ครั้งก่อนสุดฯ รีวิวสกินแคร์แบรนด์ใหม่จากญี่ปุ่นไป 2 แบรนด์ หนึ่งในนั้นมี Domohorn Wrinkle สกินแคร์ที่เด่นเรื่องดูแลริ้วรอยด้วย แต่เน้นเฉพาะเซตทำความสะอาด คนก็ถามกันเข้ามากันว่า เอ๊ะ แล้วตัวอื่น-สเต็ปอื่นล่ะ ไม่พูดถึงเหรอ …ก็แหม ตอนนั้นรีวิวสองแบรนด์ ถ้าพูดหมดจะยาวไป ขอเอามารีวิวแยกแล้วกันเนอะ
ความจริงคนสนใจแบรนด์นี้กันเยอะนะ ก็สาวๆ ทุกวัยน่ะ กังวลเรื่องริ้วรอยกันที่สุดเลย จริงไหมคะ เราเลยขอรีวิวแบบละเอียดเพื่อเป็นแนวทางการตัดสินใจค่ะ
สาวๆ คงพอรู้กันอยู่แล้วเนอะว่านอกจากวัยที่เพิ่มขึ้น แสงแดด มลภาวะที่เป็นปัจจัยภายนอก หรือแม้แต่การขยับสีหน้า การเสียดสีผิวแรงๆ ก็ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ ตามมา โดยเฉพาะริ้วรอยและจุดด่างดำ ดังนั้น การดูแลผิวที่ถูกต้องและครบถ้วนจึงจำเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่ การทำความสะอาด (ชำระล้างสิ่งตกค้างและมลภาวะต่างๆ) การบำรุง (เติมสารบำรุงที่จำเป็นให้ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น เพราะถ้าผิวแห้งแล้วขยับสีหน้าซ้ำๆ ก็ง่ายต่อการเกิดริ้วรอย) และ การป้องกัน (อันตรายจากแสงแดด) ซึ่งเซต Domohorn Wrinkle ที่เรากำลังจะรีวิวมีสกินแคร์ที่ครอบคลุมทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ คือ เซตทำความสะอาด 3 ตัว บำรุง 4 ตัว และป้องกันแสงแดด 1 ตัว รวมทั้งหมด 8 ตัว โดยไม่แบ่งตามสภาพผิวหรือปัญหาผิวใดๆ ซึ่งเดี๋ยวเราจะขอเน้นรีวิวเซตบำรุงเป็นพิเศษ เพราะเซตทำความสะอาดเคยพูดถึงไปแล้ว (สนใจคลิกตามไปอ่านได้นะ)
ก่อนอื่นขอพูดถึงภาพรวมของแบรนด์ Domohorn Wrinkle นิดนึง คือเราชอบคอนเซ็ปต์แบรนด์มาก เพราะเป็นแบรนด์ที่เกิดมาจากบริษัทยา ก่อนจะหันมาวิจัยและผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากว่า 45 ปีแล้ว และเน้นการแก้ปัญหาผิวที่เกิดจากอายุ (ริ้วรอย ความหย่อนคล้อย จุดด่างดำ ฯลฯ) โดยมีแนวคิดแบบแพทย์แผนตะวันออก (คัมโป) ที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติมาฟื้นฟูผิว ผสมผสานกับเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ จึงรู้สึกมั่นใจในมาตรฐาน ความปลอดภัย และประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์
