หากถามถึงพระเอกในดวงใจของสาวไทยหัวใจเกาหลี นาทีนี้คงต้องมี ‘ กงยู ’ ติดโผอยู่ด้วยเป็นแน่ เพราะนอกจากหล่อ เท่ หุ่นเพอร์เฟกต์ระดับนายแบบแล้ว ฝีมือการแสดงยังเลิศเลอ แถมสถานะภาพหัวใจของเขา (เท่าที่แฟนๆสืบทราบ) ก็โสดสนิทอีกด้วย ดีงามจนถึงขั้นติด 1 ใน 4 สมบัติแห่งชาติเกาหลีกันเลยทีเดียว แต่กว่าจะมีวันนี้ได้ กงยูของพวกเราก็ต้องฝ่าด่านทดสอบความสามารถมาไม่น้อยเหมือนกัน
พัฒนาการของ ‘กงยู’ บนเส้นทางสายบันเทิง
เริ่มต้นจากวีเจ และตัวประกอบ
แม้ทุกวันนี้จะเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงชื่อดัง แต่ผลงานชิ้นแรก ที่ทำให้กงยูเริ่มเป็นที่รู้จักกลับเป็นงานวีเจ ในรายการเพลงของสถานีโทรทัศน์ M.Net ก่อนจะถูกทาบทามให้เป็นนักแสดง โดยเริ่มงานแสดงชิ้นแรก ด้วยการรับบทดาราสมทบ ในแฟรนไชส์ซีรีส์เรื่องดัง School 4 ที่ออนแอร์เมื่อปี 2001 ตามด้วยซีรีส์และละครอีกหลายเรื่อง รวมถึง My Tutor Friend ที่เข้าฉายในบ้านเราเมื่อปี 2005 (เข้าฉายที่เกาหลีใต้เมื่อปี 2003) ด้วย แต่ ณ ตอนนั้นกงยูที่รับบทเป็นหัวโจกประจำโรงเรียน ยังไม่เตะตาต้องใจแฟนๆ เท่าไร ชื่อของเขาจึงยังไม่ถูกพูดถึงนัก
เริ่มฉายแวว
ออร่าความเป็นซูเปอร์สตาร์ของกงยูก็เริ่มฉายแววขึ้นเรื่อยๆ ด้วยบทที่มีความสำคัญต่อเนื้อเรื่องมากขึ้น ทั้งบทตัวเอกในภาพยนตร์เรื่อง Spy Girl และบทเด่นจากซีรี่ย์ Superstar Mr. Gam และ หนัง S Diary ก่อนจะเริ่มเป็นขวัญใจของสาวๆ จากบทพระเอกมาดกวนในซีรี่ย์เรื่อง Biscuit Teacher and Star Candy หรือครูเซี้ยว…นักเรียนแสบ ที่ร่วมแสดงกับนางเอกแม่เหล็กอย่าง กง ฮโย จิน ในปี 2005 และซีรี่ย์เรื่อง One Fine Day ที่ออนแอร์เมื่อปี 2006
ดังเปรี้ยงจาก Coffee Prince
และแล้วก็ถึงวันของเขา เมื่อเกิดปรากฏการณ์กงยูฟีเวอร์ หลังจากซีรี่ย์ The 1st Shop of Coffee Prince ที่ออนแอร์เมื่อปี 2007 ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย กลายเป็นซีรี่ย์ยอดนิยมที่ถูกนำไปฉายทั่วเอเชีย จนกงยูซึ่งรับบทพระเอกในเรื่อง ได้รับฉายาจากแฟนๆ ว่าเป็น “เจ้าชายกาแฟ” และโด่งดังเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับเอเชียในที่สุด นอกจากนี้ ซีรี่ย์เรื่องนี้ยังทำให้เขาได้รับรางวัล นักแสดงยอดเยี่ยมฝ่ายชาย จากเวที MBC DRAMA AWARDS 2007 ด้วย (จะว่าไป สุดฯ ก็หลงรักผู้ชายคนนี้จาก Coffee Prince นี่ละค่ะ)
ทิ้งวงการไปรับใช้ชาติ
แต่ในขณะที่กำลังพุ่งทะยานเป็นซุปตาร์ซึ่งเป็นที่รักไปทั้งทวีป เจ้าชายกาแฟก็ต้องพักงานในวงการ เพื่อไปทำหน้าที่รับใช้ชาติเหมือนเช่นผู้ชายชาวเกาหลีใต้ทุกคน กงยูไปเป็นทหารกองประจำการเป็นเวลา 2 ปี ระหว่างปี 2008-2009 ช่วงนั้นแฟนๆ จึงห่างเหินกับผู้ชายคนนี้ไปพักใหญ่
