ใครที่กำลังเอ๊ะ! เห็นออริจินัลซีรี่ย์เกาหลีเรื่องใหม่จาก Netflix ที่มาแนวมัธยมซอมบี้แล้วตัดสินใจอยู่ว่าจะดูดีไหมน้า สุดฯ ขอกวักมือให้มาอ่าน รีวิว All of Us Are Dead จากสุดสัปดาห์ประกอบการตัดสินใจ สุดฯ จัด 12 ตอนรวดไปเรียบร้อย เป็นซีรี่ย์ที่หยิบมาจากเว็บตูนชื่อดังของเกาหลีมาปัดฝุ่นทำเป็นเวอร์ชั่นซีรี่ย์ที่ขนนักแสดงมาแน่นเรื่อง พร้อมกับเนื้อเรื่องสนุกชวนลุ้น ปมปัญหา รวมไปถึงประเด็นทางสังคมมาเล่าแบบจุกๆ
รีวิว All of Us Are Dead ผลงานจากเว็บตูนชื่อดัง ที่มีมากกว่าเรื่องซอมบี้
ถ้าใครดูซีรี่ย์เกาหลีอยู่บ้าง อาจจะรู้สึกว่าช่วงนี้มีซีรี่ย์แนวซอมบี้เกาหลีมีออกมาค่อนข้างเยอะ ซึ่งเกาหลีก็ทำได้ตามมาตรฐานแนวซอมบี้เกาหลีตลอด หลังเปิดตลาดเคซอมบี้ได้จาก Kingdom และ Train To Busan แล้วเรื่องAll of Us Are Deadจะมีแง่มุมอะไรที่แตกต่างไปจากเรื่องอื่นๆ บ้างมั้ย สุดฯ ตอบเลยว่ามีจ้า
แค่ตัวพล็อตเรื่องหลักที่เลือกเล่าเรื่องราวการเกิดไวรัสซอมบี้แพร่ระบาดจากในโรงเรียนก็เป็นจุดที่แตกต่างจากซีรี่ย์เกาหลีหรือหนังเกาหลีแนวซอมบี้เรื่องอื่นๆ แล้ว เพราะเรื่องที่ผ่านๆ มาของเกาหลีจะใช้ตัวละครผู้ใหญ่เป็นหลัก และไวรัสมักแพร่ในเมือง ย่าน หรือตึกใดตึกหนึ่ง จะยังไม่มีการเลือกฉากโรงเรียนเป็นเมนหลักในการแพร่ระบาด แล้วพอเป็นการแพร่ระบาดในโรงเรียน ตัวละครหลักก็ต้องเป็นเหล่านักเรียนหรือเด็ก ซึ่งหลังเกิดการระบาดปุ๊บ ก็มีนักเรียนเพียงส่วนน้อยที่เหลือรอดอยู่ แล้วต้องพยายามหนีชีวิตรอดจากสถานการณ์ซอมบี้คลั่งให้ได้แม่
บอกเลยว่าในเรื่องAll of Us Are Deadเราจะได้เห็นการต่อสู้ของวัยรุ่นมัธยมปลายที่พยายามจะดิ้นรนเอาตัวรอดไปด้วยกัน ท่ามกลางสถานการณ์ที่แสนจะบีบคั้น มองไปทางไหนก็มีแต่เพื่อนที่แปลงร่างกลายเป็นซอมบี้กันไปหมด พวกเขาต้องพยายามหาทางทุกวีถีทางเพื่อการมีชีวิตอยู่ให้ได้ ซึ่งด้วยสถานการณ์ที่ต้องยืนอยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย จึงเกิดแบบทดสอบทั้งทางร่างกายและจิตใจเยอะมากๆ ดูไปก็คือลุ้นไปว่าเด็กๆ จะทำวิธีไหนเพื่อให้รอดไปจากสถานการณ์ที่น่ากลัวและบีบคั้นนี้ไปได้ การต่อสู้เอาชีวิตในที่ปิดที่ดูเหมือนไม่มีทางให้ออกไปได้เป็นอะไรที่ลุ้นและพูดตรงๆ ว่าคิดภาพเป็นเราเจอสถานการณ์แบบนั้นคงสติแตก
สุดฯรู้สึกว่าความน่ากลัวของเคซอมบี้อยู่ที่การแต่งหน้าเอฟเฟ็กต์ ท่าทาง และการเคลื่อนที่เร็วที่เป็นซิกเนเจอร์ของซอมบี้เกาหลี ซึ่งเจ้าซอมบี้ในเรื่องAll of Us Are Deadก็ยังครบทุกข้อค่ะคุณ แล้วนางวิ่งเร็วมากขึ้นไปอีกด้วยแม่ ซึ่งความเร็วของซอมบี้นี่แหละ ก็ทำให้เราลุ้นกับการต้องพยายามเอาตัวรอดของเด็กนักเรียนแก๊งผู้อยู่รอดมากขึ้น แล้วเรื่องยังทำให้เห็นภาพการค่อยๆ เป็นซอมบี้แบบชัดเจน และซอมบี้นางก็กัดจริงกัดจังมากแม่ แต่ถึงกระนั้นพอดูไปเรื่อยๆ คนขี้กลัวอย่างอิฉันก็เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า จริงๆ แล้วสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือซอมบี้จริงหรือเปล่า หรือมีอย่างอื่นที่น่ากลัวกว่า
แล้วด้วยความที่ตัวละครหลักเป็นนักเรียน แน่นอนว่าตอนดูอาจจะทำให้หลายๆ คนรู้สึกว่าการตัดสินใจของน้องอาจจะทำให้เราหงุดหงิดบ้างอะไรบ้าง แต่เรื่องก็ทำให้เห็นว่าความเป็นเด็กวัยรุ่นที่ต้องมาเผชิญสถานการณ์ที่คับขันขนาดนี้โดยไม่มีผู้ใหญ่เข้ามาช่วย ผ่านเหตุการณ์สะเทือนใจสะเทือนอารมณ์มากมาย แล้วเจอเหตุการณ์มาแบบไม่ทันตั้งตัว เขาเอาตัวรอดกันได้ยังไง อาจมีทะเลาะกันบ้าง หรือมีมุมอะไรที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกอิหยังวะ แต่นี่ก็คือธรรมชาติของคนวัยนี้ที่ยังเป็นเพียงนักเรียนม.ปลาย สุดฯ เองดูไปแล้วรู้สึกว่าอยากจะชื่นชมตัวละครในเรื่องเหมือนกันที่เจอเหตุการณ์เบอร์นี้ น้องยังต่อสู้จนถึงที่สุด และชอบความร่วมแรงร่วมใจสามัคคีคือพลังของเด็กๆ มากๆ แม้อาจจะมีเถียงกันทะเลาะกัน แต่สุดท้ายก็แสดงพลังของทีมเวิร์กออกมา ต้องบอกว่าทีมนักแสดงเรื่องนี้เคมีเข้ากันมาก และแอบเห็นพัฒนาการของตัวละครที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นผ่านเหตุการณ์ต่างๆ
ถ้าถามสุดฯ ว่ามู้ดเรื่องและดีกรีความลุ้นมีประมาณไหนตลอด 12 อีพี ก็ขอบอกว่ามีให้ลุ้นอยู่เรื่อยๆ บางช่วงก็คือฉันลุ้นแบบหยุดหายใจบ้าง ลุ้นแบบส่งเสียงเชียร์มวยหรือเชียร์อัพลูกบ้าง ไปจนถึงลุ้นว่าเรื่องจะจบยังไง ตัวซีรี่ย์มีอะไรที่พีคใส่มาอยู่เรื่อยๆ งานทำให้สะดุ้งหรือจังหวะตุ้งแช่ก็มีอยู่บ้าง แต่ก็มีช่วงกลางๆ เรื่องที่เริ่มมีบทและเนื้อเรื่องเอื่อยๆ เนือยๆ อยู่ และแอบรู้สึกว่าด้วยความยาว 12 ตอน เรื่องเลยมีความยืดเยื้อ น่าจะกระชับได้มากกว่านี้ ก่อนจะค่อยๆ อัพเลเวลความสนุกขึ้นมาอีกในช่วงครึ่งหลัง ส่วนตัวรู้สึกว่าช่วงหลังสนุกและเอนจอยมาก
ตัวเรื่องAll of Us Are Deadไม่ได้มีแค่ระทึกขวัญสั่นประสาทกับการเอาชีวิตรอด แต่ยังมีใส่อารมณ์คอเมดี้มาคอยเบรกความเครียดหรือสถานการณ์ที่ดูมืดแปดด้านให้มีรอยยิ้มหรือขำออกมาได้อยู่เรื่อยๆ แล้วก็มีความน่ารักของเด็กๆ ที่ทำให้รู้สึกเอ็นดูและค่อยๆ ผูกพันกับพวกเขามากๆ แบบที่พอดูไปจะยิ่งเพิ่มความอินเพราะผูกพันกับเด็กๆ หรือตัวละครนี่แหละ งานแอ๊กชั่นจัดเต็ม จับอะไรข้างตัวมาสู้กับซอมบี้ได้ ณ จุดนั้น ต้องหยิบมาหมด ตั้งแต่หน้าต่าง ประตู เก้าอี้ ไปยันไม้เบสบอล ความหนีซอมบี้ในโรงเรียนอะเนอะ