ด้วยความที่มีทีมวิจัยเป็นของตัวเองจึงสามารถออกไปเสาะหา-ค้นคว้าวัตถุดิบ ส่วนผสมที่มีคุณค่าต่อผิวจากทั่วโลก รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อยู่ตลอด อย่างการนำคอลลาเจนมาเป็นส่วนผสมในสกินแคร์ Domohorn Wrinkle ก็เป็นแบรนด์แรกในญี่ปุ่นที่ทำ นั่นก็คือ Cream 20 ซึ่งพัฒนามาแล้วหลายรุ่นกว่าจะถึงรุ่นที่ขายอยู่ในตอนนี้ (เดี๋ยวมีรีวิวด้านล่างค่ะ)
นอกจากนี้ ยังประทับใจในความใส่ใจรายละเอียดและการดูแลลูกค้าแบบจิตวิญญาณญี่ปุ่น เช่น การออกแบบขวดที่เบา หมุนเบิดปิดง่าย ไม่ลื่นมือ และมีหมายเลขลำดับการใช้กำกับ, การผลิตในปริมาณน้อยต่อครั้งและขายผลิตภัณฑ์เองโดยตรงเพื่อให้ลูกค้าได้ใช้ของที่ผลิตใหม่ที่สุด, การทำเอกสารแนะนำที่ละเอียดชัดเจน บอกแม้กระทั่งว่าขวดนึงใช้ได้กี่ครั้ง ฯลฯ
รีวิวเซตบำรุง 4 ตัวจาก Domohorn Wrinkle
เข้าเรื่องเลยดีกว่า ในส่วนของเซตบำรุง 4 ตัว (Essential 4) จะมีตามนี้ค่ะ
Intense Hydrator (120 ml 1,800.-)
ตัวนี้ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นดูฉ่ำวาว ด้วยส่วนผสมของไฮยาลูรอนชนิดพิเศษ และดอกชิรานุยคิคุที่เป็นสมุนไพรจากคุมาโมโตะบ้านเกิดของแบรนด์นี้ ตัวเนื้อเป็นน้ำใสๆ ลื่นๆ ซึมง่าย แค่วอร์มกับฝ่ามือแล้วกดเบาๆ ลงบนผิวไม่กี่ครั้งก็ซึมแล้ว ทางแบรนด์แนะนำให้ใช้ 2 ครั้งตามปริมาณที่แนะนำ เพราะว่าถ้าใช้ปริมาณทั้งหมดในครั้งเดียว ผิวเราจะไม่สามารถรับสารบำรุงได้ทั้งหมด จากที่ลองใช้เราชอบตัวนี้ตรงที่ซึมง่าย ใช้แล้วรู้สึกผิวชุ่มชื้น นุ่มเด้ง โดยไม่เหนียวหรือรำคาญผิวเลย
Vital White Essence (30 ml 3,500.-)
ตัวนี้เค้าว่าช่วยเรื่องการผลัดเซลล์ผิวและช่วยให้ผิวดูสว่างกระจ่างใส มีส่วนผสมของดอกไม้ตระกูลเบญจมาศช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง มีวิตามินซีที่ช่วยเรื่องจุดด่างดำ และมีส่วนผสมของพืชตระกูลขิงที่ช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตกค้าง ให้ผิวกลับมามีชีวิตชีวาด้วยนะ ตัวนี้เค้าว่าช่วยดึงพลังงานในผิวให้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งตอนใช้ก็ใช้ตามคู่มือที่เค้าแนะนำ และปิดท้ายด้วยการใช้ปลายนิ้วเคาะเบาๆ ทั่วหน้า จะช่วยให้ซึมดีขึ้น เนื้อของตัวนี้จะข้นกว่าตัวแรกเล็กน้อยแต่ก็ซึมง่ายเหมือนกัน ขนาดทาต่อจากโลชั่นก็ยังซึมเร็ว ให้ความรู้สึกชุ่มผิว และไม่มันเลย แถมกลิ่นหอมอ่อนๆ ผ่อนคลายมากๆ ชอบอะ
Cream 20 (30 g 4,500.-)
