กรงดอกสร้อย เปิดตัวตอนแรกๆ มาด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้นน่าติดตามมากๆ เรียกว่าเป็นอีกหนี่งละครไทยในปี 2023 ที่ทำให้รอคอยอยากชมตั้งแต่ประกาศทีมนักแสดงและเรื่องย่อคร่าวๆ ออกมาแล้ว ยิ่งสุดสัปดาห์มีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์นักแสดงนำทั้ง 3 คนอย่าง ญดา นริลญา, ภณ ณวัสน์ และมีน พีรวิชญ์มา ยิ่งกระตุ้นต่อมอยากดูกว่าเดิม ซึ่งทั้งสามคนแอบเล่าให้ฟังถึงเบื้องหลังการถ่ายทำเยอะมากๆ ค่า
ญดา ภณ มีน แท็กทีมขึ้นปกดิจิตอลกับสุดสัปดาห์ พร้อมเผยเบื้องหลังกองละคร กรงดอกสร้อย
เล่าให้ฟังคร่าวๆ หน่อยค่ะว่าละครเรื่อง “กรงดอกสร้อย” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร และเป็นพีเรียดในยุคไหนคะ
ญดา : ละคร กรงดอกสร้อย เป็นพีเรียดย้อนยุคค่ะ จะอยู่ประมาณยุคสมัยของรัชกาลที่ 7-8 เป็นช่วงคาบเกี่ยวกัน เป็นละครแนวดราม่าเข้มข้นค่ะ ซึ่งจะบอกเล่าเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า “สร้อยอินทนิล” เป็นลูกของเมียบ่าวในคุ้มยุพเรศ ซึ่งเส้นเรื่องหรือว่าแนวทางในการดำเนินชีวิตของเธอต้องต่อสู้แล้วก็ฝ่าฟันอุปสรรคหลายอย่างมาก ทั้งอยากให้คนในครอบครัวที่เป็นพ่อยอมรับในตัวเอง แล้วก็ไม่อยากถูกคนที่อยู่ในคุ้มกดขี่ ซึ่งก็จะเกิดเป็นเรื่องราวต่างๆ มากมายค่ะ ไปจนถึงเรื่องเส้นเรื่องความรักก็ยังจะมีอุปสรรคอีก ที่เป็นเหมือนรักต้องห้าม เพราะว่าเราไปรักกับผู้ชายคนหนึ่งที่ดันเป็นคู่หมั้นของน้องสาวตัวเองค่ะ
แล้วแต่ละคนรับบทเป็นใครกันบ้าง คาแร็กเตอร์ตัวละครเป็นแบบไหน
ภณ : ของภณนะครับ รับบทเป็นหมอภาสครับ หมอภาสเป็นลูกคนเดียว เลยเหมือนต้องแบกความคาดหวังของครอบครัวไว้ครับ พ่อกับแม่จะตีกรอบให้ภาสเดินไปในทิศทางที่พ่อกับแม่ต้องการ แต่จริง ๆ แล้วภาสต้องการมีชีวิตเป็นของตัวเอง แต่ถูกบังคับทุกเรื่องครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงาน เรื่องของชีวิต เรื่องของความรัก จนเกิดเป็นเรื่องราวดราม่าขึ้นมา เพราะว่าเรารักกับสร้อยอินทนิล แต่เหมือนพ่อกับแม่ต้องการให้ไปแต่งงานกับสร้อยฟ้าครับ
ญดา : ญดารับบทเป็นสร้อยอินทนิลค่ะ คาแร็กเตอร์ของสร้อยอินทนิลจะเป็นคนที่มีความกบฏในตัวเอง เพราะว่าไม่อยากยอมรับในสถานภาพและความเป็นอยู่ของตัวเอง เพราะว่าเขาเปรียบเสมือนว่าตัวเองถูกขังอยู่ในคุก ถูกขังทั้งความรู้สึก จิตใจ แล้วก็ทางกายภาพค่ะ โดยสภาพแวดล้อมทำให้ตัวละครตัวนี้เขารู้สึกว่าเขาอยากที่จะสู้ ปฏิวัติเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ของตัวเองแล้วก็แม่ของตัวเองค่ะ
มีน : มีนรับบทเป็นรณภพครับ เป็นลูกเลี้ยงของตระกูลเจ้า แม่เป็นเจ้าที่เป็นญาติกันกับทางสร้อยอินทนิล การที่เราได้รู้จักกับตระกูลนี้ รู้จักกับครอบครัวนี้ ทำให้เรารู้สึกว่าสร้อยอินทนิลถูกเอาเปรียบ ถูกจำกัด ไม่เป็นอิสระ แล้วก็ถูกลงโทษทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของเขา แต่เป็นเพราะความเกลียดชังครับ ก็เลยอยากจะปกป้อง อยากจะดูแลเขา อยากช่วยเหลือเขาให้รอดพ้นแล้วก็มีชีวิตที่ดีครับ แต่ว่าการช่วยของเราก็มีทั้งที่เขาเต็มใจและก็ไม่เต็มใจ เพราะเราอยากจะช่วยเขาจริงๆ
มีการไปทำการบ้านเพื่อการรับบทนี้ยังไงบ้าง
