ซีรีส์ใส่รักป้ายสี เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของเต้–สิงโต ที่ทั้งคู่เล่าให้ฟังว่า มีแต่เรื่องราวดีๆ และความประทับใจให้จดจำ ซึ่งหลังจากออนแอร์กระแสก็ปังจนติดเทรนด์ทวิตเตอร์รัวๆ ก่อนซีรีส์จะเดินทางสู่อีพีจบ สุดสัปดาห์ไม่รอช้า คว้า “เต้–ดาวิชญ์ กรีพลฤกษ์” และ “สิงโต–ปราชญา เรืองโรจน์” มาถ่ายปก Sudsapada Digital Cover เป็นครั้งแรก พร้อมนั่งคุยอย่างออกรสออกชาติ ตามประสาคนคอเดียวกัน
ซีรีส์ใส่รักป้ายสี การร่วมงานกันครั้งแรกของเต้–สิงโต ที่มีแต่เรื่องราวดีๆ
ฟีดแบ็กแฟนๆ หลังจากชมซีรีส์เป็นอย่างไรบ้างคะ
สิงโต: แฟนๆ ก็ชอบกัน บอกว่าสนุกและน่าติดตามมากๆ ได้เห็นบทบาทใหม่ๆ จากเราสองคน แต่คำแรกที่ผมเห็นในทวิตเตอร์คืออะไรรู้มั้ยครับ แฟนๆ บอกว่า “อย่าชวนกันเข้าป่านะ” (หัวเราะ)
เต้: ตั้งแต่แรกๆ ที่มีการประกาศว่า เราเล่นด้วยกัน แฟนคลับสิงก็บอกว่า พี่เต้อย่าพาสิงเข้าป่านะ เพราะว่าทุกวันนี้สิงก็หนีเข้าป่าอยู่แล้ว หมายถึงหายไปจากโซเชียลครับ แล้วเราสองคนเป็นคนไม่ค่อยโซเชียลด้วยกันทั้งคู่เลย แทนที่จะพากันออกจาป่า แฟนๆ น่าจะกลัวเราพากันหนีเข้าป่า (หัวเราะ)
สิงโต: ไม่ใช่ว่าเราไม่เล่นเลยนะครับ แต่จะมีบางโมเมนต์ที่รู้สึกว่า ไม่เล่นดีกว่า ที่หายไปเลย เราอาจจะทำ activity อย่างอื่นอยู่ครับ
สิงโต: พี่เต้ก็เลยจะมี #เต้ติสชีวิตโลเทค เป็น # ที่ประทับใจผมมาก คือต้องเป็นคนประเภทไหนแฟนคลับถึงตั้ง # นี้ให้ (หัวเราะ)
เต้: ส่วนของสิงก็จะเป็น #สมุนเจ้าป่า
เล่านิดนึงเผื่อใครยังไม่ได้ดู คาแร็คเตอร์ของทั้งคู่ในซีรีส์ใส่รักป้ายสีเป็นยังไงบ้างคะ
สิงโต: ผมเล่นเป็น ‘ปรเมศ‘ นะครับ CEO ของบริษัทต้องประสงค์ รับจัดออแกไนซ์และทำคอนเทนต์ออนไลน์ เป็นบอสที่เนี้ยบมาก เป็นคนประเภทเพอร์เฟ็กต์ชั่นนิสต์ ไม่ว่าจะทำอะไรต้องเป๊ะทุกอย่าง มีแพลนอยู่ในหัวตลอดเวลา มีกำหนดการอยู่ในมือถือตลอดเวลา มีแม้กระทั่งกำหนดการในการดื่มน้ำ ออกกำลังกาย ทุกอย่างบันทึกไว้หมด
เต้: ผมรับบทเป็น ‘ภาพ‘ เป็นจิตรกรครับ เป็นคนมีอุดมการณ์ มีความเป็นศิลปิน มองทุกอย่างเป็นศิลปะหมด พูดให้เข้าใจง่ายๆ ทุกอย่างในตัวภาพจะตรงข้ามกับปรเมศเลย ภาพใช้ชีวิตไม่มีตารางาน ทำงานก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ไม่มีแพชชั่นก็ไม่ทำ จนมีโอกาสได้ไปทำงานกับปรเมศ ก็เพราะเป็นลูกหนี้เขานั่นแหละ
สิงโต: ปรเมศใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความจริง แต่ภาพใช้ชีวิตอยู่กับความฝันและอุดมการณ์ คนหนึ่งเน้นรูปธรรม อีกคนเน้นนามธรรม
ตอนนี้มีซีรีส์วายให้ดูเยอะมาก อยากถามว่า “ใส่รักป้ายสี” ต่างจากซีรีส์วายเรื่องอื่นอย่างไรคะ
สิงโต: จะเรียกว่ายังไงดีนะ เป็นซีรีส์วายที่นำเสนอความรักโดยใช้ศิลปะนำพาได้ไหม (หันไปถามเต้)
เต้: เนื้อเรื่องจะดำเนินไปโดยมีศิลปะแทรกอยู่ในทุกซีน เพื่อแสดงถึงตัวตนของคนสองคนที่ต่างกันมากๆ คนหนึ่งโตมากับการเป็นประธานบริษัท ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย มีระเบียบแบบแผนในชีวิต อีกคนหนึ่งเลี้ยงชีพด้วยการวาดรูป มีงานศิลปะยึดเหนี่ยวชีวิต เราจะได้มองผ่านมุมมองของจิตรกรว่า มู้ดหรืออารมณ์ของสีแต่ละสีมันสะท้อนความรู้สึกอะไร อีกอย่างคือ เรื่องนี้จะสะท้อนให้เห็นชีวิตของคนวัยทำงาน 2 สไตล์ ที่เติบโตมาค่อนข้างต่างกันมาก ซึ่งก็จะมีมุมน่ารักให้คนดูเห็นว่า คนสองคนที่ต่างกันมาก แบบขาวกับดำ สุดท้ายเขาจะเบลนด์เข้าหากันได้อย่างไร
สิงโต: อย่างความน่ารักที่จะได้เห็น เช่น ปกติปรเมศจะคอนโทรลทุกอย่างในบริษัทให้อยู่ตารางเป๊ะๆ แต่พอมีภาพเข้ามา เรากลับคุมเขาไม่ได้เลย แล้วคาแร็คเตอร์ของปรเมศที่เห็นเด่นชัดเลย คือคิ้วต้องมาก่อน ขมวดตลอด ดูหงุดหงิดเก่ง (หัวเราะ) แล้วปรเมศกับภาพคือจะเถียงกันตลอดเวลา
เต้ : ช่วงแรกเถียงกันครับ จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงของการเรียนรู้ เฮ้ยยย เขาก็มีมุมที่ทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นได้นะ ทำให้มีเป้าหมายในชีวิตมากขึ้น
ทั้งเต้และสิงโตมีวิธีการเข้าถึงคาแร็คเตอร์ในใส่รักป้ายสีกันอย่างไรบ้าง
เต้: ผมต้องเข้าเวิร์คช็อปวาดรูป ซึ่งจริงๆ การเวิร์คช็อปมันมีมากกว่าแค่การมาวาดภาพนะครับ คืออาจารย์เขาก็จะถ่ายทอดอินเนอร์ หรือมุมมองของคนที่เป็นจิตรกรด้วยว่าเป็นอย่างไร วาดแบบนี้ ลงสีแบบนี้สื่อความหมายอะไรในภาพ มู้ดของสีเปลี่ยน อารมณ์ก็เปลี่ยนนะ ทำให้เราเข้าถึงความเป็นจิตรกรได้มากขึ้นครับ
ต้องบอกว่าภาพไม่มีความเหมือนเต้สักเท่าไรนัก เต้เป็นคนคิดเยอะครับ คิดนั่นคิดนี่ คิดไปข้างหน้า คิดไปข้างหลัง (หัวเราะ) เป็นคนขี้เกรงใจ การมาเล่นเรื่องนี้ เหมือนเต้ได้มาเรียนรู้ตัวละคร แล้วได้เรียนรู้ชีวิตตัวเองไปด้วยว่า จริงๆ เรื่องบางเรื่อง ถ้าเรารู้สึกอะไร เราแค่พูดออกไป หรือบางเรื่องเราไม่จำเป็นต้องคิดมากก็ได้
