ปอนด์-ภูวิน สองดาวรุ่งคู่ซี้ ที่จับมือกันปังบนเส้นทางสายบันเทิง
2 นักแสดงดาวรุ่ง “ปอนด์-ณราวิชญ์ เลิศรัตน์โกสุมภ์ และ ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน” ที่จับมือกันเติบโตและพากันปังบนเส้นทางสายบันเทิง จากซีรีส์ปลาบนฟ้า สู่ซีรีส์เรื่องล่าสุด “We Are คือเรารักกัน” ที่แท็คทีมกันมาสาดโมเมนต์วุ่นรักสุดฟิน เรื่องราววุ่นๆ ของเหล่ามิตรสหายที่ต่อให้ชีวิตมหาลัยจะเรียนหนักหนาสาหัสแค่ไหน ก็ยังมีเรื่องให้ปวดสมอง ทั้งวุ่นวายแถมวุ่นรักแบบไม่ให้ได้หยุดพักผ่อน! We Are… คือเราเป็นเพื่อนกัน แต่เรากัดกัน ชอบกัน จนมาจีบกัน ต้องบอกว่าดูซีรีส์แล้วอินมาก สุดสัปดาห์ไม่พลาด เลยชวน ปอนด์-ภูวิน มาถ่ายแฟชั่น Digital Cover เซ็ตพิเศษ พร้อมอัพเดตชีวิต งาน และเส้นทางการเติบโตในวงการบันเทิงของทั้งคู่ให้หายคิดถึงกันสักหน่อย
ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน
อัพเดตชีวิตของ ภูวินช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง ยุ่งไหมคะ
“ยุ่งมาก (หัวเราะ) ก็มีถ่ายซีรีส์อยู่ 2 เรื่อง สำหรับเรื่องเรียนอยู่ปี 4 ครับ ใกล้จะจบแล้วครับ เรียนด้วยทำงานด้วยต้องจัดสรรเวลาให้ดีครับ เพื่อทำทั้ง 2 อย่างให้ดีครับ
อัพเดตเรื่องเรียนตอนนี้หน่อยค่ะ
ผมเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ เอกวิศวกรรมสารสนเทศและการสื่อสาร (หลักสูตรนานาชาติ) เรียนเกี่ยวกับพวกโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ครับ เป็นเรื่องพวกสัญญาญโทรศัพท์ สัญญาน wifi ก็ค่อนข้างยากมากๆ เลยครับ คือไม่ว่าจะวิศวกรรมแขนงไหนมันก็ยากหมดเลย แต่ด้านนี้จะมีความ technical เยอะหน่อย เลยยากครับ
ชีวิตในวงการบันเทิงกว่า 10 ปี เปลี่ยนอะไรในตัวภูวินเยอะไหมคะ
ผมเป็นนักแสดงน่าจะ 10 ปีแล้วครับ อยู่ GMMTV ปีนี้ปีที่ 7 งานจะมาหนักช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ถามว่าชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ผมว่าไม่ค่อยเยอะขนาดนั้นนะครับ เพราะเราทำงานด้านนี้ตั้งนานแล้ว แต่จะมารู้สึกหน่อยช่วงหลังๆ ครับ คงด้วยโควิดครับ ไม่ใช่แค่ชีวิตเรา แต่ชีวิตทุกคนเปลี่ยนไปเร็วมาก
การที่ได้รับความนิยมอย่างท่วมท้น มีอะไรที่เราต้องปรับเปลี่ยนบ้างไหมคะ
