น้อง.พี่.ที่รัก – Brother of The Year ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ น่ารักน่าหยิก เรื่องล่าสุดของค่าย GDH ที่กวาดรายได้ทะลุ 200 ล้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว งานนี้เรียกว่า 3 นักแสดงแม่เหล็ก ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ และ คุณ-นิชคุณ หรเวชกุล พากันแท็กทีมกันสร้างปรากฎการณ์ที่ทำให้คนดูพากันหลงรัก พี่ชัช น้องเจนและโมจิ กันทั่วบ้านทั่วเมือง อยากบอกว่าที่ 3 นักแสดงเล่นได้อินขนาดนี้ เพราะทั้ง 3 คน กลายเป็นพี่น้องที่รักกันจริงๆ ไปแล้ว
ก่อนที่ภาพยนตร์จะเข้าฉาย สุดฯ ได้คิว 3 นักแสดงนำมาถ่ายปก แถมด้วยปกสัมภาษณ์น่ารักๆ แบบจัดเต็ม เลยนำมาฝากแฟนสุดสัปดาห์ที่ตอนนี้ได้ตกหลุมรัก พี่ชัช น้องเจน และโมจิ จะให้ฟินกันไปอีก
“ซัน-คุณ-ญ่า” น้อง.พี่.ที่รัก พวกเรารักกันจริงๆ
เหตุผลที่รับเล่นหนังเรื่องนี้
ญาญ่า: ไม่ต้องคิดอะไรมากเลยค่ะ GDH ติดต่อมายังไงก็รับเล่นค่ะ ยิ่งพอเราได้ทำงานด้วยกัน ทำให้รู้ว่าทีมนี้เป็นอีกทีมเวิร์คสุดยอดที่สุด เท่าที่หนูเคยทำงานมา รู้สึกโชคมากที่ชวนหนูมาเล่นหนังเรื่องนี้
ซันนี่: ผมรู้จักผู้กำกับอยู่แล้ว (บอล-วิทยา ทองอยู่ยง) เขาก็เล่าเนื้อหาของหนังสือนี้ให้ผมฟัง แล้วพี่บอลค่อนข้างสนใจเรื่องราวความสัมพันธ์ของเพื่อนในวัยเด็ก ความสัมพันธ์ครอบครัว แต่เรื่องนี้เป็นให้ความสำคัญความสัมพันธ์ของพี่ชายและน้องสาว เป็นหนังพี่น้องแนวโรแมนติกคอมเมดี้ ซึ่งยังไม่มีใครทำ ผมปิ๊งเลย รู้สึกว่าน่าสนใจดีครับ
คุณ: ตอบตกลงไปตั้งแต่ยังไม่เห็นบท และยังไม่รู้ว่าต้องเล่นกับใครเลยครับ ผมเล่นหนังเรื่องแรก รัก 7 ปี ดี 7 หน ได้ร่วมงานกับพี่เก้ง (จิระ มะลิกุล ผู้กำกับ) และทีม GDH ประทับใจกับการทำงานครั้งนั้นมาก ผมเองก็รอมาตลอดว่า เมื่อไรจะติดต่อให้ผมไปเล่นหนังด้วยสักที อยากจะเล่นหนังเต็มที่แล้ว (หัวเราะ) พอมีการพูดคุยก็ได้รู้ว่า ได้เล่นกับพี่ซันนี่และน้องญาญ่า รู้สึกว่า โอโห้… ผมพลาดไม่ได้แล้ว ทั้งคู่เป็นนักแสดงที่เก่งมาก
(สุดสัปดาห์: ตอนเล่นรัก 7 ปีฯ กับน้องพี่ที่รัก ต่างกันยังไง)
