ก่อนจะไปดูหนัง เทอมสอง สยองขวัญ สุดสัปดาห์ Digital Cover ขอเสิร์ฟออร่าหล่อทะลุความหลอนของสองนักแสดงนำ เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ และ กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ หรือ กิต Three Man Down ในภาพยนตร์ไทยเรื่องล่าสุดของ “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” ใครที่ชอบเสพตำนานสุดหลอนในรั้วมหา’ลัยพลาดไม่ได้ ปีการศึกษา 2565 นี้ นักศึกษาทั้งหลายจะมีใครและเจอกับอะไรบ้าง 24 มีนาคม ไปหลอนพร้อมกันได้ในโรงภาพยนตร์
เทอมสอง สยองขวัญ เจมมี่เจมส์-กิต Three Man Down ชวนเปิดตำนานหลอนในมหา’ลัยที่ “คนในอยากหลอก คนนอกอยากเล่า”
วันนี้ที่เราได้คุยกัน ได้ดูทีเซอร์แรกของหนังผีเรื่องใหม่เทอมสอง สยองขวัญกันไปแล้ว ให้กิตและเจมส์เล่าถึงบทบาทที่ตัวเองได้รับในเรื่องนี้ให้เราฟังหน่อย
เจมส์: สวัสดีครับผม เจมมี่เจมส์ นักแสดงจากเรื่องเทอมสอง สยองขวัญ ตอน เดอะซี ผมรับบทเป็น “แทน” ครับ ในเรื่องแทนเป็นนักศึกษาแพทย์ปีหนึ่ง บุคลิกเป็นคนเงียบๆ ดูเผินๆ เหมือนเป็นคนเย็นชา ดูเป็นเด็กที่มีอะไรในใจเยอะ เหมือนเป็นคนเก็บตัว คนที่เก็บความเครียดไว้คนเดียว แล้วเขายังมีความลับที่ไม่สามารถบอกคนอื่นได้ มันเหมือนเป็นทางแยกของชีวิตในมหา’ลัย ซึ่งอาจจะส่งผลต่อชีวิตของแทนในอนาคตได้เลยครับ เป็นรอยต่อสำหรับช่วงชีวิตหนึ่งได้เหมือนกัน แล้วนิสัยที่แทนเป็นคนที่เก็บอะไรไว้ในใจแล้วไม่บอกคนอื่น เลยก่อให้เกิดปัญหากับ “แตง” (นาน่า ศวรรยา) ที่เป็นแฟนกัน และนำพาให้แทนไปเจอกับเรื่องราวสยองขวัญแบบคาดไม่ถึงเลยครับ เรียกได้ว่าเรื่องนี้ผมโดนหนักมากจริงๆ ครับ
กิต: ในเรื่องเทอมสอง สยองขวัญ ผมรับบทเป็น “กอล์ฟ” นะครับ “ตอน ตึกวิทย์เก่า” ครับ คาแร็กเตอร์ในเรื่องนี้จริงๆ ผมเหมือนเล่นเป็นตัวเองอะครับ ดึงความกวนของตัวเองออกมาใช้ด้วย กอล์ฟเป็นเด็กขบถของสังคมในระดับหนึ่งเลยครับ ไม่เชื่อในเรื่องการศึกษา คาแร็กเตอร์ขวางกับในสิ่งที่ขนบอยากให้เป็น ซึ่งเรื่องนี้ก็จะพูดถึงเรื่องความเชื่อด้วย
พอมันมีเรื่องความเชื่อเข้ามา มันก็มีเรื่องผีเข้ามาด้วยเช่นกัน ไอ้ตัวกอล์ฟไม่เชื่อเรื่องอะไรแบบนี้เลย ไม่เชื่อทั้งเรื่องการศึกษา เรื่องผี เรื่องการแต่งตัวก็จะผิดแปลกไปจากขนบสังคม ในเรื่องกอล์ฟก็จะเลิกเรียนและมาเป็นไรเดอร์ส่งของ ซึ่งใจจริงกอล์ฟชอบเป็นนักบิด แล้วอาชีพไรเดอร์ก็สอดคล้องกับสิ่งที่กอล์ฟชื่นชอบ กอล์ฟชอบมอเตอร์ไซค์ ชอบแต่งรถ ผมว่านิสัยภายนอกกอล์ฟถ้าคนมองมาก็น่าจะเป็นฟีลแบบเด็กไม่ดี ไม่เชื่อฟัง เป็นเด็กเกเร หัวดื้อไม่ฟังผู้ใหญ่ ซึ่งก็จะเป็นมุมมองเดียวกับที่พี่สาวเราในหนังเรื่องนี้มองเลยครับ
ความสัมพันธ์ของ “กอล์ฟ” กับพี่สาว “มีน” (เบลล์ เขมิศรา) เป็นยังไงบ้าง