ภณ : ของหมอภาสก็จะมีต้องทำการบ้านเรื่องแบ็กกราวด์ค่อนข้างเยอะ เพราะว่าตัวละครภาสจะมีการสร้างแบ็กกราวด์มาว่าถูกพ่อกับแม่ตีกรอบไว้ ในบทที่เขียนมาตั้งแต่ตอนหนึ่งก็คือภาสจะถูกบังคับแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะฉะนั้นเวลาเจอเรื่องราวต่างๆ และการแสดงอารมณ์ต่างๆ ก็ค่อนข้างที่จะลึก แล้วก็มีดีเทลที่เยอะครับ ก็เลยทำการบ้านตรงนี้ค่อนข้างหนัก และก็ยังมีต้องทำการบ้านเรื่องการพูดในสมัยนั้น พวกคำสงคำสร้อยต่างๆ ครับ
ญดา : ตัวสร้อยอินทนิล ด้วยความที่เขาเป็นคนต่อต้านกับทุกสิ่งที่เข้ามาหาตัวเองค่ะ คือเขาไม่อยากที่จะยอมรับในความเป็นอยู่ของตัวเอง ไม่อยากที่จะยอมรับในหลายๆ อย่าง ในเหตุการณ์สถานการณ์ทุกอย่างในชีวิตของตัวเอง ก็เลยทำให้มันต่างจากความคิดและทัศนคติของเราค่อนข้างเยอะเหมือนกัน เพราะว่าตัวเราเป็นคนที่บางเรื่องเราก็รู้สึกว่าเราสามารถยอมรับได้ ถ้าเหมือนเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เราก็จะยอมรับในสิ่งนั้น แบบกลืนไปกับสถานการณ์นั้นไปเอง แต่ว่าตัวละครของสร้อยอินทนิลเขาไม่ยอมรับอะค่ะ แล้วคอยคิดหาทางที่จะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นก็ต้องทำการบ้านหนักว่าคนที่แบบว่ามีความคิดแบบนี้ กบฏในตัวเองแบบนี้ พื้นฐานแล้วเป็นยังไง มีเบื้องลึกเบื้องหลังแบบความเป็นมาอย่างไร ทำไมถึงทำให้ตัวละครนี้เขานึกอยากจะสู้ขึ้นมาค่ะ
มีน : ของรณภพ ผมคิดว่าหนึ่งเลยคือความต่างของตัวละครกับผมครับ รณภพจะเป็นผู้ชายอบอุ่น พูดจาหวานๆ พยายามใช้คำพูดดีๆ น้ำเสียงอบอุ่น ซึ่งตรงกันข้ามกับเรามาก เราเป็นคนห่าม พูดจาตรงๆ กวนๆ ครับ ก็เลยทำให้ต้องทำการบ้านตรงนี้ แล้วก็อย่างที่พี่ภณบอกว่ เรื่องของภาษา วัฒนธรรม หรือว่าวิธีการออกเสียง รวมไปถึงแบบท่าทางการเดิน การใช้ชีวิตด้วยครับ ก็ต้องแบบทำการบ้านเยอะเหมือนกันครับ
เห็นพูดเรื่องภาษากันมาพอดี ด้วยความเป็นละครเรื่อง กรงดอกสร้อย เป็นละครพีเรียด ก็ต้องพูดภาษาสมัยก่อนกัน และมีพูดภาษาเหนือในเรื่องด้วยไหมคะ
ญดา : เคยถามพี่เมย์เรื่องนี้เหมือนกันค่ะว่าทำไมเราไม่พูดเหนือกันในเรื่องเลย เพราะว่าจริงๆ บทเดิมเลยอะ ดราฟท์แรกเลยที่เรารู้ก็คือมีภาษาเหนือด้วย เราเองก็ยังไปรีเสิร์ชแล้วก็ฝึกพูดภาษาเหนือเลยค่ะ แต่พอคุยกับพี่เมย์แล้วพี่เมย์ให้เหตุผลมาว่าเรารู้สึกว่าอยากให้คนดูย่อยง่ายมากยิ่งขึ้นค่ะ ไม่จำเป็นที่เราจะต้องพูดเหนือกันในเรื่อง เพราะว่าพูดเหนือไปก็มีทั้งข้อดีแล้วก็ข้อเสียเหมือนกัน เพราะบางทีถ้าเกิดพวกเรานักแสดงไม่สามารถที่จะพูดเหนือได้สำเนียงเหมือนกับท้องถิ่นจริงๆ จะทำให้สูญเสียอรรถรสและความเชื่อของคนดูไปเลย ก็เลยตัดในเรื่องของการพูดเหนือออกไป เพื่อให้นักแสดงโฟกัสกับตัวละคร โฟกัสกับเรื่องราว แล้วมันจะได้สนุกค่ะ
แล้วตอนที่ต้องฝึกพูดภาษาแบบสมัยก่อนยากขนาดไหนคะ มีเผลอผสมกับคำสมัยใหม่บ้างไหม
ญดา & มีน : ยาก
มีน : มีเผลอผสมกับคำสมัยใหม่ครับ คิวแรกเลยผมเข้ากับญดา ผมต้องพูดว่า “น่ารักจริง” แต่ผมไปพูดว่า “น่ารักจัง” ครับ คือพวกคำสร้อย คำหัวคำท้ายอะไรอย่างนี้ที่จะยากหน่อย แล้วก็พวกยศ ชื่อที่จะโดน มีพูดผิดครับ
ญดา : เจ้าพ่อเจ้าแม่ที่พี่มีนเคยพูดว่ายากที่จะทำให้เราเชื่อว่าเราเรียกพ่อกับแม่เราจริงๆ
มีน : ใช่ แล้วก็จะมีถ้าพูดกับคนที่คนโตกว่าก็ต้องเป็นขอรับ เราก็แบบผิดพลาดกันบ่อยเหมือนกันครับ
แล้วมีคำไหนที่ยาก ตอนเล่นแล้วแบบเคยเทคเยอะไหม
ญดา : จะมีคำเหมือนเปรียบเปรย คล้ายๆ กับพวกสำนวนหรืออะไรสักอย่างที่เป็นศัพท์โบราณๆ ค่ะ
