ขึ้น Ambulance เปิดประสบการณ์เลือดกระฉูด กว่าจะเป็นทีมหมอฉุกเฉินใน รักฉุดใจนายฉุกเฉิน

Alternative Textaccount_circle
event

รักฉุดใจนายฉุกเฉิน” ละครแนวโรแมนติก แฟนตาซีการแพทย์ เรื่องล่าสุดจาก นาดาว บางกอก แค่ออนแอร์อีพีแรกกระแสแรง และเป็นทีพูดถึงเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่แปลกใหม่ น่าติดตาม และแฝงไปด้วยสาระ รวมถึงทีมหมอหมอหล่อ ที่ทำเอาสาวๆ อยากให้มาช่วยปั้มหัวใจ แต่รู้หรือไม่ว่ากว่าจะเป็น “หมอฉุกเฉิน” ที่เห็นในละครนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ทีมนักแสดงต้องไปเจอประสบการณ์ลุ้นระทึกมาไม่น้อย  

เมื่อผู้กำกับและนักแสดง รวมตัวเม้าท์ “กว่าจะมาเป็นหมอฉุกเฉิน ใน My Ambulance รักฉุดใจนายฉุกเฉิน”

Director Talk

สร้างสรรค์ผลงานคุณโดยผู้กำกับมากฝีมือ บอส-นฤเบศ กูโนและผู้ช่วยผู้กำกับ ภัทรนาถ พิบูลย์สวัสดิ์ ที่เคยฝากผลงานในซีรีส์ Side by Side พี่น้องลูกขนไก่ 

บอสกับแตงได้แรงบันดาลใจเรื่องนี้มาจากอะไรคะ

บอสReference เรามาจากการดูซีรี่ส์เกาหลีหลายเรื่อง แล้วมันสนุกมาก ฟินมาก (หัวเราะ) รู้สึกว่าทำพล็อตเรื่องดีจัง มีเหตุการณ์ตื่นเต้น เร้าใจ ก็เริ่มศึกษากันมาเรื่อยๆ เราสองคนเลยคุยกันว่า ลองทำเรื่องแบบโรแมนติก ฟิน จิ้นๆ คล้ายซีรี่ส์เกาหลีน่าจะดี พอจะทำเป็นละคร ต้องหาคอนเทนท์ใหม่ๆ มาผสมกับเรื่องรักด้วย

แตง:       วันหนึ่งไปกินข้าวกัน พี่บอสถามว่า กำลังสตาร์ททำละครรักแล้วนะ ได้โครงมาแล้ว ทำอะไรดี วันนั้นแตงก็เล่าว่า เมื่อม่กี่วัน ย่าป่วย ขาบวมจะเข้าโรงพยาบาล แต่ที่บ้านก็ทำตัวไม่ถูกว่าต้องทำยังไง เลยเรียกรถ Ambulance ซึ่งเขาให้ญาติขึ้นไปได้ 1 คน แตงขึ้นไปนั่งข้างหน้ากับทีม Ambulance เห็นการทำงานบนรถแล้ว ทีแรกเราคิดว่าหมอต้องเครียด ภาพที่เห็นต่างจากที่คิดว่าไว้เลย คือในความรีบและจริงจังนั้น หมอผ่อนคลายมาก ตลก เฮอา ทำให้คนไข้และญาติผ่อนคลายไปด้วย เราประทับใจโมเม้นท์นั้นมาก