จริงๆ กอล์ฟกับตัวพี่สาวเรียกว่าต่างกันสุดขั้วเลยนะครับ กอล์ฟจะเป็นฝ่ายค้าน พี่สาวจะเป็นฝ่ายอยู่ในระบบทั้งหมด เชื่อเรื่องผี มีการศึกษาที่ดี ทุกอย่างทำตามระบบ ส่วนกอล์ฟก็จะแบบหักล้างทั้งหมดที่พี่สาวเป็น สองคนนี้ก็จะขัดแย้งทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลา ด้วยนิสัยและความเชื่อความศรัทธาของทั้งสองคน แต่ลึกๆ ทั้งคู่ก็รักและเป็นห่วงกันแหละ
เรื่องนี้ถือว่าแตกต่างจากคาแร็กเตอร์หรือการแสดงในเรื่องที่ผ่านๆ มายังไงบ้าง
เจมส์: เรื่องนี้จะมีความยากคือ สถานการณ์จะเกิดขึ้นภายในหนึ่งวัน เพราะฉะนั้นแบ็กกราวด์ของคาแร็กเตอร์อาจจะเล่าไม่ได้มาก แต่สิ่งที่มันต่างกับเรื่องอื่นมากๆ คือผมไม่เคยเล่นอะไรแบบนี้มาก่อน มันคือเรื่องอาการแพนิกและช็อคเวลาเจอผี ทำให้ร่างกายเราเคลื่อนไหวได้ไม่สมบูรณ์ ทีนี้เราก็ต้องเลือกว่าจะไปเวย์ไหน แล้วอะไรบ้างที่มันจะนำไปสู่การที่ตัวละครแทนเกิดอาการนี้ขึ้นมาได้ มันจะมีความดีเพรส (Depress) มีแพนิก (Panic) ที่เราใส่รายละเอียดพวกนี้เข้ามานะครับ ซึ่งเราก็ไปรีเสิร์ชค่อนข้างเยอะมาก มีครูเวิร์กช็อปที่ช่วยดูเรื่อง Body Coaching แล้วก็จะคอยคุยกับเราตลอดว่า อาการแบบนี้มันจะเป็นประมาณไหน ส่งคลิปมาให้ดูเพื่อให้รีเสิร์ชเพิ่ม ซึ่งเราก็ได้เห็นอาการจริงๆ ของคนที่เป็นแบบนี้
กิต: จริงๆ นี่เป็นการแสดงหนังเรื่องที่สองครับ มีความแตกต่างกันในเชิงตัวตนและการแสดงออกครับ ซึ่งเรื่องที่ผ่านมาก็จะเป็นเหมือนคนที่เข้าสังคมยาก เป็น Introvert ไม่มีเพื่อน แต่กับเรื่องนี้ กอล์ฟเองจะเป็นคนที่เข้าสังคมยากเหมือนกัน แต่ว่าจริงๆ แล้วกอล์ฟก็มีสังคมของเขา
คือเรื่องที่ผ่านมาอาจจะเข้ากับเพื่อนไม่ได้ แต่เรื่องนี้กอล์ฟคือจะเข้ากับโลกไม่ได้ เข้ากับสังคมระดับใหญ่ไม่ได้ เขาจะถูกมองว่าแปลกแยก มันเกี่ยวเนื่องกันแต่มันไม่เหมือนกันเลยในประเด็นนี้ มีความคิดที่จะต้องเปลี่ยนวิธีการเล่นนิดหน่อย แต่ก็มีความเป็นตัวเองเข้ามาด้วย เพราะว่าผมเองก็เป็นคนที่มีความไม่เชื่ออะไรบางอย่างในสังคมเหมือนกัน ก็เลยคุยกับ “พี่ต้น” (เอกภณ เศรษฐสุข) ผู้กำกับในเรื่องบางเรื่อง ใน Mindset บางจุด
มีความยากง่ายยังไงสำหรับหนังผีเรื่องนี้
กิต: ถ้าความยากคือเล่นให้ตลกผมว่ามันยาก เพราะว่าการทำให้คนดูรู้สึกตลกสำหรับผมก็ยาก คือกลัวว่ามันจะเป็น Inside Joke มากกว่า คือเราตลกกันเองในพาร์ตที่แบบว่าเรารู้บริบทว่าผมกำลังจะสื่ออะไร แต่พอมันอยูในภาพยนตร์มันมีการเล่าเรื่อง ผมกลัวว่าคนดูอาจจะไม่ตลกแบบสิ่งที่เราอยากให้ตลก เพราะว่ามันเป็นหนังคอมเมดี้ด้วย อันนี้ผมว่ายาก แต่ถ้าเกิดเป็นแอ็คติ้งในเชิงความกวนหรือว่าแบบไม่เชื่อโน่นไม่เชื่อนี่ คือผมเองก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ
เจมส์: คือผมว่าเล่นเรื่องนี้ เรื่องข้อมูลเรื่องอินเนอร์ก็เป็นเบสิกที่เราต้องเตรียมตัวอยู่แล้ว ทีนี้พอมันต้องใช้ร่างกายเยอะมาก สิ่งที่เราต้องเตรียมตัวให้ดีเลยคือสุขภาพของเราหรือบอดี้ของเรา เพราะมันต้องใช้ร่างกายแบบสุดมากๆ ครับ รวมถึงเราก็ต้องหาทางที่เราจะถ่ายยังไงให้มันเซฟตี้ที่สุดด้วย เพราะว่าเราต้องทำงานกันยาว ถ้าเกิดการเจ็บตัวกองจะรันต่อไม่ได้ ก็พยายามหาท่าทางที่เราจะคลานหรือว่าตรงไหนต้องเซฟกันให้ดี หลักๆ ก็เป็นเรื่องของปัจจัยภายนอกซะส่วนใหญ่ที่เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมครับ
ฉากที่เจมส์ต้องปะทะกับผี มันหนักหนาสาหัสยังไงบ้าง
เจมส์: โอ้โห คือประมาณครึ่งเรื่องเลยครับ คือเจอผีแล้วคลาน ไม่ได้เดินเลยครับ คลานครึ่งเรื่องจริงๆ ตอนอ่านบทก็โอเคมันคงไม่ได้คลานหนักมากหรอก เขาคงมีมุมแบบคลานๆ หยุดๆ อะไรใช่มั้ย ตัดมาของจริงคือเหมือนแบบเราวิ่งห้าสิบเมตรแล้วคลานห้าสิบเมตรอะไรอย่างนี้เลย มันเหนื่อยมาก มันจะมีฉากที่เรารู้สึกว่า เฮ้ย…มันสมจริงมากเพราะว่าแรงเราไม่เหลือแล้ว แล้วก็แบบจะคลานอีกได้มั้ยนะ คือไถไม่ไปแล้วอะ เหนื่อยแต่มันส์ ได้แผลทุกวัน เป็นเรื่องที่ผมได้แผลทุกวัน แต่ละวันจะต้องมีแผลละ อันนี้ช้ำมา อันนี้กระแทก อันนี้สะดุดล้มอะไรอย่างนี้ คือได้แผลทุกวันครับ แล้วก็มีเล่นตอนตกบันไดด้วยนะครับเล่นกับกรีนสกรีน ก็สนุกดีครับ มันมีความแอ็กชันสยองเลยครับในเรื่องนี้ คือมีทั้งคลานคนเดียว คลานกับผี แล้วก็คลานมาครบทุกพื้นแล้วครับ พื้นห้อง พื้นในหอ พื้นนอกหอ เราคลานมาหมดทุกแบบแล้วครับ เก็บให้ครบทุกมุม ก็คือพื้นสะอาด เสื้อผ้าผมถูไปเรียบร้อยสะอาดเลย
ฉากในห้องพักของที่มีหลากหลายอารมณ์ในฉากนี้ ยากง่ายยังไงบ้างในการแสดงที่ต้องสื่อสารเรื่องราวและอารมณ์ออกมา
เจมส์: ก่อนถ่ายฉากนี้เราก็มานั่งคุยกับ “นาน่า” (ศวรรยา) ที่เล่นเป็น “แตง” แฟนเรากับ “พี่ก๋วยเตี๋ยว” ผู้กำกับด้วยว่าเราไปทางเวย์ไหนดี เรามีการเวิร์กชอปกันว่าแบบไหนมันเวิร์ก แบบไหนไม่เวิร์ก คุณรู้สึกกับท่ากอดแบบไหนมากกว่าน้อยกว่า มันเลยพัฒนาสิ่งที่คุยกันหรือว่าไอ้ตัวปมที่มันเป็นมาตลอด เหมือนตัวของ “แทน” ที่เราบอกว่ามันเป็นคนที่เก็บอะไรไว้ในใจ มันเลยทำให้ความสัมพันธ์ที่แตงก็คงงงว่าอยู่ดีๆ มึงเป็นบ้าอะไรวะ มันก็แปลกไปจนรู้สึกได้ เพราะตัวแทนเองก็ไม่บอกแตง มันก็เลยเป็นจุดที่ทำให้ทั้งสองไม่มั่นใจเหมือนกันว่าอนาคตแม่งจะเป็นยังไงต่อไปวะ มีความซับซ้อนในหลายๆ อย่าง ตัวแตงมันก็มีทั้งความโกรธทั้งความไม่เข้าใจ มันยังมีความรักความผูกพัน ตัวของแทนเองมันก็มีความรักความผูกพัน มันมีอะไรในใจที่มันบอกไม่ได้ มันมีอนาคตของตัวเองที่มันต้องแบกรับอยู่ครับ ก็เป็นซีนที่มันมีความซับซ้อนทางด้านอารมณ์ความรู้สึกแล้วก็ Meaning ในแต่ละไดอะล็อก
เรื่องราวความหลอนของ “เดอะซี” เกี่ยวกับอะไร