มีน : ใช่ ที่ตอนเราเถียงกันจะมีอันหนึ่งอะที่ผมติดบ่อยเหมือนกัน ประมาณว่าเป็นคนที่ได้อย่างหนึ่งจะเอาอีกอย่างหนึ่งแบบไม่ยอมพอสักที โอ้โห! ผมแบบคือภาษาก็ยาก เราต้องเข้าใจความหมายอีก แล้วก็เปรียบ เปรียบเปรยแบบไม่ใช่ปกติที่เราเปรียบเปรยกัน
ญดา : เหมือนเราไม่เข้าใจความหมาย
ภณ : ใช่ ก็แสดงถึงความเป็นวัฒนธรรมเมื่อก่อนที่จะมีคำพูดที่เปรียบเปรยที่สมัยนี้อาจจะไม่มี สมัยนี้อาจจะพูดตรงๆ ไปเลย แต่สมัยก่อนเขาจะเปรียบเป็นอีกอย่างหนึ่งอะไรแบบนี้ครับ
แล้วปกติเวลาที่เจอคำที่ยากแบบนี้ มิวิธียังไงให้เราสามารถพูดออกมาได้
ญดา : ต้องเข้าใจความหมายก่อนค่ะ พอเข้าใจความหมายปุ๊บก็ค่อยไปจำประโยคนั้นอีกทีหนึ่ง
มีน :ใช่
ญดา : เพราะว่าจริงๆ โดยปกติเราไม่ได้พูดประโยคนั้นอยู่แล้ว ก็เลยยากต่อความเชื่อของเรา แล้วก็ยากต่อคำพูดที่จะพูดออกมาด้วย เราตลกตัวเองอะค่ะ
มีน : ใช่ เราจะชอบคอมเมนต์ตัวเองในช่วงแรกที่เราเห็นบทอะไรแบบนี้ครับ ซึ่งก็พยายามจะซ้อม ลองพูดดูให้บ่อยๆ ครับ
ภณ : มันต้องพูดบ่อยๆ ให้ชิน แล้วก็ให้เหมือนเราพูดทุกวันอะไรแบบนี้ครับ พยายามพูดให้เข้าปากมากที่สุดสำหรับภาษาสมัยก่อนครับ
แล้วเรื่องนี้มีพี่เมย์เป็นผู้จัดละครของเรื่อง กรงดอกสร้อย ซึ่งเป็นนักแสดงรุ่นพี่ในวงการที่มีชื่อเสียงมากๆ การร่วมงานกับพี่เมย์เป็นยังไงบ้าง
ญดา : ดีใจที่ได้ร่วมงานกับพี่เมย์ค่ะ เพราะว่าพี่เมย์เป็นนักแสดงมาก่อน พอเวลาที่เขามาดูเราเล่น เขาก็จะเข้าใจในความรู้สึกของนักแสดงว่าเรากำลังเผชิญอยู่กับปัญหาอะไร แล้วเขาก็จะช่วยแก้ให้เราได้ตรงจุด คุยกันง่ายค่ะ
มีน : ใช่ พี่เมย์ พี่เมย์จะเข้าชาร์จเร็ว สมมติว่าเรากำลังจะเดินเข้าซีน พี่เมย์ก็มาแล้ว ไหนดูสิ ลองดูประโยคนี้สิว่าอย่างไร ลองพูดให้ดู ขอเล่นแบบนี้นะ อะไรแบบนี้ครับ
ภณ : ในฐานะที่เขาก็เป็นนักแสดงก็จะรู้เลยว่าเราติดตรงไหน เขาก็จะเปลี่ยนตรงนั้นเลย แล้วก็จะทำให้เราเข้าใจได้ง่าย
มีน : มาเร็วด้วย มาก่อนเราอีก
ภณ : แล้วก็ในฐานะผู้จัดก็คือเป็นผู้จัดที่ไปทุกโลเกชั่นจริงๆ ไม่ว่าโลเกชั่นจะลำบากแค่ไหนคือไปทุกที่ มาตั้งแต่วันฟิตติ้ง คือเจอตลอด ไม่มีวันไหนที่ยังไม่เจอเลย อย่างน้อยต้องเจอพี่เมย์ครับ
แล้วตอนที่รู้ว่าจะได้เล่นละครที่พี่เมย์เป็นผู้จัดรู้สึกอย่างไรบ้าง
ญดา : หนูประหม่าค่ะ กลัวว่าเล่นออกไปแล้วจะไม่ดี คือมาตรฐานของพี่เมย์เขาสูงอย่างนี้ค่ะ แล้วหนูก็ประหม่าว่าตอนที่เราไปเล่น ด้วยความที่เราก็ยังไม่ได้ถนัดเล่นละครมาก บวกกับการเข้าใจเรื่องของบทก็ค่อนข้างยากค่ะ กลัวว่าจะโดนดุ กลัวว่าจะโดนว่าค่ะ แต่ว่ากลายเป็นว่าไม่ดุไม่ว่า แถมยังสอนอีกค่ะ
ภณ : ผมก็กลัวเหมือนกัน กลัวโดนดุครับ กลัวที่จะไม่คลิกกัน แต่พอเจอจริงๆ แล้วพี่เมย์บอกว่าเราสามารถพูดคุยได้เลยนะว่าต้องการอะไร ต้องการแบบไหนเหมือนแชร์กันได้ ก็เลยทำให้การทำงานเป็นไปได้อย่างราบรื่นครับ
ญดา : อยากทำงานกับพี่เมย์อีกค่ะ
มีน : ว่าไป ผมด้วยครับ
ภณ : จริงครับ
นอกจากผู้จัดจะเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่แล้ว ยังมีนักแสดงรุ่นใหญ่ในเรื่องอีกหลายคนเลย เป็นยังไงบ้างกับการได้มาแสดงกับทีมนักแสดงรุ่นใหญ่ประสบการณ์สูง มีเกร็งไหม
ญดา : เราเกร็งอยู่แล้ว แต่ว่าพวกแม่ๆ รุ่นใหญ่ทำให้เราไม่เกร็งค่ะ
มีน : ใช่ครับ
ภณ : แถมช่วยด้วยครับ เพราะว่าอารมณ์มาตั้งแต่เทกแรก มาตั้งแต่ตอนซ้อมเลย โอเค เขาใส่มา เราก็ใส่ด้วยอะไรอย่างนี้ คือเหมือนช่วยเราด้วยครับ ตอนแรกก็แอบเกร็งๆ แต่พอเราทำหน้าที่เป็นนักแสดงจริงๆ แล้วก็ต้องไม่เกร็งครับ
