ซีรีส์เรื่อง “ค่อยๆ รัก Step By Step” เป็นซีรีส์อีกเรื่องที่ได้รับฟีดแบ็กดีมากนับตั้งแต่ออนแอร์ตอนแรกไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2023 ซึ่งเรื่องนี้ดังตั้งแต่สมัยเป็นเวอร์ชั่นนิยายแล้ว ยิ่งพอนับมาทำเป็นเวอร์ชั่นซีรีส์ ได้เห็นตัวละครมีชีวิตขึ้นมา ก็ทำให้ได้รับคำชื่นชมไปมากมาย สุดสัปดาห์เลยขอไปพูดคุยกับสองนักแสดงนำในเรื่องอย่าง แมน-ธฤษณุ สรนันท์ และเบน-บัญญพนต์ ลิขิตอำนวยพร พร้อมด้วยนักแสดงหนุ่มที่ควบตำแหน่งผู้ผลิตของซีรีส์เรื่องค่อยๆ รัก Step By Step อย่างอัพ-ภูมิพัฒน์ เอี่ยมสำอาง เจาะลึกถึงการทำงานในซีรีส์เรื่องนี้ พร้อมเรื่องราวเกี่ยวกับเส้นทางในวงการบันเทิงของทั้งสามคนแบบจัดเต็ม แถมยังมีภาพแฟชั่นหล่อๆ มาฝากแฟนๆ ซีรีส์ด้วยค่า
บทสัมภาษณ์พิเศษ แมน-เบน สองนักแสดงนำจาก ค่อยๆ รัก Step By Step
ทุกคนรู้กันดีว่าแมนเคยผ่านการประกวดมาก่อน ถ้ามองย้อนกลับไปเส้นทางในวงการบันเทิงเป็นยังไงบ้างคะ
แมน : ถ้ามองย้อนกลับไปก็ทำมาหลายปีแล้วเหมือนกันครับ จริงๆ แล้วผมเริ่มเข้าวงการตั้งแต่อายุ 20 ปี จนกระทั่งต่อมาได้มีโอกาสไปประกวดรายการ The Face Men Thailand ตอนนั้นผมอายุประมาณ 26 ปี ตอนนี้ก็อายุ 32 ปีแล้วครับ
แล้วทำไมถึงตัดสินใจมาเล่นซีรีส์เรื่องนี้คะ
แมน : ผมคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดี เป็นซีรีส์ที่เล่าถึงการใช้ชีวิตของสังคมในปัจจุบันของคนที่ทำงานในออฟฟิศ ผมเลยคิดว่าซีรีส์ดูน่าสนุกครับ เล่าถึงคนในหลายๆ คาแร็กเตอร์ที่มาอยู่รวมกันและต้องทำงานในออฟฟิศ และไม่ได้มีประเด็นแค่ตรงนั้น แต่ยังมีเรื่องความรัก ความตลก ความดราม่าอะไรแบบนี้ในสังคมครับ
คิดหนักไหมก่อนจะลองมาแคสต์ซีรีส์เรื่องนี้
แมน : ก็มีโอกาสได้ไปแคสต์แล้วเขาก็ชอบ ได้มีโอกาสไปคุยกับพี่ตี๋ครับ พอคุยแล้วก็รู้สึกสบาย รู้สึกโอเค รู้สึกเข้าใจกันในการทำงานร่วมกันครับ
เห็นบทแล้วเป็นยังไงบ้าง พอรู้เนื้อเรื่องแล้วอยากเล่นเลยไหมคะ อะไรเป็นสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจแสดงเรื่องนี้
แมน : ก็น่าจะเป็นเพราะผมได้ไปแคสต์มาแล้วเขาได้เห็นว่า ผมสามารถ offer อะไรให้ตัวละครคุณเจ๋งได้บ้าง ซึ่งก็มีความคล้ายกันอะไรบางอย่าง ก็เลยทำให้ผมเกิดความสบายใจ เพราะผู้กำกับเขาได้เห็นเราในการแคสติ้งแล้วเราก็เลยรู้สึกว่าเป็นความสบายใจแบบอย่างน้อยก็น่าจะจูนกันได้ครับ
บทมีความเหมือนหรือแตกต่างจากเรายังไงบ้างคะ
แมน : เขาบอกว่าความเหมือนก็จะมีความนิ่งๆ สุขุม ความเป็นผู้ใหญ่อะไรแบบนั้นครับ และความแตกต่างก็มีหลายเรื่องครับ คุณเจ๋งเขาก็มีวิธีจัดการที่ไม่ได้เหมือนผม แต่ในบทเขาก็จะเจ้ากี้เจ้าการคอยสั่งลูกน้องอะไรแบบนี้ครับ เราก็จะรีแอ็กอีกแบบหนึ่งถ้าต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เราก็มีมุมที่คนละแบบกันครับ
มาที่เบนกันบ้าง เรียกได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของการทำงานในวงการใช่ไหมคะ จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นยังไงที่ทำให้เข้ามาในวงการบันเทิงและได้มาเล่นซีรีส์เรื่องนี้