ตัวนี้เป็นสินค้าไฮไลต์ของแบรนด์เลยนะ เลข 20 ก็คือปริมาณส่วนผสมคอลลาเจน 20% นั่นเอง แน่ะ! เห็นคำว่าคอลลาเจนนี่แฮปปี้เลยใช่ไหมคะ ก็รู้ๆ กันอยู่เนอะว่ามันช่วยเรื่องริ้วรอย โดยตัวนี้ทางแบรนด์บอกว่าช่วยทั้งส่งมอบ รักษา และดึงพลังของคอลลาเจนที่มีอยู่เดิมในผิวให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังเป็นตัวที่มีส่วนผสมเอกลักษณ์ของแบรนด์ทั้ง 9 เช่น โสมขาว, ดอกชิรานุยคิคุ, คอลลาเจนจากปลาสองชนิด ที่คิดค้นวิจัยมากว่า 40 ปี โห.. .ฟังแค่นี้ก็ว้าวแล้ว อะมาดูกันว่าลองใช้แล้วจะรู้สึกยังไง
สำหรับตัวนี้เนื้อสัมผัสเป็นครีมสีขาว มีความข้นกว่าอีก 2 ตัวที่ลองก่อนหน้า แต่พอทาวนบนผิวแล้วกลับลื่น นุ่ม อาจจะซึมช้ากว่าแต่พอซึมแล้วกลับไม่มันเลย
Milky Veil Lotion (100 ml 1,800.-)
เป็นตัวสุดท้ายของเซตบำรุง มีส่วนผสมจากดอกทิวลิปพันธุ์พิงค์ไดมอนด์และอื่นๆ ช่วยปิดล็อคสารบำรุงขั้นตอนก่อนหน้า ช่วยกักเก็บความยืดหยุ่นและชุ่มชื้นได้ยาวนานตลอดวัน ปกป้องผิวจากมลภาวะ และปรับสมดุลความมัน แถมช่วยให้เครื่องสำอางติดทนด้วย …คุณสมบัติมาเต็มมากค่ะ
ตัวนี้เนื้อเป็นน้ำนมค่อนข้างเหลว วอร์มที่ฝ่ามือแล้วกดลงบนผิวหน้าไปเรื่อยๆ มันก็จะซึมหมด ความอะเมซซิ่งคือแม้จะใช้หลัง Cream 20 ซึ่งข้นกว่าแต่กลับซึมง่าย แปลว่าเนื้อครีมตัวก่อนหน้าซึมซาบลงสู่ผิวไปแล้ว ตัวต่อไปถึงสามารถซึมได้ดีแบบนี้
พอทาทั้งหมด 4 ตัวนี้เราจะรู้สึกเย็นๆ ชุ่มๆ ผิว แต่พอลองลูบดูก็ไม่มัน ไม่แห้ง กดดูรู้สึกผิวฉ่ำกำลังดี ลักษณะผิวแบบนี้แต่งหน้าติดดีเลยแหละ โดยรวมเรารู้สึกชอบนะ เนื้อดีมากทั้ง 4 ตัวเลย ผู้หญิงเราเวลาทาครีมจะรู้สึกได้อยู่แล้วว่าตัวไหนซึมซาบดี ตัวไหนแค่กองอยู่บนผิว ซึ่งทั้ง 4 ตัวนี้ไม่มีตัวไหนที่ให้ความรู้สึกหนัก มัน ลื่น หรือรำคาญผิวเลย ขนาดทาเป็นสเต็ปต่อกัน 4 ตัวก็ยังซึมได้ดีทุกตัว แอบบอกว่าเราค่อนข้างแพ้ง่าย แต่ทางแบรนด์ก็มีเอกสารแนะนำสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่ายด้วย เลยลองใช้ตามคำแนะนำนั้น ซึ่งปรากฏว่าเราไม่แพ้นะ ขอมอบมงฯ ณ จุดนี้ (ผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องทดสอบการแพ้ด้วยตัวเองนะจ๊ะ) อีกส่วนที่ชอบคือกลิ่นค่ะ กลิ่นดี หอม ผ่อนคลาย รู้สึกได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ^^