ญดา : เราเพิ่งเห็นวิธีการทำงานของพี่ๆ ด้วยค่ะว่าเขาจริงจังมากหมายถึงว่าเขาซีเรียสในเรื่องของการแสดงค่อนข้างมาก อย่างพี่ป๋อทำการบ้านมาเยอะ
ภณ : เหมือนเล่น สนุกสนานเฮฮานะ
ญดา : แต่ว่าเขาจริงจังค่ะ
ภณ : ใช่
ญดา : คือพี่ป๋อเวลาอยู่ในกองถ่ายเขาชอบติดเล่นแบบมีมุกนั่นมุกนี่หรือว่าชวนหนูเล่น tiktok ค่ะเวลาที่พัก พอเข้าฉากก็ยังเล่นอยู่ แต่พอถึงเวลาจริงจังที่จะเริ่มถ่ายแล้วจริงๆ เขาก็จะเริ่มแบบเข้าบทบาท บางทีเขาก็มีแบบญดาเมื่อกี้นี้โน่นนี่นั่น แบบมีการปรึกษาคุยกันว่าเรารู้สึกอย่างไรกับตัวละคร แล้วเขาก็อธิบายให้เราฟังว่าเขารู้สึกแบบนี้กับตัวละคร แล้วก็ลองจูนกันว่าเราไปในทิศทางเดียวกันไหมค่ะ หนูก็เซอร์ไพรส์เหมือนกันค่ะ
ภณ : ใช่ แล้วบางทีพี่ป๋อก็จะมีบอกว่าเราลองเล่นไปในเวย์นี้แบบนี้ไหม แล้วลองขายผู้กำกับดู ผู้กำกับบอก อุ๊ย โอเค ก็คือโอเคเลย ก็จะเล่นได้ คอยช่วยเหลือ คอยให้คำแนะนำตลอดครับ
เมื่อกี้มีพูดถึงเวลาพักพี่ป๋อก็จะคุยเล่นกับพวกเรา ปกติพี่ๆ นักแสดงคนอื่นๆ จะเป็นยังไงกันบ้างเวลาพัก
ภณ : แค่พี่ป๋อเดินเข้ากองก็แบบสร้างสีสัน
ญดา : ตลกแล้ว เขาจะชอบให้หนูเรียกเขาอย่างหนึ่ง จริงๆ เขาชอบเปล่าไม่รู้ แต่หนูชอบ (หัวเราะ) หนูจะเรียกเขาว่า “พี่ปุ๊ด พี่ปุ๊ด นัดถะหว๋อ พี่ป๋อ ณัฐวุฒิ” เขาเป็นคนพูดเอง แล้วหนูก็เลยเรียกตาม ก็เลยติดปากเรียกว่าพี่ปุ๊ด พี่ป๋อน่ารัก อย่างวันเลี้ยงปิดกล้อง หนูก็ได้ทิปจากคุณปุ๊ด แต่ว่าเราไม่บอกตัวเลข
ภณ : เราก็ได้
สุดสัปดาห์ : ได้ทิปจากการทำอะไรคะ
ญดา : ร้องเพลงค่ะ ได้ทิปด้วยการแสกนคิวอาร์โค้ด
ภณ : ผมก็ได้เหมือนกัน
มีน : ผมก็ได้เหมือนกัน
สุดสัปดาห์ : ร้องเพลงอะไรคะถึงถูกอกถูกใจขนาดนั้น
ญดา : วันนั้นจำไม่ได้ว่าร้องเพลงว่าอะไร แต่ว่าไปยืนเต้นข้างๆ คุณปุ๊ด คุณปุ๊ดก็รีบกดมือถือแสกนคิวอาร์โค้ดค่ะ รับบทแดนเซอร์ คุณปุ๊ดชอบ
มีน : นักร้องด้วย สายโอน
แล้วการร่วมงานกับพี่ธัญญ่าเป็นอย่างไรบ้างคะ
มีน : ผมเห็นพี่ธัญญ่ามาทีไร เขาจะแต่งหน้าทำผมมาพร้อมตลอดแล้ว
ญดา : อ๋อ เขาไปรายการมา
มีน : เพิ่งรู้ว่าเขาขยันมาก แล้วก็แม่นบทมาก มาถึงก็แบบพร้อมเลย
ญดา : แล้วบทพี่ญ่ายาวมาก
ภณ : ใช่ ไม่เคยเห็นพี่ญ่าติดบทเลย ไม่ค่อยมี ไม่ค่อยติดอะ ทำการบ้านมาดีมากๆ แบบ โห! นี่คือความเป็นมืออาชีพของรุ่นใหญ่เลย
มีน : ใช่ แล้วใส่กันเต็ม ยิ่งแบบซีนไหนมีพี่ญ่า พี่ป๋อ แล้วก็พี่พิมเข้าด้วยกัน โห! สุดยอดมาก
มีพูดถึงพี่พิม พิมพ์พรรณมา และในเรื่องยังมีพี่ตอง ภัครมัย รวมถึงพี่มัดหมี่ และอีกหลายๆ คนด้วย
ภณ : ผมเข้ากับพี่พิมที่เล่นเป็นแม่ผมค่อนข้างเยอะครับ โห! อารมณ์มาตั้งแต่ตอนซ้อม จนบอกว่า อุ๊ย! เก็บ เก็บไว้ก่อน แบบโห! ดีมากๆ แล้วก็เข้ากับพี่ป๋อด้วย บางทีเวลาซ้อมบทที่ไดอะล็อกยาวๆ แกก็พูดธรรมดา แต่พอเข้าซีนจริงๆ เขาจะมีเหมือนไดนามิกของเขาครับ เสียงมีพลังมากจนเรารู้สึกแบบกระแทกเข้ามาเลย เป็นเทคนิคที่เก็บไว้ใช้ได้ด้วย
ญดา : เรื่องนี้หนูได้เข้ากับพี่ตองก็จะเป็นบทปะทะคารมค่ะ พี่ตองเป็นคนที่แมนมาก แมนในที่นี้คือหนูจะต้องลงไม้ลงมือกับเขา เล่นฉากบู๊ด้วยกันเยอะ พี่ตองก็บอกว่ามาเลย มา ไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวอะไรเลย แล้วก็สอนหนูในเรื่องของคิวในการที่การหลบอย่างไร ต้องตีอย่างไร จิกผมอย่างไรไม่ให้เรารู้สึกเจ็บ หรือการบีบ การจับอย่างไรให้แบบมือเหมือนเราบีบจริงๆ รู้สึกจริงๆ แต่ว่าจริงๆ แล้วไม่ได้ทำจริง เขามีเทคนิกจากประสบการณ์ที่เขาทำงานมา พี่ตองเคยทำงานกับผู้กำกับ ก็จะรู้ใจผู้กำกับที่สุด เหมือนผู้กำกับไม่จำเป็นต้องบอกอะไรกับพี่ตองเลย แถมพี่ตองยังบอกกับพวกเราเป็นวุ้นแปลภาษาอีกทีว่าผู้กำกับต้องการสิ่งนี้ค่ะ จะว่าไปเราได้เรียนรู้จากพี่ๆ ผู้ใหญ่หลายคนเลย