บอส:      หัวข้อ Ambulance ตอบโจทย์มาก คือในเรื่องหมอของเราจะขึ้นรถ Ambulance ไปรักษาตามที่ต่างๆ แต่พอลงมือทำจริงๆ ยุ่งฉิบหายเลย (หัวเราะ) ยากกว่าที่คิดไว้มาก เป็นวิชาการแพทย์ เราไม่สามารถมโนเองได้ มันคือความถูกต้อง บางทีเราเขียนบท แบบนี้สนุกแล้ว แต่พอเอาบทไปให้หมอดู หมอลบให้ทำใหม่หมดเลย เพราะมันจะผิดและขัดกับหลักความถูกต้องของการแพทย์ไม่ได้เลย กว่าจะเขียนบทเสร็จ ใช้เวลาถึง 9 เดือน สำหรับเรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกว่าการทำคอนเทนท์ใหม่ๆ ดีๆ ก็เหมือนได้เปิดโลกใหม่ ได้ทำประโยชน์กับสังคมไปในตัว นี่คือเหตุผลที่อยากทำ

 

 

 

 ในฐานะผู้กำกับเจอความยากความท้าทายในการทำงานเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

บอส: เราตั้งเป้าหมายกับแตงไว้ว่า ต้องไปหาข้อมูลที่โรงพยาบาลด้วย ไม่งั้นเราจะไม่เห็นภาพ พยายามติดต่อคนรู้จัก ว่าจะเข้าไปโรงพยาบาลไหนได้บ้าง ซึ่งต้องมีกระบวนการติดต่อ ญาติ คนไข้ จะอนุญาตมั้ย ต้องขอบคุณโรงพยาบาลตากสิน อนุญาตให้เราเข้าห้องฉุกเฉิน ขึ้นรถ Ambulance ไปด้วย เราขึ้นกันอยู่ 4-5 รอบ พอไปปุ๊บ โห… รถแม่งวิ่งเร็วกว่าที่กูคิดอีก (หัวเราะ) คนไข้ขึ้นรถมาเลือดอาบ เราก็ดูเคสจริง ต้องจดข้อมูลว่าบนรถเขาทำอะไรกันบ้าง สถานการณ์ตอนนั้นเป็นอย่างไร

กลัวเลือดทั้งคู่แล้วยังทำเรื่องหมออีก ไม่ไหวก็ต้องไหว ข้อมูลก็ยาก หาเรื่องแท้ๆ (หัวเราะ) แต่มันดีตรงที่เราได้เห็นถึงความเป็น Emotion จริงๆ การเจ็บ การสูญเสีย ความเสียใจ อีกด้านหนึ่งได้เห็นว่าหมอทุ่มเทมาก การที่จะรักษาคนไข้ให้รอด การเห็นคนตายทุกวัน หมอต้องเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ

นักแสดงเรื่องนี้ได้ดั่งใจอย่างไรบ้างคะ

บอส:      หมอเป้ง ต้องเป็นผู้ชายเย็นชาเหมือนในซีรี่ส์เกาหลี ปากไม่ตรงกับใจ ชอบด่าแต่จริงๆ รัก ซึ่งปกติเราจะเห็นพี่ซันนี่ตลก เล่นคอมเมดี้ ถ้าให้มาเล่นเป็นหนุ่มเย็นชา ปากร้าย เอ้อ! น่าสนใจ เวิร์ค!

แตง:       เรารู้มากว่าพี่ซันนี่ไม่เล่นละคร เกริ่นไปก่อนเรื่องเป็นงี้ๆ นะ พี่ซันบอกไปเขียนบทมาก่อน ซึ่งเราก็เขียนบทให้คร่าวๆ แล้วถึงเอาของไปขาย

บอส:      ก็มีการนัดคุยกัน มีโปรดิวเซอร์ เล่ากันไปเล่ากันมา พี่ซันก็นั่งฟังแล้วเงียบไปแป๊บนึ่ง แล้วถามว่า “ใช้คิวเยอะมั้ยอะ” คือไม่พูดตกลงนะ แต่ถามว่าใช้คิวเยอะมั้ย นี่แหละคือการ Say Yes ของเขาแล้ว (หัวเราะ) สำหรับสกายอยากบอกว่าใครดูเรื่องนี้ ต้องหลงรัก มีเสน่ห์ สกายเก่งขึ้นมาก จากพละ ฮอร์โมน โอ้โห… เล่นไม่ได้เลย ขนาดพูดยังไม่ใช่ ขี้อาย ไม่พูด ตอนเล่นเป็นน้องโด่งก็พัฒนาไปขึ้นมาก แต่เรื่องนี้เขามาไกลมาก  มีร้อยให้พัน มีสองพันให้หมื่น มีวินัยสูงมาก ท่องบททุกวันหลังเลิกเรียน เขาเจอซีนยากหลายซีน สกายอาจจะไม่ใช่คนมีพรสวรรค์ แต่เพราะความพยายามทำให้เขามาถึงวันนี้

