เปิดวาร์ป หมอเมย์ อีกคนสำคัญที่เคียงข้างตูน บอดี้สแลม

หลายคนสงสัยว่า ผู้หญิงอีกคนนอกจากก้อย – รัชวิน ที่วิ่งเคียงข้างพี่ตูนอยู่ไม่ห่างคนนั้น คือใครกันนะ ณ จุดนี้ สุดฯขอตอบให้หายสงสัย ว่าสุภาพสตรีนักวิ่งคนนี้คือ หมอเมย์ – แพทย์หญิง สมิตดา สังขะโพธิ์ ค่ะ

คุณหมอเมย์ เป็นหัวหน้าทีมแพทย์ โครงการก้าวคนละก้าว ผู้ทำหน้าที่ดูแลโปรแกรมการวิ่ง โภชนาการ อาการบาดเจ็บ และดูแลเรื่องกายภาพบำบัด ให้กับพี่ตูน ตลอดระยะทางก้าว 2,191 กิโลเมตร จากเบตง-แม่สาย แล้วไปยังไงมายังไง คุณหมอจึงมาทำหน้าที่ตรงนี้ได้ ตามมาค่ะ

หมอเมย์ คุณหมอนักวิ่ง

หลายคนอยากรู้ว่า คุณหมอเมย์ เป็นใคร มาจากไหน สุดฯไปสืบมาได้ความว่า คุณหมอเมย์จบการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิต และเรียนต่อเฉพาะทาง เวชศาสตร์ฟื้นฟู อีก 3 ปี เรียนจบก็เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู จุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณหมอหันมาวิ่ง คือ ช่วงที่คุณหมอเรียนด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ต้องทำงาน 5 วัน เรียน 2 วัน จากเดิมที่เคยมีเวลา เข้ายิมออกกำลัง ก็ไม่มีเวลาแล้ว

ในเมื่อการออกกำลังกายคือ เป้าหมายในการทำให้ชีวิตขับเคลื่อน หมอเมย์รู้สึกว่า หมอต้องดูแลคนไข้ และขณะเดียวกัน หมอก็ต้องดูแลตัวเองด้วย หมอเมย์จึงตัดสินใจ หิ้วรองเท้าไปวิ่งที่สวนลุม โดยเริ่มจากวิ่ง 5 กิโลเมตร ก็เพิ่ม เป็น 7 กิโลเมตร ตามด้วย 10 กิโลเมตร และขยับเป็น 20 กิโลเมตร ในที่สุด

ปัจจุบัน ( ไม่นับโครงการ ก้าวคนละก้าว ) หมอเมย์ผ่านการวิ่งมาราธอนมาแล้ว 10 ครั้ง รวมถึงการวิ่งอัลตร้ามาราธอน (50กิโลเมตร) อีกต่างหาก

แรงบันดาลใจในการวิ่งมาราธอนของคุณหมอเมย์ เริ่มต้นจากพื้นฐานที่เป็นคนชอบออกกำลังกาย และคุณหมอเคยวิ่งออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา คุณหมอวิ่งแค่ระยะไม่เกิน 10 กิโลเมตร จนกระทั่งปี 2014 คุณหมอเริ่มวิ่ง Half marathon และด้วยแรงบันดาลใจจากเพื่อน ๆ ใน “42.195 K Club เราจะไปมาราธอนด้วยกัน” คุณหมอจึง เริ่มวิ่งมาราธอนครั้งแรก ในเดือนมิถุนายน 2558 ที่ภูเก็ต

การวิ่งมาราธอนครั้งแรกนี้ ทำให้คุณหมอได้เรียนรู้ถึงการต่อสู้กับจิตใจของตนเอง และเมื่อผ่านมาได้ก็ถือเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง เธอจึงวิ่งมาราธอนต่อมาเรื่อยๆ ( คุณหมอเคยไปร่วมงานมาราธอนระดับโลก อย่างงาน Tokyo Marathon 2016 มาแล้วนะ ) และเนื่องด้วยตัวเองได้พบสิ่งดีๆ จากการวิ่ง คุณหมอจึงชักชวนคนในครอบครัว คือคุณแม่ คุณพ่อและน้องชาย ออกมาร่วมวิ่งด้วยกัน ปัจจุบันคุณแม่ของคุณหมอเมย์ซึ่งอายุ 70 ปี สามารถวิ่ง half marathon ได้ และคุณแม่ตั้งใจจะวิ่งมาราธอนในอนาคตอันใกล้นี้ !! ( อูยย สุดฯ ยอมใจค่ะ )

ด้วยความสวย เก่ง สตรอง แถมยังเป็นเจ้าของเพจ goodhealth สุขภาพดีอย่างมีกึ๋น หมอเมย์จึงได้รับการขนานนาม ในแวดวงโซเชียลว่า “คุณหมอนักวิ่ง”

คุณหมอ ของ นักวิ่ง

ความเป็นมาของ “คลินิคนักวิ่ง” ณ โรงพยาบาลพระรามเก้า บริการพิเศษเจาะกลุ่มเฉพาะนักวิ่ง เกิดขึ้นมาจาก การวิ่งมาราธอน ทำให้หมอเมย์ รู้จักเพื่อนนักวิ่งจำนวนมาก บวกกับความที่ตัวเองเป็นนักวิ่งด้วย ก็เข้าใจว่าปัญหาคืออะไร การบาดเจ็บ มาจากสาเหตุไหน ซึ่งเมื่อเพื่อนนักวิ่งทราบว่า คุณหมอเมย์เป็นแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู จึงชอบมาขอคำปรึกษา เรื่องอาการบาดเจ็บ หรือ ปัญหาจากการวิ่ง คุณหมอเมย์ก็ได้ให้คำแนะนำ หรือทำการรักษาให้ จนอาการดีขึ้นและหายขาดไปหลายราย

จากประสบการณ์ คุณหมอพบว่านักวิ่งหลายราย มักประสบปัญหาการบาดเจ็บ เนื่องจากการวิ่งที่ไม่ถูกวิธี เช่น การเพิ่มระยะทางหรือเร่งเวลาเร็วเกินไป หรือ ท่าวิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจจะส่งผลเสียเรื้อรังได้ ด้วยเหตุนี้ คุณหมอจึงริเริ่ม “คลินิคนักวิ่ง” ขึ้นมาเปิดบริการเพื่อให้คำปรึกษาดูแลรักษานักวิ่งโดยเฉพาะ

การดูแลรักษาการบาดเจ็บจากการวิ่ง มีทั้งเรื่องของการทำกายภาพบำบัด การแก้ไขกล้ามเนื้อ การสร้างความแข็งแรง และ ความยืดหยุ่นเฉพาะจุด การคลายจุด Trigger point ในกล้ามเนื้อที่หดเกร็ง และที่สำคัญคือ การป้องกันก่อนเกิดการบาดเจ็บ ซึ่งเหล่านี้นำมาสู่การดูแล พี่ตูน ฮีโร่นักวิ่ง โครงการก้าวคนละก้าว

คุณหมอ ข้างกายพี่ตูน

หมอเมย์ นับเป็นอีกคนสำคัญของทีมก้าวเลยก็ว่าได้ ซึ่งโครงการก้าวคนละก้าว ปีที่แล้ว คุณหมอก็ได้มีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่ง ในการดูแลทีมวิ่งให้ด้วย คอยดูแลเรื่องกล้ามเนื้อ คอยช่วยอยู่หลังบ้าน เรียกว่าเป็นหนึ่งฟันเฟืองสำคัญ ในการก้าวของพี่ตูนก็ว่าได้

หมอเมย์

สำหรับปีนี้ ในโครงการก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ คุณหมอเมย์ เข้ามาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมแพทย์ หน้าที่หลักๆในการดูแลพี่ตูนของหมอเมย์นั้น คือวางแผนการดูแลร่างกายพี่ตูน ดูแลกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น คอยควบคุมจังหวะการวิ่งของพี่ตูน เร็วไป ช้าไป นอกจากนี้ ยังเป็นคุณหมอนักวิ่ง คอยวิ่งประกบใกล้ๆ พี่ตูนเสมอ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน หมอจะเข้าชาร์จพี่ตูนได้ ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที และนอกจากหมอเมย์ ก็จะมีหมอนักวิ่งท่านอื่น คอยสลับสับเปลี่ยนตลอดโครงการด้วยเช่นกัน

นอกจากทีมหมอนักวิ่งแล้ว ยังมีรถพยาบาล ที่มีทีมแพทย์เป็นถึงระดับอาจารย์หมอ คอยดูแลพี่ตูนระหว่างทางด้วย คุณหมอเมย์เผย ว่า เรื่องการบาดเจ็บ การกล้ามเนื้อ เรื่องร่างกายของพี่ตูนนั้น เป็นสิ่งที่ควบคุมได้ แต่สิ่งที่ควบคุมยากหน่อย คือมวลชนคนรักพี่ตูน ซึ่งอยากให้ทุกคนช่วยกัน ไม่ดึงรั้ง ไม่เข้าหาจนทำให้พี่ตูนเสียจังหวะการวิ่ง โดยคุณหมอ เผยความรู้สึกผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า

Day 19 ทุกวันนี้ก็หมอตัวเล็กๆ ไม่เคยคิดว่าตัวยิ่งใหญ่ ในก้าวฯ คิดแต่เป็นกำลังเสริมให้อาทิวราห์ พร้อมรับคำสั่งให้ดูแลให้ถึงแม่สายให้ได้ ทุ่มเทเพราะอยากทุ่มเท อยากรู้ว่าใครสักคนจะวิ่งจากเบตงไปถึงแม่สายด้วยการวิ่งไหวไหมประสบการณ์ 10 ปี อาจจะเพื่อวันนี้ 1 เดือนกว่าข้างหน้านี้ ในโลกจินตนาการที่เรียกว่า artiwara in wonderlandมันสำคัญมาก ต่อพวกเราทีมก้าว เมื่ออาทิวราห์มีคนเดียว … ช่วยกันนะคะ

หมอเมย์กับรอยยิ้มสดใส สุดฯเป็นกำลังใจให้คุณหมอ ด้วยคนนะคะ

พี่ตูนมีภารกิจของพี่ตูน หมอก็มีภารกิจของหมอ #สู้ค่ะ

ช่องทางการบริจาค

ช่องทางในการบริจาค
1. บัญชีรับบริจาค : ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
สาขารัชโยธิน ชื่อบัญชี มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในพระราชูปถัมภ์ฯ (โครงการก้าวคนละก้าว)
เลขที่บัญชี 111-393- 5263 ประเภทบัญชีกระแสรายวัน
2. SMS : บริจาคครั้งละ 10 บาท* โดยพิมพ์ T แล้วกดส่งมาที่ 4545099(ทุกเครือข่าย )
หมายเหตุ : ทุกยอดเงินบริจาคไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และไม่สามารถออกใบเสร็จรับเงิน
3. พร้อมเพย์ : โอนเงินผ่านพร้อมเพย์ ไปที่เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของมูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 0994000005261
4. SCB EASY APP: สามารถบริจาคผ่านเมนู “บริจาค” ใน SCB EASY APP
และเลือก โครงการวิ่งการกุศล “ก้าวคนละก้าว” เพื่อ 11โรงพยาบาลทั่วประเทศ
5. SCB EASY NET: ผู้ที่สมัครใช้บริการ SCB EASY NET สามารถบริจาคด้วยการโอนเงินผ่านเว็บไซต์ www.scbeasy.com
6. SCB ATM : บริจาคผ่านเครื่อง ATM ของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
เลือกรายการ แล้วกด ถอนจากบัตร UP2ME / บริจาค แล้วกดบริจาคโครงการวิ่งการกุศล “ก้าวคนละก้าว”
7. เคาเตอร์เซอร์วิสของ 7-11 ทุกสาขา
8. www.ruckdee.com :
สำหรับการบริจาคผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิต
หมายเหตุ – สามารถบริจาคได้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2561