เบน : ใช่แล้วครับ ก็มาแคสต์เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก มีทีมงานมาชวน เขาไปหาแบบมาสเก๊าต์ แล้วไปเจอผมในไอจีก็เลยติดต่อมาว่ามาลองไหม ผมก็แบบก็ลองดูก็ได้ครับเพราะว่าก็ไม่ได้ทำอะไรมาก และพอได้มาเจอพี่ตี๋ตอนแรกที่ผมมาแคสต์ ผมก็ไม่คิดว่าจะได้ ไม่ได้คาดหวังเลย แล้วผมก็รู้สึกว่าให้มาก็มา ก็คงอาจจะไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร เสร็จแล้วพี่เขาก็บอกว่าเดี๋ยวเรามาเจอกันอีกดีไหม ผมก็เลยคิดว่าได้เหรอแล้วก็โอเคไปครับ
รู้สึกยังไงบ้างที่เราแคสต์ผ่าน ด้วยบุคลิกหรืออะไรบางอย่าง
เบน : ดีใจครับ แต่ก็ยังตื่นเต้นเพราะว่าบุคลิกกับการแสดงมันก็คนละเรื่องกันเลย สมมติว่าหน้าเราอาจจะตรงกับตัวละครในเรื่องที่เขาอยากได้ หรือว่าบุคลิกนิสัย แต่ก็มีในเรื่องของการถ่ายทอดการแสดง หรือการถ่ายทอดทางอารมณ์ที่ผมก็ยังกังวลในช่วงแรกครับ นั่นคือจุดแรกที่กังวลแล้วพอได้รับโอกาสก็มาลุยกับมันครับ ก็รู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ดีเลยทีเดียว
มีปรึกษาใครไหมคะว่าเราได้มาเล่นซีรีส์นะก่อนที่จะตัดสินใจมาเล่น
เบน : เยอะมากครับ มีปรึกษาพ่อแม่ครับ ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวครับ เขาก็โอเคครับ พ่อกับแม่ก็สนับสนุน แต่เขาก็เป็นห่วงในเรื่องเรียนว่าแบบเราจะแบ่งเวลาของเราได้หรือเปล่า ผมก็บอกว่าได้ครับ เขาก็เลยโอเคเต็มที่
ตอนนี้เรียนอยู่ที่ไหนคะ
เบน : ตอนนี้เรียนอยู่มหิดลครับ สาย Media and Communication ครับ เป็นด้านสื่อสารประมาณนี้แหละครับ
แล้วจริงๆ ใจเราอยากเข้าวงการบันเทิงไหมคะ เคยมีอยู่ในหัวไหม
เบน : ผมแค่อาจจะเคยคิดภาพว่าแบบถ้าเกิดสมมติผมเล่นซีรีส์จะเป็นยังไง เล่นหนังเป็นยังไง ผมถ่ายแบบจะเป็นยังไง ถ้าผมได้ทำดนตรีจะเป็นยังไง แต่พอเข้ามาที่นี้ ได้มาเจอพี่ๆ ก็มีโอกาสได้ทำหลายอย่างเลยครับ ได้เล่นซีรีส์ ได้ถ่ายแบบและก็มีคัฟเวอร์เพลงบ้าง ก็รู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ดีมากครับ
แล้วพอได้ลองทำ ชอบไหม รู้สึกสนุกไหมคะ
เบน : สนุกครับ รู้สึกเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก
พอเราตกลงที่แสดงเรื่องนี้แล้ว แมนกับเบนได้เจอกันครั้งแรกตอนไหนคะ หรือเจอกันตั้งแต่วันแคสติ้งเลย
แมน : ใช่ครับ เจอกันวันแคสต์เลยครับ แรกๆ ก็มีความเหมือนเพิ่งรู้จักกัน แล้วก็ต้องมาเล่นบทด้วยกันเลย เข้าบทด้วยกันเลยเพื่อแคสต์ มีความยังไม่ค่อยรู้จักกัน เหมือนแค่มาทำงาน คุยกันเบสิก ก็เกร็งๆ เพราะยังไม่ค่อยรู้จักกัน
แล้วก่อนรู้จักกับหลังรู้จักเป็นยังไง
แมน : Before ก็คือไม่ได้รู้จักกันเลย ตอนแรกก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะสนิทกันได้ขนาดนี้ เพราะมันมีเรื่องของอายุที่มันต่างกันและก็เรื่องไลฟ์สไตล์ที่เรายังไม่จูนกัน ชีวิตเขาเป็นยังไง ชีวิตผมเป็นยังไง มันดูห่างเหินกันมากตอนแรกๆ ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะสามารถสนิทกันได้ขนาดนี้ เพราะตอนแรกไม่เห็นความคล้ายคลึงกันที่จะสนิทกันได้ ผมก็เตะบอลดูบอลพยายามหาเรื่องคุยแต่เขาก็ไม่เตะบอลไม่ดูบอล ช่วงแรกๆ ไม่รู้จะคุยอะไรกันจริงๆ
แล้วถึงจุดไหนที่คลิกกัน และเริ่มสนิทกันคะ
แมน : ผมคิดว่ามันไปเรื่อยๆ ครับ รู้ตัวอีกทีก็สนิทกันมากแล้ว ค่อยๆ รักกัน (หัวเราะ)
พอรู้จักกันแล้วเป็นยังไงบ้างคะ เราสนิทถึงขั้นไหน
แมน : กลายเป็นน้องรักคนหนึ่งสำหรับผมเลยนะครับ คิดว่าคงสนิทกันยาวๆ แหละ ก็ห่างกันมั้งก็ดี (หัวเราะ) เพราะเราทำงานเจอกันตลอด วันนี้ก็เจอกัน เจอกันมาหลายเดือนแล้ว และน้องก็ต้องเรียนด้วย แต่ทุกครั้งที่เจอกันที่ทำงานก็รู้สึกยังสนิทอยู่ พอมาเจอมันก็เหมือนจูนกันแล้ว เหมือนเป็นคลื่นเดียวกันแล้ว