แตง:สำหรับสกายซีนที่ยากที่สุดคือการที่ต้องร้องไห้ไปด้วย ดราม่าไปด้วย ต้องพูดศัพท์แพทย์ไปด้วย เขาเจอหลายอย่างในซีน นี่คือโจทย์หินของสกาย ซึ่งเขาทำได้สำหรับแบงค์ ในเรื่องน้องสาวเขาตายเพราะอุบัติเหตุ เลยทำให้เขาต้องมาเกี่ยวข้องกับทีม Ambulance บท “ไท” โจทย์ยากมากที่สุด เหมือนจะไม่มีอะไรแต่มีเยอะ พอแบงค์เล่นเรื่องนี้ เราต้องไม่ทำให้เขาจมไปกับนักแสดงคนอื่นๆ บทต้องดี

รักฉุดใจนายฉุกเฉิน

 

เรื่องนี้แบงค์ดราม่าหนักเลย เขาสูญเสียน้องที่รักและดูแลมาตลอด ไทเหมือนเป็นพ่อของน้องเลย แล้วเมื่อวันหนึ่งสูญเสียน้อง ไทจะดีลกับสิ่งที่ต้องเจออย่างไร เราจะเห็นแบงค์ในมุมที่ไม่เคยเห็น ปกติเราจะเห็นแบงค์เล่นบทวัยรุ่น ยิ้มเห็นฟัน 32 ซี่ ฟันยาวไปถึงพื้น (หัวเราะ) แต่เรื่องนี้ยิ้มน้อยมาก แล้วยิ้มอย่างไรให้ดูแล้วเหมือนแบงค์มีอะไรในใจ

แตง:กับคนอื่นเวิร์คช็อปเป็นทีม แต่แบงค์เวิร์คช็อปเดี่ยว เขาต้องเล่นตรงกันข้ามกับตัวเอง จึงต้องมีการดีไซน์คาแร็คตร้อง พูดแบบไหน ร้องไห้อย่างไร ดีไซน์ท่าเดิน การยิ้ม วิธีพูดเลยด้วยซ้ำ เพื่อให้ได้คาแร็คเตอร์ไทที่สมบูรณ์ที่สุด

รักฉุดใจนายฉุกเฉิน

ก่อนเปิดกล้อง

ท็อปแท็ป: ก่อนเปิดกล้องนักแสดงทุกคน ผู้กำกับ แอ็คติ้งโค้ช ต้องนัดการมา Read Through มาอ่านบทด้วยกันตั้งแต่หน้าแรกถึงหน้าสุดท้าย เพื่อทำความเข้าใจกับตัวละคร เส้นเรื่อง อารมณ์ และ Turning Point ต่างๆ ใครมีอะไรสงสัยก็จะได้ถามผู้กำกับ

บิวกิ้น: นักแสดงที่อยู่ในทีมแพทย์ฉุกเฉินทุกคน ต้องเวิร์คช็อปเกี่ยวกับการแพทย์ ศึกษาข้อมูลทางการแพทย์เยอะมาก ต้องจำอุปกรณ์เยอะมาก ต้องจำบล็อกกิ้งซีน เก็บรายละเอียด ทุกคนต้องเวิร์คช็อปเพื่อให้สมบทบาท