ตอนนั้นเป็นหนังเรื่องแรกของผม เป็นการแสดงครั้งแรก ผมยังไม่รู้เรื่องเกี่ยวการแสดงหนังเท่าไร เขาบอกให้วิ่งเราก็วิ่ง เขาให้ทำหน้าตลกเราก็ทำตาม แต่ครั้งนี้เราพอมีประสบการณ์มาแล้ว และได้เวิร์คช็อปหนึ่งอาทิตย์ร่วมกับพี่ซันนี่และน้องญาญ่า ได้ทำความรู้จักกัน มีการปรับตัวเข้าหากัน ปรับคาแรคเตอร์เข้าหากัน การทำงานครั้งนี้ ผมจึงเข้าใจกับการแสดงมากขึ้น และเป็นตัวเองมากขึ้น เหมือนตอนที่ผมถ่ายปกสุดสัปดาห์ครั้งแรกเมื่อประมาณ 11 ปีที่แล้วไงครับ ครั้งนั้นพี่ๆ บอกให้ผมทำอะไรผมทำตาม วันนี้ได้มาถ่ายปกอีกครั้งผมก็มีการเสนอว่าทำแบบนี้โอเคมั้ย เช่นกันเดียวกันกับตอนถ่ายหนัง ผมก็มีการนำเสนอไอเดียกับพี่บอล พี่เก้งด้วยว่า ทำแบบนี้ได้มั้ยครับ
(สุดสัปดาห์: แฟนๆ หลายคนอยากรู้ว่า นอกจาก น้อง.พี่.ที่รัก เร็วๆนี้ คุณจะมีผลงานอะไรอีกบ้าง)
นิชคุณ: มีการพูดคุยหลายโปรเจคท์มากเลยครับ ปีนี้ได้เห็นกันแน่นอน ตอนนี้ผมพยายามสร้างโซโล่อัลบั้มของตัวเองให้เสร็จ แต่งเพลง เข้าห้องอัด ผมสัญญาว่าจะทำอัลบั้ม ก็ตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุดครับ
บทและคาแร็คเตอร์
ซันนี่: รับบท “พี่ชัช” (ชัชวิน) ในเรื่องพี่ชายของญาญ่า เขาเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งในสังคม แต่พอมีน้องสาวเกิดขึ้นมา แล้วน้องสาวดันเป็นเลิศในทุกเรื่อง ผิดกับเรา ทีนี่เลยมีการเปรียบเทียบเกิดขึ้น ครอบครัวก็จะบอกว่า ทำไมไม่เอาอย่างน้องบ้าง ทำไมไม่เรียนหนังสือให้ดี คนอื่นก็จะมองว่า ไอ้นี่ไม่เอาไหนขึ้นมาทันที กลายเป็นตัวห่วย กลายเป็นภาระของครอบครัว คือถ้าไม่มีน้องสาว ชัชก็จะเป็นคนปกติ ไม่มีปัญหาในชีวิตอะไรเลย
ตอนแม่ท้อง ชัชมั่นใจว่าต้องได้น้องชาย กะจะชวนน้องเตะบอล เล่นของเล่นด้วยกัน แต่ออกมาเป็นผู้หญิง ก็พาเตะบอลนะ แต่น้องงอแงตลอด ตั้งแต่เด็กจนโตตีกันได้ทุกเรื่อง และถึงแม้ชัชจะขัดขวางความรักของน้อง แต่จริงๆ แล้วรักน้องมาก แม้จะไม่แสดงออกว่ารัก
ในเรื่องผมเป็นพี่ แต่ชีวิตจริงผมเป็นน้องชายคนเล็ก มีพี่ชายและพี่สาว ดังนั้นผมเลยเข้าใจความเป็นพี่ เวลาที่พี่มองน้อง การซัพพอร์ตของพี่ ชีวิตจริงตอนเด็กผมก็โดนพี่ๆ แกล้งนะ ด้วยความที่อายุห่างกันเยอะ 7-8 ปี แต่พี่ชายกับพี่สาววัยไล่ๆกัน เลยเหมือนเป็นพวกเดียวกัน ตอนเด็กๆ คิดนะครับว่า ทำไมพี่ต้องล้อทุกเรื่อง ทำไมต้องพูดจาแบบนี้ เขาหลอกผมตั้งแต่เด็กว่าเก็บผมมาเลี้ยง เป็นเด็กลิง เดินผ่านสวนสัตว์ เก็บจากถังขยะมาปัดมดให้ ผมคิดว่าตัวเองเป็นลิงอยู่ตั้งนาน 7-8 ปี เป็นลิงกลายพันธุ์ อันนี้จริงๆ นะ
ญาญ่า: หนูเล่นเป็นน้องสาวพี่ซันนี่ ชื่อ “เจน” (เจนขวัญ) เป็นเพอร์เฟคชั่นนิส เก่งทุกอย่าง เนี้ยบ แต่พี่ชายตรงข้ามกับเราทุกอย่าง เจนรักพี่ชายมาก อยากให้เขาเก่ง ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พยายามช่วยพี่ให้ดีขึ้น นี่พูดเข้าข้างตัวเองนะ แต่เอาจริงๆ เจนน่ะ จุกจิก (หัวเราะ)
