แก่น อัลบั้มแรกในชีวิตโอ๊ต ปราโมทย์ กับคำยืนยัน “ผมทิ้งอาชีพนักร้องไม่ได้”

account_circle
event

แก่น อัลบั้มแรกในชีวิตโอ๊ต ปราโมทย์ กับคำยืนยัน “ผมทิ้งอาชีพนักร้องไม่ได้” … แม้จะอยู่ในวงการมานานมาก แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่านี่คือ อัลบั้มแรกของผู้ชายที่ชื่อโอ๊ต ปราโมทย์ จริงๆ ฤกษ์งามยามดีแบบนี้ก็เลยต้องพูดคุยกันสักหน่อย และบอกเลยว่า บทสนทนาอย่างเป็นกันเองท่ามกลางเสียงหัวเราะครั้งนี้ ทำให้เราได้รู้จักเขามากขึ้นอีกหลายแง่มุมเลยทีเดียว

ไม่ว่าคุณจะรู้จักโอ๊ต ปราโมทย์ในฐานะอะไร พ่อหมี, พิธีกร, นักร้อง, นักแสดง influencer, content creator, gamer หรือ บอสแห่งโคตรคูล สุดท้ายแล้วสิ่งที่เขาบอกกับเราว่ารักที่สุด ก็คือการร้องเพลง

นักร้องคืออาชีพที่เป็นจุดเริ่มต้นในวงการ และเขายังมีความสุขทุกครั้งที่ได้ร้องเพลงให้แฟนๆ ฟัง วันนี้โอ๊ต ปราโมทย์ มีอัลบั้ม “แก่น” ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกในชีวิต ….แก่นของโอ๊ต ปราโมทย์ ในฐานะนักร้องคนหนึ่ง ที่อยากให้ทุกคนได้ฟัง และมีความสุขไปกับเพลงของเขา

แก่น อัลบั้มแรกในชีวิตโอ๊ต ปราโมทย์ กับคำยืนยัน “ผมทิ้งอาชีพนักร้องไม่ได้”

ในวันที่เราคุยกัน อัลบั้มแรกในชีวิตของโอ๊ต-ปราโมทย์ ปล่อยอย่างเป็นทางการแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้างคะ

ดีใจ หายเหนื่อยสุดๆ ครับ ยิ่งพอเปิดพรีออเดอร์ Box Set 500 ชุดแรก จะได้โพลารอยด์ของเราพร้อมกับลายเซ็น ภายใน 50 นาที หมดเกลี้ยงเลย ไม่คิดเลยว่ามันจะหมดเร็วขนาดนี้ ดีใจมาก ซึ่งราคา Box Set 1,200 บาท ก็ไม่ได้ถูก แต่แฟนๆ ก็ให้การตอบรับที่ดี  เขาอยากมีเก็บไว้เป็นคอลเลคชั่นพิเศษสะสมไว้ ต้องขอบคุณทุกการสนับสนุนจริงๆ แต่หลังจากนี้ก็ยังสั่ง Box Set ได้ครับ ในเซตจะมีหนังสือรวมรูป โปสการ์ด ซีดีเพลง สติ๊กเกอร์ สายคล้องแมสก์ แต่แค่ไม่มีโพลารอยด์พร้อมลายเซ็น ถ้าเป็น CD อย่างเดียวจะมีโปสเตอร์ให้ด้วย

กว่าจะมีอัลบั้มแรกนานมาก เกือบ 20 ปี รู้สึกมั้ยคะว่าทำไมมันถึงได้นานจังเลยกว่าจะมีวันนี้

ในชีวิตนี้ของการเป็นนักร้องยังไม่เคยมีอัลบั้มเลยครับ นี่เป็นอัลบั้มแรกครับ ตอนแรกผมก็รู้สึกครับว่า มันนานไปจังเลยนะ แต่ตอนนี้รู้สึกว่า เป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดแล้วในการที่เราจะทำอัลบั้ม ที่ผ่านมาเราไม่รู้ว่าจะตั้งคำถามกับตัวเองหรือตั้งคำถามกับระบบ หรือตั้งคำถามกับนายทุนหรือค่ายเพลง ถ้าเราตั้งคำถามกับตัวเอง ผมตอบได้อยู่แล้วว่าอยากมี ผมดิ้นรนปากกัดตีนถีบในการพยายาม ไม่ใช่แค่อัลบั้มนะ แต่กว่าจะมีเพลงสักเพลงหนึ่งมันต้องใช้เวลา ใช้อะไรหลายๆ อย่างกว่าจะมีเพลงได้