วันแรกที่เปิดกล้อง เข้าซีนถ่ายทำ รู้สึกยังไงบ้าง
แมน : วันแรกตอนนั้นจำได้ว่าถ่าย pilot ซีนแรกเป็นซีนที่ต้องใกล้ชิดกัน เป็นซีนที่เหมือนผมมากระซิบข้างหูเขา เจอซีนใกล้ชิดเลย ยังไม่ได้ทำอะไรกันมาก่อน ยังไม่ได้คุ้นเคยกันก็เลยเกร็งกันมาก มีความไม่อ่อนโยนกับพวกเราเลย ก็จะเห็นได้ใน pilot ว่ามันจะมีความเกร็งๆ กัน ความยังไม่ค่อยเข้าใจกัน ด้วยความที่เป็น pilot มันจะจั๊ม จะเป็นหลายๆ ซีนต่อเนื่อง เพื่อเอามารวมกันก็เลยยังจับอะไรไม่ค่อยได้ ยังไม่อินมาก
เบน : เกร็งครับช่วงแรก ไหนจะเรื่องคิดว่าจะต้องแสดงยังไง ก็ยังมีคิดถึงเรื่องบทเรียนที่เรียนมา เหมือนที่ครูเขาบอกว่าต้องคิดแบบนี้ ต้องทำแบบนี้อะไรนู่นนี่ ไหนจะมุมกล้อง พี่เขาก็จะบอกเบนๆ เขยิบแบบนี้บ้าง ผมก็แยกไม่ถูก เหมือนแบบต้องไปทีละอย่าง ไหนจะอารมณ์ ไหนจะบล็อกกิ้ง ไหนจะแอ็กชั่น ยากอยู่นะครับ แต่พอถ่ายไปเรื่อยๆ ก็เริ่มรู้สึกแบบปรับตัวได้มากขึ้น ค่อยๆ อิน เอาอยู่มากขึ้นครับ
แล้วบทที่ได้แสดงในเรื่องนี้ มีความพิเศษยังไงบ้าง และเป็นคนแบบไหนคะ
แมน : สำหรับผมก็รับบทเป็นคุณเจ๋ง คุณเจ๋งก็จะเป็นลูกเจ้าของเจียนกรุ๊ป เป็นลูกคนรวยมีน้องชายคนนึง โตมาแบบมีฐานะค่อนข้างรวย เป็นเจ้านาย มีความเจ้ากี้เจ้าการ เจ้าระเบียบ ชอบสั่งสไตล์บอสเลย คาแร็กเตอร์ก็ประมาณนั้นครับ เนี้ยบๆ
สุดสัปดาห์ : เหมือนเรามากไหม
แมน : ไม่เนี้ยบนะ ผมจะชิลกว่า นิสัยเราจะยืดหยุ่นมาก แต่เขาจะเป๊ะครับ
สุดสัปดาห์ : แล้วบทของเบนล่ะคะ
เบน : ของผมก็รับบทเป็นพัทนะครับ ภาคภูมิ ตั้งวัฒนา ก็เป็นเด็กจบใหม่ อายุประมาณ 24-25 เขาก็เพิ่งจบมาจากนอกเลย ยังไม่เคยทำงานแต่จะมาด้วยความมั่นใจ ซึ่งตอนแรกเรายังไม่รู้จักกัน ก็จะรู้จักพี่ๆ ในออฟฟิศก่อน ซึ่งก็คิดว่างานนี้มันจะท้าทาย เป็นงานที่หินแน่เลยอยู่ในออฟฟิศ แต่ด้วยความที่ไม่เคยทำงานมาก่อนก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไง พอเข้ามาปุ๊บมันก็ไม่ใช่อย่างที่เราคิด ชีวิตจริงมันยากกว่า เราไม่ได้ทำงานตามที่เราอยากเข้ามา เราได้ทำอย่างอื่นแทน จนมีเหตุให้เราได้มาเจอกัน แล้วมันก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ครับ
แมน : เรื่องราวเกิดขึ้นในออฟฟิศครับ ในออฟฟิศของเจนกรุ๊ป พูดง่ายๆ ก็คือผมเป็นลูกน้อง เราเห็นว่าเขามีแวว เราเห็นว่าพัทเนี่ยเป็นเด็กจบใหม่ไฟแรงแล้วก็ดูมีแวว พัทเป็นคนเก่งและตัวคุณเจ๋งเขาก็ประทับใจที่พัทมีอะไรก็พูดกับเราตรงๆ ซึ่งลูกน้องคนอื่นๆ ของเราก็จะเป็นสไตล์ประจบเรา เราเลยไม่รู้ตัวว่าเรามีข้อเสียยังไง มันเหมือนเขาเปิดให้เราเห็นถึงหลายๆ อย่างครับ
ถ้าพูดในแง่ของคนดู ปัจจุบันมีซีรีส์ให้ดูเยอะ แต่ถ้านึกถึงซีรีส์เรื่องนี้คนดูน่าจะได้แง่มุมอะไรจากการดู นอกจากความสนุก ความฟิน และความแฮปปี้
เบน : น่าจะมุมด้านทำงานครับ เพราะผมมองว่ามันไม่ได้ไปด้านความรักอย่างเดียวหมด เพราะก็มีเหตุการณ์ที่อาจจะเจอแบบนี้ในชีวิตจริงได้ เพราะเชื่อว่าคนที่ทำงานออฟฟิศในยุคนี้จะสามารถ relate กับเรื่องราวของตัวเองได้ กับเรื่องที่มันเกิดขึ้น และน่าจะมีคนคาแร็กเตอร์แบบนี้อยู่ในออฟฟิศ หรืออาจจะเคยเจอแบบนี้ ทุกคนสามารถเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับตัวละครต่างๆ ในออฟฟิศ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ที่คนสามารถเชื่อมโยงตัวเองกับซีรีส์ได้ เป็นการจำลองการทำงานในชีวิตจริงผ่านตัวละครที่เป็น first jobber ว่าเขาจบมามีวิสัยทัศน์ที่กว้าง พอกลับมาก็ต้องมาทำงานเอกสาร
อยากรู้ว่าบรรยากาศการทำงานเป็นยังไงบ้าง
เบน : เป็นกองที่สนุกมากครับ เป็นกองที่มีเอเนอร์จี้เยอะ แต่ก็มีความจริงจังในด้านการทำงาน เวลาพักก็คือพักแบบสุดๆ เฮฮา ทำงานก็ทำงานกันจริงจัง เข้าซีนแอ็กชั่นเราก็เต็มที่ ไม่ได้มีเล่นระหว่างนั้น เป็นกองที่มีรุ่นๆเดียวกัน มีความกันเองสูง มีความสนุกสนานเฮฮา มีความผ่อนคลาย รู้สึกว่าทำงานแล้วสบายใจ เป็นพื้นที่ผ่อนคลาย ทำให้เรารู้สึกว่าเราเล่นได้แบบฟรีขึ้น ไม่เกร็ง เพราะว่าถ้าเกิดสมมุติว่ามันเครียดมาก ถ้าเป็นกองที่เครียดไปหมด ก็จะเกร็งครับ และยิ่งผมมาเล่นเรื่องแรก ผมอาจจะไม่มีความมั่นใจครับ ถือว่าต้องขอบคุณพี่ๆ ในกองที่ใจดีแล้วเอ็นดู ทุกคนเป็นกันเองครับ เป็นสิ่งที่ผมคิดว่าดีมากครับในกองเรา
อยากให้เมาท์อัพหน่อย เพราะอัพเป็นทั้งผู้จัดและก็เป็นทีมนักแสดงด้วย
แมน : น่ารักครับ เจออัพมาตั้งแต่วันแรกๆ ที่เข้าไปที่บริษัทนี้ครับ อัพเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ใจๆ มาตลอด คอยดูแลเทกแคร์ทุกคน มีโอกาสได้ไปร่วมงานคอนเสิร์ตอัพ ก็ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของอัพ เป็นนักแสดงที่เก่งแล้วก็มีความ all-rounder เหมือนกัน ทุ่มเทในการทำงานด้วยครับ
เบน : พี่อัพเขาจะมากับผู้จัดการที่สนุกสนานเฮฮา มีเอนเนอร์จี้ค่อนข้างสูงอะไรครับ พวกเขาจะมาสร้างบรรยากาศความครื้นเครงในการทำงาน สำหรับผม พี่อัพก็น่ารักมากเลยครับ เป็นพี่ชายของผมคนหนึ่งที่ผมเจอกับพี่แมนด้วยนะ พี่อัพคอยดูแลผมมาตลอด อยู่ด้วยกันบ่อย ได้เจอตอนอยู่ออฟฟิศ คอยเทกแคร์เสมอ แล้วก็ให้คำแนะนำเรื่องการแสดงกับผมเยอะมากเพราะว่าพี่เขาเล่นหลายเรื่อง
พอแมนกับเบนได้ทำงานด้วยกัน มีประทับใจอะไรซึ่งกันและกันบ้างคะ จากวันแรกจนถึงวันนี้
แมน : หลายเรื่องนะครับ จริงๆ แล้วผมว่าเขาเป็นเด็กที่เรียนรู้เร็ว เขาพัฒนาขึ้นแบบเร็วมาก ตั้งแต่วันแรกที่เจอจนถึงวันนี้ก็ประทับใจ เขาพร้อมที่จะรับฟัง พร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไข พัฒนาอยู่ตลอดเวลา สุดยอดครับ เบน : ผมก็ประทับใจที่พี่แมนเขาเป็นคนชิลๆที่ คอยช่วยเหลือ เป็นคนทีใจเย็นคอยให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำ และที่ผมสามารถทำได้อย่างที่พี่เขาบอกก็เพราะพี่เขาเป็นคนแบบนั้น ใจเย็น คอยให้คำปรึกษา คอยให้กำลังใจผม ผ่อนคลายได้ และผมสามารถดูเขาเป็นตัวอย่างได้ และทำให้ผมสามารถพัฒนาได้ด้วย ถ้าผมตัวคนเดียวก็คงจะทำอะไรแบบนี้ได้ยาก ยิ่งมีคำแนะนำของพี่ๆ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกดี ภูมิใจในตัวพี่ครับ
ขอ 1 ซีนที่ชอบหรือซีนสุดพีค อาจจะเล่าแบบคร่าวๆ ไม่ต้องสปอยล์ทั้งหมด
แมน : ของผมน่าจะเป็นซีนที่เพิ่งถ่ายไปเมื่อวันก่อน เป็นซีนโต๊ะกินข้าว 3-4 ชั่วโมง ในร้านอาหาร แล้วบทพูด 10 หน้าครับ เป็นซีนที่เหนื่อยมาก เพราะว่ามี 2 ซีน ซีนหนึ่ง 7 หน้า อีกซีนหนึ่ง 10 หน้า และแอ็กชั่นเยอะมากเลยเหนื่อย อันนั้นผมให้เป็นที่สุดครับ เบน : ของผมเป็นล่าสุดที่เพิ่งถ่ายเมื่อวานเลย เป็นซีนอารมณ์ เป็นซีนที่รู้สึกว่าชอบที่สุดแล้วครับ รู้สึกดีตอนที่เล่น อาจจะเพราะว่าจำได้อันเดียวหรือเปล่า ต้องรอดูครับ