เจมส์: หนังผีเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากเรื่องเล่าผีหรือตำนานสยองของมหาวิทยาลัยที่ถูกเล่าต่อๆ กันมา เป็นเรื่องราวของคณะแพทย์คณะหนึ่ง ที่ในคืนวันครบรอบการสถาปนามหา’ลัย เด็กหอทุกคนจะไม่กล้าอยู่หอ จะต้องออกมาจากหอ เพราะลือกันว่าจะมีผีนักศึกษาแพทย์กลับมานอนที่เตียงซี แล้วในห้องของแทนมันก็ดันเป็นห้องที่มีเตียงซีอยู่ และคืนนั้นแทนมันก็อยู่หอเพียงคนเดียว ไม่ยอมกลับบ้านด้วย เพราะว่ามันก็คงมีอะไรในใจ มีความลับบางอย่างปกปิดไว้แหละ ที่ต้องทำให้ต้องอยู่ที่หอ เลยเกิดเหตุการณ์ที่พาให้แทนไปเจอกับความสยองที่เป็นตำนานมหา’ลัยโดยไม่คาดฝัน งานนี้แทนเลยโดนผีเล่นงานสาหัสมากครับ ต้องลุ้นกันว่าแทนจะเอาชีวิตรอดออกมาจากห้องนั้นได้ยังไงครับ จริงๆ มันก็คือทางแยกของชีวิตวัยรุ่นแบบว่า เฮ้ย…สิ่งที่เราทำมาทั้งหมดเนี่ย วันนี้มันกำลังจะพังทลายลงเพราะอะไรบางอย่างจริงๆ เหรอ มันก็จะมีคอนฟลิกซ์สำหรับตัวเองอยู่เหมือนกันครับ
เรื่องราวความหลอนของ “ตึกวิทย์เก่า” เกี่ยวกับอะไร
กิต: ก็ตามชื่อเรื่องเลยครับ เรื่องมันจะเกิดที่คณะวิทยาศาสตร์ที่มีนพี่สาวกอล์ฟเรียนอยู่ คือคณะนี้มันจะมีตึกวิทย์เก่าและตึกวิทย์ใหม่ แล้วพวกพี่สาวและแก๊งเพื่อนสามคนกำลังทำแล็บอยู่ที่ตึกใหม่ แล้วก็รอกอล์ฟเอาของที่ต้องใช้เรียนไปส่งให้ แต่ด้วยตัวกอล์ฟเองก็เป็นคนแบบงงๆ เอ๋อๆ เลยหลงเข้าไปในตึกวิทย์เก่าที่มีตำนานเรื่องผีมหา’ลัย ทีนี้ก็เจอเรื่องราวต่างๆ ตามตำนานที่เล่าไว้เลย แต่กอล์ฟมันก็ดันไม่รู้ว่าเจอผี มันก็นำพาพวกผีไปที่ตึกวิทย์ใหม่โดยไม่รู้ตัว นำความหายนะต่างๆ ไปให้พี่สาวและแก๊งเพื่อนจนเกิดเป็นความสยองฮาละวาดเกิดขึ้น
ด้วยคาแร็กเตอร์ของผมคือไม่เชื่อว่าผีมีจริงอยู่แล้ว ไม่เชื่อในระบบ ไม่เชื่ออะไรเลย ก็คิดว่าพวกผีเค้าเป็นคนปกติ ก็คุยกับผี เห็นผีมีเลือดออก อ้วกเป็นเลือดเลย ก็ดันบอกว่าเดี๋ยวผมพาไปส่งโรงพยาบาล พี่ตามผมมาก่อน ก็เชิญชวนผีทุกตัวตามมาพาไปหาพี่สาว พี่สาวพอเห็นว่าเป็นผีก็ตกใจแล้วก็มีการสู้กับผีเกิดขึ้น
สุดท้ายเราก็ต้องคลี่คลายให้กับผีทุกๆ ตัว มันก็เหมือนกับการที่แบบว่าเรื่องผีมันก็เป็นเรื่องของความเชื่อ ขนบเก่าๆ คือมันจะมีความโบร่ำโบราณอยู่ ซึ่งในขณะเดียวกันตัวพี่สาวเราเองก็เรียนวิทยาศาสตร์ ที่ทำให้โลกเราพัฒนาก้าวต่อไป แต่ทำไมยังเชื่อเรื่องผีอยู่อะไรอย่างนี้ครับ มันจะมีความขัดแย้งกัน แต่สุดท้ายแล้วมันก็พูดถึงเรื่องของสังคมด้วยว่าความเชื่อเก่าๆ บางอย่างมันก็อาจจะมีต้นมีปลาย ตัวกอล์ฟเองก็มาเข้าใจแล้วก็แก้ไขมันอีกทีหนึ่งครับ
คิดว่าผีมีจริงมั้ย
กิต: ผมว่าสิ่งที่เรากลัวคือเรากลัวบรรยากาศ ผมไม่เชื่อแต่ว่าไม่ได้ลบหลู่นะ แต่ถามว่าต้องไปอยู่ในห้องเงียบๆ มืดๆ คนเดียวกลัวไหม กลัวสิ คือมันเกิดจากจินตนาการที่เราสร้างขึ้นล้วนๆ เลย คือผมว่าถ้าเราไม่ได้อยู่กับความเชื่อว่ามีผี หรือว่ามันไม่เคยมีหนังผีออกมา ผมว่าเราก็คงไม่ได้กลัวผีกันนะ สุดท้ายมันก็คือจินตนาการนั่นแหละ
เรื่องความเชื่อผมมองอีกแง่ว่า ผีก็อาจจะมีจริงก็ได้ในหลักการที่เป็นพลังงานบางอย่าง แต่ผมเองก็ไม่เคยเจอ แล้วผมเองก็ไม่ได้กลัวผี แต่ส่วนตัวเป็นคนเชื่อเรื่องลึกลับ ผมรู้สึกว่าศาสนากับผีมันคนละเรื่องกัน ผมไม่ได้เป็นคนที่พุทธจ๋าคริสต์จ๋าขนาดนั้น ก็รู้หลักธรรมรู้คำสอนประพฤติตาม แต่ว่าไม่ได้ยึดจนแบบว่าอินทุกอย่าง ไอ้นี่ไม่ได้นะอันนี้ไม่ได้นะ เรา Flexible ยืดหยุ่นได้ ตามยุคตามสมัย แต่ว่าเรื่องผีเนี่ยผมรู้สึกสนใจ ยังไม่เจอก็เลยยังไม่เชื่อ แต่สนใจหวังลึกๆ ว่าจะให้มันมีจริงเพราะว่าอยากให้มันมี อย่างงี้ผมก็อธิบายไม่ได้ว่าเชื่อหรือเปล่า คือผมอยากรู้ว่ามันคืออะไร แต่ยังไม่เจอก็เลยยังไม่เชื่อ
เจมส์: เอาจริงนะ ประสบการณ์บางอย่างไม่ต้องเจอ ไม่ต้องลองก็ได้นะ อย่างเรื่องผีแบบนี้ (หัวเราะ)
กิต: ผมว่าถ้าเจอจริงๆ ผมเดาเลยนะว่าเขาคงไม่ได้มาแบบแพตเทิร์นชุดขาวผมยาวหน้าซีดตาเป็นเลือดอะไรอย่างงี้หรอก เขาน่าจะมาแบบเป็นชั่วขณะหนึ่งที่เป็นรูปพลังงานอะไรสักอย่าง ผมจะถามเขาว่าตายแล้วเป็นยังไงบ้าง ผมอยากรู้ว่าตอนตายเราเป็นยังไงบ้าง อยากรู้ว่าโลกหลังความตายเป็นยังไงบ้าง ตรงนั้นผมต้องเตรียมอะไรไปมั้ย ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าผมก็คิดอีกหลักความคิดหนึ่ง คือว่าในอดีตเราไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีเครื่องบิน ทำไมในบันทึกประวัติศาสตร์ถึงมีเรื่องเกี่ยวกับผีและซาตานเหมือนกันทุกๆ มุมโลก ในเมื่อเขาไม่ได้สื่อสารกัน ทำไมทุกคนถึงเล่าเรื่องนี้ได้คล้ายกัน ผมก็เลยคิดว่าหรือมันอาจจะมีจริงก็ได้ นี่ก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดกัน
แล้วผีในเรื่องนี้มีความสยองขวัญมากน้อยแค่ไหน
กิต: น่ากลัวมากครับ เพราะว่าผีในเรื่องนี้จะทำเป็นสองเลเยอร์ คือผีแบบหัวมันจะบิดไปอีกฝั่งหนึ่ง น่ากลัวเลยนะ คือยืนเฉยๆ ตอนกลางคืนแล้วเราหันไปเจอคือตกใจแน่นอน ผมรู้สึกว่าด้วยเมคอัพที่ใส่มา ด้วยดีไซน์ตัวผี การเดินของผี คือมันหลอนมาก ถ้าผมเจออย่างนี้ตอนนกลางคืนก็โอเค ยอมตายเลยก็ได้
การร่วมงานกับ “นาน่า ศวรรยา” เป็นยังไงบ้าง ในหนังเรื่องนี้กับในละครแตกต่างกันยังไง
เจมส์: ในละครที่เล่นกับนาน่าคือเราเป็นแบบพี่น้องเป็นญาติกัน แต่ในเรื่องนี้เราเล่นเป็นแฟนกัน มันก็จะแบบมันเหมือนเขยิบความสัมพันธ์เหมือนกันเนอะ ความรู้สึกเราก็ต้องคุยกันละ เราก็โตกว่าน้องด้วย มันก็จะมีเรื่องของความสบายใจระดับไหนที่น้องจะเล่น เพราะว่ามันจะมีการกอดหรือว่ามันมีภาษากายอยู่ประมาณหนึ่ง เราก็ต้องคุยกันก่อนว่าในฐานะนักแสดงเราสบายใจที่จะเล่นประมาณไหนเบอร์ไหน แล้วก็มีการคุยกันมากขึ้น แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ แต่ว่าอย่างน้อยให้เราได้สำรวจ ให้เราได้รู้สึกคุ้นชินกัน มันจะได้เล่นแล้วลื่นไหลมากกว่าครับ
ผมว่าน้องเป็นคนที่เซนซิทีฟไวดีนะ เหมือนจะเป็นคนที่น่าจะร้องไห้บ่อยอยู่แล้ว ก็เลยเป็นคนที่มีเทคนิคร้องไห้ได้ง่าย แต่ว่าร้องไห้มันก็มีหลายเวย์แหละ แต่ผมว่านาน่าเหมาะกับบทนี้นะ ด้วยเรนจ์อายุด้วยอะไรหลายๆ อย่าง คือแบบมันเมกเซนส์ในการแสดงออก ในวิธีการพูด ในอะไรก็แล้วแต่ รู้สึกว่าเหมาะกับตัวนาน่าครับ ส่วนเราก็ต้องย่ออายุลง 6 ปี ก็จะมีความแบบเด็กอายุ 18 เค้าคิดกันยังไง มันก็ต้องลดอายุตัวเองนิดนึง สายตาคนอายุ 18 กับ 24 มันความเจนโลกต่างกันแล้วไง ตรงนั้นมันคือจุดที่ยาก แต่ก็พยายามจูนนะ แล้วพอได้นาน่ามาเล่นซึ่งเค้าก็จะมีความ Youth ของเขาอะ มันก็กลายเป็นว่าโอเค เราได้รับพลังงานที่เราพอจะลดอายุลงมาได้พอมาเจอกับนาน่านะครับ คือดึงเราเป็นเด็กได้
การทำงานร่วมกับ “เบลล์ เขมิศรา” ที่เล่นเป็นพี่สาวในเรื่องเป็นยังไงบ้าง
กิต: ในเรื่องจริงๆ กอล์ฟกับตัวพี่สาวเรียกได้ว่าต่างกันสุดขั้วเลยนะครับ กอล์ฟก็จะเป็นฝ่ายค้าน พี่สาวก็จะเป็นฝ่ายอยู่ในระบบทั้งหมด เชื่อเรื่องผี มีการศึกษาที่ดี ทุกอย่างทำตามระบบของมัน ส่วนกอล์ฟก็จะแบบหักล้างทั้งหมดที่พี่สาวเป็น สองคนนี้ก็จะขัดแย้งทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลาด้วยนิสัยและความเชื่อความศรัทธาของทั้งสองคน แต่ลึกๆ ทั้งคู่ก็รักและเป็นห่วงกันแหละ
ส่วนการทำงานร่วมกับ “เบลล์” นี่สบายอยู่แล้วครับ ง่ายดายมาก เพราะว่าค่อนข้างสนิทกัน เบลล์เป็นคนที่ทำงานด้วยง่ายมากๆ เราเจอกันในเรื่องนี้แล้วก็มีการไปร่วมงานกันในมิวสิกวิดีโอด้วย เพราะว่าจะได้กดค่าตัวได้ตอนนั้น (หัวเราะ)
การร่วมงานกับผู้กำกับของตัวเอง
กิต: “พี่ต้น” (เอกภณ เศรษฐสุข) ผู้กำกับเป็นคนน่ารักมากครับ ทีมงานทุกคนน่ารักมากๆ ครับ แล้วผมก็รู้สึกซิงก์อะไรบางอย่างกับพี่ต้นในการคุยกันครับ เจอกันตอนเวิร์กชอปหรือว่าใดๆ ก็คุยกันแล้วรู้สึกว่า เค้ามีความสนใจอะไรเหมือนๆ กับผมบางส่วน ก็เลยอยากให้พี่ต้นทำเอ็มวีให้ เป็นไงมากองนี้ผมได้เอ็มวีมาสองตัวนะครับ ก็ให้พี่ต้นทำเอ็มวีให้ซึ่งดีมากเลยครับ พี่ต้นนำเสนอออกมาในเชิงภาพยนตร์ได้ดีมาก ชอบมากๆ ครับ
พี่ต้นเป็นคนที่ฟีลลิงให้หนังมันพาไปอะครับ กิตว่าตรงนี้มันจะเป็นยังไง กิตลองให้มันพาไปดู พี่ต้นเป็นคนที่มีสิ่งที่อยากได้อยู่ในหัวอยู่แล้ว แต่ว่าเขาก็ลองให้เราลองเล่นดู เขาก็เชื่อในตัวนักแสดงอะครับ เบลล์ลองดู กิตลองดูว่าจะเล่นเป็นยังไง แต่พี่ขอตรงนี้ไว้เทคนึง พี่ได้ละ ที่เหลือกิตลองปรับแก้ตรงนี้ดูนะ แล้วบางทีเราหลุดไปไกล เขาก็จะบอกอันนี้คือคอนเซปต์นะ อันนี้คือ Key Message ขอให้คีปอันนี้ไว้ที่เหลือแล้วแต่กิตเลย มันก็เลยสนุกในการเล่นครับ
เจมส์: ผมว่าพี่ก๋วยเตี๋ยว จตุพงศ์เค้าเป็นคนที่เข้าใจนักแสดงมากเลยนะ คือเค้าเข้าใจว่าควรจะบรีฟเรายังไง ควรจะมีพื้นที่ให้เรายังไง สิ่งๆ ไหนที่รู้สึกว่าเราอยากพัฒนาไปด้วยกันทั้งในทางของเรื่องบท เรื่องร่างกายและจิตใจ พี่เตี๋ยวค่อนข้างโอเพนกับเราในสิ่งๆ นั้น แล้วเรารู้สึกว่าเราแฮปปี้ มันเหมือนว่าเราพยายามสร้างสิ่งนั้นไปด้วยกัน เป็นอย่างเดียวกันอะไรอย่างนี
บรรยากาศการถ่ายทำเป็นยังไงบ้าง เล่าถึงความสนุก โหด มันส์ ฮา ให้ฟังหน่อย
เจมส์: บรรยากาศโดยรวมดีนะครับ ผมว่าเราก็กดดันในการทำงานแหละ แต่ว่ามันก็ยังไม่ได้เครียดๆๆ อย่างเดียว มันก็ยังมีความสนุกสนาน มันยังมีความชิลล์ มันยังมาพูดเล่นกันได้ แต่ทุกคนก็มาเพื่อเวิร์กนะ แต่โดยรวมแล้วสนุกครับ คือบรรยากาศหนังผีเวลาเราคลานไปเสร็จปุ๊บ แล้วทีมงานรอเราอยู่ประมาณร้อยคนอย่างเนี้ย ตอนแรกผมคิดว่าเฮ้ย…ให้ผมคลานคนเดียวในหอ น่ากลัวนะ แต่เบื้องหลังคือทีมงานเต็มไปหมดเลย แต่มันเป็นทริกของผมเวลาดูหนังผีเหมือนกันนะ แบบเชี่ยน่ากลัว อ้อ…เราก็นึกเลยทีมงานอยู่ตรงนี้ กล้องอยู่ตรงนี้ โอเคๆ เรารู้ละ ไม่กลัวๆ
เป็นคนที่ชอบดูหนังผีมั้ย
เจมส์: ปกติผมไม่ดูหนังผี ไม่ค่อยชอบดูครับ บอกไปว่าไม่กลัวผีแต่แบบหนังผีก็ไม่ค่อยอยากดูครับ มันหลอนอะ แล้วเวลาดูมันจะแบบคนเรามันชอบจินตนาการ มันก็จะไปจินตนาการต่อละ หรือแบบพอเราเจอโลเคชันหรือว่าเหตุการณ์ที่มันคล้ายคลึงกับหนัง มันก็จะนึกไปถึงหนังแล้วเราก็จะจินตนาการแล้วว่ามันจะต้องมีสิ่งๆ หนึ่งเกิดขึ้นแน่เลยอะไรอย่างนี้ ก็เลยพยายามจะไม่ค่อยดู เรื่องนี้เป็นหนังผีสยองขวัญเรื่องแรก เป็น Horror เรื่องแรกของผมเลย เล่นหนังผีได้ แต่ก็ยังไม่ชอบดูหนังผีอยู่ดีครับ
ความน่าสนใจหนังผีเทอมสองสยองขวัญที่ต้องตี๋ตั๋วไปดู
กิต: สำหรับเรื่อง “เทอมสอง สยองขวัญ” นี้จริงๆ ผมว่าหนังแบบนี้มันไม่ได้มีมานานแล้วนะที่มารวมกันเล่าเรื่องผีตำนานต่างๆ แต่ว่าอันนี้ความน่าสนใจก็คือมันเป็นเรื่องตำนานในมหา’ลัยด้วย ถ้าพูดถึงผีก็ต้องสองอย่าง ไม่โรงเรียน ก็มหา’ลัยที่จะตำนานเยอะนะครับ ความน่าสนใจมันอยู่ตรงนี้แหละว่าในยุค 2022 แล้ว เราจะเล่าเรื่องผีให้มันน่าสนใจได้ยังไงอีก เพราะว่าวิทยาศาสตร์ใดๆ ความเชื่อคนเราก็พัฒนาไปแล้ว เรื่องผีเนี่ยมันยังล้าหลังอยู่หรือเปล่า หรือว่าเราต้องมีจังหวะใหม่ๆ มานำเสนอให้ผีมันน่ากลัวแบบอินเทรนด์ ผมว่าอันนี้ก็เป็นความท้าทายและน่าสนใจสำหรับภาพยนตร์ผีไทย มันน่าจะต้องมีอะไรใหม่ๆ บ้างเพื่อที่จะให้ติดเทรนด์ในปัจจุบันไรงี้ครับ
ส่วนไฮไลต์ของตอน “ตึกวิทย์เก่า” นะครับ ผมว่าไฮไลต์เนี่ยไม่อยากจะบอกว่าเป็นคาแร็กเตอร์ “กอล์ฟ” มันคือความไม่เชื่อของคนรุ่นใหม่ ผมก็เหมือนเป็นตัวแทนของคนที่ไม่เชื่อ แต่หาคำตอบ อยากรู้แหละว่ามันมีเรื่องผีอยู่บนโลกใบนี้ ก็ยังไม่เจอ ก็เลยยังไม่เชื่อแล้วกัน ขอเจอได้ไหม ความขัดแย้งความเป็นขบถในตัวกอล์ฟ เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ อยากให้ไปดูว่าไอ้ตัวนี้มันจะนำพาอะไรมาบ้าง ให้หนังเรื่องนี้มันสนุกยังไงบ้าง มีความคล้อยตาม หรือว่าไม่เชื่อเลย หรือว่ากลัว
บางคนบอกว่าไม่เชื่อ แต่ถ้าเจอจังๆ ก็อาจจะกลัวก็ได้ ผมก็อาจจะกลัวก็ได้ถ้าเกิดวันหนึ่งผมเจอผีผมอาจจะกรี๊ดแตกก็ได้ แต่นั้นมันก็เป็นบทพิสูจน์ของตัวผมเอง ก็คืออยากให้ทุกคนมาดูกันนะครับว่าในปัจจุบันนี้ถ้าเกิดว่าเราดูแบบไม่เชื่อเลย ดูหนังแบบไม่เชื่อเลยมันอาจจะตลกก็ได้
และเรื่องนี้มันก็ยังสะท้อนสังคมถึงเรื่องเสรีภาพทางความคิดใดๆ ของวัยรุ่นสมัยใหม่ ทั้งเรื่องของอาชีพ การแต่งตัว การเรียน ความเชื่อ พฤติกรรมบางอย่างสะท้อนสังคม ทุกอย่างหนังเรื่องนี้ก็ได้พูดไว้แล้วนะครับ ก็อยากให้ไปดูกันครับผมสำหรับภาพยนตร์เรื่อง “เทอมสอง สยองขวัญ” นี่ก็เป็นหนังเรื่องที่สองของผมนะครับ แล้วก็เป็นหนังผีเรื่องแรกด้วย ผมชื่นชอบหนังผีอยู่แล้วนะครับ ก็อยากจะฝากติดตามภาพยนตร์เรื่องนี้นะครับ ทีมนักแสดงก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ก็ขอฝากด้วยนะครับ จะวิจารณ์ตัวผมเต็มที่เลยครับ อยากวิจารณ์อะไรพิมพ์มาได้เลยนะครับ แต่อย่างน้อยก็ฝากกดไลก์กดแชร์แล้ว แล้วก็ไปชมหนังเรื่องนี้กันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
เจมส์: โดยรวมเรื่องนี้ก็เป็นหนังสยองขวัญที่ได้แรงบันดาลใจมาจากตำนานมหา’ลัยที่เล่าขานกันมานาน ซึ่งหลายๆ คนน่าจะเคยสัมผัสหรือได้ยินกันมาบ้าง ก็จะมีครบทุกแนวทุกรสชาติทั้งดราม่า ตลกกวนๆ รวมถึงตอน “เดอะซี” ที่ผมกับน้องนาน่าแสดงก็จะมาในแนวสยองแอ็กชันที่เราดีไซน์มา คนดูก็น่าจะลุ้นตัวละครของผมไปด้วย เอาใจช่วยไปด้วยแบบคลานให้เร็วสิๆ รอดไปให้ได้สิ คิดว่าคนดูก็จะสนุกตรงนี้ แง่ความสยองก็ลองจินตนาการดูว่าต้องอยู่ในหอในคนเดียวทั้งหอ แล้วอยู่ดีๆ ก็มีผีเดินเข้ามา ผมว่าลองคิดแค่นี้ผมว่ามันก็สยองแล้วนะ แค่อยู่หอในคนเดียวไม่ต้องเจอผีก็ได้ แค่นี้ก็สุดแล้วครับ
ก็อยากฝากทุกคนมาดูเรื่องเทอมสองสยองขวัญกันนะครับ ไม่ใช่แค่ตอน “เดอะซี” ของผมตอนเดียว ผมว่าทุกตอนเลยคือแบบแต่ละตอนก็จะต่างกันไป ตอนหนึ่งมีความตลก อีกตอนมีความดราม่า อย่างตอนของผมนี้ก็จะมีความสยองระทึก ผมว่ามันคือหนังสยองขวัญที่ครบรส คือการที่คุณเข้าโรงมาดูเรื่อง “เทอมสองสยองขวัญ” นี้ มันก็ได้ครบรสครบอารมณ์ น่าจะได้ทุกมู้ด แล้วผมว่าการดูหนังที่ได้ครบรสเนี่ย มันก็คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของการดูหนัง แล้วก็น่าจะได้เห็นแบบมุมมองหลายๆ อย่างของช่วงมหา’ลัย บางคนอาจจะมีแบบเฮ้ย…เหตุการณ์นี้เราเคยเจอ เหตุการณ์นั้นเราเคยเจอ มันอาจจะย้อนความทรงจำเราได้เหมือนกัน ยังไงก็มาดูกันเยอะๆ นะครับ
เรื่อง: AuAi / Photo: เนาวจพจน์
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
อิ้งค์ วรันธร เปานิล นักร้องหญิงขวัญใจแฟนบอยและแฟนเกิร์ลทุกเพศทุกวัย
ทำความรู้จัก ลี-ฐานัฐพ์ โล่ห์คุณสมบัติ ผู้ชายอบอุ่น ขี้เล่น แสนดี สเป็คแฟน