เซตบำรุงนี้ใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น ถ้าเป็นกลางคืนทาหมดนี้ก็นอนได้เลย แต่ถ้าเป็นตอนเช้าใช้ 4 ตัวนี้เสร็จแล้วแนะนำให้ทากันแดดก่อนแล้วค่อยแต่งหน้าเพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวี กันแดดของแบรนด์นี้ก็มีนะ เป็น UV Dress Cream (SPF50+ PA++++) ซึ่งมีจุดเด่นคือนอกจากจะปกป้องผิวจากรังสียูวีแล้ว ยังมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิว ฟื้นฟูสภาพผิวจากผลกระทบที่ได้รับจากมลภาวะภายนอก และยังช่วยให้สีผิวดูเรียบเนียนสม่ำเสมอด้วย เนื้อเป็นสีเบจ ถ้าไม่ได้แต่งหน้าเต็มใช้แทนบีบีครีมได้เลย
สำหรับบางคนอาจจะรู้สึกว่าหลายขั้นตอนจัง แค่คิดก็ขี้เกียจแล้ว เรามีเทคนิคส่วนตัวมาฝาก คือเราจะชอบอ่านฟิคหรือดูซีรี่ส์ก่อนนอน เราก็ทำแต่ละขั้นตอนไปด้วยเพลินๆ จะได้ไม่เบื่อ ส่วนตอนเช้าถ้าไม่มีเวลาจริงๆ ทางแบรนด์เค้ามี Pleaser (พรีเซอร์) ที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านผิวและวิธีการใช้ ลองโทรไปปรึกษาเค้าก็ได้นะ (มีช่องทางการติดต่อในหัวข้อต่อไป)
มีเซตทดลองส่งให้เทสต์ก่อนตัดสินใจซื้อนะ
ใครที่มองแบรนด์นี้มานาน ลองอ่านรีวิวแล้วสนใจ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเหมาะกับผิวเราจริงๆ หรือเปล่า หรือจะแพ้ไหม ทางแบรนด์เค้าเข้าใจในจุดนี้มากๆ ก็เลยมีเซตทดลอง 8 ตัว สำหรับใช้สามวัน ส่งให้ได้ลองใช้จริงกันก่อนด้วยนะ จริงๆ เค้าให้ทดลองใช้ฟรีแต่เนื่องจากเป็นของที่อิมพอร์ตมาจากญี่ปุ่นเลยมีค่าธรรมเนียมนำเข้า 200 บาท เราเชียร์ให้ขอรับเซตทดลองมาลองก่อนนะ จะได้รู้ว่าเหมาะกับผิวไหม หรือชอบตัวไหนบ้าง เพราะบางคนอาจจะชอบแค่บางตัวก็สามารถสั่งซื้อเฉพาะตัวที่ถูกใจมาใช้ได้ค่ะ
สำหรับช่องทางการติดต่อมี 2 ช่องทาง ทั้ง 02-260-2222 (จันทร์-เสาร์ 10.00-19.00 น.) และ www.saishunkan-th.com ซึ่งทั้ง 2 ช่องทางนี้สามารถติดต่อได้ทุกเรื่องเลย ทั้งสอบถาม ปรึกษาปัญหาผิว สั่งซื้อ รวมทั้งลงทะเบียนรับเซตทดลอง โดยเฉพาะทางโทรศัพท์จะมีเจ้าหน้าที่ที่เรียกว่า Pleaser (พรีเซอร์) ซึ่งผ่านการอบรมเรื่องผิวจากญี่ปุ่นมาแล้ว คอยให้คำปรึกษาเรื่องผิว สามารถสอบถามก่อนโดยยังไม่จำเป็นต้องสั่งซื้อก็ได้ค่ะ
สุดท้ายอยากขอบคุณที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ (เรารู้ว่ามันยาวมาก) หวังว่าข้อมูลและรีวิวจัดเต็มของเราจะมีประโยชน์ต่อการตัดสินใจนะคะ
Text: Nicharee W.
Photo: Naowapoj, Voravut