เรื่องขนไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะไม่ว่าจะอยู่ในจุดไหนมันก็สร้างความรำคาญใจให้เราได้ไม่น้อย งานนี้เราเลยขอนัด คุณหมอผักบุ้ง – พญ.ชนิศา แห่ง Chanisa Clinic มาอัปเดตกันว่ามีเทคโนโลยีไหนช่วยเรากำจัดเรื่องกวนใจนี้ได้บ้าง แต่ละตัวมีข้อดี-ข้อเสียต่างกันอย่างไร และต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล ไปจนถึงการเตรียมตัวและดูแลตัวเองหลังทำ
อัปเดตเทคโนโลยีกำจัดขน ตัวไหนมาแรง
งานนี้ คุณหมอผักบุ้ง – พญ.ชนิศา ชำนาญวาด แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและความงาม ผู้บริหาร Chanisa Clinic (ชนิศาคลินิก) อัปเดตให้เราฟังว่า “ปัจจุบันเทคโนโลยีกำจัดขนจะเป็นการใช้เครื่องเลเซอร์เข้ามาช่วย ซึ่งเครื่องเลเซอร์กำจัดขนปัจจุบันมี 3 เทคโนโลยีด้วยกัน เทคโนโลยีแรกจะเป็นเครื่องในกลุ่ม IPL ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเก่า สมัยก่อนจะใช้เครื่อง IPL ในการกำจัดขน เราก็จะเจอว่า IPL มีผลข้างเคียงค่อนข้างสูง จะไม่สามารถทำในเคสที่ผิวคล้ำ ผิวเข้มได้ เพราะมันจะทำให้มีโอกาสเบิร์นสูง ก็เลยมีการพัฒนาเป็นเลเซอร์ Diode โดย Diode จะเป็นเลเซอร์ในกลุ่มหัวเย็น ข้อดีคือ ผู้รับบริการจะไม่รู้สึกเจ็บ มีเจลเย็นๆ ทาก่อนที่จะยิง ทำให้ผิวด้านบนไม่เกิดการระคายเคือง แล้วก็สามารถยิงได้ทุกตำแหน่งตั้งแต่บริเวณหนวด บริเวณรักแร้ บริเวณแขน บริเวณขา รวมไปถึงบริเวณที่ต้องการความอ่อนโยนเป็นพิเศษ เช่น บริเวณบิกินี่ แล้วก็กำจัดขนได้ดี
“ต่อมาก็จะมีการพัฒนาเป็นเลเซอร์อีกกลุ่มหนึ่ง ชื่อว่ากลุ่ม Long Pulse ND Yag ตัวนี้เป็น Gold Standard ในการกำจัดขน ตัว Long Pulse ND Yag จะเป็นเทคโนโลยี Yag มีความถี่คลื่นประมาณ 1,064 นาโนเมตร ตัวนี้จะลงค่อนข้างลึกกว่า Diode (ความถี่ของ Diode จะอยู่ที่ 808 นาโนเมตร) เมื่อลงลึกกว่าประสิทธิภาพในการยิงจะลงได้แรงกว่า ตรงจุดมากกว่า เฉพาะจุดมากกว่า แต่ข้อเสียก็คือเจ็บ ด้วยความที่เครื่องเขาพลังงานค่อนข้างสูง ในขณะยิงอาจจะรู้สึกแต่ก็ไม่เจ็บมาก ฟีลเหมือนกับว่าหนังยางดีดทีละจุด แต่ที่คลินิกเราก็มีในเรื่องของเครื่องเป่าลมเย็นช่วยในระหว่างที่ทำ ก็จะทำให้ผู้รับบริการรู้สึกสบายมากขึ้น ลดความเจ็บและร้อนขณะที่ทำ”
“ในส่วนของการกำจัดขน Yag ก็จะกำจัดได้เกลี้ยงเกลากว่า ไม่ต้องทำหลายครั้งมาก จริงๆ หลังทำ Yag ตั้งแต่ครั้งแรกเห็นผลทันที ขนมันจะหลุดเลย แต่ถ้าเราต้องการให้ขนหายแบบถาวร แนะนำให้ทำต่อเนื่องประมาณ 5-6 ครั้งขึ้นไป เพราะว่าวงจรของขนจะมีด้วยกัน 5-6 ระยะ เพราะฉะนั้นถ้าเรายิงไป ระยะที่ 1 หลุดไป ระยะที่ 2 ก็จะขึ้นมาอีก เราก็ยิงต่อ เราจะยิงวนแบบนี้ประมาณ 5-6 cycle เพื่อทำให้ขนหายถาวร”
จุดที่คนกังวลมากที่สุด-กำจัดขนยากที่สุด