แล้วก็มีเข้าฉากกับพี่มัดหมี่ เพราะเล่นเป็นแม่หนู หนูก็เพิ่งเคยทำงานครั้งแรกกับพี่มัดหมี่เหมือนกันค่ะ แต่ก่อนหน้านี้ก็ชื่นชมผลงานเพลงของพี่มัดหมี่อยู่แล้ว แต่พอมาในพาร์ทของการแสดงก็รู้สึกเซอร์ไพรส์เหมือนกัน หนูจะได้เข้าฉากกับพี่มัดหมี่เยอะพอสมควรค่ะ เพราะว่าเล่นเป็นแม่ลูกกัน พี่มัดหมี่มีความตั้งใจสูงมากๆ ค่ะ คือตัวละครบทที่เป็นแม่กับตัวพี่มัดหมี่ เขาบอกกับหนูเองว่า เขารู้สึกว่ามันค่อนข้างไกลกับตัวเขา แล้วการที่เขาจะเชื่อว่าเขาเป็นแม่คนมันยากเหมือนกัน เขาก็มีการปรับเปลี่ยนในตัวเขาค่อนข้างเยอะ แต่ว่าเขาไม่ท้อเลยค่ะ เขาพร้อมที่จะสู้ไปกับเรา พร้อมที่จะสู้ไปกับตัวละครตลอดเลย
จะมีฉากที่เหมือนหนู เอ๊ย! จะสปอยล์ไหม พูดไปก่อนเนอะ เหมือนหนูจะต้องแยกกับแม่ค่ะ หนูบอกแม่แล้วว่าหนูจะไปแล้ว หนูจะไม่ทนอยู่ในกรงขังอันนี้อีกต่อไปแล้ว แล้วหนูยังรู้สึกว่าหนูอยากเก็บความรู้สึกความรักของหนูกับพี่มัดหมี่ให้มันได้เยอะมากที่สุด เวลาที่จากกันมันจะได้รู้สึกมากๆ มีพลังมากๆ หนูก็เดินเข้าไปหาพี่มัดหมี่แล้วแบบขอกอด แล้วบอกพี่มัดหมี่ร้องเพลงให้หนูฟังหน่อย เพลงอะไรก็ได้ ร้องให้เหมือนที่แม่อยากร้องให้ลูก แล้วเขาร้องค่ะ หนูรู้สึกว่าซีนนั้นมันอิมแพกต่อหนูมากๆ แบบความรู้สึกของหนูคือใจจะสลายเลยค่ะ คือเป็นเพลงรักและเพลงสมัยนี้ แต่ว่าตอนนั้นที่เขาร้องให้ฟัง ภาพในหัวหนู remind ไปถึงว่าเขาเลี้ยงดูเรามาอย่างไร เหมือนเป็นเพลงที่เขาร้องกล่อมเรามาตั้งแต่เด็ก แค่แบบทริกเล็กๆ น้อยๆ ที่พี่มัดหมี่กับหนูร่วมทำด้วยกันก่อนที่จะเข้าฉาก ก็ดีใจที่ได้ร่วมงานกับพี่มัดหมี่ค่ะ
การได้ร่วมงานกับรุ่นพี่ ได้เรียนรู้อะไรบ้าง
ญดา : เก็บบทเรียนการแสดงมาเยอะค่ะ อย่างพี่ๆ แต่ละคนเราก็จะได้เก็บไม่เหมือนกัน เช่น วิธีการทำงานค่ะ อย่างแม่ตุ๊ก เขาเป็นเจ้าย่าในเรื่องค่ะ หนูเข้ากับเขา เขาจะมีวิธีการเล่นที่เหมือนไม่ได้เล่นค่ะ เขาธรรมชาติมากๆ เหมือนเวลาที่เราคุยกับเขาหลังจากที่ถ่ายไปแล้ว ลักษณะการพูดคุย จังหวะในการพูด เขาจะพูดในสำเนียงนี้ แล้วพอไปเข้าฉากก็จะไม่ต่างจากสำเนียงที่เขาพูดกับเรา หนูถึงบอกว่าเขาแสดงเหมือนไม่ได้แสดงค่ะ แบบธรรมชาติมากๆ ทำให้เราแบบรู้สึกว่าเชื่อในการแสดงของแม่ตุ๊กค่ะ หรืออย่างพี่ป๋อ หนูเก็บในเรื่องของอารมณ์ค่ะ อินเนอร์ พี่ป๋อจะอินเนอร์มาเต็ม บางซีนนั้นเขาไม่ได้พูด เขาแค่รู้สึกกับเหตุการณ์ แต่ดวงตาของเขาสื่อสารโดยเขาไม่จำเป็นต้องพูดค่ะ รู้สึกได้ว่าเขากำลังรู้สึกอะไรอยู่ มีฉากหนึ่งในละครที่หนูเข้ากับพี่ป๋อ ซึ่งเป็นซีนค่อนข้างดราม่าค่ะ อยากให้ดูฉากนั้นมาก เพราะว่าจริงๆ ในบทเขียนไว้อย่างหนึ่ง แต่ว่าพอเราไปเล่นจริงๆ เจอพี่ป๋อ เรากลับรู้สึกไปในอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นไปในทางที่แบบดีกว่าที่บทเขียนอีกที่หนูรู้สึกค่ะ ซึ่งแปลว่าพี่ป๋อเขาเป็นตัวละครจนทำให้หนูอิน แล้วก็เชื่อกับตัวละครของเขาได้จริงๆ ค่ะ
มีน : ของผมมีเข้ากับอีกคนหนึ่งคือพี่ฝน พี่ฝนเล่นเป็นแม่ผม เหมือนเขามีองค์อะ หมายถึงว่าเขาเล่นเป็นเจ้า จังหวะที่เข้าซีนมาคือแบบมีออร่า มีพลัง
ญดา : รู้สึกเหมือนเป็นเจ้าจริงๆ
มีน : การพูด พูดแบบจิกกัด พูดเหมือนจะด่า แต่ก็ไม่ใช่ ทุกอย่างดูมีพลัง ดูเป็นเจ้า เวลาเขาพูด เขาจะดูมีอารยะ เวลาจะด่า ขึ้นไดอะล็อก ดูแบบดูด่าแรงมาก แต่ว่าเขาสื่อสารออกมาแบบมีอารยธรรม
มาพูดถึงการร่วมงานกันของญดา ภณ และมีนบ้าง ตอนเจอกันครั้งแรกมีวิธีละลายพฤติกรรมกันอย่างไรถึงมาสนิทกันมากๆ ได้แบบนี้
ภณ : มีนกับญดาเคยเจอกันมาก่อนไหม
มีน : เคยเจอ นี่ก็คือไม่เคยทำงานกับพี่ภณ แต่ว่ารู้จักกันมาก่อนอยู่แล้ว
สุดสัปดาห์ : แล้วพอได้มาร่วมงานกันเป็นอย่างไรบ้าง เมาท์หน่อย
มีน : ไม่อยากรู้จักแล้ว ล้อเล่นๆ
ญดา : เหมือนคิดจริงนะ
มีน : ถ้าส่วนตัวผมนะ ผมรู้สึกว่าสองคนนี้เขาโปรแบบทำงานมาเยอะมากๆ มากกว่าผม ผมก็เป็นน้องใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวกับเขาทั้งสองคน
ญดา : อย่ามา น้องใหม่อะไร
มีน : แต่สนุก เราว่าทำงานกับคนที่ไว้ใจก็ทำให้ทำงานที่สบายใจขึ้น แล้วก็ปรึกษากันได้ แซวกันได้ แกล้งกันได้ แบบจริงจังใส่กันได้ ก็เป็นพาร์ทการทำงานที่ดี
ญดา : จริงจังไม่ค่อยมี
ภณ : วัยมันใกล้ๆ กันด้วยแหละ ก็เลยแบบพูดภาษาเดียวกัน
ญดา : หืม! พี่ภณ
มีน : กล้าๆ
ภณ : ไม่ๆ ก็อยู่ในเรนจ์ประมาณเดียวกัน ก็ไม่ห่างมากขนาดคนละเจน ก็แบบพูดคุยเป็นภาษาเดียวกัน ก็เลยแบบจูนกันง่าย
ญดา : ภาษามนุษย์ต่างดาว
ภณ : คะๆ อะไรอะ
ปกติชอบคุยเล่นอะไรกัน แสบกันขนาดไหน
ญดา : แซวทุกเรื่องอะ อะไรที่เขาจะพูดกวนอะไรใครได้ เขาพูดตลอดค่ะคนนี้ (ชี้ไปที่มีน)
มีน : ดูแย่เลย ส่วนของพี่ภณนี่รู้เลยว่าถ้าวันไหนออกกำลังกายมาจะง่วง คือรู้เลยว่าพักเที่ยงมาแล้ว สภาพจะเริ่มแย่แล้ว ต้องพักผ่อนสักหน่อย แล้วก็ชอบไปออกกำลังกายตอนเช้า คือแบบฟิตมากเลยนะ บางวันเลิกเร็วก็จะไปออกกำลังกาย บางวันก็มาแล้วก็ “พี่ภณเสร็จแล้วจะไปไหน” “ไปโรงพยาบาล”
ญดา : บาดเจ็บ บาดเจ็บจากการออกกำลังกาย
มีน : คือชีวิตวนอยู่แค่นี้ ออกกำลังกาย บาดเจ็บ นอนน้อย ชีวิตเขาจะเป็นลูปแบบแบบนี้ ลูป sport man
ญดา : รูทีน
ภณ : ส่วนมีน ต้องเล่นพีเรียด แล้วตอนแรกมาทรงเกาหลีเลย ทรงอปป้ามาเลย
ญดา : น่ารักจัง
ภณ : คือท่าเดินเกาหลีเลย ต้องนั่งปรับเรื่องของท่าทางการเดิน การพูด การยืนอะไรอย่างนี้ เราจะพูดกับเขาว่าเฮ้ย! ทรงเกาหลีจัง ปรับให้เป็นพีเรียดหน่อยอะไรอย่างนี้
ญดา : พูดไม่ชัด เป็นคนพูดไม่ชัด สำเนียงแบบเกาหลี
มีน : ผมโดนปรับเยอะมาก ส่วนของญดาคือบทเศร้าทั้งวัน แล้วข้าวปลาก็ไม่ค่อยกินวันๆ ตอนเช้าก็จะมีน้ำกระปุกหนึ่ง กับอาหารเสริมของเขาอะ แล้ววันไหนทำงานหนัก ตอนกลางวันแทนที่จะกินข้าว “ไม่เอา ไม่หิวอะ ไม่เอาค่ะ กินอาหารเสริมแล้วค่ะ”
ภณ : ด้วยความที่ช่วงถ่ายกรงดอกสร้อย ญดาทำงานเจ็ดวัน รับเยอะมาก
ญดา : พี่ภณเห็นช่วงที่หนูเบลอเยอะมาก
ภณ : รับละครเยอะมาก อยู่ๆ ก็เหมือนน้องเพี้ยนๆ อะ แล้วก็ด้วยอารมณ์ตัวละครที่แบบมันหนัก เข้าใจเลย บทเครียดแล้วก็ร้องไห้ตลอด อยู่ดีๆ ก็แบบ เฮ้ย! น้องพูดกับใคร
มีน : ดึกๆ เริ่มคุยไม่รู้เรื่องแล้ว เวลาเล่นมุกใส่ก็จะมาเวย์เอ๋อ เล่นเอ๋อใส่ตลอด เหมือนสมองไม่อยากคิดอะไรแล้ว
สุดสัปดาห์ : ก็เลยได้จังหวะก็เลยยิ่งแกล้งไหม
มีน : ใช่ครับ แกล้งจนบางทีก็รู้สึกผิด (หัวเราะ)
แล้วมีเบื้องหลังกองถ่ายสนุกๆ อีกไหม ด้วยความที่เรื่องมีความดราม่ามาก
ญดา : เจอผีหลอกไหม
มีน : เฮ้ย! ทำไมเจอผีอะ
ญดา : ไม่เจอ
มีน : อ้าว! มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนที่…
ญดา : ผีหลอกเหรอ
มีน : ไม่ใช่ผีหลอก โอ๊ย! จะเข้าเรื่องผีอย่างเดียวเลยคนนี้ ตอนที่โดนผีหลอก เอ๊ย! ไม่ใช่ ผมชอบวังมาก ทุกคนต้องนึกถึงวัง วังใหญ่ๆ แล้วช่วงนั้นเป็นช่วงปีใหม่ พี่เมย์ก็ซื้อไก่มาเลี้ยง มีปาร์ตี้กันในช่วงพักเบรก ทีมไฟเขาก็เอาไฟที่เป็นสีๆ ที่เอาไว้จัดแสง ยิงเข้าไปที่วัง แล้ววังก็กลายเป็นแบบเหมือนผับใหญ่ๆ มันมาก
ญดา : ฉากท้ายๆ จำได้
มีน : ฉากท้ายๆ เรื่อง แล้วผมถามว่า เฮ้ย! ทุกคนสนุกมาก เลิกกองแล้วเหรอ มีคนตอบว่ายัง เหลืออีกสองฉาก แต่ขอปาร์ตี้ก่อน คือกองนี้ ตอนทำงานอาจจะเครียด ดราม่า แต่ผมว่าระหว่างช่วงเบรกสนุกนะ แล้วช่วงพักกลางวันพี่เมย์จะชอบมาเล่าชีวประวัติเนอะ เมื่อก่อน พี่ก็เป็นแบบนี้แหละ
ญดา : ใช่ๆ
มีน : พี่เล่นเรื่องแรกๆ เล่นนางเอก พอต้องมาเล่นร้ายพี่ก็คิดว่าพี่จะเล่นได้ไหม เขาก็จะชอบมาเล่าชีวประวัติ แล้วเขาก็จะชอบมาปรึกษา คุยกับญดาเนอะ
ญดา : ใช่ เขาชอบถามหนูว่าหนูมีแฟนหรือยัง คือหนูเป็นคนที่เหมือนไม่ค่อยมีจริตผู้หญิงใช่ไหม อะพี่ภณเล่าหน่อยว่าไม่มีอย่างไร
ภณ : คือในเรื่องสร้อยอินทนิลเป็นผู้หญิงสมัยก่อนก็ต้องมีความแบบเขินอาย
ญดา : เสียงเล็กเสียงน้อย
ภณ : ตัวเล็กตัวน้อย เสียงเล็ก แต่ญดาไม่ค่อยมีมุมนั้นเท่าไร พี่เมย์ก็จะคอยสอน เพราะว่าเสียงญดา
ญดา : ใหญ่
มีน : ผมขอพูดเรื่องหนึ่ง อย่างเวลาเขาเรียกรณภพ เขาจะเรียก “คุณภพ” แบบเสียงใหญ่กว่าผมอีก
ญดา : ใช่ พี่เมย์สอนค่ะ พี่เมย์ส่งทั้งคลิป ส่งทั้งแบบ reference หรือฉากเวลาที่พระนางเข้าด้วยกัน อารมณ์ แววตา ความรู้สึกเป็นอย่างไร ส่งมาให้หนูดูในไลน์ส่วนตัว แล้วก็มีพูดให้ฟังด้วยว่าต้องทำเสียงแบบนี้ไหนลองทำสิ พี่เมย์ก็จะแบบคอยประบคอยสอนหนูไปเรื่อยๆ
ภณ : หลังๆ เรียก “คุณภาส” เสียงนุ่มแล้ว
ญดา : แล้วก็มีเบื้องหลังสนุกๆ อีกอย่างในกองค่ะ พี่ทีมงานจะชอบเล่นมุกกัน บางทีกำลังจะร้องไห้ เขาก็มาเล่นมุกกันให้ดู เราก็ยังขำข้างอยู่ มีพี่ทีมงานคนหนึ่งที่จะนั่งอยู่บนรถตู้ switching เขาก็จะชอบเล่นมุก เขาจะมีมุกมาตลอด บรรยากาศกองถ่ายจะไม่เครียด มีอช่วงแรกๆ ที่เป็นช่วงที่เหมือนทุกคนต้องปรับจูนกันทั้งทีมเพราะเพิ่งเริ่มเปิดกล้อง แต่พี่คนนี้ก็มาเปิดทอล์กโชว์ในระหว่างนั้น แล้วบรรยากาศกองถ่ายก็เฮฮาขึ้นมา เป็นสีสันที่ทำให้หนูรู้สึกว่าอยากมากอง เพราะว่ามาแล้วไม่เหมือนมาทำงาน มันไม่เครียดค่ะ
แล้วในพาร์ทของการแสดงมีวิธีปรับเคมีกันยังไงบ้าง
ญดา : เราจะมีเวิร์กช็อปกันก่อนค่ะ ที่หนูเข้าคู่กับพี่ภณแล้วก็พี่มีนด้วย แต่ว่าจริงๆ เราไปปรับกันในระหว่างถ่ายทำเยอะมาก เพราะว่าตอนแรกที่บทมายังมาไม่หมดค่ะ บททยอยมา เราก็จะไม่ค่อยรู้เรื่องราวว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร แล้วความสัมพันธ์ของตัวละครจะพัฒนาไปถึงขั้นไหน แต่หนูว่าก็เป็นข้อดีที่เราไม่รู้ก่อน เหมือนกับว่าเราเดินทางไปพร้อมกับตัวละครค่ะ เคมีของเราก็ได้เดินทางและพัฒนาไปพร้อมกับตอนที่เราถ่ายทำเลย ก็เกือบจะถ่ายทำเรียงอยู่เหมือนกัน เพราะว่าด้วยความที่บททยอยมาก็จะไม่ค่อยกระโดดไปกระโดดมาแบบถ่ายตอนจบแล้วก็มาถ่ายเริ่มอะไรอย่างนี้ค่ะ เราจะค่อยๆ เรียงไปเรื่อยๆ ซึ่งช่วยในการแสดง อย่างหนูกับพี่ภณเข้าด้วยกันตอนแรก หนูมีปัญหาในเรื่องการเล่นซีนโรแมนติกค่ะ หนูจะถนัดดรามาา แต่ว่าพอป็นซีนรัก ความน่ารัก ความมุ้งมิ้งของตัวพระนาง หนูจะไม่ค่อยถนัด แต่ว่าโชคดีที่พี่ภณถนัด พอมีอีกคนหนึ่งที่ถนัดด้านนี้ก็ง่ายยิ่งขึ้นเพราะว่าเขาช่วย ส่วนกับพี่มีน ด้วยความที่เราสนิทกันมาก่อน รู้จักกันมาก่อน ก็จะมีความไว้ใจกันมากพอสมควร ก็เลยทำให้แบบเพอเวลาเราเล่นด้วยกัน ด้วยความสนิทสนมก็จะกลายเป็นน่ารักขึ้นมาเลย
ภณ : ถามว่ายากไหมก็ยากนะ เพราะการเล่นฉากโรแมนติกจะคลิก ถึงจะเล่นออกมาได้ แต่หลังๆ ญดาก็เริ่มมีจริตมากขึ้นหลังจากที่พี่เมย์ส่งเรฟให้ดู ส่วนพวกซีนดราม่าสบายอยู่แล้วเพราะว่าญดาถนัด ส่งอารมณ์นำมาก่อนเลย ผมก็โอเค รับ แล้วก็เล่นเลย
ด้วยความที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดในคุ้ม มีไปถ่ายจังหวัดบ้างไหม
ภณ : มีครับ
ญดา : ถ่ายที่น้ำตกในสระบุรี
ภณ : สระบุรี เขาใหญ่
ญดา : แล้วก็ไปถ่ายที่เหนือ
มีน : พวกเธอไปน่านกัน
ญดา : ใช่ค่ะ ไปจังหวัดน่านด้วยค่ะ เพื่อเก็บบรรยากาศของภาคเหนือ เพราะว่าเรื่องนี้เล่าฝั่งเหนือค่ะ
ภณ : การไปถ่ายต่างจังหวัดเจอหมอกเยอะมาก
ญดา : จำได้ว่าเหมือนเป็นทัวร์สายบุญ ไปถึงวันแรกไปวัดมาแล้วสี่วัด ซึ่งการไปถ่ายต่างจังหวัดทำภาพออกมาสวย จะมีฉากที่เหมือนเป็นฉากสำคัญในเรื่องก็คือฉากลอยกระทงด้วย
ภณ : ใช่ บางทีฉากเดียวไปหลายโลเกชั่นมากนะครับ ไปเขาใหญ่ ไปน่าน เปลี่ยนมุมไปเรื่อยๆ เพื่อความ
ญดา : ใช่ ตัดสลับไปเรื่อยๆ
สุดท้ายนี้ให้ฝากละครหน่อย ขายของกันได้เต็มที่เลยค่า
ญดา : ฝากติดตามละครกรงดอกสร้อยด้วยนะคะ เป็นพีเรียดดราม่าเข้มข้น เป็นละครครั้งแรกกับทางช่อง 3 ของญดาค่ะ แล้วก็เป็นละครเรื่องแรกเลยด้วย เพราะหนูมาเล่นหลังจากที่เล่นภาพยนตร์มา เป็นเรื่องที่อยากให้คุณผู้ชมได้ติดตามกันทุกตอน เพราะว่าในแต่ละตอนอะ มีปม แล้วก็มีเรื่องราวที่ต้องค่อยๆ ดูแล้วก็วิเคราะห์ คิดไปด้วยในระหว่างที่ดูค่ะว่าทำไมตัวละครนี้ถึงเป็นแบบนี้ ทำไมคนนี้ถึงเกลียดคนนั้น ทำไมคนนั้นถึงรักคนนี้ อะไรอย่างนี้ค่ะ มีปมบางอย่าง เงื่อนบางอย่างที่คุณผู้ชมต้องค่อยๆ แกะ ค่อยๆ ไขไปในแต่ละตอนค่ะ
มีน : ผมว่าทุกตัวละครมีเส้นเรื่องของตัวเอง แล้วก็มีความเทาๆ ของตัวเองเนอะ ทุกตัวละครมีความต้องการ มีสิ่งที่ตัวเองอยากได้ มีสิ่งที่ตัวเองอยากที่จะออกมาจากกรง อยากให้ทุกคนดูครับ เพราะว่ามันมาก แล้วก็วันนี้ได้ยินคำว่าแซ่บหลายครั้งมาก พยายามเลี่ยงคำนี้ แต่มันก็แซ่บจริงๆ ครับ
ภณ : แล้วก็นอกเหนือจากเส้นเรื่องที่เข้มข้นแล้วนะครับ ก็ยังมีรายละเอียดต่างๆ ที่พี่เมย์ตั้งใจมากๆ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมที่มีความไปทางเหนือด้วย แล้วก็ผสมผสานกับวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาด้วย รวมถึงโลเกชั่น ฉากต่างๆ ที่พี่เมย์คือทุ่มทุนมากๆ ครับ เห็นแล้วคืออลังการมากๆ
ญดา : ละครออนแอร์ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ค่ะ เวลา 20.20 ทางช่อง 3 หรือดูทางมือถือกด 3PLUS ค่ะ
นักแสดงป้ายยากันแรงขนาดนี้แล้ว พลาดชมละครเรื่องกรงดอกสร้อยไม่ได้จริงๆ เป็นเรื่องที่เข้มข้นตั้งแต่ตอนแรกเลยก็ว่าได้ และนักแสดงแน่นจอสุดๆ ทั้งรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่เพียบ แต่ละคนจัดเต็มเรื่องการแสดงแน่นอนค่า
TEXT : ImJinah
PHOTO : Naowapoj Photikaserm
อัพเดตข่าวบันเทิงเอเชีย ซีรี่ย์เอเชีย ดาราเอเชีย ไอดอลเอเชียได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ
พูดคุยกับ วังจั๋วเฉิง (Wang Zhuocheng) นักแสดงจีนรุ่นใหม่สุดปัง มาพร้อมความดีงามมัดใจแฟนๆ