รักฉุดใจนายฉุกเฉิน

สกาย: รายละเอียดเยอะมาก เราต้องฝึกการหยิบจับอุปกรณ์ การจับหูฟัง ฝึกฝึกฉีดยา เจาะปอด ห้ามเลือด วัดความดัน จับชีพจร ซ้อมการเคลื่อนย้ายคนไข้ ท่าทางต้องทำให้เหมือนเราเป็นโปรเฟส จำบทก็ยาก ต้องจำชื่ออุปกรณ์และศัพท์เทคนิคก็ยิ่งยากไปอีก ผมเลยต้องท่องจำเยอะเพื่อให้จำเข้าไปในสมองเหมือนอ่านหนังสือสอบเลย

รักฉุดใจนายฉุกเฉิน

 

รักฉุดใจนายฉุกเฉิน

ลงสนามจริงกระโดดขึ้นรถ Ambulance จริง 

ทราบมาว่านักแสดงต้องไปขึ้นรถ Ambulance จริงๆ ด้วยใช่มั้ยค่ะ

บอส:      พี่ซันรับบทหนักมาก บ่นทุก 5 นาที เขารู้ว่าเป็นหมอ แต่ไม่คิดว่ายากขนาดนี้ ระหว่างการถ่ายทำ ดีเทลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

แตง:       หน้าเซ็ตตอนถ่ายทำเรามีโรงพยาบาลรามา มาช่วยออกกองด้วย เพื่อคอยเช็คเรื่องความถูกต้อง แล้วในบทศัพท์แพทย์เยอะมาก ทีแรกแตงเขียนเป็นภาษาพูดปกติ อาการอย่างนี้ๆ แต่พอให้หมออ่าน หมอบอกว่าหมอไม่พูดภาษาไทยกันครับ พูดแต่ภาษาอังกฤษ พี่ซันอ่านบทแต่ละที จะคอยถามว่าอ่านออกเสียงยังไง แปลว่าอะไร เขารับบทหมอ Resident จะคล้ายหัวหน้า เวลาออกเคส ต้องคอยสั่งการ เวลาพูดกับคนไข้พูดปกติ แต่เวลาหมอสั่งการจะต้องเป็นศัพท์หมอ คือตัวบทก็ยากแล้ว ยังต้องท่องจำศัพท์แพทย์ด้วยค่ะ

บอส:     เราก็ต้องคอยปลอบประโลม “พี่ซันใจเย็นๆ นะ” ปากก็บ่นไปงั้นแหละเรารู้ แต่ตั้งใจมาก เรารักในความทุ่มเทของพี่ซันมาก แล้วแก๊งหมอ ทุกคนในเรื่องทุ่มเทมาก ก่อนเปิดกล้อง พี่ซันพา สกาย ปอนด์ บิวกิ้นต้าเหนิง ท็อปแท๊ป ทุกคนที่ต้องอยู่ในรถ Ambulance ไปเวิร์คช็อปที่โรงพยาบาลรามาด้วยการออกเคสจริง ไปนั่งรอกันหน้าห้องฉุกเฉิน รอกันอยู่นาน แล้ววันนั้นไม่ค่อยมีเคส ซึ่งถือว่าดีนะ

รอไปรอมามีหนึ่งเคส แล้วหมอวิ่งกันเร็วมาก พี่ซันวิ่งขึ้นรถไปเร็วมากขึ้นรถไปก่อนคนแรก  ทิ้งน้องไว้เลย ที่เหลืออยากดูเคสด้วยต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ตามแต่ไม่ทันเพราะรถ Ambulance ขับเร็วมาก พอกลับมาพี่ซันค่อยเล่าให้น้องๆ ฟังว่าสถานการณ์ตอนนั้นเป็นอย่างไร เจออะไรบ้างนอกจากออกเคสจริง ทุกคนจะได้รับการเวิร์คช็อป กับทีมหมอ โรงพยาบาลรามาฯ ไปถึงแยกเป็นห้องเลย ห้องสอนปฐมพยาบาลเบื้องต้น ห้องสอนปั้มหัวใจ ฯลฯ เวียนไปเรียนทีละห้อง ทุกคนตั้งใจเรียนกันมาก

