ช่วงรักษาระยะห่างอย่างนี้ คอนเสิร์ตต่างๆก็ต้องงดจัดแสดงกันไปอีกสักระยะ แต่ SM ไม่ทำให้แฟนๆ ต้องคิดถึงศิลปินที่รักอยู่นาน จัดคอนเสิร์ตออนไลน์ครั้งแรกของโลก Beyond LIVE (บียอนด์ ไลฟ์) ให้เราได้ฟินกับศิลปินระดับโลก อาทิ SuperM , WayV และ NCT DREAM ขอบอกว่าถึงจะเป็นคอนเสิร์ตออนไลน์ แต่โปรดักชั่นอลังการ เทคนิคทันสมัยมาก ขณะที่ชมจะรู้สึกว่าเหมือนกำลังสบตากับศิลปินยังไงยังงั้น อยู่บ้านก็ฟินได้จ้า !
สนุก ฟิน แฮปปี้ SuperM – WayV – NCT DREAM โชว์คอนเสิร์ตออนไลน์ Beyond LIVE
SuperM (ซูเปอร์เอ็ม) พิสูจน์ให้เห็นถึงพลังในระดับโลกของพวกเขากันอีกครั้ง กับการเป็นศิลปินแรกที่เปิดม่านการแสดงแห่งอนาคต ‘Beyond LIVE’ (บียอนด์ ไลฟ์) หรือ คอนเสิร์ตทางออนไลน์โดยเฉพาะครั้งแรกของโลก โดย Beyond LIVE นี้เป็นผลจากการร่วมมือระหว่างบริษัทบันเทิงที่ทรงอิทธิพลของเกาหลีใต้ SM Entertainment (เอสเอ็ม เอ็นเทอร์เทนเม้นท์) และบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ NAVER (เนเวอร์)
สำหรับคอนเสิร์ต ‘SuperM – Beyond the Future’ ได้ถูกถ่ายทอดสดผ่าน NAVER V LIVE ไปเมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งตลอดระยะเวลาการแสดงกว่า 2 ชั่วโมง แฟนๆต่างได้รับชมการแสดงอันยอดเยี่ยมของ SuperM รวมถึงมุมกล้องที่คอยตัดภาพเข้าออกแบบถ่ายทอดสดคอนเสิร์ต, มิวสิควีดีโอ, รายการเพลง ฯลฯ และโปรดักชั่นที่ทำให้มีมุมมองเสมือนว่า ผู้ชมทางออนไลน์กำลังสบตากับศิลปินที่ทำการแสดงอยู่ รวมถึงการใช้เทคโนโลยี AR อย่าง Live Sync Camera Walking ที่เชื่อมมุมการเดินกล้องและพื้นที่จริงเข้าไว้ด้วยกัน, การนำเสนอเวทีที่มีฉากหลังหลากหลายแบบ ด้วยกราฟิกสามมิติแบบเรียลไทม์
ไฮไลท์เด่นอีกอย่างคือ การแสดงเพลงใหม่ของ SuperM อย่าง ‘Tiger Inside’ เป็นครั้งแรก และมีเสือเสมือนจริงปรากฏตัวออกมาสร้างอึ้งทึ่งให้กับผู้ชมด้วยเทคโนโลยี AR และเพลงสุดท้ายอย่าง ‘Jopping’ ที่เวทีมีฉากเป็นโคลอสเซียมขนาดใหญ่ และทะเลแท่งไฟอลังการเสมือนจริงก็สร้างขึ้นด้วย AR เช่นกัน
ไม่เพียงเท่านี้ เอกลักษณ์อันโดดเด่นของ ‘Beyond LIVE’ อีกอย่างหนึ่งก็คือ การสื่อสารโต้ตอบที่ใช้เทคโนโลยีการส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ อาทิ เสียงพูด และเสียงเชียร์ของผู้ชม ฯลฯ ซึ่งทำให้ในวันทำการแสดง SuperM ได้พูดคุยแบบเห็นหน้ากันและกันกับแฟนคลับผู้โชคดีจากเกาหลี, สหรัฐอเมริกา, จีน, ญี่ปุ่น, นิวซีแลนด์, ประเทศไทย อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมียอดผู้ชมคอนเสิร์ตแบบชำระค่าบริการครั้งนี้สูงถึง 75,000 คน จาก 109 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นจำนวนที่มากกว่าถึง 7.5 เท่า เมื่อเทียบกับคอนเสิร์ตแบบออฟไลน์ต่อ 1 รอบ ที่ปกติแล้วคอนเสิร์ตของวงไอดอลยอดนิยม จะจัดด้วยขนาดเฉลี่ยอยู่ที่ 10,000 คน ต่อ 1 รอบ เรียกได้ว่า น่าติดตามการเติบโตของธุรกิจคอนเสิร์ตรูปแบบใหม่นี้เป็นอย่างยิ่ง