ที่สำคัญยี่ห้อเกาหลีทั้งที ความดราม่าหรือเล่นกับอารมณ์ต้องมาสิคะ เรียกว่าฉันน้ำตาไหลไปหลายครั้ง ขอเตือนคนที่จะดูไว้เลยว่าก่อนดูให้เกียมทิชชู่ไว้ข้างตัว เพราะคุณจะเสียน้ำตาได้ ยิ่งช่วงครึ่งหลังก็คือร้องๆ หยุดๆ ร้องๆ หยุดๆ All of Us Are Deadนางขยี้อารมณ์มาก
เหตุผลที่ทำให้คนดูเสียน้ำตาได้ ก็มาจากการวางพล็อตและบทละครที่มีการสอดแทรกปัญหาต่างๆ มาตั้งแต่อีพีแรกนี่แหละคุณ All of Us Are Deadจะสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงเรียนไปจนถึงสังคมออกมา โดยเฉพาะเรื่องของการที่โรงเรียนควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยหรือเซฟโซนสำหรับเด็ก แต่กลายเป็นว่ามีปัญหาซุกอยู่ใต้พรมซะงั้น ทั้งการใช้ความรุนแรงในโรงเรียน การบุลลี่และแบ่งแยกชนชั้นกันทางฐานะหรือผลการเรียน การสอบเข้ามหาวิทยาลัย ประเด็นเรื่องท้องในวัยเรียน ปัญหาการใช้กฎระเบียบที่กลายเป็นลิดรอนสิทธิ์ของเด็กที่สุดฯ มองว่ามีผลต่อเหตุการณ์การเอาตัวรอดในเรื่องด้วย แล้วพอเอาเรื่องไวรัสซอมบี้แพร่ระบาดมาเกิดขึ้นในโรงเรียน ก็เหมือนเป็นการสื่อสัญญะให้เห็นว่าสรุปแล้วโรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยจริงๆ ไหม
แล้วปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงเรียนก็เชื่อมไปสู่สังคม ในเรื่องจะมีประเด็นที่สอดแทรกเข้ามาให้เราตั้งคำถามและฉุกคิดตลอด ซึ่งตัวเรื่องจะใช้ไวรัสซอมบี้ในการสื่อความหมายถึงผู้ชม รวมไปถึงเส้นเรื่องการต้องเอาตัวรอดที่ทำให้ทุกคนต้องคิดอยู่เสมอว่าตัวเองต้องเลือกระหว่างจะถูกฆ่าหรือเป็นผู้ฆ่าแบบที่เขียนโปรยไว้ในโปสเตอร์หลัก เราได้เห็นความสัมพันธ์ของเพื่อน ครอบครัว หรือคนที่อยู่ร่วมกันในสังคม ไปจนถึงการแก้ปัญหาของภาครัฐต่อเหตุการณ์นี้ เพราะสุดท้ายซอมบี้ไม่ได้แพร่อยู่แค่ในโรงเรียน และเรื่องยังทำให้เราตั้งคำถามกับการมีชีวิตรอด
ส่วนตัวสุดฯ รู้สึกชอบประเด็นและ message ที่เรื่องต้องการจะส่งมาถึงเรามากๆ ทำให้ได้ฉุกคิดถึงอะไรหลายๆ อย่าง ชอบการพยายามสื่อสัญญะผ่านคำพูด สถานการณ์ พร็อปส์ หรือแม้กระทั่งตัวภาพ แล้วฉากโรงเรียนก็ดูสมจริงมาก พอรู้ว่าเป็นฉากเซ็ตขึ้นมา ก็คือขอปรบมือให้เลยค่ะ
นอกจากนี้All of Us Are Dead ยังกระจายบทให้หลายๆ ตัวละครได้มีเส้นเรื่องของตัวเองบ้าง หรือแสดงตัวตนของพวกเขาให้เราได้เห็นชัดเจน แต่บางคนอาจจะมองว่ากระจายจนยืดเยื้อก็ได้ มีการวางเรื่องให้แอบเดายากเบาๆ ช่วงแรกๆ สุดฯ เดาเหตุการณ์ผิดซะส่วนใหญ่ 555+ ถึงกระนั้นก็แอบมีความไม่เมกเซนส์อยู่บ้างพอสมควร