“ถ้าเจอบ่อยสุดจะมาเลเซอร์ขนรักแร้ เพราะว่าผู้หญิงก็จะกังวลเรื่องของใต้วงแขน อยากใส่เสื้อผ้าแล้วมั่นใจ ชูแขนได้โดยไม่ต้องกังวล ซึ่งการกำจัดขนด้วยวิธีอื่น เช่น การโกนหรือว่าการถอน มันจะทำให้ระคายเคืองผิว บางคนไปถอนขนรักแร้ มันจะไปกระชากรูขุมขนทำให้รูขุมขนเกิดเป็นตุ่มหนังไก่ ซึ่งอันนั้นก็จะทำให้ผิวเสียสภาพไป จริงๆ ไม่แนะนำให้โกนหรือว่าถอน แนะนำว่าควรใช้เลเซอร์มากกว่า เพราะผิวด้านบนมันจะได้ความเรียบเนียนมากกว่า และนอกจากการกำจัดขนแล้ว ตัวเลเซอร์ยังช่วยในเรื่องของสีผิวด้วย ก็คือได้ทั้งกำจัดขน ทั้งเรื่องสภาพผิว
“ถามว่าตำแหน่งไหนที่ลำบากที่สุดในเรื่องของการกำจัดขน ก็จะเป็นบริเวณแนวบิกินี่ จะใช้จำนวนครั้งค่อนข้างสูง ด้วยเหตุที่ว่าเส้นขนตรงนั้นเขาค่อนข้างจะหนากว่าบริเวณอื่น หนากว่าขนหนวด หนากว่าขนรักแร้ แล้วก็มีเรื่องของฮอร์โมนเข้ามาเกี่ยวข้อง จะทำให้ตัวเส้นขนงอกขึ้นมาในทุกๆ เดือนถึงแม้ว่าเราเลเซอร์ไปแล้ว สำหรับบางคนที่มีฮอร์โมนค่อนข้างสูงอาจจะต้องใช้จำนวนครั้งในการรักษาเยอะขึ้น เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาที่เห็นผลชัดเจน”
สิ่งที่ต้องระวังในการกำจัดขน
“หนึ่งเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความสะอาด มีขั้นตอนปลอดเชื้อ สองดูในเรื่องของเครื่องมือ อุปกรณ์ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานหรือเปล่า และสามผู้ทำเป็นใคร เป็นเจ้าหน้าที่ พยาบาล หรือเป็นแพทย์
“ปัจจุบันมีดราม่าเยอะ เช่น เลเซอร์ไปแล้วผิวดำ ผิวไหม้ เกิดเป็นรอยดำ รอยแผลเป็น อันนี้เกิดจากผู้ทำเลือกใช้พลังงานเลเซอร์ที่สูงเกินไป แล้วก็ไม่ได้ประเมินสภาพผิวก่อน อาจจะทำให้เกิดการเบิร์นหรือไหม้บริเวณผิวตรงนั้น ทำให้เกิดแผลเป็นหรือรอยดำทิ้งไว้ แต่ถ้าเรามีการประเมินผิวก่อน ปรับพลังงานเลเซอร์ที่ใช้ให้เหมาะสม อันนี้จะไม่มีปัญหาผิวเบิร์น รวมไปถึงการดูแลหลังทำเลเซอร์ ถ้าเราทามอยส์เจอไรเซอร์ มีการมาสก์เพื่อลดการอักเสบ ลดรอย จะช่วยทำให้ผิวเย็นขึ้น ก็ยิ่งไม่ค่อยมีความเสี่ยงในเรื่องของการเบิร์น” คุณหมอให้คำแนะนำ
โปรแกรมกำจัดขนของ Chanisa Clinic ต่างจากที่อื่นอย่างไร
“จริงๆ เราจะมีเทคนิคเฉพาะในเรื่องของการดูแลผิว ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมผิวก่อนที่จะยิง เริ่มจากทาเจลที่เป็นเจลนำสื่อสัญญาณเฉพาะ ทำให้ผิวด้านบนไม่เบิร์น จากนั้นเราก็จะยิงตัวเลเซอร์ซึ่งปล่อยพลังงานลงไปได้ลึก หลังจากนั้นเราจะมีมาสก์ที่ช่วยในเรื่องของการลดการอักเสบ ซึ่งเป็น Sterile Mask หรือมาสก์แบบปลอดเชื้อ ที่จะไม่ก่อให้เกิดการติดเชื้อ แล้วก็ทำให้ผิวข้างบนชุ่มชื้นมากขึ้น ลดความกังวลเรื่องการระคายเคือง ผิวเบิร์น ผิวไหม้