แก่น อัลบั้มแรกในชีวิตโอ๊ต

ถ้าหาคำตอบด้วยตัวเองแล้วคำตอบที่ได้คืออะไรคะ

วันที่เราเป็นลูกน้องแล้ววันหนึ่งที่เรามาเป็นเจ้าของธุรกิจ เรามองมันอย่างเข้าใจครับ ซึ่งมันก็ถูกแล้วครับกับการที่เขาจะเลือกทำศิลปินสักคนหนึ่ง ศิลปินจะมีอัลบั้มต้องมีองค์ประกอบอะไรหลายๆ อย่าง วันนั้นที่ผมยังไม่มีอัลบั้มมันก็ไม่แปลก เพราะเราเองก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จ และยังไม่มี potential พอที่จะมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง

แต่เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะ ผมมองว่าเป็นเรื่องของธุรกิจครับ ถ้าเราเข้าใจในระบบของมัน มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะฉะนั้นวันนี้ที่เราไม่ได้อยู่ในระบบนั้นแล้ว เราแค่หาทุนเอง แล้วทำมันเองด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรา ทำเองให้จบ achievement ในชีวิตของเรา โอเควันนี้ได้มีอัลบั้ม solo ของเราเองแล้วนะ

ในยุคนี้ที่การทำอัลบั้มไม่ใช่เรื่องง่าย โอ๊ตวางแผงอย่างไรคะ 

โห… ไม่ง่ายเลยจริงๆ ครับ ใช้เงินเยอะด้วยครับ ส่วนในมุมมองการวางแผนงาน ถ้าพูดตามจริง ผมมีความเป็นผีพนันครับ ผมชอบ bet อยากลองลงทุนกับมัน อย่างตอนที่ผมเริ่มทำโคตรคูล ผมก็นำเงินจากการร้องเพลงมาวางแผนเลยว่าผมจะรายการแรก 10 EP. ลงทุนโดยใช้เงินตัวเอง คือเอาเงินตรงอื่นมา bet ตรงนี้ เอาเงินตรงนั้นมา bet ตรงนี้ การทำอัลบั้มนี้ก็เช่นกัน ผมทำงานสะสมเงินเพื่อจะเอามาทำอัลบั้ม โดยแยกก้อนออกมาเลยว่า เราจะใช้เงินทุนนี้เพื่อจะ bet กับอัลบั้มนี้ว่ามันจะสำเร็จมั้ย การวางแผนของผมเป็นสไตล์นี้ ซึ่งมันสนุกกับการได้ชาเลนจ์ตัวเองครับ

ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ผมโอเคหมดเรารับได้ การทำอัลบั้ม ผมเข้าใจและเราตั้งโกลไว้ว่ามันขาดทุนอยู่แล้ว เพราะในยุคนี้ คนจะซื้อซีดียาก แล้วเครื่องเล่นซีดีแทบจะไม่มีแล้ว เราแค่ทำให้มัน achievement ของเรา ฉะนั้นเมื่อเราตั้งโกลว่ามันจะขาดทุน มันก็เหมือนกับคนที่หลังชนฝา ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว ผมแค่ทำมันให้เต็มที่ให้มันดีที่สุด สนุกที่สุดเท่าที่เราจะทำมันออกมา จนออกมาเป็นอัลบั้ม “แก่น” อย่างสมบูรณ์ มี Box Set ที่สามารถเก็บสะสมได้ด้วย

แก่น อัลบั้มแรกในชีวิตโอ๊ต

ความรู้สึกแรกเมื่ออัลบั้มเสร็จทั้ง 10 เพลงรู้สึกอย่างไร

วันที่ดีใจที่สุดเลยคือวันที่เพลงเสร็จทั้งหมด เป็นมาสเตอร์แล้วมันมาอยู่ในมือถือของเรา 10 เพลง เหมือนยกภูเขาออกจากอก โอ๊ตมึงทำได้แล้วนะ สู้ด้วยตัวเองจนสำเร็จออกมาเป็น 10 เพลงที่เราอยากจะให้ทุกคนฟัง เติมเต็มสิ่งที่อยู่ในใจมาตลอด

