้นเองครับ
ช่วงวัยรุ่นได้ไปเปิดโลกใหม่ที่ต่างแดนด้วย เล่าให้ฟังหน่อยว่าได้ประสบการณ์อะไรดีๆ กลับมาบ้าง
ไปเรียนภาษา 7-8 เดือน ณ ตอนนั้นไม่ได้เปลี่ยนอะไรในตัวเรามาก คือถ้าทุกคนเคยคุยกับผม จะรู้ว่าผมไม่ใช่เด็กดี ผมเป็นเกเร เกเรแต่ก็ไม่สุดถึงกับแย่มากนะ เกเรแต่ก็รับผิดชอบเรื่องเรียน วันนั้นเรารู้สึกอยากหยุดเกเรจัง อยากหาความรู้เพิ่ม อยากไปเรียนเมืองนอก อยากห่างจากเพื่อนสังคมเดิมๆ ถามว่าทุกวันนี้เพื่อนกลุ่มนั้นยังอยู่ไหม ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ยังคุยกัน ตอนนั้นก็แค่เด็กอายุ 18 ปี รู้สึกอยากเปิดโลกใหม่ อยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ตั้งใจไปเอาความรู้ อยากพูดภาษาอังกฤษได้ ก็เลยไปเมืองนอก กลับมาเป็นคนดี ผ้าขาวกลับเลยใช่ไหม ก็ไม่ขนาดนั้น แค่เรารู้สึกมีความรับผิดชอบ รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ อะไรคือสิ่งสำคัญในชีวิต อะไรไม่สำคัญ
ที่ว่าเป็นเด็กเกเร เกเรขั้นไหนคะ
โดดเรียน ต่อยกับเพื่อน ไม่เข้าเรียนแค่นั้น ไปเรียนบ่าย 2 แต่โรงเรียนเลิกบ่าย 3 ตามประสาเด็กโรงเรียนชายล้วน คือผมว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาหล่อหลอม ให้เรามีภูมิคุ้มกัน ทำให้เรารู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี แต่แค่มาเร็วไปหน่อย ก็ต้องขอบคุณตัวเอง ที่รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี อะไรควรอะไรไม่ควร
เคยฝันอยากทำงานในงานวงการบันเทิงไหมคะ
ไม่เคยอยากเป็นพระเอกเลย ไม่อยากเป็นดารา นักร้อง ไม่เคยมีในความคิดเลย ถามว่าโตขึ้นอยากไปเป็นอะไร มันจะมีเครื่องหมายคำถามนะ คือเราต่างอยากมีเงิน แต่ระหว่างทางอยากทำอะไรล่ะ แม้จะหาคำตอบไม่ได้ แต่ผมก็ยังพอมีตัวช่วย คือทำงานที่บ้าน คือผมก็พยายามมีทางออกให้ตัวเองเสมอ ทำไมทุกวันนี้ได้มาทำตรงนี้ ผมว่ามันเป็นโชคชะตานะ เวลาผ่านไปกลายเป็นผมก็รักในหน้าที่นี้ครับ
จำวันแรกที่ก้าวเข้าสู่การเป็นนักแสดงได้ไหมคะ
ครั้งแรกไม่ได้เป็นพระเอกครับ เป็นพระรองเล่นกับพี่บี้ มองไปมีกล้อง 3 ตัว ผมเล่นเหมือนท่องบท ไม่เข้าใจกับตัวละครเลย ก็โดนว่าครับ เขาก็เตือนเราในฐานะนักแสดง เพราะแค่หันหน้า ผมเทคไป 30 เทค ทำยังไงก็ไม่ได้ ผมไม่ท้อนะ เพราะตอนนั้นเรายังเด็ก ก็พยายามให้มากขึ้น ไม่ใช่สักแต่ทำงานให้เสร็จ คิดเสมอว่าเราต้องทำงานนี้ให้ได้เกรดเอ ทำให้คนเข้าใจในสิ่งที่เราพรีเซนต์อยู่ในฐานะนักแสดง
