“ดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ” ดังนั้นการปล่อยให้ ถุงใต้ตา หย่อนคล้อย ใต้ตาดำคล้ำ จึงทำให้ใบหน้าโดยรวมดูเศร้าหมอง ไม่มีชีวิตชีวา วันนี้เราจึงเดินทางไปถึงจังหวัดระยองเพื่อพูดคุยกับ คุณหมอฝ้าย – พญ. รัชฎาภรณ์ ชูศักดิ์ แพทย์ประจำและผู้บริหาร PRINX Clinic เจาะลึกถึงปัญหาผิวต่างๆ รอบดวงตา ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาถุงใต้ตาปูดนูน ใต้ตาดำคล้ำ มีริ้วรอย รวมไปถึงวิธีการคืนใต้ตากระชับสดใสด้วยตัวเองและการใช้หัตถการ การผ่าตัด
…และทั้งหมดนี้คือความรู้ดีๆ ที่ได้จากคุณหมอฝ้าย ครบจบทุกข้อสงสัย มาติดตามไปพร้อมกันเลยค่า
เจาะลึกผิวใต้ตา ถุงใต้ตา คืออะไร
ก่อนจะไปดูปัญหาต่างๆ บริเวณใต้ตา เราควรทำความเข้าใจสรีระบริเวณนี้ก่อน อธิบายให้เห็นภาพคร่าวๆ เริ่มจากด้านนอกสุดคือ ชั้นผิว ถัดลงไปจะเป็น กล้ามเนื้อใต้ตา ลึกลงไปจะเป็น ไขมันชั้นตื้น จากนั้นถึงเป็น ไขมันถุงใต้ตา อยู่ชั้นลึก ซึ่งโดยปกติเส้นเอ็นใต้ตาและกล้ามเนื้อใต้ตาจะพยุงไขมันถุงใต้ตาเอาไว้ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม แต่เมื่ออายุมากขึ้น เอ็นใต้ตาและกล้ามเนื้อใต้ตาก็หย่อนคล้อยลง ทำให้ไขมันถุงใต้ตาปูดออกมาชัดเจน
สาเหตุของ ถุงใต้ตา ใต้ตาคล้ำ และริ้วรอย
ปัญหาผิวใต้ตาเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจจะต้องดูก่อนว่าผู้รับบริการมี โรคประจำตัว รึเปล่า เช่น คนที่เป็นภูมิแพ้มักจะมีปัญหาเรื่องใต้ตาคล้ำ ใต้ตาเหี่ยว เพราะคนเป็นภูมิแพ้จะคันตา ขยี้ตาบ่อย ทำให้ผิวอักเสบเรื้อรังจนเปลี่ยนเป็นรอยดำ และเกิดริ้วรอยใต้ตาได้ หรืออาจจะเป็นโรคฮอร์โมนบางตัว เช่น โรคไทรอยด์ ที่ทำให้ใต้ตาปูดบวม
นอกจากนี้ การนอนดึก และ ดื่มน้ำน้อย ก็มีผลทำให้ผิวใต้ตาคล้ำ เหี่ยว ขาดความชุ่มชื้น และตกร่องได้ ส่วนในบางคนก็มี พันธุกรรม ที่ทำให้ร่องน้ำตาลึกหรือถุงใต้ตาปูด และอย่างที่บอกไปตอนแรกว่า อายุ ก็มีผลทำให้ถุงใต้ตาปูดบวม หย่อนคล้อยเช่นกัน
เลือกสกินแคร์แบบไหนให้ถูกกับปัญหา
ก่อนอื่นต้องประเมินดูปัญหาผิวใต้ตาของเราก่อน แล้วเลือกสกินแคร์ที่เหมาะกับปัญหานั้นๆ ใช้ต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือนเพื่อให้เห็นผล เพราะสกินแคร์ที่ทาไปอาจไม่ได้ซึมลงสู่ใต้ผิวทั้งหมด 100%
- ใต้ตาคล้ำ ต้องมองหาสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของสารช่วยลดเม็ดสี เช่น วิตามินซี (Vitamin C) วิตามินอี (Vitamin E) หรือ อาร์บูติน (Arbutin)
- ผิวใต้ตาแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ตกร่อง ปัญหานี้ควรใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) ที่ช่วยบำรุงผิว ให้ความชุ่มชื้น