ผมรู้สึกว่าไม่เปลี่ยนครับ ผมไม่รู้มุมมองคนอื่นเป็นยังไง ผมก็เป็นคนเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง เพียงแค่ผมมีอาชีพเป็นนักแสดงที่อาจจะมีคนจับตาดูมากกว่าคนปกติ แต่ผมยังใช้ชีวิตปกติ ผมก็ยังเป็นผม ไปไหนมาไหน ทำอะไรตามปกติเหมือนเดิม เราไม่ได้คิดอะไรมาก ผมไม่อึดอัด เพราะมันคือสิ่งที่เราเลือกแล้ว ในการมาทำงานตรงนี้ ผมรู้สึกว่า ถ้าเรา concern เรื่องนี้ เราจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่ concern คือการวางตัว และกาลเทศะมากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการอยู่ในสังคมร่วมกับคนอื่น
แฟนคลับน่ารักกับภูวินอย่างไรบ้าง
แฟนๆ ของผมน่ารักมากเลยครับ พวกเขาคอยซัพพอร์ตเรื่องผลงาน และคอยเป็นกำลังใจให้เสมอครับ
ความฝันวัยเด็กของภูวินอยากเป็นอะไรคะ อยากเข้าวงการบันเทิงหรือเปล่า
ไม่ได้คิดว่าจะมาเป็นนักแสดงเลย แค่รู้สึกว่าชอบการแสดงเฉยๆ ซึ่งจุดเริ่มต้นของผมคือ การเข้ามาแคสต์งานโฆษณากับแคสต์ละคร ผมทำงานตั้งแต่เด็กๆ ก็สนุกดีครับ เราไม่ได้คิดอะไรมาก เวลาไปทำงานก็ไม่ได้งอแงด้วย เพราะอยู่บ้านเราก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว พอได้ลองทำงานในวงการบันเทิง มันเหมือนถูกจริตเรา ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ทำให้ผมชอบการแสดง คือการที่เราเป็นคนไม่ค่อยแสดงออกเรื่องความรู้สึกเท่าไหร่ ดนตรีกับการแสดงเป็นเหมือน outlet เป็นเหมือนทางออกในการได้เจอตัวเองในมุมใหม่เรื่อยๆ ผมเลยคิดว่าการแสดงน่าสนใจดีครับ
ตอนเด็กๆ ภูวินซนไหมคะ
ผมไม่ซนเท่าไร อืม… เรียกว่าอะไรดีนะ… ผมเป็นคนเฮฮากับเพื่อนครับ แล้วก็เป็นเด็กที่เชื่อฟัง แต่เวลาเฮฮาก็จะสุดๆ เลย เวลาอยู่กับแฟนคลับ หรือเพื่อนในค่าย หลายคนจะเห็นมุมซนของผม แต่ถ้าอยู่คนเดียวก็จะนิ่งๆ ครับ คือจริงๆ แล้ว base เป็นคนนิ่งนะครับ
ถ้าจำกัดตัวเองด้วยคำ 3 คำ
เป็นคน “เฮฮา” เป็นคน “ดุ” เป็นคน “หลายมิติ” ที่บอกว่าเป็นคนหลายมิติ ขึ้นกับว่าผมอยู่กับใคร อยู่ที่บริบทว่าเจออะไร เช่นอยู่กับคนที่สนิท อยู่กับเพื่อนผมก็จะเฮฮา แต่จริงๆ แล้วผมเป็นคนดุ (หัวเราะ) เป็นคนข้างในนิ่ง ข้างในเย็น ข้างในดุครับ
ถึงขั้นเป็น introvert ไหมคะ
ถ้าเมื่อก่อนเป็น introvert ครับ แต่พอได้ทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ ได้เจอคนเยอะขึ้น จึงได้ฝึกสกิลความโซเชียล เลยมีความ extrovert มากขึ้นเรื่อยๆ ครับ ดังนั้นผมเลยรู้สึกว่า… ผมเป็นคนหลายมิติ base จริงๆ แล้วเป็นคนนิ่ง ดุ แต่พอมาได้เจอหลายๆ คน มาเรียนรู้กับสังคม เลยได้มีอีกมิติออกมา ก็คือความเฮฮาและสนุก
มีงานในวงการอะไรที่อยากทำ แต่ยังไม่ได้ทำไหมคะ