คนชอบคิวว่านักแสดงมีเงิน ได้เงินเยอะ จริงๆ แล้วไม่ขนาดนั้นเลยครับ หลายคนคิดว่าร้องไห้หน้ากล้องเดี๋ยวก็ได้เงิน ถ่ายละครเรื่องนึงต้องอาศัยหลายองค์ประกอบ ต้องอดทน ขยัน ทุกอย่างต้องใช้เวลา ไม่ใช่ได้มาเลย ผมต้องใช้เวลา 8-9 ปี กว่าจะมาถึงถึงจุดนี้ได้ ซึ่งระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้ผมรู้ว่าระหว่างทางผมเดินถูกแล้ว ชีวิตเหมือนบันได มันเหมือนกราฟชีวิต ถามว่าระหว่างทางท้อมั้ย มีท้ออยู่แล้ว แต่ผมจะไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น ไม่คิดมาก พอโตขึ้นผมก็รู้จักปล่อยวาง รู้จักที่จะยินดี ผมรู้สึกยินดีมากขึ้น ใครดัง ใครหล่อ ใครรวย ไปก่อนเลย เรายินดีด้วย ผมรู้สึกว่าหากยังไม่หมดแพสชั่น เดี๋ยวเราก็จะตามไป ผมบอกตัวเองแบบนี้ ทุกอย่างต้องใช้เวลา ต้องอดทนครับ
ตรีเป็นสายธรรมะด้วย
กินมังสวิรัติทุกวันพระมา 7 ปี ผมเข้าวัด สวดมนต์ไหว้พระ ทำให้เรามีสมาธิครับ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ มันเป็นการฝึกตัวเองด้วย ทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง ทำให้เรารู้จักตัวเอง
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากวงการบันเทิง
วงการบันเทิงทำให้ผมรู้จักการให้โดยไม่หวังผล ถ้าเป็นตอนเด็กๆ เวลาทำดีกับใคร ให้ใคร เราก็อยากให้คนนั้นให้เรากลับมาบ้าง พอวันหนึ่งเราไม่คิดที่จะหวังผลตอบแทน เรามีความสุขมาก เวลาเขามีความสุข เขาเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำให้ เรามีความสุขมากเลยนะ วงการบันเทิงทำให้ผมเห็นชีวิตของคนอื่นมากขึ้น ได้สวมบทบาทเป็นชีวิตของใครคนหนึ่ง ที่ไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้ทำแบบนี้ไหม ได้ทำการแสดงที่ได้มอบความสุข อรรถรส ได้มอบข้อคิด ได้ให้ความสุข เป็นอะไรที่มีคุณค่ากับผมมาก
แฟนคลับน่ารักและอบอุ่นมาก
แฟนคลับมีทุกเจนครับพวกเขาน่ารักครับ ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีตรี ไปไหนเขาไปกับเราตลอด ในช่วง 3-4 ปีมานี้ จำนวนเพิ่มขึ้นมาก ขอบคุณทุกความรัก และกำลังใจดีๆ ที่มีให้ครับ
อยากขอบคุณใครเป็นพิเศษ
ขอบคุณตัวเองก่อนเลยครับ เพราะไม่ค่อยขอบคุณตัวเอง มีแต่ต่อว่าตัวเอง อยากบอกว่า… ขอบคุณนะตรีที่พาตัวเองมาถึงวันนี้ ขอบคุณพ่อแม่ ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาส ขอบคุณผู้ใหญ่ในช่องวัน31 ขอบคุณผู้กำกับ ทีมเขียนบท ทีมงาน ทุกคนที่มีส่วนร่วมในชีวิตผม ผมเห็นทุกคนเป็นครอบครัว ถึงจะเอ่ยชื่อไม่หมด เมนชั่นไม่ครบ แต่ผมเห็นภาพทุกคน ขอบคุณที่มีส่วนร่วมกับตรี-ภรภัทร ขอบคุณจริงๆ ครับ
Text & Costume : AuAi
Photo: เนาวพจน์
Clothes: Coach #CoachNY
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ปอนด์-ภูวิน สองดาวรุ่งคู่ซี้ ที่จับมือกันปังบนเส้นทางสายบันเทิง
อัพ-ภูมิ การพบกันครั้งแรกใน MY STAND-IN ตัวนายตัวแทน กับเคมีที่ลงตัวทั้งในจอและนอกจอ
จี๋ สุทธิรักษ์ จากเด็กเกเรที่ชอบใช้ชีวิต สู่พระเอก 100 ล้านสุดฮอต