รักฉุดใจนายฉุกเฉิน

ซันนี่: เคสจริงที่ผมได้ขึ้นไปกับรถ Ambulance เป็นเคสคนไข้ประสบอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ชนกับรถกะบะ จนหมวกกันน็อคแตก คนไข้มีอาการปอดรั่วต้องเอาเลือดออก พอมาถึงห้องฉุกเฉิน เราจะคอยยืนสังเกตุการณ์ เพื่อจำแอ็คติ้งต่างๆ ของหมอมาใช้ ภาพจริงที่เห็นตรงหน้าที่คือ  หมอต้องเจาะเพื่อระบายเลือดออกจากปอดเลือดพุ่งกระฉูดมาโดนหมอ หมอนิ่งแล้วและทำทุกอย่างเร็วมาก

หลังจากขึ้นรถ Ambulance วันนั้นทำให้เราอินกับคาแร็กเตอร์มากขึ้น ทุกวันนี้ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงหวอของรถ Ambulance ใจจะคิดว่าคนในรถจะเป็นอะไรมั้ย เจ็บมากน้อยแค่ไหน เรารู้สึกว่าเราคือพวกเดียวกับเขา ทำให้เข้าใจทีมแพทย์ว่า มากกว่าความเป็นความตาย คือทุกเวลามีค่ามาก รถ Ambulance ต้องไปถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เข้าใจว่าคนเป็นหมอ คนที่ทำอาชีพนี้ คนที่อยู่ในแผนกฉุกเฉิน ทำงานกันเหนื่อยมาก ต้องใช้ทั้งใจ แรงกาย และความคิด เป็นอาชีพที่เสียสละมาก

ต้าเหนิง:  ไม่ได้ไปขึ้นรถ Ambulance แต่ทีมงานได้จำลองเหตุการณ์ฉุกเฉินให้นักแสดงได้ลงมือปฏิบัติจริง ได้รู้จักรถ Ambulance จริง แค่บรรยากาศจำลองก็ทำเอาตื่นเต้นแล้ว เพราะแม้หนูกับ ท็อปแท็ปจะเป็นคนขับรถ แต่ก็ต้องสามารถเป็นผู้ช่วยหมอได้ด้วย ทีมหมอพูดศัพท์แพทย์อะไรมาต้องรีแอ็คกลับไป ต้องไปเรียนเทรนการปฐมพยาบาล และการกู้ชีพกับทีมหมอด้วย

รักฉุดใจนายฉุกเฉิน

รักฉุดใจนายฉุกเฉิน

รักฉุดใจนายฉุกเฉิน

ยิ่งกว่าการกู้ชีพ ต้องไปหัดขับรถเกียร์กระปุก เพราะขับแต่เกียร์ออโต้ รถ Ambulance ต้องเกียร์กระปุกเท่านั้น เพราะต้องทำความเร็ว แล้วขับรถ Ambulance จะคันใหญ่มากขนาดใกล้เคียงรถบรรทุก เวลาขับจริงแต่ละที คนที่ต้องนั่งในรถจะลุ้นกันจนตัวสั่น ครั้งหนึ่งคิดว่าเตรียมตัวมาดีมาก แค่เหยียบคันเร่งรถก็กระชากแล้ว ทีม Ambulance ด้านหลังกรี๊ดกันดังลั่น หมอจริงก็ตกใจกัน แต่ก็ทุกอย่างก็ผ่านไปได้การด้วยดี

รักฉุดใจนายฉุกเฉิน

รักฉุดใจนายฉุกเฉิน

ทำความรู้จักนักแสดงใหม่ 3 หมอเด็กได้ที่หน้าถัดไป

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up