ผมทำเกือบหมดหมดแล้วนะครับ (หัวเราะ) ที่อยากทำก็คือการแต่งเพลง โปรดิวซ์เพลงครับ แนวงานเบื้องหลังไปเลยครับ ผมชอบดนตรี เราก็ทำของเราอยู่แล้ว แต่ไม่เคยทำออกมาในบริบท professional เราทำแต่ในบริบทคนที่ทำเองเล่นๆ ที่บ้าน
อยากเป็นศิลปินไหมคะ
อยากครับผม ผมอยากเป็นศิลปินในฐานะของคนเล่าเรื่องครับ อยากเป็นนักแต่งเพลง
ถ้าเป็นศิลปินชอบอยู่เบื้องหน้าหรือเบื้องหลังมากกว่ากันคะ
โห… อันนี้เป็นคำถามที่ดีมาก ผมชอบอยู่เบื้องหลังครับ ชอบสร้างผลงาน ถ้าเป็นผลงานเพลง ชอบสร้างผลงานที่อยู่เบื้องหลังมากกว่าที่จะอยู่เบื้องหน้า แต่ว่าด้วยอาชีพในเส้นทางนี้ เราก็ต้องอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง เลยรู้สึกว่าทางตรงกลางที่ดีที่สุดก็คือทำเอง แต่งเอง ร้องเองเลยครับ (ยิ้ม)
ภูวินมีเพลงที่ทำเก็บไว้ไหมคะตอนนี้
มีครับ มีเยอะเลยครับ (หัวเราะ)
จะมีโอกาสได้ฟังกันไหมคะ
(หัวเราะ) ขึ้นอยู่กับค่ายเลยครับ
เส้นทางในวงการบันเทิงสอนอะไรกับภูวินบ้างคะ
สิ่งที่ชัดเจนสุด คือไม่มีอะไรแน่นอน ไม่ใช่แค่อาชีพเรานะ หลายๆ อาชีพด้วยครับ เราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า พอไม่ใช่งานประจำ คำว่ามั่นคงคือศูนย์ มันจะมาเมื่อไรก็ได้ จะไปเมื่อไรก็ได้ ดังนั้นผมรู้สึกว่า 1. ไม่มั่นคง 2. เมื่อยังอยู่ตรงนี้เราต้องทำให้เต็มที่
ภูวินตั้งรับกับความไม่มั่นคงไว้อย่างไร
ผมรู้สึกว่าโดยอาชีพของเรามันเตรียมอะไรไม่ได้เลย จะมาเมื่อไรก็ได้ จะไปเมื่อไรก็ได้ ในวันที่ยังมีอยู่ เราก็ต้องพร้อมที่จะรับให้เต็มที่ ทำให้เต็มที่ และวันที่มันไป เราอาจจะเคว้ง ซึ่งเราไม่รู้ว่ามันจะไปเมื่อไรด้วย อืม… ก็ตอบยากเหมือนกันนะครับ
เดินทางมาถึงวันนี้ อยากขอบคุณใครเป็นพิเศษไหม
ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาส ไม่ว่าจะเป็นค่ายหรือจะเป็นคนที่อยู่กับเราตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว หรือจะเป็นใครก็ตามที่ให้โอกาสได้เล่นบทต่างๆ ขอบคุณที่ให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเอง พิสูจน์ศักยภาพตัวเองให้มาถึงจุดนี้ได้ครับ
ปอนด์-ณราวิชญ์ เลิศรัตน์โกสุมภ์
อัพเดตชีวิตช่วงนี้กันสักนิดค่ะ
ช่วงนี้ยุ่งมากเลยครับ เป็นช่วงพีคตั้งแต่เกิดมาจนถึงอายุ 23 ปีเลยก็ว่าได้ ที่ผ่านมาก็จะมีความหนัก แต่หนักคนละแบบ ก่อนหน้านี้หนักเรื่องการเรียน เรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่เจอโลกของการทำงานจริง ผมอยู่วงการบันเทิงมา 4 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้เจอสถานการณ์โควิด มีงานแต่อาจจะไม่ได้มากเท่านี้ ตอนนี้ผมได้ทำงานหลายอย่างเลย ถ่ายซีรีส์ งานอีเว้นต์ ได้ร่วมงานกับน้องๆ LYKN ด้วย
