มาทำความรู้จักกับ สุสานหลวง วัดราชบพิธฯ และ วัดประจำรัชกาลที่ 9 วัดบวรนิเวศวิหาร วัดที่ประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคาร ก่อนเตรียมตัวไปกราบพ่อทุกครั้งที่คิดถึง
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร สุสานหลวง “ราชสกุลมหิดล”
ตามราชประเพณี การถวายพระเพลิงพระบรมศพ และพระราชพิธีการเก็บพระบรมอัฐิ (กระดูก) และพระบรมราชสรีรางคาร (เถ้ากระดูก หลังจากการถวายพระเพลิง) เริ่มครั้งแรกในสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) เมื่อครั้งที่สมเด็จเจ้าฟ้าหญิง กรมพระเทพสุดาวดี (สา) ซึ่งเป็นพระเชษฐภคินี สิ้นพระชนม์ จึงทรงโปรดฯ ให้เริ่มมีพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ เก็บพระอัฐิและพระสรีรางคาร จนกลายเป็นพระราชประเพณี สืบต่อกันมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน
ในวันที่ 29 ตุลาคม 2560 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ก็จะมีการอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารไปบรรจุยัง ไปบรรจุที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส พระประธานในพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
นอกจากนี้ บริเวณภายในวัดราชบพิตร ยังมี สุสานหลวง ตั้งอยู่ทิศตะวันตกของวัด ติดกับถนนอัษฎางค์ ริมคลองคูเมืองเดิม แต่เดิมมีอาณาบริเวณกว้าง 4 ไร่กว่า ต่อมา ในสมัยการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทางผู้สำเร็จราชการ และ ทางกทม.ได้ตัดถนนอัษฎางค์ ซึ่งกินพื้นที่สุสานหลวงไปบางส่วน จนปัจจุบันสุสานหลวง เหลือพื้นที่เพียง 2 ไร่ครึ่งเท่านั้น
ภายในสุสานหลวง มีอนุสาวรีย์ต่างๆ ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงสร้างไว้บ้าง และที่พระบรมวงศานุวงศ์ทรงสร้างขึ้นเองบ้าง ล้วนเป็นอนุสาวรีย์ที่ประดิษฐานพระราชสรีรางคาร พระอังคาร พระอัฐิ ของพระบรมราชเทวี พระราชเทวี เจ้าจอมมารดา เจ้าจอม พระราชโอรส พระราชธิดา พระนัดดา และพระปนัดดา ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ลักษณะของสถาปัตยกรรม ภายในสุสานหลวง มีทั้งพระเจดีย์และพระปรางค์ บ้างก็เป็นพระวิหารแบบไทย แบบศิลปะปรางค์ลพบุรี และแบบโกธิค ซึ่งรวมอนุสาวรีย์ที่อยู่ในสุสานหลวงมีทั้งหมด 34 องค์
(โดยตามความเชื่อแล้ว หลังจากพิธีเผาศพของผู้ตาย จะมีการนำอัฐิธาตุไปบรรจุไว้ในพระเจดีย์ หรือสถูป และต่อมาก็พัฒนาไปสู่ การบรรจุอัฐิหรืออังคารไว้ใต้ฐานพระพุทธรูป หรือตามช่องกำแพงแก้ว ซึ่งแม้แต่พระบรมราชสรีรางคารของพระมหากษัตริย์ ก็มีการอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ ณ พุทธบัลลังก์แห่งพระพุทธปฏิมาพระประธาน เช่นกัน)
สำหรับการอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มาประดิษฐาน ภายใต้ฐานชุกชีหินอ่อนของพระพุทธอังคีรส พระประธานประจำพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร วัดประจำรัชกาลที่ 9
วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ได้รับการประกาศเป็นวัดประจำรัชกาลของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งหลังพระราชพิธี ถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว มีการอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร มาประดิษฐานไว้ที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ พระประธานพระอุโบสถ
วัดบวรนิเวศฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ โปรดให้สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 มีเจ้าอาวาสพระองค์แรก คือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งขณะนั้นทรงดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดบวรนิเวศฯ เมื่อปี พ.ศ. 2481 พร้อม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เมื่อครั้งเสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นครั้งแรก
กระทั่งทรงพระผนวชในปี 2499 จึงเสด็จพระราชดำเนินมาประทับที่ พระตำหนักปั้นหย่า วัดบวรนิเวศฯ ซึ่งเดิมเป็นที่ประทับของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงพระผนวช ต่อมาเป็นที่ประทับของ พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงพระผนวช โดยก่อนทรงพระผนวช ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เจ้าอาวาสวัดในขณะนั้น เพื่อทรงสดับพระธรรมด้วยความสนพระราชหฤทัยอยู่เสมอ
ธรรมเนียมปฏิบัติที่เกี่ยวกับ พระราชวงศ์โดยตรงที่ วัดบวรนิเวศฯ คือ วันเข้าพรรษาของทุกปี ในหลวงรัชกาลที่ 9 จะเสด็จพระราชดำเนิน มาถวายพุ่มเทียนเข้าพรรษา และถวายผ้าพระกฐินเป็นวัดแรก เมื่อถึงช่วงพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐินหลวงประจำปี ซึ่งตลอดพระชนม์ชีพ ทรงทำนุบำรุงวัด ทรงสร้างพระพุทธรูปสำคัญ และสิ่งปลูกสร้างที่เกี่ยวเนื่องในพระองค์ กลายเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงในปัจจุบัน
ครั้งเมื่อทรงริเริ่ม โครงการกังหันน้ำชัยพัฒนา ทรงนำกังหันมาทดลองที่คลองเต่า ภายในวัดบวรฯ เป็นที่แรก เนื่องด้วยทอดพระเนตรเห็นน้ำในคลองที่ไหลเวียนไม่ดีนัก คลองเต่าในปัจจุบันจึงมีเต่า มีปลาอาศัยอย่างร่มเย็น
อีกทั้งในเวลาที่ทรงว่างจากพระราชกรณียกิจ มักจะทรงขับรถยนต์พระที่นั่งด้วยพระองค์เอง และทรงพระดำเนินมาที่ตำหนักคอยท่าปราโมช หรือหากเสด็จแปรพระราชฐานประทับแรมต่างจังหวัด จะทรงอาราธนาเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้เสด็จไปด้วยเสมอ
ภายหลังพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้ว จะมีการอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารมาประดิษฐานไว้ที่ใต้ฐานชุกชีพระพุทธชินสีห์ ภายในพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ด้วย
ดังนั้น หากพสกนิกรชาวไทย คิดถึงพระองค์ท่านเมื่อไร ก็สามารถไปกราบท่านที่ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และ วัดบวรนิเวศวิหาร ได้เสมอ
ขอน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ และถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล
ข้อมูล amarintv
ติดตามเรื่องราวของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เพิ่มเติม
รวมภาพความประทับใจ รอยยิ้มของพ่อ #เพราะพวกเราคิดถึงพ่อ
รวมภาพ ในหลวง ทรงฉลองพระองค์ชุดลำลอง #ดูเมื่อไรคิดถึงพ่อเมื่อนั้น
มีวันนี้เพราะพ่อให้ ถนนโครงการพระราชดำริ เพื่อความสะดวกของปวงชน