WayV ประสบความสำเร็จกับคอนเสิร์ตออนไลน์ ‘Beyond LIVE’ พร้อมเปิดตัวบริการ ‘Sync Play’ ครั้งแรก
WayV (เวย์วี) ก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน กับการเป็นศิลปินลำดับที่ 2 ของคอนเสิร์ตออนไลน์รูปแบบใหม่ ‘Beyond LIVE’ (บียอนด์ ไลฟ์) ในชื่อคอนเสิร์ตที่ว่า ‘WayV – Beyond the Vision’ (เวย์วี บียอนด์ เดอะ วิชั่น) ซึ่งถูกถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ผ่าน NAVER V LIVE ในวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา
สำหรับคอนเสิร์ต ‘WayV – Beyond the Vision’ ในครั้งนี้เป็นคอนเสิร์ตคิดค่าบริการทางออนไลน์โดยเฉพาะ ที่ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของไอดอลวงจีน โดยประกอบไปด้วยการแสดงอันเหนือชั้นตามสไตล์ WayV, โปรดักชั่นเวทีที่ใช้เทคโนโลยีสุดล้ำ และการสื่อสารโต้ตอบ ฯลฯ ซึ่งพวกเขาได้โชว์การแสดงทั้งสิ้น 14 เพลง ตั้งแต่เพลงฮิตอย่าง ‘Take Off’ ‘Regular’ ‘Moonwalk’, การโชว์เพลง ‘Yeah YeahYeah’ เป็นครั้งแรก, การร้องเพลง ‘Love Talk’ เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ และการแสดงของยูนิตที่โชว์เสน่ห์ของสมาชิกแต่ละคนจนจุใจ ไปจนถึงเวทีสุดตระการตา
โดยตลอดระยะเวลาการแสดงกว่า 2 ชม. สมาชิกก็ได้เตรียมภาษาต่าง ๆ เพื่อจะมาสื่อสารกับแฟน ๆ ทั้งเกาหลี, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, สเปน, อินโดนีเซีย และภาษาไทย ส่วนกระแสตอบรับก็ร้อนแรงจนแฮชแท็ก ‘#WayV_beyondLIVE’ ติดเทรนด์อันดับ 1 แบบเรียลไทม์ในประเทศเกาหลี และต่างประเทศ ทั้งแบบ Worldwide และในหลายประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา, บราซิล, อินโดนีเซีย, ประเทศไทย ฯลฯ รวมถึงได้รับการกดหัวใจสูงถึง 230 ล้านดวง ยืนยันถึงความสนใจอันถล่มทลายที่มีต่อ WayVและ Beyond LIVE ได้เป็นอย่างดี
ไฮไลท์สำคัญของคอนเสิร์ตคือ ช่วงพูดคุยแบบวีดีโอกับแฟน ๆ ที่หนึ่งในแฟนคลับได้สื่อสารความจริงใจออกมาว่า “แม้จะไม่ได้พบกัน แต่ก็จะคอยให้กำลังใจจากตรงนี้เสมอ อย่ากังวลไปเลยนะ”สร้างความซาบซึ้งอย่างมากจนสมาชิก LUCAS (ลูคัส) ต้องหลั่งน้ำตา พร้อมตอบกลับว่า “พวกเราคอยมอบพลังดี ๆ ให้แก่กันเสมอ มาอยู่ด้วยกันตลอดไปนะ” รวมถึงแฟน ๆ ยังเซอร์ไพรส์ทำโปรเจกต์ออนไลน์ด้วยการถือป้ายกระดาษที่เขียนคำว่า ‘รัก’ ในภาษาต่าง ๆ นับเป็นการก้าวข้ามข้อจำกัดของการไม่สัมผัสกันด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทำให้ศิลปินและแฟนคลับได้ใช้เวลาอันมีความหมายนี้แชร์ความรู้สึกให้กันและกันได้แบบเรียลไทม์อย่างแท้จริง
ความล้ำของเทคโนโลยียังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะในฉากเปิดเวทีเพลงแรก ‘Take Off’ ก็มีการใช้ AR สร้างภาพเสมือนอย่างสมจริง ทั้งโลโก้ขนาดใหญ่รูปตัว ‘V’ สื่อถึงวง WayV ที่คอยเปลี่ยนรูปร่างตามแสงไฟอยู่บนเวทีตลอดเวลา, เครื่องบินขนาดยักษ์ที่บินอยู่ด้านบน ฯลฯ รวมถึงการใช้ภาพกราฟิกสามมิติแบบเรียลไทม์, ตัวอักษรแสดงเนื้อเพลงหลากหลายแบบ ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดบริการ ‘Sync Play’ (ซิงค์ เพลย์) เป็นครั้งแรก โดยบริการนี้จะเชื่อมต่อแท่งไฟของแฟนคลับเข้ากับการแสดงสดแบบเรียลไทม์ ทำให้แท่งไฟสามารถเปลี่ยนสี และเอฟเฟกต์ได้ตามการแสดงเพลงต่าง ๆ ฯลฯ เรียกได้ว่านำเสนอประสบการณ์ ‘แถวหน้าสุดในห้อง’ ให้กับแฟน ๆ เหมือนได้มาสนุกในคอนเสิร์ต และร่วมเชียร์อยู่ด้วยกันจริงๆ
NCT DREAM โชว์คอนเสิร์ตออนไลน์ ‘Beyond LIVE’ เพิ่มความรู้สึกเสมือนจริง พาแฟนคลับอินไปด้วยกัน
เร่งระดับความเร็วมาแรงสมกับเป็นทีมวัยรุ่นที่ฮอตที่สุดในตอนนี้ สำหรับ ‘NCT DREAM’ (เอ็นซีที ดรีม) แห่งค่าย SM Entertainment (เอสเอ็ม เอ็นเทอร์เทนเม้นท์) ที่ล่าสุดได้จัดคอนเสิร์ตออนไลน์รูปแบบใหม่ ‘Beyond LIVE’(บียอนด์ ไลฟ์) ภายใต้ชื่อว่า ‘NCT DREAM – Beyond the DREAM SHOW’ (เอ็นซีที ดรีม บียอนด์ เดอะ ดรีม โชว์) กระแสตอบรับถล่มทลาย สร้างความประทับใจให้ผู้ชมได้สนุกกันในห้องแบบทั่วโลกกว่า 107 ประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, จีน, แคนาดา, ฟิลิปปินส์, ออสเตรเลีย, เยอรมัน, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, สเปน ฯลฯ พร้อมติดเทรนด์อันดับ 1 บน Twitter แบบ Worldwide ทั้งประเทศไทย, อินโดนีเซีย, เปรู, ปารากวัย, เม็กซิโก, ชิลี ฯลฯ
สำหรับคอนเสิร์ต ‘NCT DREAM – Beyond the DREAM SHOW’ ได้ถูกถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ผ่านแอปพลิเคชัน NAVER V LIVE ในวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมาซึ่งพวกเขาก็ประสบความสำเร็จกับการแสดงที่ประกอบไปด้วยเอฟเฟกต์ AR สร้างความรู้สึกเสมือนจริง, เวทีที่ระเบิดพลังตามสไตล์NCT DREAM, การสื่อสารโต้ตอบกับแฟนคลับแบบเรียลไทม์ ฯลฯ ทำให้ผู้ชมสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เหมือนอยู่ในคอนเสิร์ตด้วยกันจริง ๆ และสร้างอารมณ์ให้อินไปร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ในการแสดงครั้งนี้ NCT DREAM เปิดตัวมาด้วยเพลง ‘GO’ (โก) พร้อมฉากหลังเป็นจอ LED สุดยิ่งใหญ่อลังการ ให้ความรู้สึกเหมือนได้เข้าสู่เมืองใต้ท้องทะเล, เพลง ‘Chewing Gum’ (ชูวิ่ง กัม) ที่จุดเด่นอยู่ตรงภาพกราฟิกเคลื่อนไหวราวกับลูกโป่งหัวใจกำลังโบยบิน, เพลง ‘Candle Light’ (แคนเดิล ไลท์) ที่มีตัวอักษรคำว่า NCT DREAM โชว์เด่นเป็นประกายด้วยกราฟิกสามมิติแบบเรียลไทม์, เพลงเปิดตัวใหม่ล่าสุด ‘Ridin’’ (ไรดิน) ที่ใช้เทคโนโลยี AR สร้างรถดริฟต์เสมือนจริงสุดเร้าใจ ฯลฯ
ส่วนช่วงที่หลายคนต่างประทับใจได้แก่ ช่วงพูดคุยโต้ตอบกับแฟนคลับ, การถามคำถามกันไปมาผ่านระบบการเชื่อมต่อแบบเห็นหน้ากัน รวมถึงช่วงทำชาเลนจ์ ‘Telepathy Sending Dream’ ที่เหล่าสมาชิก NCT DREAM ได้ทำภารกิจร่วมกับผู้ชม สร้างความรู้สึกใกล้ชิดกันและกันด้วยการเลือกหนึ่งเพลงที่แต่ละฝ่ายชอบระหว่าง ‘Puzzle Piece’ (พัซเซิล พีซ) และ ‘7 Days’ (เซเว่น เดส์) แล้วดูว่าใจจะตรงกันมากแค่ไหน
นอกจากนี้ สมาชิก NCT DREAM ยังได้เผยความรู้สึกผ่านการแสดงครั้งนี้ว่า “ผมก็สงสัยว่าคอนเสิร์ตออนไลน์มันจะเป็นแบบไหนกันนะ แต่พอได้มาเห็นแฟน ๆ ทุกคนผ่านการพูดคุยกันได้แบบนี้แล้ว มันก็คือความรู้สึกเดียวกับตอนที่เล่นคอนเสิร์ตแบบออฟไลน์เลยครับ พวกเราได้ยินเสียงเชียร์ของแฟน ๆ อย่างชัดเจน เหมือนว่าเราได้อยู่ด้วยกันจริง ๆ ครับ”
พร้อมกันนี้ JISUNG (จีซอง) ได้พูดเสริมเพื่อขอบคุณแฟน ๆ อีกว่า “แท่งไฟในจอมิเตอร์เหมือนเป็นแสงสว่างเลยครับ ผมมีความสุขมาก เพราะเหมือนเราได้ร่วมสร้างเวทีนี้ขึ้นมาด้วยกันกับแฟน ๆ ทุกคนครับขอบคุณนะครับที่ช่วยสร้างเวทีอันยอดเยี่ยมด้วยกัน”
ทั้งนี้ ‘Beyond LIVE’ (บียอนด์ ไลฟ์) คือ คอนเสิร์ตคิดค่าบริการทางออนไลน์โดยเฉพาะครั้งแรกของโลก ที่รวมเอาเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และการแสดงเข้าไว้ด้วยกัน โดยตระหนักถึงเทคโนโลยีทางวัฒนธรรม (CT; Culture Technology) แบบใหม่ที่ SM Entertainment มุ่งมั่นจะก้าวไปไกลกว่าการออกอากาศคอนเสิร์ตออฟไลน์ที่มีอยู่
ส่วนไลน์อัพของ ‘Beyond LIVE’ ต่อจาก SuperM, WayVและ NCT DREAM ก็จะเป็นNCT 127 (เอ็นซีที วันทูเซเว่น) ในวันอาทิตย์ที่ 17 พ.ค. ที่จะถึงนี้ เวลา 13.00 น. ไทย ตามด้วยอีก 2 วงที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่าง TVXQ! (ทงบังชินกิ) ในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ค. 63 และ SUPER JUNIOR (ซูเปอร์ จูเนียร์) ในวันที่ 31 พ.ค. 63 ตามลำดับจ้ะ
เรื่องและข้อมูล : SM True
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
TAEYEON (แทยอน) ส่งเพลงใหม่ Happy เป็นของขวัญเพื่อแฟนคลับ
NCT 127 กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ อัลบั้มเต็มชุดที่ 2 NCT #127 Neo Zone พรีออเดอร์ทะลุ 5.3 แสนอัลบั้ม