ความคาดหวังในการทำเพลงเมื่อสิบกว่าปีก่อนสมัยเป็นศิลปินแรกๆ กับวันนี้ต่างกันมั้ยคะ

สำหรับอัลบั้มนี้ วันที่เริ่มทำผมคาดหวังอยากให้ดังนะ แต่พอวันที่เพลงเสร็จ ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปเลย ความรู้สึกมีแค่ เมื่อไรคนจะได้ฟัง อยากให้ฟังจังเลย เพลงเสร็จแล้วนะ ฟังเหอะไม่ดังไม่เป็นไร ขอให้ได้ฟัง เพราะทำมาตั้งปีนึงกว่าจะเสร็จ เมื่อก่อนเวลาทำเพลงผมจะหวังเยอะกว่านี้ครับ หนึ่งเพลงที่เราทำออกมา เราจะเค้นแบบต้องได้ดีที่สุด แต่พอทำอัลบั้มนี้ คนละความรู้สึกเลย ในอัลบั้มเรามองภาพรวม หนึ่งอัลบั้มมี 10 เพลง เราอยากสื่อสารอะไรให้ใครฟังบ้าง เราทำเพลงนี้เพราะอะไร ทำเพลงนี้เพื่อใคร ทำเพลงนี้เพื่ออะไร  มันสนุกเพราะเราได้แชร์ไอเดียทั้ง 10 เพลงมากกว่าจะจบอยู่ที่แค่ 1 เพลง มันมีอะไรให้เล่นเยอะแยะเต็มไปหมดเลย เฮ้ย! ยังไม่มีเพลง section นี้เลย ยังไม่มีเพลงแปลกๆ เลย ยังไม่มีเพลงความเป็นร็อค อะคูสติกยังไม่มี มันก็จะเฉลี่ยความเสี่ยงในแต่ละเพลงออกไป ซึ่งทุกวันนี้อายุเพลงสั้นมากครับ สัปดาห์เดียวไม่ดังก็เรียบร้อยแล้ว มันมีเพลงปล่อยทุกวัน ฉะนั้นเราต้องตั้งใจทำให้มันดีที่สุด แค่นั้นพอแล้ว

อัลบั้มแรกในชีวิตโอ๊ต ปราโมทย์  คอนเซ็ปต์อัลบั้มนี้คืออะไร แล้วทำไมถึงตั้งชื่อว่า “แก่น” 

อัลบั้มนี้ไม่มีแนวตายตัว ค่อนข้างจะวาไรตี้มากครับ 10 เพลง แทบจะเป็น 10 แนวเลย แต่สิ่งหนึ่งที่มันเกี่ยวกันเอาไว้คือ มู้ดแอนด์โทน และสีสันของดนตรีรวมไปถึงวิธีการร้องของเรา โทนเสียงของเรามันมีอะไรบางอย่างที่มันเกี่ยวกับ 10 เพลงนี้ไว้ด้วยกัน

ชื่ออัลบั้ม “แก่น” มาจากที่ผมเป็นคนชอบชื่อไทยมาก หมายังชื่อทองกวาว หมาตัวเก่าชื่อชบา รู้สึกว่าหาชื่อไทยอะไรดีนะที่จะบ่งบอกความเป็นเราได้ดีที่สุด เลยคิดถึงป๋าเต็ดซึ่งเคยทำบริษัทชื่อ “แก่น” รู้สึกว่าชอบคำนี้จังเลย งั้นเอามาเป็นชื่ออัลบั้มดีกว่า ชื่ออัลบั้ม “แก่น” เพราะรู้สึกว่าความหมายมันค่อนข้างจะครอบคลุมในชีวิตเรา คือเรามีแก่นชีวิตแบบนี้ แต่เราก็ซน และในความซนมันก็ยังมีแก่นที่จริงจังกับงานอยู่ เป็นคำที่มองได้หลายความหมายในคำเดียว ผมว่าเหมาะกับอัลบั้มนี้ที่สุด แก่นที่มีความซีเรียสกับดนตรี แต่ในความซีเรียสก็ยังมีความสนุกของโอ๊ต-ปราโมทย์ ผสมผสานอยู่ด้วยครับ

 

แก่น อัลบั้มแรกในชีวิตโอ๊ต

 

อัลบั้มนี้ที่มีเพื่อนพี่น้องในวงการที่สนิทมาร่วม Feat. ด้วย อยากเล่าสักนิดว่าทำไมถึงเป็น ซานิ, UrBoyTJ และน้องมิลลิ

ทีเจกับผมเหมือนเป็นพ่อลูกกันอยู่แล้ว สนิทกันส่วนตัว ทำงานด้วยกันบ่อยๆ พอเป็นอัลบั้มแรกก็อยากจะให้มีงานของทีเจอยู่ในอัลบั้มเราด้วย เลยให้ทีเจเขียนเพลงให้เพลงหนึ่ง ทีเจเองเขาก็อินเรื่องราวที่เราเล่าให้ฟังหลายๆ เรื่อง แล้วเขาก็เขียนเพลง “เคยรักฉันจริงไหม” ให้ผม ซึ่งเราเองก็อยากร้องเพลงสไตล์กามิกาเซ่มานานแล้ว เพลงแบบบอยแบนด์นิดนึง ทุกอย่างออกมาตอบโจทย์ลงตัวมากครับ

ส่วนน้องมิลลิ มา Feat. กันในเพลง “ได้อยู่” มาจาการที่มิลลิเคยออกรายการจันทร์Shockโลก แล้วการพูดคุยในรายการเป็นไวรัลอยู่ช่วงหนึ่งกับคำว่า “ได้อยู่” มีการเถียงในรายการว่า “ได้อยู่” แปลว่า “ไม่ได้” แล้วทำไมถึงไม่ได้ อะไรประมาณนั้น ตอนเขียนเพลงนี้นึกถึงมิลลิเลย คนที่ต้องมาถ่ายทอดเพลงนี้ด้วยกันควรจะเป็นน้องนะ เพราะเหตุเกิดจากเขา แล้วน้องก็เก่งมาก เป็นเด็กจีเนียส เก่งสุดๆ ยินดีมากที่ได้ร่วมงานกับน้อง

สุดท้ายก็คือซานิ เราสองคนเป็นเพื่อนกันมาเป็น 10 ปีแล้วครับ ตั้งแต่สมัยร้องเพลงกลางคืนตามร้าน คือเราร้องเพลงร้านเดียวกัน แล้วเราสองคนยังไม่เคยมีเพลงด้วยกันเลย ฉะนั้นจะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจากซานิที่เป็นเพื่อนสนิท เราอยากให้เขามาร้องเพลงด้วยกันในอัลบั้มนี้ ซึ่งเพลงที่ร้องด้วยกันคือเพลง “ความรักไม่เคยมีอยู่จริง”

เป็นเพลงที่พูดเรื่องความรักครับ มาจากแง่มุมที่เราทำรายการจีบหนูหน่อยด้วยกัน เราได้ยินเรื่องราวความรักจากคนนั้นคนนี้เล่า แต่ละคนก็มีมุมมองและเรื่องราวความรักที่แตกต่างกันไป บางคนถูกทำร้ายด้วยความรัก บางคนถูกทำร้ายด้วยความเชื่อใจ มันเลยเกิดคำถามว่า จริงๆ แล้วหรือความรักไม่เคยมีอยู่จริง เป็นเพลงที่โยนคำถามกลับไปว่า… แล้วความรักมันมีอยู่จริงๆ มั้ย

เส้นทางการเป็นศิลปินของโอ๊ต ปราโมทย์ เรียกว่าผ่านบททดสอบมาไม่น้อยกว่าจะมีวันนี้ อะไรที่ทำให้เรายังไปต่อในเส้นทางดนตรี 

จริงๆ แล้วเคยจะล้มเลิกครั้งหนึ่งครับ พอเคยจะล้มเลิกแล้วมันฟื้นกลับขึ้นมาได้ เราเลยรู้สึกว่า โห… มันคงจะเป็นอะไรก็ไม่รู้ที่เขาให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง คือโอกาสในชีวิตคนเราอาจจะมีไม่เยอะ แต่ผมคิดว่าโอกาสที่ผ่านมา ทำให้ผมกลับมามีพื้นที่ในวงการ ต่อยอดทำให้คนรู้จักในวงการมากขึ้น เป็นโอกาสที่เราไม่อยากสูญเสียไป ฉะนั้นพอเรามีโอกาสแล้ว เป็นคนทั่วไปเป็นแฟนๆ ที่เขาชอบเรา  ผมรู้สึกว่าโอกาสแบบนี้ เราจะต้อง keep ความเป็นศิลปินต่อไป

แม้ผมจะสวมหัวโขนอะไรก็แล้วแต่ เป็นผู้บริหาร เป็นนักแสดง เป็นพิธีกร แต่สิ่งที่นำพาผมเข้ามาสู่วงการได้ ก็คือการร้องเพลง วันแรกที่คนรู้จักชื่อโอ๊ต-ปราโมทย์ครั้งแรกคือเป็นนักร้อง ฉะนั้นผมทิ้งอาชีพนักร้องไม่ได้ ต่อให้เหนื่อยขนาดไหน ผมก็ยังมีความสุขที่ได้เดินออกไปร้องเพลง เพราะตรงหน้าคือแฟนๆ ที่รอจะเจอเรา รอฟังเพลง คอยกรี๊ดต้อนรับ และมีความสุขไปพร้อมๆ กับเรา

 

แก่น อัลบั้มแรกในชีวิตโอ๊ต

เป็นพิธีกร นักร้อง นักแสดง และยังเป็นบอส มีทีมที่ต้องดูแลในบริษัทโคตรคูล ในฐานะบอส มีวิธีจัดการบริหารทีมอย่างไรบ้าง

ดูแลกันแบบบ้านๆ เลยครับ ก็อยู่กันอย่างนี้เลยครับ เดินมาเปิดเบียร์ กินเหล้ากันบ้าง ด่ากันบ้าง แซวกัน อำกัน ผมไม่ได้วางตัวเป็นบอสเป็นเจ้านาย แต่เด็กๆ จะเกรงใจ เราก็จะคอยถาม แ-กไรยัง กินข้าวยัง สั่งนั่นมากินมั้ย สั่งนี่มากินมั้ย อย่างผมปล่อยอัลบั้มก็ถามว่า พวกมึงมาพนันกันหน่อยว่า เพลงอะไรผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้วยอดวิวเยอะสุด ใครทายถูกเอาไปเลยหนึ่งหมื่นบาท แล้วไปหารกัน เด็กๆ ก็จะสนุก เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ทำกันในออฟฟิศให้ทุกคนสนุกขึ้น

ก็ดูแลกันแบบนี้ ไม่รู้มันทำงานกันหรือเปล่านะ ผมฝากเดินเข้าไปดูที (หัวเราะ) เอ๊ะ! หรือจริงๆ มันไม่ทำงาน คือผมให้เข้างาน 11 โมง ระหว่าง 11 โมงถึงบ่าย 2 คือเข้าตอนไหนก็ได้ แต่ขอให้อยู่ในเวลานี้ แล้วจบภายใน Office Hours หรือใครมาเช้าแล้วจะกลับเร็วหน่อยก็ได้ หลักๆ ผมขอให้ทุกคนตั้งใจทำงาน รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง ในความหละหลวมยังมีความสตริคท์อยู่ รับผิดชอบต่องาน ส่งคลิปให้ตรงเวลา

เลือกพนักงานเข้าทีมโคตรคูลอย่างไรคะ

บางทีก็ไม่ได้เลือกนะ บางทีก็ไหลๆ มารวมกัน คนไม่ดีอะพี่ มันไหลมารวมกันจริงๆ นะ (หัวเราะ) ดูเพื่อนผมแต่ละคนสิ มีคนดีที่ไหน พี่ป๊อปอย่างนี้ ไอ้ว่านอย่างนี้ ไอ้อ๊อฟอย่างนี้ ไอ้อูน ไอ้อาร์ต เป๊ก Zeal แต่ละคนปากจัดทั้งนั้น ด่ากันโครมครามๆ บางทีเราไม่ได้เลือกเลยนะครับ สวรรค์จัดสรรมาให้ เหมือนเป็นเรื่องของบาปกรรมที่เราไปก่อเอาไว้ แล้วไหลคนพวกนี้มารวมกันให้ผมได้เจอ กับทีมในออฟฟิศ ก็เหมือนกัน ไหลๆ มารวมกัน (หัวเราะ)

เอาเรื่องจริงๆ สำหรับเกณฑ์การเลือกไม่ซับซ้อนเลย อย่างแรกเลยที่ชอบและจะเลือกคือ มีความตั้งใจและรับผิดชอบ เก่งไม่เก่งว่ากันอีกเรื่องครับ ผมว่าคนไม่เก่งพัฒนาได้ แต่เก่งแล้วมีอีโก้ก็จะคุยกันลำบาก สไตล์นี้เราไม่เลือก อย่างเวลาสัมภาษณ์งานตำแหน่งครีเอทีฟ ผมก็จะให้ครีเอทีฟในทีมเข้าด้วย สัมภาษณ์ editor ก็จะให้ editor เข้าด้วย แล้วก็แชร์กันว่าคนนี้โอเคมั้ย จะเข้ากับคนในออฟฟิศได้มั้ย ระบบนิเวศจะเสียมั้ย มีการช่วยกันตัดสินใจ เพราะเราไม่ได้อยู่ออฟฟิศตลอด ฉะนั้นคนที่อยู่ออฟฟิศตลอด อาจจะต้องมีส่วนช่วยเลือกนิดนึง ดูให้ไปในทิศทางเดียวกัน

เผย แก่น ตัวตนของโอ๊ต

ขออนุญาตถามเรื่องสถานะหัวใจของโอ๊ต ปราโมทย์ตอนนี้ เป็นอย่างไรบ้างคะ

มุมมองความรักในวัย 37 ปี ผมไม่คาดหวังครับ มีก็มี ไม่มีก็ไม่มี มีแล้วถ้าไม่สบายใจ ก็แยกย้าย ไม่ยึดติด เพราะเราเจ็บมาเยอะ และเราไม่มีเวลาด้วย เพราะงานยุ่งมากๆ การเป็นโอ๊ต ปราโมทย์มันไม่ได้ง่ายเลยครับ มีคนบอกว่าอยากเป็นแบบพี่โอ๊ตจัง ผมพยายามเตือนทุกคนเลยว่าอย่าเป็นแบบพี่เลย เชื่อเถอะ ผมทำงานเยอะมากครับ กุมภาพันธ์ มี 28 วัน คิวเต็มทุกวัน ทำงานวันละ 8-10 ชั่วโมงทุกวัน หรือบางวันก็ 6 โมงเช้าถึงเที่ยงคืนเลยก็มี

ถามว่าสถานะหัวใจตอนนี้เป็นอย่างไร โอเคเลยครับ มีความสุขและแฮปปี้ดีมาก เพราะเราไม่คาดหวังกับอะไรมาก ที่ผมไม่ค่อยพูดเรื่องนี้ เพราะผมรู้สึกว่า ผมเบื่อกับการที่จะโดนด่าในเรื่องส่วนตัว ผมเป็นความสุขให้กับหลายๆ คน คนเห็นโอ๊ต ปราโมทย์ สนุก ตลก ดูคลิปแล้วชอบจัง แต่พื้นที่ที่ผมจะมีความสุขมันน้อยนิดมากเลยครับ ถ้าผมมีความรักแล้วประกาศเต็มตัว จะมีทั้งคนยินดีและคนไม่ยินดี พอวันหนึ่งเลิก คนที่ไม่ยินดีก็จะด่า คนที่ยินดีก็จะรู้สึกผิดหวังกับความรัก บางทีเราก็รู้สึกนะว่า จะผิดหวังทำไม นี่ชีวิตผม ผมเลิกก็ทุกข์มากพอแล้วนะ แล้วยังต้องมาอ่านคอมเมนต์แย่ๆ อีก รวมถึงคนที่ผมคบด้วย ต้องมาอ่านคอมเมนต์แบบนี้ด้วยเหรอ

ฉะนั้นผมมอบความสุขให้กับทุกคนแล้ว ผมขอพื้นที่นี้ให้เป็นความสุขเล็กๆ ของผมเถอะ เพราะความสุขของโอ๊ต ปราโมทย์มันน้อยมากจริงๆ ครับ แค่ได้นอน แค่ได้ตื่น แค่ได้ดูบอล แค่ได้เล่นเกม แค่คุยกับเพื่อน ได้กินเหล้ากับเพื่อน ความสุขผมมีแค่นี้เอง ไม่ซับซ้อนเลย

เรื่องความรักผมไม่ได้ปิดบังครับ แต่แค่ไม่ได้อธิบายว่าผมคุยกับใคร ผมคบกับใคร เราไปกินข้าวด้วยกันปกติเหมือนคนอื่น เดินพารากอนด้วยกัน มีคนเห็นผมเยอะแยะ ซึ่งทุกคนที่เจอผมก็น่ารักมาก ไม่เคยถ่ายรูปแล้วเอามาลง ขอบคุณจริงๆ ครับที่เข้าใจว่านี่คือพื้นที่ส่วนตัวของผม แค่ผมคนเดียวใครอยากขอถ่ายรูปมาเลย ผมให้หมด ดังนั้นจะเห็นว่าผมไม่ได้ไปออกรายการทีวีรายการที่คุยเรื่องความรักเท่าไร ใครไม่มาอยู่ใน position แบบผม จะไม่มีทางเข้าใจว่าผมโดนอะไรมาบ้าง การโดนรุมด่าไม่มีใครแฮปปี้เลยจริงๆ

 

อยากสร้างครอบครัวแล้วหรือยังคะ

ตอบจากใจ ผมอยากมีครอบครัวครับ อยากมีลูกด้วยครับ แต่ถ้าวันนี้ผมมีลูก ผมพังแน่นอน ผมจะอยู่กับลูกยังไงก่อน ผมทำงานแทบทุกวันเลย กลัวไม่มีเวลาดูแล้วลูก กลัวลูกเอานิ้วแหย่ปลั๊กไฟ เห็นตารางานแล้วแพนิคมาเลยครับ (หัวเราะ)

เห็นมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเสมอ แล้วมีเรื่องอะไรที่ทำให้โอ๊ต ปราโมทย์เสียน้ำตาได้ 

ง่ายที่สุดตอนนี้คือเรื่องเพื่อน คือเป็นคนอินกับเพื่อนมาก รักเพื่อนมาก ถ้าย้อนไปดูในวันเกิด ก็จะเห็นเลยว่าพอให้พูดความรู้สึกกัน เราจะอิน… คือผมจะเป็นคนร้องไห้ยากมาก แต่ถ้าเรื่องนี้แล้วกระทบจิตใจมันจะแบบพรั่งพรูสุดๆ ไปเลย เรื่องเพื่อนเป็นเรื่องที่เสียน้ำตาง่ายที่สุดครับ

แสดงว่าเป็นคนไม่คิดเล็กคิดน้อยใช่มั้ย

เมื่อก่อนคิดเยอะครับ คิดเยอะจนเป็นแพนิค ทุกวันนี้คิดน้อยลงแล้ว เพราะรู้สึกว่าอะไรที่ช่างแม่งได้ ก็ช่างเถอะ ผมเคยป่วยเป็น panic disorder หนักมาก กินยารักษาอยู่ปีครึ่ง รักษาตัวเกือบสองปี เพิ่งหยุดยาได้ 6-7 เดือนเองครับ ตอนแรกเป็น panic attack ก่อน แล้วพัฒนาไปเป็น panic disorder

การเป็น panic attack เกิดขึ้นเมื่อมีเหตุการณ์กระตุ้น จะรู้สึกหายใจไม่ออก มือชาเท้าชา เหมือนจะจมน้ำ เหมือนคนจะเป็นโรคหัวใจครับ แต่ panic disorder คือเป็นตลอดเวลา คือไม่มีอะไรกระตุ้น นั่งอยู่ก็เป็น ขึ้นรถก็เป็น ขึ้นเครื่องบินก็เป็น นั่งอยู่ในที่เพดานแคบก็เป็น อยู่ในรถกอล์ฟที่ปิดหน้าต่างก็เป็น

ทั้งหมดเกิดจากความเครียดสะสม จากเหตุการณ์ต่างๆ อ่านคอมเมนต์ โดนคนด่า เหมือนที่ผมพูดเรื่องเมื่อกี้ เรื่องที่ถามเกี่ยวกับความรัก อย่าง บางทีเรามีข่าวกับใครคนใดคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นเรื่องจริงด้วยซ้ำ แล้วคนบอกว่าหนีไป หนีไป มีคอมเมนต์ต่างๆ นานา  อ่านพวกนี้เยอะๆ แล้วมันคงกดทับไปเรื่อยๆ ครับ

หรือเรื่องงานที่ทุกครั้งเราขึ้นเวที เราจะรู้สึกว่าทุกคนคาดหวัง คนดูไม่ได้ผิดนะ แต่จิตใต้สำนึกของผมคิดเอง เราเห็นสายตาที่มองมา โอ๊ตต้องสนุกนะ ต้องตลกนะ เราเก็บมาคิด แล้วมันกดทับไป มันเลยยิ่งทำให้เราเครียด และนั่นแหละครับ ระเบิดตู้ม! เลย

วันที่หนักสุดๆ คือตื่นมาแล้ว ไม่อยากเป็นโอ๊ต ปราโมทย์ เกลียดโอ๊ต ปราโมทย์ เกลียดตัวเองแล้วก็ยืนร้องไห้อยู่คนเดียว วันนั้นผมยืนอยู่หน้าบ้าน… พูดให้เห็นภาพคือเหมือนคนเป็นบ้า รู้สึกว่ามึงเป็นใคร มึงออกจากกูไปเลย ไม่อยากเป็นมึงอีกแล้ว เหมือนวิญญาณฉีกขาด มึงออกไปๆ กูไม่ชอบมึง ผมโทรหาพี่ป๊อปแล้วร้องไห้ โทรหาอาร์ตแล้วก็ร้องไห้ๆ วันรุ่งขึ้นไปพบจิตแพทย์เลย คือเมื่อก่อนผมเป็นคนไม่ร้องไห้เลย แต่พอหลังจากเหตุการณ์นั้น กลายเป็นคนร้องไห้กับเรื่องเล็กน้อยได้เลย ถ้ามีอะไรมากระทบจิตใจ

ทุกวันนี้หายแล้วนะครับ ผมดีขึ้นได้อย่างแรกเพราะยา อย่างที่สองคือ เลือกที่จะถอยห่างออกมา อะไรที่ไม่ดีถอย พื้นที่ไหนเสี่ยงกับคอมเมนต์ด่าเรา ถอยออก เรื่องไหนพูดแล้วคนจะด่าเรา ถอยออก อะไรทำแล้วคนจะว่า เราถอยออก รายการตรวจน้อยลง ผลักความรับผิดชอบให้คนอื่นทำมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องเก็บไว้คนเดียว

คือเราก็ต้องรู้วิธีการจัดการตัวเอง พูดเหมือนง่ายนะ แต่คนไม่เคยเจออย่างผม คงไม่รู้หรอกว่ามันทุกข์แค่ไหน ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว และเราก็ปลดล็อคความรู้สึกหรือว่าพันธนาการต่างๆ ออกมาได้เยอะแล้ว

เผย แก่น ตัวตนของโอ๊ต

ณ วันนี้อะไรที่ทำให้โอ๊ต ปราโมทย์ มีพลังที่จะส่งต่อความสุขไปให้คนอื่น

แฟนๆ ของผม พนักงานในทีม เพื่อนๆ ของผม ต้องบอกว่าสิ่งรอบตัวทำให้ผมฟื้นตัวเร็วที่สุด สภาวะแวดล้อมของผมดีมากครับ ผมมีลูกน้องที่น่ารัก ผมมีทีมงานที่ดี ผมมีเพื่อนที่น่ารักพร้อมซัพพอร์ตตลอด ผมมีแฟนๆ ที่ไม่ว่าเราจะทำอะไรเขาก็รอซัพพอร์ตเสมอ อย่าง Box Set ที่หมดภายใน 50 นาที นั่นทำให้ผมรู้ว่าเขายังอยู่กับผมตลอด สิ่งเหล่านี้แหละทำให้เรามีความสุขมากขึ้น มีแรงทำงาน มีพลังที่ส่งต่อความสุขให้ใครอีกหลายๆ คน เมื่อไรที่หันมามองโอ๊ต-ปราโมทย์ ก็อยากให้มีรอยยิ้มกัน เวลาที่เข้ามาดูช่องเรา เวลาที่นึกถึงหน้าเรา เวลาดูผลงานของเรา หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่เราจะเป็นรอยยิ้มให้เขา ผมก็มีแฮปปี้แล้ว ผมไม่ได้หวังว่าซีดีจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพลงจะร้อยล้านวิว ไม่มีเงินอุดหนุนไม่เป็นไรเลย เปิดยูทูบช่อง KHOTKOOL MUSIC ฟังก็ได้ครับ ฟังแล้วชอบกัน แค่นี้ผมก็แฮปปี้แล้วครับ

Text: AuAi Photo: เนาวจพจน์

 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ 

ทำความรู้จัก ลี ฐานัฐพ์ โล่ห์คุณสมบัติ ผู้ชายอบอุ่น ขี้เล่น แสนดี สเป็คแฟน

 

 

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up