ร่วมงานกับ LYKN เป็นอย่างไรบ้าง
มีโอกาสได้ไป feat. กับน้องๆ วง LYKN ครับ มีจุงด้วย ซึ่งเราสองคนตื่นเต้นมากเลย ตอนถ่ายเอ็มวีสนุกมาก
พอได้มาเป็นส่วนหนึ่งของงานเพลงชอบเลยไหมคะ
ชอบมากๆ ผมอยากเป็นศิลปินอยู่แล้ว อยากทำงานร้องเพลง เต้น และดนตรีมานานแล้วครับ ซึ่งยังไม่มีโอกาสได้ทำ ด้วยความที่เราเน้นทำงานแสดงเป็นหลักในตอนนี้ พอมีโอกาสก็ดีใจและทำเต็มที่เลย อยากมีโอกาสได้ทำงานด้านเพลงต่อไปเรื่อยๆ ผมจะพัฒนาตัวเองในเรื่องการร้อง การเต้นไปพร้อมกันด้วยครับ
ถ้าถามว่าปอนด์ชอบอะไรมากกว่ากัน ระหว่างการเป็นนักแสดงกับการเป็นศิลปิน
ผมชอบพาร์ท perform มากกว่า จะบอกว่ามันเป็นความฝันของเราตั้งแต่เด็ก จริงๆ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะมาเป็นนักแสดงเลย ผมมีความฝันในการเป็นศิลปิน ตั้งใจในการไปออดิชั่น แต่ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง อาจยังไม่ลงตัวเลยมาเป็นนักแสดงครับ
แล้วอะไรที่ทำให้ปอนด์อยากเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง
จุดมุ่งหมายแรก คือตอนเด็กๆ ผมชอบเล่นดนตรีครับ ผมชอบเล่นเบส เคยฟอร์มวงกับเพื่อนๆ ชอบเวลาอยู่บนเวทีแล้วมีคนมาเชียร์ จนขึ้นม.ปลาย เริ่มมีความฝันในการเป็นศิลปิน จากนั้นก็ได้รับโอกาสเข้า GMMTV ได้มาเป็นนักแสดง ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสอย่างหนึ่ง เพราะเมื่อก่อนผมเป็นคนที่ค่อนข้างขี้อายมาก พูดไม่เก่งครับ พอมาทำตรงนี้เหมือนเป็นการฝึกให้เรากล้าขึ้นครับ
เริ่มแรกมุ่งมั่นมาทางสายศิลปินตลอด พอมาเป็นนักแสดงเป็นอย่างไรบ้าง
พอเป็นนักแสดงได้ฝึกหลายอย่าง ทั้งเรื่องการวางตัว การอยู่หน้ากล้อง แอบกดดันนะ ผมเพิ่งรู้ว่าการถ่ายทำซีรีส์ บรรยากาศรอบตัวเงียบหมด คิดว่าเขาจะเปิดดนตรีบิลด์ตอนที่เล่น (หัวเราะ) แต่ไม่ใช่ มันคือการที่ทุกอย่างเงียบหมดเลย มันเป็นการฝึกทั้งเรื่องสมาธิ ไหวพริบ แล้วก็บุคลิกภาพบางอย่างครับ ยากนิดนึง แต่สุดท้ายก็ทำได้ครับ
เป้าหมายในการแสดงของปอนด์คืออะไร
ถ้ามีโอกาสผมอยากเล่นหนังญี่ปุ่นครับ แนว High & Low เห็นว่าในญี่ปุ่นค่อนข้างมีกระแสมาก ผมอยากลองเล่นบทแอ็กชั่นแนวนักเรียน ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบภาษาญี่ปุ่นอยู่แล้วด้วย ถ้ามีโอกาสก็อยากลองเล่นอะไรแบบนั้นดูครับ