สุดท้ายนี้ ฝากซีรีส์เรื่องนี้กับแฟนๆ หน่อยค่ะ
แมน : ฝากซีรีส์เรื่อง “ค่อยๆ รัก Step By Step” ด้วยครับ วันอังคาร 5 ทุ่มตรง ทางช่อง One31 และสามารถดูย้อนหลังได้ทาง WeTV อยากให้ไปรอติดตามดูครับ เขาจะเล่าชีวิตในการทำงาน ละความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น จะเป็นยังไง สนุกยังไง และน่าติดตามยังไง คิดว่าคนดูน่าจะชอบและก็น่าจะสนุก เพราะว่ารูปแบบการถ่ายทำค่อนข้างทันสมัย มีความตลก มีความดราม่า มีความโรแมนติก มีหลายรสชาติ คิดว่าน่าจะหวานมันเค็ม ถ้าไม่รู้จะดูอะไรกันก็เปิดมาทางช่อง One31 ออนแอร์ตอนแรก 18 เมษายนครับ มีทั้งหมด 12 ตอนครับ
สัมภาษณ์พิเศษ อัพ-ภูมิพัฒน์ กับบทบาทนักแสดงควบผู้ผลิต
ล่าสุดอัพได้กลายเป็นผู้ผลิตซีรีส์ด้วย พูดถึงผลงานซีรีส์เรื่อง “ค่อย ๆ รัก Step By Step” กันหน่อยค่ะ อยากรู้ว่าทำไมถึงเลือกซีรีส์เรื่องนี้มาทำคะ
ตอนแรกเหมือนได้มาเป็นพาทเนอร์กับทาง Dee Hup House ครับ ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้วเพราะเคยทำงานด้วยกัน ก็เลยคุยกันว่าเรามาร่วมมือกันทำอะไรสักอย่างดีกว่า ทาง Dee Hup House ก็ไปค้นหาจนเจอนิยายเรื่องนี้ซึ่งก็คือ “ค่อย ๆ รัก Step By Step” ค่ะ
ทำไมถึงถูกใจเรื่องนี้คะ
อย่างแรกเลยคือวันที่ประกาศนิยายเรื่องนี้มีการติดเทรนด์ มีแฟนนิยายเยอะอะไรแบบนี้ครับ และด้วยตัวเนื้อเรื่องนิยายเองก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสถานที่ทำงานที่เป็นเอเจนซี่ ก็จะออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัย เพราะเรื่องที่เคยๆ ทำมาก็จะมีความมหาวิทยาลัย เราเลยอยากจะก้าวออกมาทำเนื้อเรื่องที่โตขึ้นเป็นวัยทำงานอะไรแบบนี้ครับ ก็มีความน่าสนใจบวกกับที่ว่าตัวนิยายเองก็มีแฟนๆ ค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว ก็ได้ไปคุยกับพี่ซัมเมอร์มา เขาก็ตกลงทำนิยายเรื่องนี้ให้เป็นซีรีส์ด้วยกันครับ
เรื่องนี้อัพมีส่วนร่วมยังไงบ้างคะ
อัพก็ทำงานอยู่ในทุกๆ ขั้นตอนอยู่แล้ว ซึ่งก็จะมีพี่จัสตินเป็นผู้จัดการและก็ทำบริษัทด้วยกัน ก็จะเป็นคนคอยดูเบื้องหลังทั้งหมดและก็คอยช่วยเหลือทั้งหมดครับ พี่จัสตินนี่แหละดูเป็นหลัก ส่วนผมก็ต้องโฟกัสเบื้องหน้าด้วย เบื้องหลังเราก็ได้เห็นรวมๆ อยู่ในทุกๆ ขั้นตอนแบบที่บอกไป ตั้งงแต่การแคสต์ การวางกลยุทธ์ การวางแพลนต่างๆ เราก็ดูด้วยกันตลอด คนที่ประกบอยู่ด้วยก็คือพี่จัสติน เพราะผมก็ค่อนข้างมือใหม่อยู่ด้วยครับ
แล้วแบบนี้อัพแบ่งเวลายังไงคะ เพราะงานเบื้องหน้าทำ งานเบื้องหลังเองเราก็อยู่ทุกขั้นตอน
ก็เต็มที่กับทุกๆ อย่างที่เข้ามาครับ มันคือความรับผิดชอบของเรา เราก็ต้องเต็มที่ในการทำงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อกี้อัพพูดถึงการแคสต์นักแสดง ทำไมนักแสดงนำถึงต้องเป็นคู่เบนกับแมนคะ
ต้องบอกเลยว่าขั้นตอนในการแคสติ้งใช้เวลาเยอะมากจริงๆ และก็ใช้แคสติ้งทั้งหมด 3 ทีม ในการหาว่าจะได้คู่นี้และก็คู่อื่นๆ เลยใช้เวลาค่อนข้างเยอะมากๆ และตัวนิยายเองมีระบุคำอธิบายตัวละครไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่าคุณเจ๋งเป็นยังไง พัทเป็นยังไง จ๊าบ เจน เป็นยังไง ทุกตัวละครมันมีคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจนมากๆ อยู่แล้วครับ
แอบกลัวไหมถ้าแคสต์มาไม่ตรงแล้วจะทำให้แฟนๆ นิยายผิดหวัง
กลัวไหมก็กลัวครับ เรียกว่ากดดันดีกว่า ก็พยายามเปลี่ยนความกดดันเหล่านี้ให้ออกมาเป็นชิ้นงานที่ดีที่สุด เพราะว่าด้วยความที่จุดมุ่งหมายของเราที่มีคล้ายๆกันของ Dee Hup House ถ้ายังไม่ดีที่สุดเราก็จะไม่ปล่อยผ่าน เลยใช้เวลาค่อนข้างนาน ใช้ทีมแคสติ้งถึง 3 ทีม แต่สุดท้ายแล้วก็ได้พี่แมนกับน้องเบนมา แล้วได้พี่วินกับเซนต์แบบแสดงในเรื่อง เรียกได้ว่าได้นักแสดงที่ค่อนข้างโอเคตรงใจที่สุดในมุมมองของเราแล้วครับ
พอถึงขั้นตอนในการ run project ขั้นตอนไหนคะที่รู้สึกว่ายาก
ด้วยความที่ตัวผมเองค่อนข้างที่จะใหม่ในงานเบื้องหลัง ก็โชคดีที่ได้ร่วมมือกับพี่จัสตินที่ทำงานเต็มมาตลอด ซึ่งเขาก็เป็นคนที่ผมคุ้นเคยอยู่แล้ว และเขายังคุ้นเคยเรื่องในวงการ ผมก็มีไปขอคำปรึกษาจากผู้ใหญ่หลายๆ คนตลอด เลยได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ตลอดเวลาในทุกๆ วันเลยครับ
พอเปิดกล้องรู้ว่าใครเป็นใครแล้วฟีดแบ็กแฟนๆ นิยายเป็นยังไงบ้าง
ฟีดแบ็กค่อนข้างดี ดีกว่าที่คิดไว้มากๆ ครับ ในหลายๆ คอมเมนต์บอกว่าในเรื่องการแคสต์ตัวละครเหมือนหลุดออกมาจากนิยายเลยอะไรแบบนี้ครับ ดีใจที่ตอนนั้นเราเต็มที่และไม่ปล่อยผ่าน ก็อาจจะมีความเฟลๆ ในแบบหนึ่ง แต่เราก็ยังต้องทำเต็มที่ต่อไปในทุกๆ ขั้นตอน ตอนถ่ายทำผมก็มีโอกาสได้เข้าไปดูบ้าง เพราะว่าตอนนี้เราก็ถ่ายอยู่เรื่องอื่นๆ เช่นกันครับ
อัพเองก็ร่วมแสดงในเรื่องนี้ด้วย อัพเล่นเป็นใคร และมีบทบาทในเรื่องนี้ยังไงบ้าง
ในส่วนของผมก็เล่นเป็นพุฒครับ เป็นแฟนเก่าของพัทที่รับบทโดยน้องเบน ก็เป็นคนที่ค่อนข้างเชื่อมั่นในความรัก แต่ด้วยตัวเนื้อเรื่องเอง ก็อยากให้รอติดตามว่าพุฒจะเข้ามามีส่วนและเป็นตัวแปลหนึ่งในความสัมพันธ์ยังไง ก็ต้องมาลุ้นกันครับ
หากพูดถึงในแง่ของคนดูคิดเรื่องนี้น่าดูยังไง
อย่างที่ผมบอกว่ามันมีซีรีส์แนวนี้ค่อนข้างเยอะ สิ่งเหล่านี้ผมมองว่าเป็น market competition คือทุกคนแข่งขันกันสร้างซีรีส์ออกมา ซึ่งก็ทำให้คุณภาพของงานที่มีถูกดันให้สูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นคุณภาพของผลงานกำลังเติบโต สิ่งนี้แหละที่ผมคิดว่าน่าสนใจเพราะว่าทุกๆ เรื่องแข่งขันกันด้วยคุณภาพจริงๆ แล้วเรื่องของเราก็ไม่แพ้เรื่องคุณภาพจริงๆ ครับ อีกสิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจคือด้วยความที่นิยายหนามากมี 3 เล่ม การจะทำออกมาให้เหลือ 12 ตอนเป็นอะไรที่ค่อนข้างยาก ด้วยการต้องเก็บเส้นเรื่องของตัวละครด้วย และไหนจะมีเส้นเรื่องที่ย่อยอีก ผมว่ารสชาติในซีรีเรื่องนี้ค่อนข้างครบครับ
ซีรีส์เป็นแนวไหนคะ
โรแมนติก คอมเมดี้ และดราม่า มีหมดครับ แต่นำด้วยโรแมนติกคอมเมดี้
ในฐานะที่อัพเป็นทั้งนักแสดง นายแบบ และมีเล่นเอ็มวี จนตอนนี้เป็นนักแสดงเต็มตัว แล้วก็ผันตัวเองมาทำงานเบื้องหลังอีก ถือว่ามาไกลเหมือนกัน
ก็ค่อนข้างมาไกบครับ เหมือนว่าผมก็คลุกคลีในวงการอยู่แล้ว ต้องขอบคุณพี่ๆ หลายท่านที่มอบโอกาสให้เราได้ไปดูเบื้องหลังด้วย ทำงานเบื้องหน้าด้วยค่อยๆ ขยับตัวเองมาเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นการที่เราได้มาทำในตรงนี้ก็เหมือนกับเมื่อก่อนเราก็เคยเข้าใจเบื้องหลังในระดับหนึ่ง แต่ทุกวันนี้เราก็ยังเรียนรู้อยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ถ้าวันนี้ถามว่าเราผันตัวมาเต็มตัวไหม ถ้าให้พูดตรงๆ ก็ยังรู้สึกว่ามีความคาบเกี่ยวอยู่ เราก็ยังเรียนรู้ในการทำงานเบื้องหลังอยู่ ในทุกๆ วันเราก็มีปัญหาที่เราต้องแก้ มีสิ่งที่ดีบ้าง มีสิ่งที่ไม่ดีบ้างอะไรแบบนี้ เราก็เรียนรู้จากมันทุกวันครับ