ชีวิตจริงหนูก็เป็นน้องสาว มีพี่ชายพี่สาว ถ้าเทียบในความเป็นน้องระหว่างเจนกับญาญ่า เราเหมือนกันตรงความรักที่มีต่อคนในครอบครัว แต่ต่างกันที่เจน จุกจิก จริงจัง แต่หนูกับพี่ๆ เราจะชิลๆ ง่ายๆ
นิชคุณ: ผมรับบทเป็น “โมจิ” เป็นคนเนิร์ดๆ เรียบร้อย จะทำอะไรต้องตามกฎเกณฑ์ โมจิ ตกหลุมรักเจน ซึ่งพี่ชัยจะเข้ามาขัดขวาง ฟีลแบบจะมาเป็นแฟนกับน้องสาวเราไม่ได้ ต้องทำแบบนี้ๆนะถึงจะอนุญาต ก็เป็นเรื่องตลกๆ ที่จะมีในหนังครับ จริงๆ บทนี้ผมทำความเข้าใจและดีไซน์คาแร็คเตอร์ไว้สองแบบ คือ เป็นเพลย์บอย กับเป็นคนเนิร์ดๆ ลองฝึกทั้ง 2 แบบ แต่ผมคิดว่าคาแร็คเตอร์เนิร์ดน่าจะเหมาะกว่า พอปรึกษากับพี่บอล เขาก็มีความคิดเห็นตรงกับผมครับ
(สุดสัปดาห์: ศึกษาความเนิร์ดจากไหนคะ)
นิชคุณ: ศึกษาจากแทค (แทคยอน 2PM) เพื่อนในวง ดูจากลุคภายนอกเขาดูเป็นเพลย์บอย แบดบอยนิดนึง แต่จริงๆ แล้วแทคเป็นคนเรียนเก่งมากๆ เป็นคน Strick เรียบร้อย ตั้งใจทำงาน ผมเลยพยายามสังเกตเขามากขึ้น สังเกตการพูดจา ซึ่งเขาจะเป็นคนพูดตรงๆ แทคมีความคล้ายกับโมจิเหมือนกัน ตัวจริงของผมก็มีความเรียบร้อย เอาจริงเอาจังเหมือนโมจิเช่นกัน บทนี้เรียกว่าไม่ต่างจากตัวเราเองมากเท่าไรครับ
ส่วนในความเป็นพี่น้อง ผมเข้าใจดีเลย เพราะตัวผมก็มีสถานะเป็นทั้งพี่และน้อง มีพี่ชายและน้องสาว เลยเข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย ผมยอมรับว่าหวงน้องครับ พอได้มาเล่นเป็นผู้ชายที่มาจีบน้องสาวของพี่ชายคนหนึ่ง ก็เข้าใจแล้วว่า บางทีอาจมากเกินไป ทำตัวน่ากลัวเกินไป (หัวเราะ) แต่ในฐานะพี่ชาย ก็จำเป็นที่ต้องดูแล และหวงน้องนิดนึง ปล่อยง่ายๆ ไม่ได้หรอกครับ ผมมีคุยกับน้องเรื่อยๆ คนหนึ่งอยู่ในวงการ อีกคนไม่อยู่ในวงการ คนที่ไม่อยู่ในวงการจะคุยกันบ่อย ช่วงนี้คุยกับใครอยู่หรือเปล่า ถ้าว่างพามาจะเจอกันด้วย จะได้ดูว่าเป็นคนยังไง ในฐานะผู้ชายต่อผู้ชาย วันหนึ่งเขาก็ต้องมีครอบครัว เราไปกันตรงนั้นไม่ได้ ทำให้เขารู้สึกว่าเราเหมือนเพื่อนกันดีกว่า มีอะไรจะได้บอกกัน ส่วนเชอรีนเป็นห่วงตลอด เวลาทำงานจะเจอคนดีหรือเปล่า นอนดึกหรือเปล่า ผมเชื่อใจน้อง เขาคิดดีทำดีอยู่แล้ว และมีความตั้งใจในการทำงาน
นิชคุณ: สิ่งที่ยากสำหรับผมในเรื่องนี้คือ ภาษา ผมไม่ค่อยได้ใช้ภาษาไทยบ่อยเท่าไร ส่วนใหญ่เราก็จะอยู่เกาหลี จีน ญี่ปุ่น จะได้ใช้ภาษาไทยก็ตอนโทรมาคุยกับพ่อ แม่ น้อง พอผมได้บทมา ก็ทำการบ้าน โดยการฝึกอ่านออกเสียงให้ชัดที่สุด อ่านให้ติดปาก ในเรื่องต้องเล่นเบสบอลด้วย ซึ่งไม่เคยเล่นมาก่อน แต่ก็มีครูมาสอนครับ ไม่ยากเท่าไร คงเพราะผมชอบเล่นกีฬาอยู่แล้ว
ญาญ่า: หนูก็ได้เล่นนะคะ ชอบเล่นกีฬาเหมือนกันค่ะ ก็เลยไม่รู้สึกว่ายากมาก แต่ที่ยากเห็นจะเป็นภาษาญี่ปุ่น พูดชัด พูดได้ไม่พอ หนูรู้สึกว่าเราต้องเข้าใจวัฒนธรรมญี่ปุ่นด้วย เพื่อจะได้เข้าใจว่าทำไมคำนี้ต้องผ่อนเบา ทำไมคำนี้ต้องหนักแน่น
มิตรภาพ น้อง.พี่.ที่รัก กันจริงๆ
ซันนี่: ผมไม่เคยร่วมงานกับญาญ่าเลย แต่พอได้รู้จักกัน น้องเขาเป็นคนจริงใจ และให้ใจคนอื่นก่อน ความจริงใจเป็นคุณสมบัติที่ทำง่ายมากนะ แต่กลับหายาก เพราะคนกลัวว่าจะถูกเอาเปรียบ ส่วนนิชคุณ เขาเป็นคนธรรมดาจริงๆ ที่ไม่ได้ทำตัวว่าเป็นซูเปอร์สตาร์ดัง คุณเป็นคนที่เปิดใจกับคน และเป็นสุภาพบุรุษ เทคแคร์คนรอบข้างดีมาก ไม่ว่าจะใครก็ตาม คอยถามตลอดเอานั่นมั้ย เอานี่มั้ย เอาน้ำมาให้ มันเป็นตัวตนของเขา เป็นความโชคดีในชีวิตของผมที่ได้รู้จักคนดีๆ เพิ่มในชีวิตเพิ่มขึ้นอีกสองคน
แค่มาเจอกันครั้งแรกๆ ได้เวิร์คช็อปด้วยกัน มองหน้ากัน 3 คน ผมก็ได้ยินเพลงของพี่กบ-เสาวนิตย์ดังขึ้นมา “แต่เราก็หากันจนเจอ…” (ร้องให้ฟังด้วย) เป็นความรู้สึกนั้นเลยนะ ก่อนหน้านั้นทำไมเราไม่ค่อยได้เจอกัน เจอกันแค่ผ่านๆ การทำงานเรื่องนี้ ถ้ามองแบบไม่เรายังไม่รู้เรื่องอะไร เราจะคิดว่าคนๆ หนึ่งไม่เคยรู้จักกัน จะมาเป็นพี่น้องกันได้ยังไง เราไม่รู้ว่าไปรักเขาตอนไหน แต่พอถึงจุดที่เราคุยกันจริงๆ หรือจุดที่ซิงค์ ทุกอย่างมันมาเอง ยิ่งได้พูดคุยกัน ทำงานด้วยกัน เรายิ่งอยากอยู่ด้วยเรื่อยๆ กับญาญ่าผมคิดว่าเขาเป็นน้องสาวเราจริงๆ เราแทบไม่ต้องทำลายกำแพงอะไรเลย ซีนหลังๆ ในเรื่องที่พี่น้องเหมือนมีปัญหากัน ผมมองหน้าญาญ่าไม่ได้เลย เป็นความรู้สึกเดียวกับเวลาผมมีปัญหากับพี่สาวตัวเอง มันกระทบกระเทือนถึงจิตใจเราจริงๆ ในชีวิตจริงผมไม่น้องสาว แต่ถ้าจะมีน้องสาวสักคนจริง คนนั้นต้องเป็นญาญ่า พูดคุยสนุก แกล้งมันมาก และจริงใจมากเช่นกัน
ญาญ่า: แม้หนูจะผ่านการเล่นละครมาพอสมควร แต่กับหนังมันไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย ละครต่างจากหนังมากๆๆๆ หนูเพิ่งมีประสบการณ์แค่ 2 เรื่อง ในส่วนของการแสดงหนูต้องให้เครดิตพี่ซันนี่เต็มๆ เลย เพราะเขาทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
นิชคุณ: ก่อนหน้าจะมาเล่นหนังด้วยกัน ผมเคยถ่ายโฆษณากับญาญ่ามาก่อน บวกจากดูจากสื่อ ก็รู้ว่าน้องเป็นคนไนซ์ ทำงานเก่ง แสดงเก่ง ถึงจะเด็กกว่าผม 4-5 ปี แต่มีความเป็นผู้ใหญ่มาก มีความเป็นมืออาชีพในการทำงานสูง แต่เขาจะไม่เครียดกับการทำงานนะครับ เขาดูสนุกและมีความสุขกับทุกอย่างที่ได้ทำ ผมเองก็ได้เรียนรู้การทำงานจากเขาเยอะมาก
ส่วนพี่ซันนี่ เราเล่นหนังรัก 7 ปีฯ ด้วยกัน แม้จะคนละตอน แต่ก็มีโอกาสได้เจอกัน 2-3 ครั้ง ตอนไปกินข้าวก่อนเปิดกล้อง ที่งานกาลาเปิดตัวหนัง จากที่เจอกันตอนนั้นพี่เขาดูนิ่ง เงียบมาก พอครั้งนี้ที่ต้องเล่นหนังเรื่องเดียวกัน วันแรกที่ผมจะเข้าเวิร์คช็อป ทุกคนถามผมว่า เจอซันนี่ยัง ระวังโดนซันนี่แกล้งนะ ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าพี่ซันนี่จะแกล้งยังไง ที่เราเห็นคือเรียบร้อยมาก พอทำงานด้วยกันพี่ซันนี่ไม่เคยแกล้งผมเลย แต่เขาจะไปแกล้ง แหย่ๆ ญาญ่ามากกว่า แต่เวลาเข้าซีนตลกด้วยกัน ผมจะหลุดขำพี่ซันนี่อยู่บ่อยๆเหมือนกัน กับพี่ซันนี่ผมได้เรียนรู้การแสดงจากเขาเยอะมาก เขาเป็นนักแสดงที่เก่งมาก ตลอดเวลาที่ทำงานด้วยกัน ผมไม่เคยเห็นเขาถือบทเลย ปกติก่อนเข้าจะซีน เราจะถือบทอ่านทวนอีกรอบแล้วเดินเข้าหน้าเซ็ต แต่พี่ซันนี่ ไม่เลย พร้อมเข้าซีนตลอดเวลา เขาบอกว่าบทอยู่ในตัวเขาแล้ว
ด้านความสัมพันธ์นอกจอของเรา 3 คนดีมากครับ ถึงแม้เราจะทำงานด้วยกันแค่ 2-3 เดือน แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนทำงานและรู้จักกันมานาน 4-5 ปี เรารักกัน สนิทกันเหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ ครับ ต้องบอกว่าเคมีในจอและนอกจอของพวกเราเข้ากันได้ดี เป๊ะมากครับ
ญาญ่า: ทุกครั้งที่ได้ร่วมแสดงกับคนใหม่ๆ หนูจะดีใจมาก เป็นโมเม้นท์ใหม่ที่เราจะได้เจอและศึกษาในการแสดง เลยเป็นอะไรที่ท้าทายอย่างหนึ่ง ดีใจที่ได้ทำงานร่วมกับพี่ซันนี่ และพี่คุณ ทั้งคู่เหมาะกับบทที่ได้รับมากๆ ปกติเวลาถ่ายละคร หนูมักจะหาบางสิ่งในตัวละครที่คล้ายเรา เพื่อที่จะได้อิน เข้าใจในความสัมพันธ์ได้ง่ายขึ้น แต่พอเข้าฉากเรื่องนี้ แค่เห็นหน้าสองคนนี้ คือใช่เลย หนูไม่ต้องคิดอะไรมากเลย เข้าคาแร็คเตอร์ได้ทันที
ก่อนที่หนูจะได้ร่วมงานกับพี่ซันนี่ จากที่ได้ดูผลงานเขา หนูรู้สึกว่าพี่เขาเป็นเดอะเบสท์ทางการแสดง พอรู้ต้องแสดงด้วยกัน โอมายก็อด… ทั้งดีใจและแอบกดดัน (หัวเราะ) กับพี่คุณเคยร่วมงานกันมาก่อน ไม่กดดันเท่าไร พี่คุณน่ารัก เหมาะสมกับบทนี้มาก ส่วนพี่ซันนี่ แค่เดินเข้าฉากหนูก็รู้สึกว่าเขาเป็นพี่ชายหนูจริงๆ ใครๆก็บอกให้หนูระวังโดนพี่ซันนี่แกล้งนะ แต่หนูไม่โดนแกล้งเลย มีแหย่มีแซวพอขำๆ ถึงจะแกล้ง แต่ก็เป็นสิ่งหนูมองว่ามันน่ารักมาก ฮามาก พี่ซันนี่เป็นคนตลกโดยไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เห็นหน้าก็ขำแล้ว
ละครใช้เวลาถ่ายทำเป็นปี เรามีเวลาเรียนรู้เพื่อนร่วมงาน แต่หนังเรื่องนี้แป๊บเดี๋ยวเสร็จแล้ว อ๋อย… อยากถ่ายต่อ มันเป็นแคสต์ที่ลงตัวม๊ากมาก ทุกครั้งที่มีซีนถ่าย ไม่เคยรู้สึกเหมือนมาทำงาน เหมือนเรามาใช้ชีวิตปกติ แค่มีกล้องมาถ่ายเรา 3 คน มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ทุกคนจริงใจ น่ารัก หนังเรื่องนี้ทำให้หนูมีพี่ชายที่รักเพิ่มขึ้น 2 คน (ยิ้ม)
รักกันจริงเลยขอเม้าท์
ซันนี่: ญาญ่าเป็นคนมีมาดอยู่นะ ยิ่งเวลาใส่ชุดหลุยส์ วิตตอง เขาดูเป็นมิสอะไรสักอย่าง แต่ตัวจริงเขามีความต๊อง มีความเป็นเด็กฝรั่งซนๆ เวลาคุยเสียงจะเล็กๆ แต่ตอนหัวเราะดังมาก จามก็ดัง เวลาเราเล่นมุกอะไรไปนิดเดียว หัวเราะเอิ๊กอ๊ากยกใหญ่ หัวเราะดังจนผมได้ยินเสียงเจ็บคอของเขา ดังเต็มที่จนเสียงแหบ เวลาเขาจามแต่ละที ผมตกใจจนตัวกระเด้งออกจากเก้าอี้ “เมื่อกี้คืออะไร แผนดินไหวเหรอ”
ญาญ่า: หึ! (มองบน) หนูออมเสียงเวลาพูดไงคะ
ซันนี่: ส่วนคุณไม่มีอะไรให้เม้าท์เลย คุณมีความเป็นธรรมชาติ เขาไม่จำเป็นต้องคีพลุคอะไร ไม่มีอะไรที่จะล้อเขาได้ ถ้าจะล้อคนๆนี้ ผมจะกลายเป็นคนเลวทันที (หัวเราะ)
ญาญ่า: พี่คุณเป็นคนตลก หัวไวมาก ต่อปากต่อคำพี่ซันนี่ได้ทันที ในขณะเดียวกันถ้าแพนกล้องมาหา หนูจะอึ้ง ตามไม่ทันค่ะ (หัวเราะ)
ซันนี่: ใช่ครับ คุณไม่ใช่คนเงียบ ขรึม แต่เป็นคนสนุกสนาน นี่คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของเขาเลย มีมุกประสาเขา พี่บอล ผู้กำกับเคยเล่าว่า คุณมีมาขายมุกด้วยนะ ผู้กำกับก็ซื้อบ้างไม่ซื้อบ้าง การแสดงออกทางสีหน้าบางอย่าง มันก็เป็นมุกส่วนตัวของเขานะ คุณมีเซนส์ทางคอมเมดี้ครับ
นิชคุณ: จริงๆ ผมก็ชอบแกล้งคนประมาณหนึ่งครับ เขาเรียกอะไรนะ “เกรียน” แฟนคลับจะรู้ว่าผมก็ออกแนวเกรียนบ้าง แต่กับผู้ใหญ่ผมจะไม่กล้า เวลาพี่ซันนี่เล่นอะไรมา ผมก็ตอบกลับไปบ้าง แบบขำๆ สนุกๆ ไม่ได้เป็นการปีนเกลียว ล้ำเส้นครับ
ความประทับใจในหนังเรื่องนี้
ซันนี่: เนื้อเรื่องครับ มันเล่าถึงความสัมพันธ์ของคน แล้วเล่าในมุมสนุกสนาน มองโลกในแง่ดี หลายคนอาจมองว่า หนังพี่น้องมันจะออกมาเป็นยังไง ซึ่งพี่เก้งกับคุณวิสูตร เคยพูดว่า หนังที่ทำกันแล้วเจ๊งคือ หนังสาวประเภทสอง หนังเด็ก หนังเกี่ยวกับสัตว์ แล้วคุณวิสูตรก็ทำสตรีเหล็กกับพี่เก้ง และก็มีแฟนฉันตามมา ซึ่งในอยู่ในกลุ่มหนังเสี่ยงเจ๊ง แต่กลับกลายเป็นหนังทำเงิน ถ้าไม่แยก น้อง.พี่.ทื่รัก ว่าเป็นหนังครอบครัว-พี่น้อง มันก็เป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้เรื่องหนึ่ง ที่มีความอบอุ่น ดูแล้วตลก มีรอยยิ้มแน่นอนครับ
นิชคุณ: ในการถ่ายทำมีหลายซีนที่น่าประทับใจ เล่าให้ฟังนิดนึงครับ คือผมจะเข้าซีนกับน้องญาญ่าบ่อย มีซีนหนึ่งไม่จำเป็นต้องร้องไห้ มีน้ำตา พูดบทจบ แค่เดินออกซีนไปได้เลย แต่ด้วยความที่น้องส่งอารมณ์มาแรงมาก ผมพยายามจะกลั้นน้ำตา กลั้นจนตัวสั่น เสียงสั่นเลย วันที่อัดเสียงดูซีนนี้อีกครั้ง อารมณ์มาเลย น้ำตาคลอๆเลยครับ
ส่วนองค์รวมของหนัง ผมประทับใจทุกอย่างในเรื่องนี้ทั้ง ผู้กำกับทีมีความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ ทีมงานที่น่ารัก นักแสดงที่ลงตัว วันงานเลี้ยงปิดกล้อง เต็มไปด้วยความอบอุ่นมาก เดินในงานเหมือนเจอพี่น้องคนรู้ใจ การทำหนังรายได้สำคัญก็จริง แต่สำหรับผมไม่สำคัญเท่ากับผมรักหนังเรื่องนี้ และคุณดูมีความสุขและประทับใจ ในฐานะนักแสดงแค่นี้ถือว่าผมประสบความสำเร็จแล้ว
ญาญ่า: อเมซิ่งทีมเวิร์ค ทำให้การทำงานทุกอย่างราบรื่น อเมซิ่งแอ็คเตอร์ ซึ่งในเรื่องหนูได้รับส่งกับพี่ชัช ความเก่งของพี่ซันนี่ หนูสามารถนำมาพัฒนาตัวเองได้ ส่วนพี่คุณน่ารัก เป็นกันเอง สาวๆ จะต้องอิจฉาหนู (หัวเราะ)
น้อง.พี่.ที่รัก. เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของหนูที่ได้ออกฉาย ตื่นเต้นมากๆ เป็นหนังที่เล่าถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวได้อย่างสนุก แฝงแง่คิด ดูแล้วคุณจะรักคนในครอบครัวมากขึ้น คนที่มีพี่น้อง จะรู้สึกขอบคุณที่มีพี่น้องในชีวิต
ซันนี่: จะเข้าใจความสำคัญของครอบครัว สิ่งใกล้ตัวแน่นอนอยู่กับเราทุกวัน ไม่แน่นอนขนาดนั้น พี่น้องเติบโตมาด้วยกันใช่ว่าจะทำอะไรก็ได้ พี่น้องต้องเคารพกันและกัน และผมอยากให้เล็งเห็น การแสดงความรักกับคนใกล้ตัวให้มากที่สุด บอกรัก บอกเป็นห่วง บอกคิดถึง อยากให้คนที่ดูแล้ว ทำและคิดแบบนี้กับครอบครัวตัวเอง
นิชคุณ: ใครจะอยู่ทีมพี่ ทีมน้อง ทีมที่รัก 10 พฤษภาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์นะครับ
Text: AuAi Photo: sudsapda