เมื่อเวลาผ่านจากสถานะ “นักร้องขวัญใจวัยรุ่น” เปลี่ยนไปเป็น “คุณพ่อขวัญใจของ 3เจ้า ” สำหรับคนยุค 90 คงไม่มีใครไม่รู้จัก เจ – เจตริน วรรธนะสิน เจ้าของเพลงฮอตมากมายและยังเป็นคุณพ่อของ เจ้านาย เจ้าขุน เจ้าสมุทร แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้ชายคนนี้ยังทำได้ดีคือการเป็น “ผู้มอบความสุขให้กับแฟนเพลง”
ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับคนคนหนึ่งก็น่าจะเป็นการได้เป็นพ่อคน ความรู้สึกเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2544 เป็นอย่างไร
พ่อเจ : เจ้านายเกิดที่แซนดีเอโก อเมริกา ที่ดีใจที่สุดก็คือการที่เจ้านายลืมตาออกมามองโลก เห็นเขาร้องไห้ในห้องผ่าตัด แล้วเราก็เข้าไปพูดกับเขา จากที่ร้องๆ อยู่เขาก็หยุดร้อง ตามองไม่เห็นแต่เขาฟังเสียงเรา
แล้ววันที่ 9 มิถุนายน 2546 ซึ่งเป็นวันเกิดของเจ้าขุนล่ะ
พ่อเจ : ขุนเกิดที่โรงพยาบาลที่เมืองไทยก็เป็นความรู้สึกเดียวกันครับ แต่ตอนมีขุนก็เหนื่อยหน่อย เพราะตอนนั้นเจ้านายยังเล็ก ขุนนี่ออกมาก็เสียงดังเลย ในสามพี่น้องเขาร้องดังสุด ร้องดังจนเข้าโรงเรียนอนุบาลก็ไม่หยุด เขาเรียกว่าอะไรนะ…
เจ้าขุน : โอเปร่า
พ่อเจ : ใช่ โอเปร่าบอย ขุนนี่ร้องไห้เป็นเดือน เขาคงติดบ้าน ไม่อยากไป เสียงเขามีพลังอำนาจมาก
แล้วความรู้สึกในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2548 ล่ะ
พ่อเจ : เจ้าสมุทรเป็นคนสุดท้ายที่เราพร้อมทุกอย่าง มีประสบการณ์การเลี้ยงลูกทั้งแบบหนึ่งคน แบบคู่ การเจอลูกป่วย ลูกไม่สบาย เคยเจอมาแล้ว เรารับมือได้ดี (สุดฯ – ก็สบายขึ้น…) เลี้ยงลูกไม่มีสบาย สำหรับเจ้าสมุทรเรียกว่าพร้อมมากกว่า เคยรับมือ มีประสบการณ์ เจ้าสมุทรค่อนข้างโอเค เป็นเด็กคนสุดท้องที่ไม่ได้เอาแต่ใจมากเป็นคนที่ “อะไรก็ได้ I’m ok “ แต่ขี้งอน
สถานะของเจ้านาย เจ้าขุน เจ้าสมุทร ก็คือ พี่คนโต ลูกคนกลาง น้องชายคนเล็ก อยากรู้ว่าแต่ละคนรู้สึกอย่างไรกับสถานะของตัวเอง
เจ้านาย : พ่อแม่เลี้ยงเราเป็นทีมครับ ใครทำผิดโดนหมดทุกคนเท่ากัน จะไม่มีคำว่าพี่คนโต หรือมี Wednesday’s Child แต่ในความเป็นพี่คนโตก็เหมือนต้องเจออะไรก่อน เป็นหนูทดลอง ไปเจอโน่นเจอนี่ เป็นตัวอย่างให้น้องๆ
เจ้าขุน : ในฐานะลูกคนกลางก็ไม่รู้สึกอะไรครับ แต่ก็มีปัญหานะครับ ขุนรู้สึกว่าขุนได้ความรักเยอะเกินไป ความรักล้น ขอน้อยๆ กว่านี้หน่อย
พ่อเจ : บ้านเราจะเลี้ยงแบบสบายๆ และเลี้ยงทุกคนเท่ากัน เราเลี้ยงแบบมีมายนด์เซต แล้วเลี้ยงแบบรวมกลุ่ม กินก็กินด้วยกัน นอนก็นอนด้วยกัน ใครมีปัญหาก็รับผิดชอบพร้อมๆ กัน ดูแลซึ่งกันและกัน
หลักในการเลี้ยงลูกตอนยังเป็นเด็กกับตอนวัยรุ่นนี่เหมือนหรือต่างกันอย่างไรครับ
พ่อเจ : ผมเลี้ยงเขาตามวัย ป้อนตามวัย ตอนเด็กๆ สอนแบบนี้ พอเริ่มเป็นหนุ่มก็คุยกันอีกแบบหนึ่ง ตอนนี้เขาอายุ 13 – 15 – 17 ปี จะไปทำแบบตอนเด็กๆ “เจ้านายทำไมไม่ทำการบ้าน เอาตะเกียบมาตีมือ” ก็คงไม่ได้ (3เจ้าหัวเราะชอบใจ) ตอนนี้ก็ใช้วิธีคุยให้รู้เรื่อง ก็บอกเขาว่าอยู่ห่างๆ ปัญหาแล้วกัน อย่าไปอยู่ใกล้
เจ้าขุน : Stay away from trouble.
พ่อเจ : แต่ส่วนใหญ่ปัญหามันจะใกล้ทุกที เพราะปัญหามันอยู่รอบตัว อันไหนที่เตือนที่ดุแล้วก็อย่าทำซ้ำ คนเราเนี่ยถ้าผิดแล้วไม่ทำอีกก็ถือว่าเป็นยอดคน ทุกคนต้องมีความผิดพลาด แต่ถ้าผิดซ้ำ อันนี้ต้องโดนเราซ้ำด้วย บางคนสอนลูกให้ไม่รู้จักคำหยาบ จะพูดแต่คุณครับไม่ได้ เพราะโลกแห่งความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น รู้จักคำพวกนี้แต่ไม่ได้ให้พูดในบ้าน ไม่ได้ให้ไปพูดในที่สาธารณะ พูดกับเพื่อนบ้างอะไรบ้าง คือต้องมีกาลเทศะ
ตอนส่งลูกไปเรียนต่อเมืองนอกทั้ง 3 คนนี้ได้ข่าวว่าพ่อเจถึงกับเสียน้ำตา เป็นโรคซึมเศร้า กินข้าวไม่ได้ และถึงขั้นต้องไปพบแพทย์เลย
พ่อเจ : มันก็มีคิดถึงนะ ผมไปหาหมอ ถามหมอว่าผมเป็นอะไร ดูแปลกๆ หรือเปล่า หมอยิ้มแล้วบอกว่าผมไม่ได้เป็นคนเดียวแน่นอน พ่อแม่ทุกคนเป็นหมด แรกๆ ไม่เข้าใจการส่งลูกไปเรียนต่างประเทศพอมาเปิดหูเปิดตา ปรากฎว่าเพื่อนเรา ไม่ว่ารุ่นพี่ รุ่นเดียวกัน หรือว่ารุ่นหลังเป็นหมด โดยเฉพาะพ่อ จะกอดลูกอย่างกับลูกจะไปออกรบ ทั้งที่จริงๆ แล้วเขาแค่ไปเรียน แต่ตอนนั้นผมก็เข้าใจยากเหมือนกัน มันเศร้าๆ เซ็งๆ แต่พอถึงจุดหนึ่งก็โอเค อย่างที่หมอบอกว่าไม่มีใครช่วยได้นอกจากตัวเราเอง เราต้องซ่อมมายนด์เซตของเรา ต้องคิดใหม่
ถ้าขออะไรจากพ่อได้สักอย่าง ไม่ว่าเรื่องอะไร อยากขออะไร
เจ้านาย : ขอพ่อวันพ่อเหรอ…อยากขอหรืออยากให้ ผมว่าให้ดีกว่านะ
เจ้าขุน : ขุนอยากตอบแทน ให้ความสุข
เจ้านาย : พ่อมีทุกอย่างแล้ว..ถ้าจะให้ ผมอยากรีบเรียนให้จบ มีการมีงานให้พ่อหายห่วงดีกว่า ให้พ่อได้พักบ้าง เพราะพ่อทำงานหนักมาตลอดระยะเวลาติดกัน ยังไม่ได้พักเลย อยากให้พ่อหายเหนื่อยแต่ไม่ใช่พักแล้วไม่ทำอะไรเลย แต่อยากให้พ่อเขาได้ทำในสิ่งที่เขารัก
พ่อเจ : ง่ายๆ คืออย่าฝืนทำสิ่งที่ไม่อยากทำ
เราเคยได้ยินคำเปรียบเทียบของการเป็นพ่อลูก เช่น พ่อเป็นเหมือนร่มโพธิ์ร่มไทร หรือลูกเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจ ถ้าให้ลูกนิยามความหมายของคำว่าพ่อ ว่าพ่อเป็นอะไรสำหรับเรา
เจ้าสมุทร : พ่อเป็นฮีโร่ครับ แล้วก็เป็นโรลโมเดลเป็นคนที่เรา Look up too ป่าป๊ากับหม่ามี้เขาเลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็ก เราต้องดูเขาเป็น Example
เจ้านาย : พ่อเป็นไอดอล เกิดมาเราก็ซึบซับเสียงดนตรี ซึบซับการเล่นกีฬาหรือท่าทาง สิ่งที่เราชอบจึงคล้ายกันไปหมด เราชอบในสิ่งที่พ่อชอบ ผมว่าเขาเป็นไอดอลและเป็นมากกว่าฮีโร่
เจ้าขุน : พ่อเป็นพ่อครับ พ่อเป็นแชมป์โลกครับ และพ่อเป็นตัวอย่าง
แล้วในความรู้สึกของพ่อล่ะ ลูกคือ…
พ่อเจ : ลูกคือกำลังใจของผม เป็นพลังของผม ผมสอนลูกให้มองแฟนคลับหรือสะใภ้มโนให้เป็นแบตเตอรี่ เป็นพลัง เช่นเดียวกัน เวลาผมเหนื่อย เจอแบตเตอรี่ก้อนใหม่ ชาร์ตไปพัวะเดียวไม่มีเหนื่อย ทำงานได้เลยเราเป็นทุกอย่างให้กันและกัน
อยากให้ 3เจ้า พูดถึงสะใภ้มโนหน่อยสิครับ
เจ้านาย : เราได้เห็นความรักจากที่แฟนคลับมีให้เรา นายได้ออกทัวร์ 5 จังหวัดมา ปล่อยเพลงไปฟีดแบ็กดี เขาเป็นแบตเตอรี่ของเรา เราทำในสิ่งที่เรารัก เขา Appreciate ในผลงานของเรา เติบโตไปด้วยกัน มอบแต่ความรักให้กัน
เจ้าขุน : ขอบคุณที่ชอบเราครับ
เจ้าสมุทร : Love you too.