การดีไซน์ท่าทาง การเคลื่อนที่ รวมถึงการแต่งหน้าเอฟเฟ็กต์ซอมบี้ก็คือดีตามมาตรฐานเกาหลี นักแสดงตัวประกอบก็คือแน่น แต่ละคนสวมบทเป็นซอมบี้ได้ดี ส่วนตัวชอบพ้อยต์ตรงตอนอินโทรเปิดเรื่องที่มีการใช้กิมมิกซอมบี้เป็นฝูงกับฉากขึ้นโลโก้ชื่อเรื่องAll of Us Are Deadครีเอทมากค่ะ
ไม่พูดถึงบรรดาเหล่านักแสดงนำและนักแสดงสมทบคงไม่ได้ นักแสดงที่ดำเนินเรื่องหลักเป็นนักแสดงรุ่นใหม่ก็จริง แต่เล่นกันดี เป็นธรรมชาติ ดูเป็นตัวละครตัวนั้นจริงๆ แม่ สมบทบาททุกคน ขออวยยศทุกคน อาทิ พัคจีฮู ยุนชานยอง โจอีฮยอน โรมน ยูอินซู อียูมี ซนซังยอน อีอึนแซม อิมแจฮยอก ฮาซึงรี คิมโบยุน อันซึงกยุน ฮัมซองมิน คิมจูอา อันจีโฮ ฯลฯ ไหนจะบรรดานักแสดงรุ่นผู้ใหญ่ที่มาเสริมทัพเพิ่มความเข้มข้นให้เรื่อง เช่น คิมบยองชอล แพแฮซอน อีคยูฮยอง จอนแบซู ซึ่งบรรดานักแสดงรุ่นใหญ่แต่ละคนไม่ต้องห่วงเรื่องการแสดง ระดับยอดฝีมืออยู่แล้ว
สุดฯ คิดว่าซีรี่ย์เกาหลีเรื่องAll of Us Are Deadเป็นซีรี่ย์เกาหลีอีกเรื่องที่ดีทั้งในแง่โปรดักชั่น เนื้อเรื่อง แมสเสจ และองค์ประกอบต่างๆ เรียกว่าตอกย้ำว่าแนวซอมบี้นั้น ของเกาหลีเขาดีจริงๆ แล้วมีเอกลักษณ์ชัดเจน และAll of Us Are Deadยังเปิดมุมมองแนวซอมบี้อีกมุมหนึ่งที่พาไปดูเรื่องราวของวัยรุ่น ดูไปก็จุกอกไปเหมือนกันเด้อ ตามไปชมกันแบบ 12 ตอนรวดได้ที่ Netflix เท่านั้นนะจ๊ะ
TEXT : ImJinah
PHOTO : Netflix
อัพเดตข่าวบันเทิงเกาหลี ซีรี่ย์เกาหลี ดาราเกาหลี ไอดอลเกาหลีได้อีกเพียบที่สุดสัปดาห์ค่ะ
ส่องความแตกต่างของซอมบี้เกาหลีในเรื่อง Train to Busan และ Kingdom ซิกเนเจอร์คืออะไร?!?
ไลน์อัพ Netflix ปี 2022 จัดหนัง รายการ และซีรี่ย์เกาหลีบุกจอ #ลิสต์ยาวประหนึ่งพงศาวดาร
จอนจีฮยอน เปิดเผยในงานแถลงข่าว จริงๆ แล้วอยากเล่นเป็นซอมบี้ใน Kingdom!!!
รีวิว The Red Sleeve ซีรี่ย์เกาหลีกู้ชื่อของ MBC ที่สนุกและปังมาก จนต้องเพิ่มตอน!!!
7 เหตุผลที่ทำไมต้องตามเก็บ Kingdom: Ashin of the North จากจักรวาล Kingdom!
เกาหลีซอมบี้ต่อแบบไม่มีอะไรกั้น! ส่องหนัง-ซีรี่ย์เกาหลีแนวซอมบี้ในปี 2020
รีวิว Law School ซีรี่ย์เกาหลีแนวกฎหมายที่ตั้งคำถามกับความยุติธรรมในสังคม!
ย้อนรีวิว Thirty but Seventeen ผลงานของชินฮเยซอน – ยังเซจง – อันฮโยซอบ – อีโดฮยอน!
ยูอาอิน ยกให้ พัคชินฮเย เป็น “นางเอกนักบู๊” เล่นจริง เจ็บจริง ไม่ใช้สแตนด์อิน!
สัมภาษณ์พิเศษกงยู – แบดูนา – จองอูซอง จาก The Silent Sea #จองอูซองแย้มอยากมาไทย