- ริ้วรอยเล็กๆ สำหรับบางคนที่มีริ้วรอยเล็กๆ ควรเลือกใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ เรตินอล (Retinol) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หรือเปปไทด์ (Peptide) ที่ช่วยกระชับผิว
ปรับพฤติกรรม คืนใต้ตากระชับสดใส
พฤติกรรมของเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผิวใต้ตาเกิดปัญหาได้ ดังนั้นการปรับพฤติกรรมควบคู่กับการใช้สกินแคร์ก็จะช่วยทำให้ปัญหาผิวดีขึ้น
- อย่าขยี้ตา ผิวใต้ตาคือผิวส่วนที่บางที่สุด ส่วนใหญ่คนที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำหรือริ้วรอยใต้ตามักจะเกิดจากการขยี้ตาบ่อยๆ
- ดื่มน้ำเยอะๆ การดื่มน้ำจะช่วยแก้ปัญหาผิว และปัญหาสุขภาพได้หลายอย่าง รวมไปถึงปัญหาใต้ตาขาดความชุ่มชื้นอีกด้วย เพราะเมื่อผิวขาดความชุ่มชื้น ก็จะแห้ง เหี่ยว หรือตกร่องได้
- พักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพและผิวใต้ตา
- หลีกเลี่ยงแสงแดด แสงแดดสามารถทำร้ายผิวของเราได้มาก ซึ่งหลายคนมักจะไม่ทาครีมกันแดดรอบดวงตา เพราะกลัวจะเกิดอาการระคายเคือง แต่ความจริงแล้ว เราสามารถทาครีมกันแดดหรือครีมทาหน้ารอบดวงตาได้ แค่ระวังไม่ให้เข้าตาก็พอ ยิ่งผิวบริเวณใต้ตาเป็นส่วนที่บางมาก ก็ยิ่งได้รับผลกระทบจากแสงแดดมากกว่าส่วนอื่น ดังนั้นการทาครีมกันแดดรอบดวงตาจึงเป็นอีกสิ่งที่ห้ามลืมเด็ดขาด
หัตถการเลเซอร์และการฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาใต้ตา
สำหรับหัตถการที่ใช้แก้ไขปัญหาใต้ตา ขอแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ การศัลยกรรม กับ กลุ่มที่ไม่ใช่ศัลยกรรม สำหรับคนที่มีปัญหาใต้ตาเล็กๆ ก็จะเหมาะกับหัตถการที่ไม่ใช่ศัลยกรรม ซึ่งประกอบไปด้วย เลเซอร์ และการฉีดสารต่างๆ ได้แก่
- ใต้ตาคล้ำ สำหรับปัญหาใต้ตาคล้ำต้องเลือกเป็นกลุ่มเลเซอร์ที่ลดเม็ดสี เช่น PICO หรือไม่ก็ Q-Switch
- ผิวใต้ตาแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ตกร่อง ถ้าเรื่องผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ก็อาจจะฉีดเมโส หรือ Mesotherapy บำรุงผิวใต้ตาให้ชุ่มชื้นขึ้น
- ปัญหาร่องลึก ร่องน้ำตาเป็นแอ่งลึก สามารถฉีดสารเติมเต็มให้ริ้วรอยดูตื้น ดูเต็มขึ้น
- ริ้วรอยเล็กๆ ก็จะมีสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Biostimulator) หรือไหมน้ำ ที่มาแก้ปัญหาริ้วรอยเล็กๆ
ซึ่งข้อดีของหัตถการกลุ่มนี้คือ ระยะเวลาพักฟื้นสั้นลง แต่ข้อด้อยจะเป็นเรื่องระยะเวลาที่ผลลัพธ์อาจจะอยู่ได้ไม่นาน เช่น ผลลัพธ์ของการฉีดเมโสอาจจะอยู่ได้ 2-3 สัปดาห์ ส่วนสารเติมเต็มอาจจะอยู่ได้ 6-9 เดือน แล้วแต่ยี่ห้อ แล้วแต่รุ่น