อยากร่วมงานกับใครเป็นพิเศษไหม
ถ้าเป็นศิลปินที่เราอยากไปร่วมเต้นด้วยคือ หวังอี้ป๋อ กับ แจ็คสัน หวัง ครับ ถ้าเรามีโอกาสก็อยากจะร่วมงานในด้านการ perform ทั้งสองคนเป็นไอดอลของผมเลย
มาถึงวันนี้ วงการบันเทิงให้อะไรกับปอนด์บ้าง
จำได้ว่าวันแรกที่ผมเข้ามาที่นี่ กับวันนี้มันต่างกันมาก วันแรกผมทำอะไรไม่ได้เลย เต้นก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น ร้องเพลงไม่ได้เลย การแสดงกับพิธีกรก็ไม่ได้เลยสักอย่าง แค่มีกล้องมาจับ ผมก็ตื่นเต้นแล้ว ผมจำได้ว่า ผมเคยถามพี่ออฟกับพี่เตว่า ทำอย่างไรถึงพูดเก่งขนาดนี้ พี่เขาบอกว่า สักวันหนึ่งประสบการณ์จะสอนเราเอง
มาวันนี้ผมเห็นด้วยนะ มันเป็นประสบการณ์ที่สอนผมมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น ความสามารถด้านต่างๆ เรื่องของการวางตัว บุคลิกภาพและการเข้าสังคม เมื่อก่อนผมเข้าสังคมไม่ค่อยเป็น กลัวการเจอคนเยอะ กลัวว่าคนอื่นจะคิดกับเรายังไง แต่พอวันนี้ ผมรู้สึกว่าเราเปิดใจกับหลายๆอย่าง และเอ็นจอยกับสิ่งที่ได้ กลายเป็นความท้าทายในการที่พัฒนาตัวเองทุกครั้งครับ
ตั้งรับกับกระแสนิยมที่วิ่งเข้ามาหาอย่างไรบ้าง
สำหรับผมการวางตัวค่อนข้างสำคัญครับ เป็นธรรมดาที่จะมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบเรา ผมน้อมรับทั้งคำติและคำชม เพื่อมาปรับปรุงตัวเองครับ เวลาที่รู้สึกเหนื่อย ผมก็จะอ่านคอมเมนต์ที่เป็นกำลังใจจากแฟนๆ ช่วยฮีลใจเราได้เยอะเลยครับ
ปอนด์ภูมิใจกับตัวเองในเรื่องอะไรที่สุดคะ
มีอยู่สองเรื่องครับ หนึ่งผมสามารถทำงานหารายได้มาดูแลแม่กับครอบครัวได้ เป็นสิ่งที่คลายปมความเหนื่อยของครอบครัว เพราะครอบครัวผมเคยลำบากมาก่อนช่วงที่พ่อเสียตอนผมเรียน ม. 1 ทำให้ชีวิตเปลี่ยนมากครับ เพราะคุณพ่อเป็นเสาหลัก คุณแม่จะไม่ได้ทำงานเท่าไร หลักๆ คือดูแลลูกๆ คือตอนเด็กๆ ผมอยากได้อะไรก็จะได้ แม้บางครั้งอาจจะยากหน่อย แต่สุดท้ายเขาก็หาให้
ในวันที่คุณพ่อเสีย ช่วงแรกๆ ผมเสียใจมาก แต่โชคดีที่มีดนตรีคอยฮีลใจ หลังจากผ่านไป 2-3 ปี เราก็ต้องทำความเข้าใจโลกความเป็นจริง วางแผนว่าต่อไปเราจะใช้ชีวิตอย่างไร ชีวิตผมเจอกับอะไรมากมาย อย่างความลำบากในด้านการเงิน คุณแม่เองก็ต้องประคับประคองตัวเองและลูกๆ ยอมรับว่าคุณแม่เก่งมาก ขอบคุณแม่ที่เข้มแข็งและสู้เพื่อลูกๆ ความภูมิใจที่สองที่สำคัญเลย การที่มาอยู่มาตรงนี้สะสมประสบการณ์ทุกๆ อย่างเลยครับ หรือแม้แต่ความผิดหวังต่างๆ มันทำให้เรามีวันนี้ครับ
อยากขอบคุณใครเป็นพิเศษไหมคะ
อยากจะขอบคุณตัวเอง ที่สู้และไม่ปิดกั้นตัวเองที่จะพัฒนาตัวเอง และอยากขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่คอยซัพพอร์ตและคอยอยู่ตรงนี้ เพราะจริงๆ เวลาเราทำงานหนัก พอเราได้มาเจอแฟนๆ ตอนได้ไปอีเวนต์ เราได้พูดคุยกับแฟนๆ รู้เลยว่าการที่เราทำงานหนักสามารถสร้างผลงานดีที่ทำให้พวกเขามีความสุขได้ ขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่ยังอยู่ตรงนี้ครับ
Pond & Phuwin Talk
ซีรีส์ล่าสุดเรื่อง We are คือเรารักกัน เป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งเป็นอย่างไรบ้าง
ปอนด์: นี่ก็เป็นเรื่องที่ 3 ที่ได้เล่นด้วยกันครับ จริงๆ มันก็ท้าทายทุกรอบ และตื่นเต้นทุกรอบที่ได้เล่นด้วยกัน เพราะคาแรกเตอร์ของตัวละครที่ค่อนข้างแตกต่างกัน ก่อนหน้านี้ “เพื่อนายแค่หนึ่งเดียว” ดราม่ามากๆ พอได้กลับมาเล่นอะไรที่ เป็นแนวความรักในวัย ‘มหาลัย รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่อุ่นใจดีครับ
ภูวิน: เป็นความสบายใจที่ได้ทำงานด้วยครับกัน คือเรื่องนี้ทุกคนตั้งใจมากๆ ครับ
เล่าถึงบทและคาแร็คเตอร์ให้ฟังกันสักนิด
ปอนด์: ผมเล่นเป็นภูมิครับ เป็นหนุ่มวิศวะฯ ครับ
ภูวิน: ผมรับบทเป็นพีมครับ เป็นเด็กศิลปกรรมฯ ครับ
ปอนด์: ซีรีส์แนว feel good โรแมนติกคอมเมดี้ ด้วยบรรยากาศของกลุ่มเพื่อนนักศึกษา ทุกอย่างเล่าควบคู่ไปกับเส้นทางมิตรภาพ
ทำการบ้านสำหรับคาแร็คเตอร์ที่ได้รับอย่างไร
ภูวิน: จริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ค่อยได้ปรับคาแรกเตอร์เลย เอาตัวเองมาใช้เยอะครับ ด้วยเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างมีความเป็นมนุษย์สูง มีความเป็นชีวิตจริงมาก เป็นการใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อน อยู่กับคนรอบตัว ผมเลยรู้สึกว่าต้องดึงความเป็นมนุษย์ ความปกติของเรา และชีวิตจริงของทุกๆ คนมาใช้เยอะ ความเป็นเด็กศิลปกรรมฯ แนวเซอร์ๆ ผมก็ไม่ได้ปรับอะไรมาก แค่แต่งตัวสไตล์อยู่บ้านปกติ เพียงแต่พีมแต่งตัวแบบนั้นไปทุกที่แค่นั้นเองครับ (หัวเราะ)
ปอนด์: ผมก็เล่นเป็นตัวเองแทบ 100% เลย ตอนแรกพอรู้ว่าคาแรกเตอร์มีความติดหล่อหรือติดคูลหน่อย ก็แอบกังวล ทำให้เรานึกถึงตอนเล่นปลาบนฟ้าที่คาแรกเตอร์จะมีความเป็นหมอเลย คือ ‘หมอก’ ค่อนข้างไกลตัวผมนิดนึง เพราะเป็นคนเนี้ยบกับทุกอย่าง แต่คาแรกเตอร์ภูมิจะค่อนข้างมีความชีวิตชีวา คือเขามีพื้นหลังของครอบครัว มีชีวิตสองแบบ เวลาเราอยู่กับเพื่อนก็จะแบบคูลเลย เก๊กหล่อ แต่เวลาเราอยู่กับที่บ้านกับพี่ชายก็จะมีความเป็นเด็กเล่นตุ๊กตา ซึ่งผมคิดว่าค่อนข้างคล้ายผมนะ ด้วยความที่เวลาเราออกไปทำงานข้างนอกก็ต้องมีความคีพลุคนิดนึง แต่พอเราอยู่บ้านหรือเซฟโซนของเราก็จะชอบสะสมโมเดล
มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษสำหรับการทำงานเรื่องนี้
ปอนด์: ผมชอบมิตรภาพของเรื่องนี้ครับ อยู่เป็นคู่ก็ดีอยู่แล้ว ยิ่งอยู่กับเพื่อนยิ่งสนุก ได้ไปต่างจังหวัด ไปสถานที่ต่างๆ ผมรู้สึกว่ามันฟีลกู๊ดมากๆ เลยครับ
ภูวิน: จริงๆ ผมก็ประทับใจหลายอย่างมาก แต่สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือความเป็นเพื่อน อยู่ในกองด้วยกันมันสนุกมาก การที่เราได้อยู่กับเพื่อน 12 คนแบบ journey จากวันแรกจนถึงวันถ่ายสุดท้าย ทำให้เราสนิทกัน
ชอบซีนไหนที่สุดคะ
ภูวิน: จะมีซีนหนึ่งครับที่ภูมิเผลอนอนหลับระหว่างที่มาเฝ้าพีม ต้องลองติดตามดูครับ เป็นซีนที่ผมชอบมาก
ปอนด์: ชอบซีนหมู่มวลครับ ผมชอบซีนที่อยู่บ้านของพีมครับ เพราะแทบทุกซีนที่บ้านพีมจะมีเพื่อนๆ มากันครบ เป็นซีนปาร์ตี้กลางคืน เหมือนเพื่อนมาปาร์ตี้จริงๆ ที่ชอบเพราะว่าเหมือนที่ผ่านมาเราผ่านอะไรกันมาหมดแล้ว แล้วพอมาเจอกันเกือบท้ายๆ เรื่อง ได้ถ่ายซีนนั้นมันทำให้รู้สึกฟูลฟีลดีครับ
ฝากซีรีส์ We Are คือเรารักกัน
ภูวิน: ฝากซีรีส์เรื่องนี้ด้วยครับ เป็นซีรีส์ฟีลกู๊ดที่รับรองเลยว่า ดูไปจะยิ้มไปแน่นอนครับ
ปอนด์: ใครที่เจอเรื่องแย่ๆ มา หรือเจอ bad day มา ผมมั่นใจว่าเรื่องนี้จะฮีลใจได้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรักของเพื่อนๆ หรือเรื่องมิตรภาพของแต่ละคนครับ ติดตามชมซีรีส์ “We Are คือเรารักกัน” ออกอากาศทุกวันพุธ เวลา 20.30 น. ทางช่อง GMM25 และดูออนไลน์ เวลา 21.30 น. บนแอป iQIYI และเว็บ iQ.com ครับ
Interview: AuAi
Text: ญาณภานันทน์ เศรษฐกูลวิชัย
Clothes: ปอนด์ สวมเสื้อผ้า แอคเซสซอรี่ รองเท้า จาก Off-White และ ภูวิน สวมเสื้อผ้า แอคเซสซอรี่ รองเท้า จาก LOEWE
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เก๋ไก๋ สไลเดอร์ จากยูทูบเบอร์ขวัญใจชาวโซเชียล ขึ้นแท่นนางเอกน้องใหม่ช่อง 3
มาร์ค GOT7 ผู้ชายธรรมดาที่น่ารักแบบไม่ธรรมดา ยิ่งอ่าน ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักมาก