5 หนุ่มวง POW รุกกี้บอยแบนด์แห่งวงการเคป็อปที่ขนเสน่ห์มาเต็ม ทำใจหวั่นไหวหนักมาก

Alternative Textaccount_circle
event

จากที่เห็นตั้งแต่ตัวเล็กตัวน้อย เลี้ยงมากับมือ(ถือ) มาถึงวันนี้ที่น้องยอร์ชเติบโตเป็นหนุ่ม จนไปไกลระดับที่ได้ไปเดบิวต์เป็นไอดอลเกาหลีแล้ว ซึ่งชาวแม่ลำยองทั้งหลายก็เฝ้ารอลุ้นให้ลูกชายทำกาหลีแล้ว ซึ่งชาวแม่ลำยองทังหลาความฝันให้สำเร็จ แล้ววันนี้ยอร์ชก็ทำสำเร็จแล้ว ได้เดบิวต์เป็นหนึ่งในสมาชิกวง POW จากค่าย  Grid Entertainment โดยยอร์ชได้รวมทีมกับเพื่อนๆ อีก 4 คน ได้แก่ จองบิน ฮยอนบิน ดงยอน และฮง เดบิวต์เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2023 ที่ผ่านมา

ก่อนที่วง POW จะเดบิวต์ พวกเขาก็ได้ประเดิมด้วยการปล่อยเพลงพรีรีลีสอย่าง “Favorite” ออกมาก่อน เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2023 ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับที่ค่อนข้างน่าพอใจ กลายเป็นบอยแบนด์เกาหลีเจน 5 ที่น่าจับตามองมากๆ

ความปังอีกอย่างคือ หลังจากวง POW เดบิวต์ได้แค่ 11 วัน พวกเขาก็ได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อขึ้นเวทีงานเฟสติวัลใหญ่นั่นก็คือ OCTOPOP 2023 งานนี้สุดสัปดาห์ก็เลยขอดึงวง POW มาแผ่เสน่ห์ให้แฟนๆ ชาวไทยได้เห็นแบบจัดเต็ม ด้วยการถ่ายแฟชั่นลง Digital Cover ของสุดสัปดาห์ และยังได้พูดคุยกับพวกเขาแบบจัดเต็มมากๆ พูดเลยจ้า

สัมภาษณ์พิเศษ POW บอยแบนด์เกาหลีน้องใหม่เจน 5 ที่มาพร้อมเสน่ห์สุดดึงดูด

แนะนำวงและแนะนำตัวทีละคน พร้อมเอกลักษณ์หรือเสน่ห์ของตัวเอง

POW : สวัสดีครับ “POW” ครับ

ฮยอนบิน : สวัสดีครับ “ฮยอนบิน” ครับ ผมรับหน้าที่เป็นแมวที่กินวิตามินเข้าไปครับ เพราะว่าแฟนๆ มักจะชมว่าผมเป็นคนที่สดใสและร่าเริงเหมือนเป็นวิตามินของวงครับ และแฟนๆ ยังบอกว่าผมหน้าตาเหมือนแมวด้วยครับ ผมเลยเอาทั้งสองอย่างมารวมกันเป็นแมวที่กินวิตามินซีครับ

จองบิน : สวัสดีครับ “จองบิน” ครับ ผมเป็นลีดเดอร์ของ POW นะครับ

ยอร์ช : สวัสดีครับ “ยอร์ช” ครับ เป็นพี่คนโตของวง แต่ดูเหมือนเป็นน้องเล็กสุดครับ

ฮง : สวัสดีครับ “ฮง” ครับ ผมรับหน้าที่เป็นน้องเล็กของวงและเป็นหมากฝรั่งที่ติดพี่ๆ มากๆ ครับ

ดงยอน : สวัสดีครับ “ดงยอน” ครับ ผมรับหน้าที่เป็นคนที่ดูแลเพอร์ฟอร์แมนซ์ของวงและเป็นนักออกแบบท่าเต้นที่เข้มงวดเหมือนกับเสือ ความจริงผมไม่คิดว่าตัวเองเป็นนักออกแบบท่าเต้นที่มีความเป็นเสือครับ แต่ฮงบอกว่าผมมีความเข้มงวดเหมือนกับเสือครับ

ฮง : เวลาที่พวกเราซ้อมเต้นกัน แววตาของเขาจะเหมือนเสือเลยครับ จะมองเห็นจุดที่พวกเราเต้นผิด แล้วก็บอกเราทันทีครับ

พูดถึงเสน่ห์ของเมมเบอร์แต่ละคนไปแล้ว ถ้าให้พูดถึง 5 เสน่ห์ของวง POW ที่ไม่เหมือนใครแล้วทำให้ตกคนมาเป็นแฟนคลับได้คืออะไรคะ

ยอร์ช : ผมคิดว่าข้อแรกคือเอนเนอร์จี้ครับ

ดงยอน : เคมีของเมมเบอร์ทั้ง 5 คนครับ

จองบิน : แล้วก็โวคอลของพวกเราเมมเบอร์ทั้ง 5 คน จะมีน้ำเสียงที่มีเสน่ห์และสไตล์แตกต่างกันครับ

ฮยอนบิน : เสน่ห์ข้อที่ 4 คือพวกเรามีความเป็นครอบครัวกันครับ เลยจะมีความสบายๆ และก็มีความเฟรนด์ลี่กับแฟนๆ ด้วยครับ

ฮง : และเสน่ห์ข้อสุดท้ายของพวกเราคือเป็นวงที่พยายามใกล้ชิดกับแฟนๆ มากขึ้นครับ

นิยามสไตล์ของวง POW ล่ะคะเป็นแบบไหน

ยอร์ช : สไตล์ของวงเราน่าจะเป็นความสดใสและความเป็นเด็กหนุ่มที่กำลังมีความรักครับ

จองบิน : แล้วก็สไตล์ของวง POW คือพวกเราจะมีเสน่ห์ในสไตล์ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น น้ำเสียง หน้าตา ความแตกต่างของพวกเราทำให้วงของเรามีสีสันที่หลากหลายครับ

อยากให้แต่ละคนเล่าเส้นทางของการเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดหรือศิลปินในค่ายหน่อยว่าเริ่มต้นได้ยังไง

ดงยอน : ก่อนที่จะเป็นเด็กฝึกหัด ผมไปเรียนเต้นในสถาบันสอนเต้น แล้วทางสถาบันมีลงคลิปเต้นของผมในโซเชียลมีเดียครับ ซึ่งทางต้นสังกัดได้ไปเห็นคลิปนั้น แล้วค่ายก็ติดต่อมาให้ไปออดิชั่นครับ แต่ตอนนั้นผมกำลังเตรียมเข้าแข่งขันในรายการออดิชั่นรายการหนึ่งอยู่ครับ ซึ่งผมก็รู้สึกเสียดายโอกาสครั้งนั้นมาก แต่พอหลังจบการแข่งขันในรายการ ค่ายก็ติดต่อมาให้ผมไปออดิชั่นอีกครั้ง ผมเลยไปออดิชั่นแล้วได้เข้ามาในค่ายครับ

ฮง : พี่สาวผมชื่นชอบในวงการเคป็อปมากครับตั้งแต่ผมยังเด็ก แล้วผมก็เป็นคนที่ติดพี่สาวมาก ผมก็เลยฟังเพลงเคป็อปกับพี่สาวตลอด แล้วผมก็ร้องและเต้นตาม ซึ่งผมรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์และสนุกมากๆ ก็เลยได้มีโอกาสมาถึงทุกวันนี้ครับ

ยอร์ช : เริ่มมาจากผมเต้นเพลง BTBT ที่งานหนึ่งในประเทศไทย แล้วทางค่ายก็เห็นวิดีโอที่ผมเต้นเพลงนี้ก็เลยติดต่อมา ที่จริงแล้วผมปฏิเสธไปหลายรอบเหมือนกันครับ แต่ทางค่ายก็เล่าให้ฟังว่ากำลังเตรียมวง POW ไว้ยังไงบ้างสำหรับในอนาคต แล้วทางค่ายก็เสนอให้ผมลองมาที่เกาหลีเองเลย มาเจอกับเมมเบอร์และสตาฟที่จะทำงานร่วมกันดูก่อนจะตัดสินใจครับ พอได้เจอกับเมมเบอร์และสตาฟแล้วก็รู้สึกว่าอยากทำงานด้วยครับ ได้เห็นความคาดหวังและการยืนยันเกี่ยวกับอนาคตของ POW แล้วก็เชื่อในตัวเมมเบอร์และสตาฟด้วยครับ

ฮยอนบิน : ตอนแรกผมไม่มั่นใจว่าตัวเองมีความฝันอยากจะเป็นไอดอลจริงๆ หรือเปล่าครับ แต่ผมก็ตามน้องไปเรียนสถาบันที่สอนด้านนี้ พอสมัครเรียนแล้วผู้อำนวยการสถาบันแนะนำให้ลองไปออดิชั่นดู เลยไปออดิชั่นครับ ที่จริงแล้วตอนนั้นก็ลองดูเพราะผู้ใหญ่แนะนำเฉย ๆ ครับ แล้วก็ได้รับโอกาสดี ๆ มาจนได้เดบิวต์ ระหว่างที่เตรียมตัวเดบิวต์ ผมก็เริ่มอยากทำงานนี้และงานดนตรีอย่างจริงจังมากขึ้นครับ

จองบิน : ผมชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กเลยครับ และชอบที่จะร้องเพลงหรือโชว์ความสามารถต่อหน้าผู้คน แต่ไม่ได้คิดว่าเราจะได้มาเป็นศิลปินหรือดารา พอดีมีโอกาสเข้ามา ผมเลยตัดสินใจไปออดิชั่น แล้วก็ผ่านเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดในค่ายครับ

ตอนเจอกันคนข้างๆ ครั้งแรกเป็นยังไงบ้างคะ แอบเมาท์ให้หน่อยค่ะ

ฮยอนบิน : (ฮยอนบินพูดถึงจองบิน) เป็นคนที่พูดเยอะครับ ซึ่งตอนนั้นผมเพิ่งเข้ามาใหม่ๆ ก็เลยยังมีความเกร็ง เขินอายอยู่ แต่มีเพื่อนที่ชวนคุย เลยทำให้เราสนิทกันได้เร็วขึ้นครับ ซึ่งปัจจุบันเขาก็ยังพูดเยอะเหมือนเดิม

จองบิน : ก่อนที่จะเจอพี่ยอร์ชครั้งแรกผมมีความกังวลมากครับ เพราะรู้มาก่อนว่าพี่ยอร์ชเคยเป็นนักแสดงที่ประเทศไทย ถ้าเจอครั้งแรกแล้วพี่เขาน่ากลัว หรือเราไม่สนิทกันจะทำยังไง ผมกังวลมากครับ แต่พอได้เจอกันแล้ว พี่ยอร์ชใจดี มีความใสซื่อ และน่ารักมากครับ ตอนนี้ก็ยังเป็นเหมือนตอนนั้นครับ

ยอร์ช : จริงๆ ผมได้เจอกับน้องๆ 2 รอบ รอบแรกคือสามวัน คือทางค่ายให้ลองไปเจอกัน ลองไปฝึกด้วยกันก่อนแค่ 3 วันก่อน แล้วพอผมตอบตกลงที่จะมาเข้าร่วมโปรเจ็กต์นี้ก็ได้มาอยู่ด้วยกันยาวๆ ครั้งแรกที่ได้รู้จักนิสัยฮงจริงๆ ก็คือตอนนั้นได้เป็นรูมเมทกัน ฮงเป็นคนที่พูดเก่งมากๆ แล้วเขาก็ชวนผมคุยเยอะมาก ตอนนั้นก็ประมาณ 6 โมงเช้าแล้วครับ ฮงก็เล่าเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านมาให้ฟัง เปิดโทรศัพท์ให้ดูว่าตอนนั้นไปเที่ยวโน่นนี่กับพี่ๆ ด้วยนะ พอผมบอกว่าโอเค เข้าใจแล้ว แล้วก็จะนอน ฮงก็มาสะกิดให้ดูรูป เล่าเรื่องที่ตลกให้ฟัง ก็คือเป็นคนที่พูดเยอะก็เลยทำให้เข้ากันได้ดีครับ

ฮง : ตอนที่เจอพี่ดงยอนครั้งแรกคือตอนเรียนเต้นเลยครับ ตอนนั้นผมไม่รู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเต้นเลย พี่ดงยอนก็มาช่วยแนะนำ สำหรับผมเขาคือพี่ที่ทำให้ผมรู้จักกับการเต้นครับ

ดงยอน : ตอนที่เจอฮยอนบินครั้งแรก ตอนนั้นเขาโดนฝนครับ แล้วผมก็มาที่ตึกพอดี แล้วฮยอนบินก็ทักทายผมด้วยลุคที่เปียกฝนครับ ภาพตอนนั้นของเขาดูน่ารักมากครับ เหมือนกับลูกหมาน้อยน่ารักที่เปียกฝนมาครับ

เล่าถึงการเตรียมเดบิวต์หน่อยว่าเตรียมตัวกันหนักขนาดไหน เจอความยากอะไรบ้าง

ฮยอนบิน : ปกติพวกเราก็จะมีการฝึกซ้อมร้องและเต้นอย่างหนักครับ แล้วก็จะมีเรียนหลายๆ ด้าน เช่น เรียนภาษา เรียนพูด เรียนการแสดง ในแต่ละวันพวกเราจะมีตารางเรียนและตารางฝึกซ้อมแทบทุกวันครับ ซึ่งพวกเราก็ต่างทุ่มเทและตั้งใจในการฝึกอย่างมาก เพื่อที่จะสามารถเดบิวต์และเป็นคนที่มีความสามารถในหลายๆ ด้านครับ

ก่อนที่จะเดบิวต์วง POW ได้ปล่อยเพลง “Favorite” ออกมาแล้วได้ไปออกรายการเพลงต่างๆ เป็นยังไงบ้าง ตื่นเต้นขนาดไหน ได้เจอประสบการณ์อะไรดีๆ อะไรมาบ้าง

ฮง : ตอนที่เป็นเด็กฝึกหัดก็มีโอกาสได้ดูการแสดงของรุ่นพี่ ซึ่งผมรู้สึกว่าพวกเราอยากจะขึ้นไปบนเวทีใหญ่ๆ แบบนี้ หรือได้ไปขึ้นโชว์ในรายการเพลงบ้าง แล้วพอถึงเวลาที่พวกเราได้ขึ้นโชว์ในรายการเพลง ผมก็รู้สึกดีใจ ปลื้มใจมากครับ และก็มีแฟนๆ คอยให้กำลังใจพวกเราอยู่เสมอ ทำให้ผมคิดว่าเราต้องพัฒนาตัวให้ดีขึ้นครับ

แนะนำเพลงเดบิวต์ “Dazzling” และเพลง “Favorite” สองเพลงนี้เกี่ยวกับอะไร พรีเซนต์ความเป็นวง POW ยังไงบ้างคะ

ฮยอนบิน : สำหรับเพลง “Dazzling” เพลงไตเติลของพวกเรา เป็นเพลงที่เหมือนกับเป็นหัวใจของเด็กหนุ่มเวลาตกหลุมรัก เป็นเพลงที่มีเมโลดี้ที่ฟังเพลินมากๆ แล้วก็ค่อนข้างติดหู เพลงจำง่ายครับ

ฮง : ส่วนเพลง “Favorite” ที่ปล่อยออกมาก่อนที่พวกเราจะเดบิวต์ เป็นเพลงที่น่าจะถ่ายทอดตัวตนและเอนเนอร์จี้ของ POW มีเมโลดี้ที่ติดหู และก็มีอารมณ์ความรู้สึกเกี่ยวกับความรักอยู่ในเพลงด้วยครับ

แต่ละคนมีใครเป็นโรลโมเดลบ้างและเพราะอะไรถึงยึดเขาเป็นแบบอย่าง

ฮยอนบิน : โรลโมเดลของผมคือรุ่นพี่แทยังครับ เพราะเป็นคนที่ทำให้ผมมั่นใจกับความฝันที่อยากจะเป็นนักร้อง หลังจากที่ได้ชมสเตจของรุ่นพี่แทยังครับ

จองบิน : โรลโมเดลของผมคือรุ่นพี่ IU ครับ ผมเริ่มร้องเพลงเพราะรุ่นพี่ IU ครับ เวลาที่ผมรู้สึกเหนื่อยหรือมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก ผมก็ฟังเพลงของรุ่นพี่ IU ซึ่งช่วยปลอบประโลมผมเยอะมากครับ ผมก็หวังว่าในอนาคตผมจะเป็นนักร้องที่ปลอบประโลมคนอื่นได้ด้วยเพลงแบบรุ่นพี่ IU ครับ

ยอร์ช : โรลโมเดลของผมคือพี่แบมแบมและพี่เตนล์ครับ ก่อนที่ผมจะได้ไปออดิชั่น ผมก็ดูวิดีโอของพี่เตนล์กับพี่แบมแบมมาก่อนครับ แล้วผมรู้สึกว่าการที่เราจะไปเดบิวต์หรือไปเป็นศิลปินที่ต่างประเทศค่อนข้างที่จะไกลตัวมากๆ และผมรู้สึกว่ามันยาก แต่พอได้ดูพี่ๆ ทั้งสองคนแล้ว ผมรู้สึกว่าเขาทำได้ แล้วเขาก็เก่งด้วย เวลาดูเขารู้สึกว่าเขาเท่ เราอยากจะเป็นแบบเขาครับ

ฮง : คนที่ผมนับถือมาตั้งแต่เป็นเด็กฝึกหัดเลยคือรุ่นพี่ J-Hope BTS ตอนสมัยเป็นเด็กฝึกหัดผมได้ดูคลิปเต้นของเขา แล้วรู้สึกว่า ว้าว! ไลน์เต้นเท่จัง รุ่นพี่ J-Hope เป็นรุ่นพี่ที่ผมนับถือมากๆ ครับ

ดงยอน : ผมนับถือรุ่นพี่ KAI EXO และรุ่นพี่ BTS ครับ ช่วงก่อนหน้านี้ผมได้ดูสเตจเพลง “Rover” ของรุ่นพี่ไคครับ พอได้ชมผมก็คิดว่ารุ่นพี่เต้นได้เท่มากๆ ผมก็อยากเต้นเก่งและเต้นได้เท่แบบรุ่นพี่ไค ส่วนรุ่นพี่ BTS เป็นศิลปินที่ทำให้ผมมีความฝันอยากจะเป็นไอดอลครับ ผมเลยอยากเป็นไอดอลที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ใครสักคนมีความฝันอยากเป็นไอดอลครับ

พอต้องมาใช้ชีวิตด้วยกันทำงานด้วยกัน จากตอนแรกมาจากคนละที่เลย มีวิธีปรับตัวกันยังไงบ้าง

ยอร์ช : ถ้าเป็นเรื่องการปรับตัว สำหรับผมรู้สึกว่าไม่ค่อยได้ปรับตัวอะไรมาก เพราะว่าตอนที่ผมเข้ามา ผมก็เข้ามาทีหลัง และตอนที่อยู่กับน้องๆ เรารู้สึกว่านิสัยและทุกๆ อย่างไปในทางเดียวกัน ไม่มีโมเมนต์ที่คุยกันแล้วรู้สึกอึดอัด ทำให้เรารู้สึกสนิทกัน ซึ่งไม่รู้ว่าสนิทกันตอนไหนด้วย เป็นไปโดยธรรมชาติครับ

มีคำถามทดสอบเคมีและทำให้แฟนๆ รู้จักเมมเบอร์แต่ละคนมากขึ้น โดยจะให้เลือกว่าใครเป็นที่สุด ข้อแรก ใครเป็นคนที่สร้างบรรยากาศให้กับวง

สุดสัปดาห์ : เสียงออกมาเป็นเลือกคุณฮยอนบิน

ดงยอน : ถึงแม้ว่าเวลาที่ฝึกซ้อมแล้วรู้สึกเหนื่อยกันมากๆ จะมีฮงคอยทำอะไรน่ารักๆ ก็จริง แต่ถ้าพูดถึงเมมเบอร์ที่คอยสร้างบรรยากาศทั้งหมดให้กับวงก็คือฮยอนบินครับ

ใครเป็นคนที่ขี้เล่น หรือแสบที่สุด

สุดสัปดาห์ : เสียงออกมาเลือกคุณฮงกับคุณฮยอนบินเท่าๆ กัน

จองบิน : ต่อเนื่องมาจากข้อเมื่อกี้คือคนที่สร้างบรรยากาศให้กับวงเลยครับ ฮงและฮยอนบินเป็นคนที่ขี้เล่นมากๆ ครับ ฮงก็จะทั้งมีความขี้เล่นด้วย แล้วก็มีความอ้อน ชอบมาทำท่าน่ารักด้วย ถ้าเป็นคนที่ขี้เล่นก็ต้องให้ทั้งฮงและฮยอนบินครับ

ใครเป็นคนที่น่ารัก น่าเอ็นดูที่สุด

สุดสัปดาห์ : เสียงออกมาเลือกคุณฮง

ดงยอน : ด้วยความที่ฮงเป็นน้องเล็กของวง เลยจะทำท่าน่ารักๆ เยอะ เป็นคนที่น่ารักมากๆ ครับ

ใครเป็นที่พึ่งพาของเมมเบอร์มากที่สุด

สุดสัปดาห์ : เสียงออกมาเลือกคุณจองบิน

ยอร์ช : น่าจะเพราะจองบินเป็นลีดเดอร์ด้วยครับ เขาเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะเป็นผู้นำสุดแล้วในวง เพราะว่าพวกเรา 4 คนจะชอบติดเล่นกัน จองบินจะคอยบอกว่าเวลานี้ถึงเวลาต้องซ้อมนะ เขาเป็นคนวางแผนทุกอย่าง เช่น วางแผนตารางซ้อม หรือทุกอย่าง เวลาเราจะไปไหนหรือทำอะไรกัน เขาจะวางแผนหมดเลยครับ

ใครกินเก่งที่สุด

สุดสัปดาห์ : เสียงออกมาเลือกคุณจองบิน

จองบิน : ถ้าสมมติว่าอยู่ในช่วงไดเอ็ต แล้วเรามีโอกาสกินอาหารได้ ผมจะกินจนไม่มีช่องว่างในกระเพาะเลยครับ ก็คือกินตลอด

ฮยอนบิน : เขาจะไม่ใช่คนกินเยอะครับ แต่จะเป็นคนที่กินอยู่เรื่อยๆ เขาจะรู้ว่าลิมิตของตัวเองอยู่ตรงไหน แต่ก็จะกินอยู่เรื่อยๆ จนอาจจะต้องกินยาช่วยย่อยครับ

ใครเซอร์วิสแฟนคลับเก่งที่สุด

สุดสัปดาห์ : เสียงออกมาเลือกคุณฮยอนบิน

ฮง : เขาเป็นคนที่ถ้าแฟนๆ ขอให้ร้องเพลง เขาก็จะร้องให้ฟังเลย หรือเวลาที่แฟนๆ ขอให้ทำท่าหัวใจ เขาก็จะทำท่าหัวใจให้ทีละคนเลยครับ

ใครเรียบร้อยที่สุด

สุดสัปดาห์ : เสียงออกมาเลือกคุณดงยอน

ฮยอนบิน : จะเป็นคนที่บางครั้งจะชอบอยู่คนเดียวแบบสงบๆ มากกว่าพวกเราครับ จริงๆ เมมเบอร์ในวงเราไม่มีคนที่เงียบหรือเรียบร้อย แต่ถ้าให้เลือก เมื่อเทียบกับเมมเบอร์ในวงก็จะเป็นดงยอนครับ

ใครที่อยู่ไม่นิ่งที่สุด (ชอบหากิจกรรมทำตลอด)

สุดสัปดาห์ : เสียงออกมาเลือกคุณจองบินกับคุณฮงเท่าๆ กัน

ฮง : พี่จองบินเป็นคนที่ขยันมากๆ ครับ พอตื่นเช้ามาก็จะไปฟิตเนสเลยครับ

ยอร์ช : ผมไม่แน่ใจว่าฮงเป็นคนไม่นิ่งหรือเป็นคนไฮเปอร์หรือเปล่า เขาจะเป็นคนที่ชอบเข้ามากวนๆ นิดๆ หน่อยๆ ก็จะเข้ามากวนหรือมาแหย่ เช่น เวลาผมจะนอนก็มาแล้วดึงผ้าห่ม หรือชวนไปกินข้งกินข้าว เวลาตี 1–ตี 2 จะชวนสั่งอาหารมากินกัน บางทีก็จะขอกอด ถ้าไม่กอดจะไม่ไป อะไรแบบนี้ครับ

ฮง : ใช่ครับ

ใครโรแมนติกที่สุด

สุดสัปดาห์ : เสียงออกมาเลือกตัวเองทุกคน

จองบิน : ฮงรู้จักความโรแมนติกเหรอ

ดงยอน : ผมคิดว่าความรักเป็นสิ่งที่สำคัญและพิเศษมากๆ ครับ

ฮง : เพราะผมคิดว่าพี่ๆ ไม่มีใครโรแมนติกเลยครับ ผมเลยเลือกตัวเอง

ฮยอนบิน : ฮงเป็นคนที่ไม่โรแมนติกที่สุดครับ เป็นน้องที่ยังไม่รู้ว่าคำว่าความรักคืออะไรครับ

พอรู้ว่าจะได้เดินทางมาขึ้นเฟสติวัลที่ไทยรู้สึกยังไงบ้าง ก่อนมายอร์ชมีสอนหรือให้ข้อมูลอะไรเมมเบอร์บ้างไหม

ฮง : ตอนที่รู้ว่าจะได้มาขึ้นงานเฟสติวัลใหญ่ที่ประเทศไทย ใจผมเต้นแรงจนเหมือนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเลยครับ ผมตื่นเต้นและดีใจมากๆ ครับ พี่ยอร์ชก็มีแนะนำอาหารไทย ถ้ามาประเทศไทยแล้วต้องกิน นั่นก็คือผัดกะเพราครับ

จองบิน : จริงๆ ก่อนจะมาเมืองไทย กังวลมากๆ เลยครับ เพราะว่าเป็นการขึ้นเฟสติวัลในต่างประเทศครั้งแรกของพวกเราหลังเดบิวต์ แล้วประเทศไทยก็เป็นบ้านเกิดของพี่ยอร์ชด้วย และเราจะได้มาพบแฟนๆ ในประเทศไทยมากมาย ถึงแม้ผมจะเฝ้ารอมากๆ ครับ แต่ในขณะเดียวกันก็กังวลมากๆ ด้วยว่าถ้าทำได้ไม่ดีจะทำยังไงดี ถ้าทำให้แฟนๆ ผิดหวังจะทำยังไง แต่พอได้ขึ้นเวทีในประเทศไทยแล้ว ได้เจอกับแฟนๆ ก็รู้สึกสนุกมากครับ บรรยากาศเฟสติวัลที่เมืองไทยร้อนแรงมากครับ และแฟนๆ คอยส่งเสียงให้กำลังใจพวกเราตลอด เป็นประสบการณ์ที่ดีและสนุกมากๆ ครับ

ยอร์ช : จริงๆ แล้ว เรื่องภาษาไทย จองบินจะเป็นคนชอบถามอยู่แล้วครับว่าคำนี้พูดว่าอะไร และเขาก็มีไปหาเอง ไปเปิดยูทูบคนเกาหลีที่มาเที่ยวไทยแล้วเขาพูดภาษาไทยได้ เขาก็ไปจำมา และจดไว้ในมือถือ คือจดไว้ยาวมาก คำนี้แปลว่าอะไร คำโน้นแปลว่าอะไร ผมก็เลยไม่มีอะไรแนะนำครับ

จองบิน : ก่อนที่พวกเราจะมาประเทศไทย ก็จะมีอ่านข้อความที่แฟนๆ ส่งมาหา พอจะมาประเทศไทย ผมก็อยากจะคุยกับแฟนๆ บ้างว่าผมรู้สึกยังไง และบอกรักแฟนๆ ด้วย ผมก็เลยไปถามพี่ยอร์ชว่าอันนี้พูดยังไง และก็แอบไปเรียนในยูทูบบ้างว่าคำไหนเราควรจะเอามาพูด ผมก็เสิร์ชหาว่าวิธีพูดภาษาไทยให้แฟนๆ ชอบ แล้วก็จะเอามาเช็กกับพี่ยอร์ชว่าพูดแบบนี้ถูกไหม ประมาณนี้ครับ

สุดสัปดาห์ : มีคำถามที่สงสัยเรื่องนี้พอดีค่ะ เพราะเห็นคลิปคุณจองบินมีสอนคุณดงยอนพูดภาษาไทยด้วย ได้รู้วันนี้ว่าคุณจองบินไปเรียนมาจากยูทูบนี่เอง

จองบิน : ใช่แล้วครับ ผมไปเรียนจากยูทูบมาครับ

แล้วพอได้มาขึ้นเฟสติวัลได้เจอแฟนคลับชาวไทยเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา มีความประทับใจอะไรเกิดขึ้นบ้าง

ยอร์ช : เราตกใจที่แฟนคลับมากันเยอะมากครับ เพราะเราเพิ่งจะเดบิวต์ได้แค่ 10 กว่าวันเอง แล้วก็ได้มาขึ้นเวทีใหญ่ ก็ไม่คิดว่าแฟนคลับจะมาเยอะมากขนาดนี้ ตอนที่เรามองไปที่แฟนคลับก็เห็นมีคนชูป้ายชื่อและรูปภาพของพวกเราครับ ก็รู้สึกดีใจและรู้สึกขอบคุณมากๆ ที่เขามาหาพวกเราครับ

มาไทยครั้งนี้ได้ลองอะไรไปบ้าง และชอบอะไรมากที่สุดคะ

จองบิน : จริงๆ พวกเรามีตารางงานในประเทศไทยกันอยู่ตลอดเลยครับ เลยรู้สึกเสียดายมากที่ยังไม่มีเวลาไปสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยเลย แต่เมื่อวานพี่ยอร์ชบอกมามีอาหารไทยที่ต้องลองกินให้ได้ครับ แล้วก็สั่งอาหารไทยมาให้ หนึ่งในเมนูที่ได้ลองกินก็คือโรตี และเมนูที่ฮงบอกไปก่อนหน้านี้คือผัดกะเพรา นอกจากนี้ยังมีปูผัดผงกะหรี่ด้วยครับ ผมชอบกินผัดกะเพราที่สุดครับ

ดงยอน : ผมชอบข้าวเหนียวมะม่วงครับ อร่อยมากๆ

ฮยอนบิน : ผมชอบโรตีที่สุดครับ

ฮง : ผมชอบปูผัดผงกะหรี่ที่สุดครับ

จองบิน : แล้วพี่ยอร์ชล่ะชอบเมนูไหนครับ โรตีเหรอ

ยอร์ช : ชอบทุกเมนูเลย

รอบนี้ POW ได้เดินทางมาประเทศไทยหลายวัน ได้ทำหลายอย่างเลย แล้วมีอะไรที่อยากทำอีกไหม ถ้าได้กลับมาประเทศไทยอีก

ฮยอนบิน : ผมอยากจะว่ายน้ำครับ

ดงยอน : ผมได้ยินมาว่าที่ไทยมีวัดสวยๆ เยอะมาก ผมเลยอยากจะไปวัดที่ประเทศไทยครับ ที่อยู่ริมแม่น้ำอะไรแบบนี้ครับ

ฮง : ผมอยากลองไปตามกินอาหารที่ร้านอาหารอร่อยๆ ครับ

องบิน : ผมอยากลองเดินเที่ยวในประเทศไทย และอยากจะไปตรงแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยครับ

ยอร์ช : ผมอยากจะพาเพื่อนๆ ไปแถบเชียงใหม่และแถบภาคเหนือ เป็นแถวบ้านเกิดผมด้วย ตอนอยู่ในเมืองมันร้อนใช่ไหมครับ ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราไปเชียงใหม่หรือที่ที่อากาศเย็นๆ เมมเบอร์น่าจะชอบครับ

สุดท้ายนี้ฝากผลงานและฝากอะไรถึงแฟนๆ ชาวไทยหน่อยค่ะ

ยอร์ช : อยากจะฝากผลงานอัลบั้ม “1st EP [Favorite]” ของพวกเราด้วยนะครับ ทุกๆ เพลงที่อยู่ในอัลบั้ม พวกเราตั้งใจฝึกซ้อมกันมากๆ เพื่อที่จะให้ผลงานออกมาดี และอยากจะให้แฟนๆ ได้ฟังเพลงของพวกเราอย่างสนุกสนาน ทุกๆ เพลงจะเป็นเพลงที่จะทำให้ทุกคนเมื่อได้ฟังแล้วจะสดใสขึ้นแม้ในวันที่เหนื่อยๆ ก็ตาม และก็อยากจะขอบคุณแฟนคลับชาวไทยด้วยครับที่ให้การตอบรับที่ดีมากๆ แล้วก็ทำให้พวกเราได้เดบิวต์และได้มาขึ้นเวทีใหญ่ๆ ที่ประเทศไทยด้วยครับ ขอบคุณมากๆ ครับ  

 

 

TEXT : ImJinah

PHOTO : นวพจน์ โพธิเกษม

 

 

อัพเดตข่าวบันเทิงเอเชีย ซีรี่ย์เอเชีย ดาราเอเชีย ไอดอลเอเชียได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ

Young K เปิดใจถึงการชาลเลนจ์อะไรใหม่ๆ บนเส้นทางบันเทิง เบื้องหลังออกรายการ Bam House และความทรงจำเกี่ยวกับเมืองไทย และไทยมายเดย์

คุยกับ CRAVITY แชร์ความประทับใจที่มีลอบิตี้ชาวไทย พร้อมแอบเมาท์เมมเบอร์

สัมภาษณ์พิเศษแบบจอยๆ กับ แทคยอน ไอดอล-นักแสดงตัวพ่อ แชร์ความผูกพันที่มีต่อประเทศไทย

THE RAMPAGE From EXILE TRIBE เผยเมนูอาหารไทยที่ถูกใจหนักมาก พร้อมย้อนถึงตอนที่รู้ว่าจะได้เดบิวต์ด้วยสมาชิก 16 คน