กลับมาทวงบัลลังก์ซูเปอร์สตาร์
จนเมื่อปลดประจำการ เขาก็กลับเข้ามาโลดแล่นในวงการบันเทิงอีกครั้ง โดยเน้นไปทางภาพยนตร์เป็นหลัก ทั้งการรับบทบาทสุดเข้มข้นใน Silenced เมื่อปี 2011 หนังดราม่าที่ทำให้เขาได้รับรางวัล Popular Star Award จากเวที Blue Dragon Film Awards ครั้งที่ 32
รวมไปถึงการรับบทเด็กอายุ 18 ในร่างชายหนุ่มวัย 30 ในซีรี่ย์ Big ที่ออนแอร์ในปี 2012 และสายลับเกาหลีเหนือปลดระวาง ที่กลายมาเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม จากเรื่อง The Suspect ที่เข้าฉายเมื่อปี 2013 ซึ่งกงยูระเบิดพลังการแสดงออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ จนส่งให้ชื่อของเขาโด่งดังไปไกลถึงฮอลลีวู้ดเลยทีเดียว
สมบัติแห่งชาติเกาหลีที่ควรแค่แก่การชื่นชม
ชื่อของกงยูมาดังเปรี้ยงอีกครั้ง เมื่อหนังซอมบี้สัญชาติเกาหลีเรื่องแรกอย่าง Train to Busan เข้าฉาย เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา โดยกวาดรายได้อย่างถล่มทลาย ทำลายหลายสถิติของวงการบันเทิงเกาหลี และบทของพ่อที่ต้องปกป้องลูกที่เขาถ่ายทอดออกมาในเรื่อง ก็ทำให้ชื่อของกงยูถูกพูดถึงอย่างมาก ในฐานะนักแสดงที่เล่นได้ถึงบทบาทอย่างแท้จริง
และในปีเดียวกันนั้น กงยูก็มีผลงานออกมาให้แฟนๆ ได้ติดตามอีกหลากหลายบทบาท ทั้งภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่อง The Age of Shadows และหนังเมโลดราม่า A Man and a Woman รวมถึงซีรี่ย์เรื่องดัง Goblin ซึ่งเขารับบทเป็นยักษ์ที่ถูกสาปให้มีชีวิตอมตะ และต้องการความรักจากหญิงสาวเพื่อลบล้างคำสาปนั้น ต้องบอกว่าซีรี่ย์เรื่องนี้โด่งดังมากทั้งในเกาหลีและในบ้านเรา
เรียกว่ากว่าจะมีวันนี้ได้ กงยูพัฒนาฝีมือการแสดงของตัวเองมาไม่น้อยเลย จากภาพยนตร์และซีรี่ย์ทุกเรื่องที่ได้มีโอกาสแสดง ซึ่งบทบาทที่เขาเลือกรับในแต่ละเรื่องก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้ได้ทดลองทำและเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอด จนกลายเป็นนักแสดงมากฝีมือ ที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตาและรูปร่าง แต่ยังเพอร์เฟคท์ในทุกด้านจริงๆ สมแล้วที่เป็น “สมบัติแห่งชาติเกาหลี” ที่ควรแค่แก่การชื่นชม
ภาพจาก IG: gongyoo7010
เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง :
10 ดาราเกาหลี เชื้อชาติจีน งานดี มีความปัง
รวม ดาราเกาหลี ดีกรีปริญญาโท หน้าตาดีแถมมีความสามารถ