สิงโต: ปรเมศเป็นคนที่เป็นคนที่เข้มงวด และตึงกับการใช้ชีวิตมากเกินไป แต่สิงเป็นคนที่ค่อนข้างยืดหยุ่นครับ เราจะไม่ค่อยกดดันตัวเองมากเหมือนปรเมศ คือเรามีการวางแผนชีวิตไว้อยู่แล้ว แต่เราจะไม่กดดันตัวเอง ว่าจะต้องไปถึงจุดที่วางไว้เมื่อไร หรือจะหลุดแพลนไม่ได้ คือเราก็ไปเรื่อยๆ เพราะระหว่างทางมันอาจจะมีอะไรเข้ามาทำให้เราต้องแก้ปัญหา หรือทำให้แพลนนั้นขยับก็ได้ครับ
จะเห็นว่าทั้งสองตัวละครไปสุดกันคนละทางมาก สิ่งที่เราสองคนได้เรียนรู้คือ สุดท้ายแล้วอะไรที่มันไปสุดทางจนเกินไป ตึงจนเกินไป มันมีความสุขจริงๆ หรือเปล่า มันอาจมีทางที่ทำให้เรามีความสุขมากกกว่านั้นก็ได้ เพียงแต่ว่าเราไม่เปิดใจยอมรับ จนมาเจอคนที่ใช้ชีวิตต่างจากเรา ซึ่งเราก็ได้เห็นเขามีความสุขได้เหมือนกัน คือพี่เต้ต้องเวิร์คช็อปวาดรูปใช่มั้ยครับ แต่ของผมจะเป็นเวิร์คช็อปบุคลิคภาพ เป็นผู้บริหารเราต้องภูมิฐาน ใส่สูทตลอดเวลา แล้วสูทที่ใส่ก็จะมีความพอดี สั่งตัดอย่างดี วันแรกที่ถ่ายยังไม่ชินเท่าไรครับ ผมปวดไหล่มาก เหมือนสูทมันรั้งอะครับ (หัวเราะ)
ความรู้สึกที่ได้มาร่วมงานกันครั้งแรกของ เต้–สิงโต เป็นอย่างไรบ้างคะ
เต้: คืออย่างแรกเลยนะครับ ไม่คิดว่าเขาจะมีมุมติสท์เหมือนเต้ คือเราไม่ได้ติสท์แบบอินดี้ถึงกับเข้าไม่ถึงนะครับ เราแค่กังวลว่าสิงโตจะเข้าใจเรามั้ย ซึ่งพอได้มาเวิร์คช็อปกันครั้งแรก รู้สึกเซอร์ไพรส์ตรงที่เรามีมุมมองหลายอย่างคล้ายกันมาก
สิงโต: อารมณ์ประมาณว่า มองหน้าแล้วส่งสัญญาณ ใช่มั้ยๆ (หัวเราะ) ตอนแรกผมก็จะมีความรู้สึกคล้ายๆ พี่เต้ว่า เราสองคนน่าจะเป็นคนที่มีความติสท์คล้ายๆกัน จะมีความ introvert ในแบบของตัวเอง แล้วมาทำงานด้วยกันจะเป็นอย่างไร จะไม่คุยกันเลยหรือเปล่า บรรยากาศจะตึงเครียดมั้ย แต่พอมาเจอกันจริงๆ ไม่เลยครับ เราจูนเข้าหากันง่ายมาก มีอะไรที่ชอบเหมือนกัน คุยกันเรื่องเพลง เรื่องเที่ยว เรื่องการทำงาน และคุยกันเยอะสุดคือเรื่องเกมครับ (หัวเราะ)
พูดถึงซีนที่ประทับใจที่สุดของเต้–สิงโต
สิงโต: ผมชอบซีนที่ไปขู่ภาพ คือเราไปว่าจ้างเขานะ แต่กลับไปกดค่าตัวเข้าจาก 7 หมื่น เหลือ 4 หมื่น คือผมรู้สึกเป็นผู้คุมอำนาจ คือเป็นตัวละครที่แบบ… วางแผนทุกอย่างมาเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างอยู่ในหัวหมดแล้ว ฉันทำตามแผนเป๊ะๆ ทุกอย่างจะต้องได้ตามที่ตัวเองคิดไว้ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็คือ ภาพเป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือ
เต้: ผมชอบซีนวาดรูปครับ ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นซีนไหนนะครับ เพราะมีการวาดรูปตลอดทั้งเรื่อง คือชอบซีนวาดรูปเพราะแต่ละรูปจะแทนความรู้สึกที่ภาพมีต่อปรเมศในเวลานั้น มันคือการถ่ายทอดอารมณ์ผ่านรูปวาดครับ
สุดท้ายอยากให้ฝากซีรีส์กับแฟนๆ สักนิดค่ะ
เต้: ฝากซีรีส์ใส่รักป้ายสีของพวกเราด้วยนะครับ เพราะตอนที่เป็นนิยายก็ได้รับความนิยมมาก ตอนนี้นำมาทำเป็นซีรีส์แล้ว เราในฐานะนักแสดงก็รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เล่นเรื่องนี้ครับผม
สิงโต: ใช่ครับ ดีใจที่ได้เล่น และแอบกดดันเหมือนกันนะครับ ว่าเราจะทำออกมาได้ดีอย่างที่หลายๆ คนคาดหวังหรือเปล่า อยากจะบอกว่าเราสองคนและทีมงานทุกๆฝ่าย ตั้งใจกับงานนี้มาก อยากให้งานออกมาดีที่สุดเท่าที่ความสามารถพวกเราจะทำได้ หวังว่าทุกคนจะสนุกและเอ็นจอยไปกับซีรีส์ใส่รักป้ายสีนะครับ อย่าพลาดนะครับ ดูให้ถึงตอนจบไปเลย
เต้: รับชมได้ทาง แอพ POPS ทุกวันศุกร์ เวลา 20.00 น. และ ดูกันได้อีกรอบทาง ช่อง 3 ทุกวันจันทร์ เวลา 23.00 น. นะครับ
เรื่องย่อซีรีส์ใส่รักป้ายสี
เมื่อหนุ่มหล่อ บอสใหญ่แห่งบริษัทออแกไนซ์ ฯ ต้องบังเอิญไปว่าจ้างศิลปินสุ
ปรเมศ หนุ่มหล่อ CEO ของบริษัทต้องประสงค์ รับจัดออแกไนซ์และทำคอนเทนต์
เมศ เดินทางไปหาศิลปินหนุ่ม ศิลปิน จิตรกุลธร หรือ ภาพ ซึ่ง อ.ปิยะ อาจารย์คณะจิตรกรรมเป็
เมื่อวันงานมาถึง ในช่วงเตรียมตัว ภาพสังเกตเห็น ดารา ไฮโซ มาร่วมงานมากมาย หนึ่งในนั้นคือ หนึ่ง รนรต พระเอกหนุ่มดาวรุ่งที่กำลั
เมื่อถึงเวลาแสดง ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี จนกระทั่งถึงช่วงที่เปรมิกาต้
หลังเวทีเมศถูกเปรมิกาต่อว่าอย่
วันรุ่งขึ้นเมศไปต่อว่าภาพที่บ้
เรื่องราวความวุ่นวายและปั่นป่
Text:AuAi Photo: เนาวพจน์
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
อิ้งค์ วรันธร เปานิล นักร้องหญิงขวัญใจแฟนบอยและแฟนเกิร์ลทุกเพศทุกวัย
ทำความรู้จัก ลี-ฐานัฐพ์ โล่ห์คุณสมบัติ ผู้ชายอบอุ่น ขี้เล่น แสนดี สเป็คแฟน