แล้วมองย้อนไปในอดีตจนมาถึงวันนี้ รู้สึกว่าตัวเองเติบโตขึ้นยังไงบ้างคะ
น้ำหนักครับ น้ำหนักเพิ่ม ผมว่าคือความเข้าใจที่มากขึ้นมากกว่าครับ เหมือนว่าหลายๆ อย่างที่เราเจอหลายๆอย่างที่เราเป็น เมื่อก่อนตอนเด็กๆ เราอาจจะไม่ได้คิดแบบนี้ แต่พอเราโตขึ้นมาก็ได้เห็นมุมมองในหลายๆ แบบที่เกิดขึ้น และเรารู้สึกว่ามันมีวิธีการมากมายให้เราเลือกว่าจะแก้ไขปัญหายังไง ก็มองภาพได้ชัดขึ้นจากเมื่อก่อนที่เรามองไปแบบหนึ่ง โตขึ้นเราก็ได้มองมากขึ้นจริงๆ ครับ เข้าใจเบื้องหลังในการทำงาน เข้าใจงานเบื้องหน้าด้วย ทุกๆ เรื่องคือการเรียนรู้ครับ และเรารู้สึกว่าอะไรแบบนี้มันตอบโจทย์ชีวิตเรา เพราะเรารู้สึกว่าเมื่อไหร่ที่เราพอใจในสิ่งที่เราเป็น เราจะเลิกขวนขวาย เราก็อยากจะเดินหน้าไปเรื่อยๆ เรากลัวการที่เราติดอยู่กับที่ ส่วนตัวกลัวเป็นอัลไซเมอร์ด้วยครับ ผมไปอ่านเจอว่าวิธีแก้โรคอัลไซเมอร์ได้คือการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ต่อให้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ การพับกระดาษ หรือการเรียนภาษาใหม่ๆ ก็ช่วยเราในระดับหนึ่ง เหมือนเปิดเซลล์สมองเราให้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ อายุ 60 แล้วถ้ายังอยากเรียนภาษาเยอรมันก็ทำได้ ยิ่งทุกวันนี้มีเทคโนโลยี Ai ผมก็พยายามศึกษาบวกกับที่เราได้เล่นซีรีส์เรื่อง Start-Up ก็ทำให้เราได้เข้าใจ Ai มากขึ้น พอเราอ่านข่าว เราเลยรู้สึกว่าถ้าเราไม่ตามโลกนี้ให้ทัน มันจะทิ้งเราไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ครับ
สำหรับอัพแพสชั่นของการเป็นเบื้องหน้าและเบื้องหลังต่างกันไหม
ผมว่าต่างครับ ด้วยความที่เราค่อนข้างมืออาชีพในระดับหนึ่ง เราก็อยากเป็นนักแสดงที่สามารถเล่นบทที่ท้าทายได้ เล่นบทที่ยากขึ้นเรื่อยๆ ได้ เล่นอะไรที่มันแปลกใหม่ขึ้น แล้วก็ไม่หยุดตัวเองที่จะรับบทบาทที่มันแตกต่างไปเรื่อยๆ อันนี้เป็นแพสชั่นอย่างหนึ่งในการแสดง เพราะว่าเราได้สวมบทบาทเป็นใครสักคนหนึ่งที่เราไม่มีโอกาสได้เป็นเลยในชีวิตนี้ นี่เป็นอีกแพสชั่นหนึ่งที่เรามองกับเบื้องหน้า ส่วนเบื้องหลังแพสชั่นที่เรามีคือสามารถสร้างความสุขผ่านผลงานที่เกิดขึ้นได้ นอกจากความคุณภาพแล้ว เรายังสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับคนที่ได้รับชมได้ด้วย สิ่งเหล่านี้คือแพสชั่นจริงๆ ในการทำงาน เพราะว่าอะไรที่เป็นกำลังใจให้เรา นอกจากนี้สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปมากๆ เลยคือการที่เราได้รู้จักพี่ๆ น้องๆ แฟนคลับหลายๆ คน แล้วได้รับฟีดแบ็กต่างๆ และกำลังใจต่างๆ ที่ได้รับกลับมา ผมว่านี่แหละคือแรงผลักดันที่ทำให้เรารู้สึกว่า เป็นเป้าหมายในชีวิตว่าเราอยากตื่นขึ้นมาและสร้างความสุขให้กับคนรอบข้าง อยากให้ทุกคนได้รับพลังงานดีๆ รวมไปถึงคนที่ได้เสพผลงานของเรา มันกลายเป็นแพสชั่นอย่างหนึ่งที่เรารู้สึกว่าอยากทำงานเยอะๆ ครับ
ถ้าในแง่การเป็นนักแสดงมีเป้าหมายยังไงบ้างคะ
อย่างที่บอกไปเพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าโอกาสที่เข้ามาจะเป็นอะไร เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือการเตรียมตัวให้พร้อม ฝึกฝน เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าโอกาสจะเข้ามาเมื่อไหร่ ไม่มีทางรู้ว่าโอกาสที่จะเข้ามาจะเป็นแบบไหน สิ่งที่เราทำได้คือเตรียมตัวให้พร้อมมากที่สุดเท่าที่เราทำได้ครับ
มีอะไรในวงการที่อยากทำอีกบ้างคะ
ไม่เคยคิดเลยครับ เพราะว่าโอกาสในทุกวันนี้สำหรับผม ผมรู้สึกว่าด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในหลายๆด้านที่มนุษย์เรากำลังเดินหน้าไปสู่ ยังมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา ย้อนกลับไป 10 ปี บอกพ่อแม่ว่าผมอยากเป็น podcaster ซึ่งตอนนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ไม่มีทางรู้เลยว่า podcaster คืออะไร จนตอนนี้เป็นเรื่องปกติไปแล้ว อาชีพใหม่ๆ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเหมือนที่บอกไปว่าเราไม่ต้องปิดกั้นตัวเอง ไม่ต้องกลัวว่าสิ่งที่เข้ามาจะเป็นอะไรและเราจะรับได้ไหม แค่เปิดรับคอมมิวนิตี้ใหม่ๆ มันน่าสนใจและน่าตื่นเต้นในทุกๆ ครั้งที่เข้ามา
อัพมาถึงจุดนี้ได้ มีใครที่อยากขอบคุณเป็นพิเศษ
ขอบคุณทุกคนครับ ขอบคุณเท่าไหร่ก็ไม่พอ ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่สนับสนุนให้เราทำในสิ่งที่เขาอาจจะไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าสิ่งนี้สามารถพาเรามาได้ไกล แต่เขาเข้าใจนะ เขาเป็นห่วงเราแหละ ก็คอยระวังหน้าระวังหลังให้เราตลอดเวลา ขอบคุณทุกคนในบ้าน ขอบคุณทีมงานทุกคนของ JUSTUP ขอบคุณพี่น้องแฟนไทยทุกคน ขอบคุณพี่ๆ ที่มอบโอกาสให้ และพี่ๆ ในอนาคตที่กำลังจะเข้ามา พูดยังไงก็ไม่หมดจริงๆ เราก็เลยคิดว่าสิ่งที่เราทำได้คือเต็มที่กับทุกๆ โอกาสที่เข้ามา และเต็มที่กับพี่ๆ น้องๆ ทุกคน เต็มที่กับคนรอบข้าง เพราะเรารู้สึกว่านี่แหละคือสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด
สุดท้ายนี้ ฝากผลงานหน่อยค่ะมีอะไรให้ทุกคนติดตามบ้าง
ก็ขอฝากซีรีส์เรื่อง “ค่อยๆรัก step by step” ด้วยนะครับ และฝากพี่แมน น้องเบน พี่วิน และน้องเซนต์ ทุกๆคนเลยครับ ฝาก บริษัท Dee Hup House กับฝากบริษัท JUSTUP ด้วย เพราะทีมงานทุกคนเต็มที่ด้วยกันมาจริงๆ เราเห็นทุกคนที่เขาให้ใจเรา เราเห็นทุกคนที่พยายามมาด้วยกันเสมอ แล้วก็เต็มที่กับทุกๆ งานจริงๆ และเรารู้สึกว่าความเต็มที่เหล่านี้จะถ่ายทอดออกท่ผ่านผลงานชิ้นนี้จริงๆ ก็ขอฝากซีรีส์เรื่อง “ค่อยๆรัก step by step” ด้วยครับ ทุกวันอังคาร สามารถรับชมได้ทางช่อง one31 และสามารถดูย้อนหลังได้ทาง WeTV ครับ ฝากซีรีส์เรื่อง Start-Up ด้วยครับ กำลังดุเดือดมากครับช่วงนี้ เล่นซีรีส์เรื่องนี้สนุกมากเลยครับผม ได้เล่นกับเบลล์ เขมิศรา, พี่เกรท สพล และพี่ก้อย อรัชพร ทุกคนเต็มที่ไปด้วยกันจริงๆ กดดันนิดนึงครับ แต่ว่าเราก็พยายามเปลี่ยนมันให้กลายเป็นแรงผลักดันมากขึ้น ทุกคนพยายามกันเต็มที่สุดๆ เลย อยากให้ได้รอชมกันจริงๆ เพราะทุกคนใส่เต็มจริงๆ และฝากเรื่องภาพยนตร์หุ่นพยนต์ด้วยนะครับที่โรงภาพยนตร์ เป็นหนังผีครับ บทบาทท้าทายมากๆ ผมรับบทเป็นเด็กพิเศษ ก็ทำการบ้านมาเต็มที่ครับ อยากฝากด้วยครับ
TEXT : ImJinah
PHOTO : เติมสิทธิ์ ศิริพาณิช
อัพเดตข่าวบันเทิงเอเชีย ซีรี่ย์เอเชีย ดาราเอเชีย ไอดอลเอเชียได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ
สัมภาษณ์พิเศษ 4 นักแสดงจากซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง RACE ออริจินัลจาก Disney+ Hotstar