การศัลยกรรมผ่าตัด ถุงใต้ตา
ถัดมาคือ หัตถการที่เป็นการศัลยกรรม นั่นก็คือ การผ่าตัดถุงใต้ตา โดยการผ่าตัดถุงใต้ตาเป็นการผ่าตัดเล็ก เหมาะกับคนที่ผิวใต้ตาหย่อนเยอะ ถุงใต้ตาปูด ใต้ตาเหี่ยวมาก ถ้าเราใช้สารเติมเต็มก็อาจจะต้องใช้ในปริมาณมาก มีค่าใช้จ่ายสูง ในขณะที่การผ่าตัดถุงใต้ตาอาจมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า
ขั้นตอนการผ่าตัดถุงใต้ตา
โดยขั้นตอนของการผ่าตัดถุงใต้ตา จะกรีดเปิดแผลบริเวณเปลือกตาล่าง ตัดผิวใต้ตาที่หย่อนคล้อยแล้วเย็บให้กระชับขึ้น ส่วนถุงไขมันที่ปูดนูนก็จะตัดออกหรือย้ายไขมันมากลบร่องลึกต่างๆ แพทย์จะเย็บจากข้างในออกมาทีละชั้นจนถึงผิวข้างนอก เหมือนการค่อยๆ ซ่อมบ้านที่มันทรุดจากโครงสร้าง
การผ่าตัดจะทิ้งรอยแผลเป็นหรือไม่
แพทย์จะมีเทคนิคซ่อนรอยแผล คือการผ่าตัดข้างในเปลือกตา เยื่อบุตาสำหรับคนที่มีถุงปูดแต่ไม่ได้มีความหย่อนคล้อยของผิว แต่สำหรับคนที่ผิวเหี่ยวมาก เอ็นหย่อนมาก ก็จะผ่าตัดบริเวณใต้ขอบตาล่าง โดยแนวแผลก็จะซ่อนอยู่ตามรอยพับของขอบตาล่างอยู่แล้ว ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นใหญ่ โดยใช้ “เทคนิคซ่อนไหม” เทคนิคของพริ้งคลินิก
ข้อควรระวังในการผ่าตัด ถุงใต้ตา
ในกระบวนการผ่าตัดแน่นอนว่าต้องโดนเส้นเลือดอยู่แล้ว จึงอาจมีรอยช้ำ หรืออาการบวมหลังผ่าตัดได้ ดังนั้นการดูแลตัวเองก่อนและหลังทำอย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้การผ่าตัดหรือทำหัตถการต่างๆ ควรดูหลายองค์ประกอบร่วมกันก่อนการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็น ประสบการณ์ของแพทย์ ผลงานที่ผ่านมา หรือรีวิวจากผู้รับบริการที่เป็นรีวิวจริงๆ ไม่มีการแต่งเติม
การดูแลตัวเองก่อน-หลังทำหัตถการ
การดูแลตัวเองก่อนทำหัตถการ
- สำหรับหัตถการกลุ่มเลเซอร์และงานฉีดต่างๆ งดรับประทานวิตามินประมาณ 3-5 วัน
- สำหรับคนที่จะเข้ารับการผ่าตัด ต้องดูเรื่องโรคประจำตัวร่วมด้วย เพื่อวางแนวทางการรักษาให้เหมาะสม
- งดแอลกอฮอล์ 1-2 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการใดๆ
- งดออกกำลังกายอย่างน้อย 1 วันก่อนการผ่าตัด เพื่อลดการสูบฉีดเลือด ระหว่างการผ่าตัดจะได้มีเลือดออกไม่มาก
การดูแลตัวเองหลังทำหัตถการ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดกับบริเวณใต้ตา
- งดแอลกอฮอล์ ของหมักดอง
- ระมัดระวังการเคลื่อนไหวและการสัมผัสบริเวณใต้ตาให้มากขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ PRINX Clinic สาขาปลวกแดง จังหวัดระยอง โทร. 085 355 6644