มาถึงตอนที่สองของเรื่องราวความรักระหว่างพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ครั้งนี้ขอหยิบยกเรื่องราวดีๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ร้ายๆ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันความรักที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงมีต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้เป็นอย่างดี ในตอน อุบัติเหตุ (รัก)
อุบัติเหตุ (รัก)
ข่าวใหญ่ที่ทำให้ประชาชนชาวไทยตกใจเป็นอย่างมากในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2491 คือ ข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์นอกเมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผู้ร่วมโดยเสด็จฯ คือ นายอร่าม รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ พระสวามีในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยรถยนต์พระที่นั่งได้ชนกับรถบรรทุกคันหนึ่งที่ริมทะเลสาบเจนีวา เมืองบอนเนย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงได้รับการนำส่งโรงพยาบาลในตำบลมอร์เซส ทรงบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะบริเวณพระพักตร์และพระเศีนรมีพระโลหิตตกมาก อุบัติเหตุดังกล่าวทำให้การเสด็จนิวัตประเทศไทยต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ต้องประทับรักษาพระองค์อยู่ที่โรงพยาบาลถึง 3 สัปดาห์ โดยนายแพทย์ได้ถวายการรักษาพระเนตรข้างขวา สามารถนำเศษแก้วออกมาได้ 2 ชิ้น
วันที่ 29 ตุลาคม 2491 พระอาการอื่นๆ หายเกือบเป็นปกติ มีแต่พระเนตรที่ยังไม่คืนสภาพเดิม แต่แพทย์ก็ให้เสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาลได้ ทรงกลับมาพักฟื้นที่พระตำหนักวิลล่าวัฒนา ที่ประทับในนครโลซาน เพื่อรอเวลาเสด็จฯ เข้ารับการผ่าตัดพระเนตรข้างขวาอีกครั้ง
ระหว่างที่ประทับรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลในตำบลมอร์เซสนั้น ทรงรับสั่งให้ราชองค์รักษ์ติดต่อไปยังหม่อมเจ้านักขัตรมงคล ให้หม่อมหลวงบัว กิติยากร พาธิดาทั้งสอง คือหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์และหม่อมราชวงศืบุษา เข้าเฝ้าฯ เยี่ยมพระอาหารที่โรงพยาบาลเป็นประจำแทบทุกวัน มีพระราชกระแสรับสั่งว่า เมื่อทรงฟื้นคืนพระสติครั้งแรก ทรงระลึกถึงบุคคลเพียง 2 คน คือ สมเด็จพระราชชนนีและหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์
เรื่องนี้ท่านผู้หญิงเกนหลง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (นางสนองพระโอษฐ์ ภริยา พลโท นายแพทย์ หม่อมหลวงจินกา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา น้องชายหม่อมหลวงบัว กิติยากร) ได้กล่าวว่า “สิ่งแรกเมื่อรู้สึกพระองค์คือ ทรงหยิบรูปหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ออกจากพระกระเป๋า ส่งถวายสมเด็จพระราชชนนี พร้อมกับทรงรับสั่งว่า ‘แม่ เรียกสิริมาที’ ” ท่านผู้หญิงเกนหลงกล่าวว่า “รูปหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์รูปนั้นเป็นรูปแรกที่ทรงถ่าย เป็นรูปหมู่ที่ถ่ายตอนบุคคลาเข้าเฝ้าฯ ณ สถานทูต หม่อนราชวงศ์สิริกิติ์อยู่เป็นคนสุดท้าย ไม่เห็นหน้าชัด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงรับสั่งว่า ‘ยู้ฮู คนข้างหลังโผล่หน้ามาหน่อยสิ’ รูปนั้นทรงตัดเฉพาะหน้าหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ไว้ในพระกระเป๋า”
ความที่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เข้าเฝ้าฯ และถวายการพยาบาลอย่างใกล้ชิด ทำให้ความสัมพันธ์ยิ่งแน่นแฟ้น เมื่อพระอาการดีขึ้น หม่องหลวงบัวจึงพาธิดาทั้งสองกลับไปยังกรุงลอนดอน ต่อมาสมเด็จพระราชชนีได้ทรงขออนุญาตหม่อมเจ้านักขัตรมงคลให้หม่อมราชวงศืสิริกิติ์กลับไปอยู่เฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกครั้ง และรับสั่งให้ศึกษาต่อที่โรงเรียนประจำที่มีชื่อเสียงชื่อ Pensionnal Riante Rive เมืองโลซาน เพื่อเรียนวิชาเกี่ยวกับกุลสตรี โดยได้ทรงรับเป็นพระธุระจัดการเรื่องความเป็นอยู่และการศึกษาให้ พระราชปฏิพัทธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ต่อหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์จึงได้ถักทอสายใยเป็นความรักมากขึ้นเรื่อยๆ
ต่อจากนี้ มาติดตามเหตุการณ์ที่ทรงหมั้นและพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสของทั้งสองพระองค์ ที่เราจะนำมาให้อ่านกัน อดใจรออีกนิดนะคะ
ตัดทอนเนื้อหาบางส่วนจาก นิตยสารสุดสัปดาห์ Vol.29 No.696 ฉบับวันที่ 1 ธันวาคม 2555
ภาพจาก Pinterest : TUI PRESENT , Arnon In-Arn , Pohnthipa Pasiri ,Island Info Samui
อนึ่ง ในเดือนตุลาคมนี้ พสกนิกรทั่วหล้า ต่างน้อมรำลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ทีมงานขออนุญาตเผยแพร่พระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ท่านให้ดีที่สุด จึงกราบขอบพระคุณเจ้าของภาพมา ณ โอกาสนี้
ติดตามชมพระบารมีในข่าวอื่นๆ ได้ที่
คู่พระบารมีที่ยิ่งใหญ่ : ต้นกำเนิดความรัก ของทั้งสองพระองค์
พระบรมฉายาลักษณ์ ความรักของทั้งสองพระองค์
รวมพระบรมฉายาลักษณ์ ความรักของทั้งสองพระองค์ (Part2)