“สำหรับรูปแบบเทคโนโลยี ที่นี่มีทั้ง Diode และ Yag จริงๆ สามารถทำได้ทั้งคู่ ประสิทธิภาพใกล้เคียงกันแต่อยู่ที่ว่า ถ้าผู้รับบริการไม่กลัวเจ็บ อยากเห็นผลเร็ว แนะนำ Yag แต่ถ้ากลัวเจ็บ ไม่รีบ ค่อยๆ ทำ ก็แนะนำเป็นตัว Diode ที่เป็นเทคโนโลยีเย็น ตัวนี้ก็จะเพิ่มจำนวนครั้งที่เยอะขึ้น แต่จะลดการระคายเคืองผิว ลดแสบและร้อน จริงๆ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรามีปริมาณขนเยอะหรือน้อยและตำแหน่งที่จะยิงด้วย ถ้าเป็นหนวดเล็กๆ อาจจะประมาณ 5-6 ครั้ง แต่ถ้าเป็นบิกินี่ก็ต้องมาดูว่าขนเยอะหรือขนน้อย ซึ่งควรต้องให้แพทย์ตรวจประเมินก่อน เพราะแต่ละเคสอาจจะใช้จำนวนครั้งไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์ว่าเราเป็นคนขนเยอะหรือขนน้อย เส้นขนหนาหรือเส้นขนบาง สรุปคือ Diode ใช้จำนวนครั้งมากกว่า Yag แต่มากกว่าเท่าไหร่ก็ต้องมาประเมินกันอีกที แต่ข้อดีคือแทบจะไม่รู้สึกเจ็บ”
“สำหรับที่นี่จะเป็นแพทย์ประเมินก่อน จากนั้นจะมีผู้ช่วยการทำหัตถการด้านเส้นขนดูแล หรือว่าท่านไหนอยากจะให้เป็นคนเดิม เช่น ฉันก็กลัวว่ามากำจัดขนบริเวณบิกินี่แล้วคนเห็นของฉันเยอะ ก็สามารถที่จะระบุเป็นคนเดิมในระยะยาวได้ แต่อย่างไรต้องมาพบแพทย์ในครั้งแรกก่อน เพื่อประเมินว่าต้องเลือกใช้เลเซอร์ตัวไหนถึงเหมาะกับเขา บางคนขนเยอะมาก เส้นขนค่อนข้างหนา ปริมาณขนค่อนข้างเยอะ อาจจะแนะนำเป็น Yag ไปเลยเพื่อประสิทธิภาพที่ดี และแพทย์ก็จะประเมินให้ว่าเคสนี้ต้องทำจำนวนกี่ครั้ง ระยะห่างในการทำเท่าไหร่ เช่น เคสที่เป็นชาวต่างชาติที่ขนค่อนข้างเยอะ ในช่วงแรกอาจแนะนำให้เข้ามาทำประมาณ 2 สัปดาห์ครั้ง หลังจากนั้นอาจจะนัดห่างประมาณเดือนละครั้ง ซึ่งทั้งหมดนี้แพทย์จะเป็นผู้ประเมิน มีการให้คำแนะนำว่าก่อนทำต้องเตรียมตัวอย่างไร หลังทำต้องปฏิบัติตัวอย่างไร พร้อมกับประเมินสภาพผิวด้วยว่าควรใช้พลังงานเท่าไหร่”
คำแนะนำในการเตรียมตัวก่อน-หลังทำเลเซอร์ขน
สำหรับเรื่องของการดูแลผิวก่อนและหลังทำเลเซอร์ขนนั้น คุณหมอแนะนำว่า “ก่อนทำควรงดการสครับผิว-ขัดบริเวณรักแร้ หรือบริเวณที่จะเลเซอร์ประมาณ 1 สัปดาห์ และหลีกเลี่ยงการทาโรลออนที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะอาจจะทำให้ผิวระคายเคือง หลังจากนั้นก็สามารถเข้ามาที่คลินิกเพื่อให้แพทย์ประเมินเส้นขน อาจจะดูว่าขนยาวมากน้อยแค่ไหน ถ้าขนยาวมาก อาจจะต้องมีการตัดเล็มบริเวณขนออกให้พอดี (เหลือประมาณ 1-2 มิลลิเมตร) จากนั้นก็สามารถเลเซอร์ออกได้เลย
“สำหรับการดูแลหลังทำ ช่วง 1 สัปดาห์แรกควรหลีกเลี่ยงการทาโรลออนและการสครับผิวในบริเวณที่ทำ และให้ทามอยส์เจอไรเซอร์หรือครีมกันแดดในบริเวณที่เลเซอร์ขนได้เลย จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่หมองคล้ำ นอกเหนือจากนี้คือสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติค่ะ”
สำหรับผู้ที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Chanisa Clinic – ชนิศาคลินิกทั้ง 3 สาขา (สวนหลวง-พุทธสาคร, พุทธมณฑล สาย 2 และ The Fourth พุทธมณฑล สาย 4 หรือติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่เพจ Facebook : Chanisa Clinic ชนิศาคลินิก
*ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นกับสภาพผิว ลักษณ์เส้นขน ฮอร์โมนของผู้รับบริการ และเทคนิคการใช้เครื่องมือแพทย์ของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม