นาตาเลีย เพลียแคม Thailand Drag Superstar

             สองชั่วโมงคือเวลาที่ นาตาเลีย เพลียแคม หรือชื่อจริงตามบัตรประชาชน “นายอัษฎายุทธ คุณวิเศษพงษ์” บอกให้เรารอเพื่อใช้เวลาดังกล่าวเนรมิตรตัวเองจากร่างที่เป็นผู้ชายทั้งแท่งเป็นผู้หญิง หรือที่เรียกอย่างถูกต้องว่าแดร็ก      

               Dressed Resembling A Girl หรือ Drag คือการแต่งตัวเสมือนเป็นหญิง นี่อาจเป็นคำใหม่ในสังคมคนไทยที่อยู่นอกกลุ่ม LGBT หรือกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ แต่คนในแล้วนี่คือความปกติ

              ในรายการ Drag Race Thailand ซึ่งทำการค้นหาแดร็กควีน นาตาเลียคือคนที่ชนะการแข่งขันและได้เป็น Thailand Drag Superstar คนแรกของประเทศไทย การทดสอบจากคณะกรรมการมีทั้งให้การโชว์ทักษะการพูด การแสดง การเต้น การลิปซิงค์ การตัดเย็บ รวมถึงการแต่งหน้า  

             อะไรทำให้เธอผู้ยืนอยู่ตรงหน้าเราและกำลังพยายามก้าวขาอวบๆ เข้าไปในเดรสสีแดงเพลิงเธอคนนี้ทำได้เหนือคู่แข่งจนสามารถคว้าชัยในที่สุด เราคิดว่าคุณคงรู้ได้จากได้จากการตอบคำถามที่เรียกรอยยิ้มแต่สะท้อนไปถึงกึ๋นของเธอ   

 

ชื่อ นาตาเลีย เพลียแคม นี่ได้มาอย่างไร

“คำว่านาตาเลียได้แรงบันดาลใจจากชื่อนาตาลี  ย้อนกลับไปเมื่อปี 2005 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประกวดมิสยูนิเวิร์ส คนที่ได้ตำแหน่งคือนาตาลี เกลโบวา เราชอบ เลยเอาชื่อนาตาลีมาเปลี่ยนเป็นนาตาเลีย ให้ฟังแล้วดูสนุกขึ้น ส่วนคำว่าเพลียแคมได้ตอนนั่งแท็กซี่แล้วเห็นชื่อ “ยาบรรเทาปวดเพีย” ในป้ายโฆษณา บางคนก็เขียนแบบที่ไม่มีตัว ล ลิง บางคนก็เขียนแบบมี รู้สึกว่าเป็นชื่อที่มีที่มาที่ไป เลยนำมาใช้

“จริงๆ แล้วชื่อนี้เป็นชื่อที่ใช้ตั้งแต่ตอนลงประกวดมิสเอซีดีซี ปี 2006 เป็นครั้งแรกที่ลงประกวดแล้วก็ได้รางวัลเลย ที่ยังใช้ชื่อเดิมเพราะรู้สึกว่าใช้แล้วมงลง”

นาตาเลีย เพลียแคมในปี 2006 กับปี 2018 ต่างกันไหม

“วิธีคิดโตขึ้น แต่ภาพลักษณ์ที่คนเห็นกับแนวทางที่นำเสนอยังมีตัวตนและอินเนอร์ของเราเหมือนเดิม ปี 2006 เรายังเป็นวัยรุ่นสาวอายุแค่ 18 ปี…คือเป็นอายุที่อุปโลกน์ขึ้นน่ะคะ (หัวเราะ) เป็นสาวที่มาจากแคลิฟอร์เนีย แต่นาตาเลียในวันที่ลงแข่งแดร็กเรซไทยแลนด์อายุ 37 ปี อีกไม่กี่ปีก็จะสี่สิบปีแล้ว เรื่องราวในชีวิตจึงต่างกรรมต่างวาระกันไป”

 

การได้ตำแหน่งแดร็กควีนคนแรกของเมืองไทย เปลี่ยนชีวิตตัวเองไปอย่างไรบ้าง

“เปลี่ยนไปในแง่การรับรู้ คนรู้จักเยอะขึ้น ทำให้เราได้รับโอกาสจากการเป็นที่รู้จัก แต่ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม เช่น ยังคงทำซีเอสอาร์เหมือนเดิม อยู่บ้านขายโลงศพเหมือนเดิม ยังคงกินข้าวข้างถนน ยังคงเป็นคนเฮฮา เวลากลับไปที่มหาวิทยาลัยรังสิตซึ่งเคยทำงานแล้วเข้าไปทักทายพี่ๆ ที่ทำงานก็ยังมองเราเป็นหนูหนึ่ง เรียกเราว่าเฮีย ซึ่งทั้งหนูหนึ่ง เฮีย และนาตาเลีย เพลียแคมคือคนเดียวกัน”

 

ถ้าต้องเล่าถึงรายการ Drag Race Thailand ให้สำหรับคนที่ไม่ได้ดูรายการฟัง จะบอกว่า

“ผู้เข้าแข่งขันรายการนี้ทั้งหมดต้องเริ่มต้นจากการสมัครก่อน หลังจากได้รับเลือกแล้วก็ต้องเข้าไปอยู่ในรายการเพื่อทำชาเลนจ์ต่างๆ มีมินิชาเลนจ์ แม็กซี่ชาร์เลนจ์ และรันเวย์ คุณต้องผ่านด่านไปเรื่อยๆ ซึ่งในทุกๆ อีพีจะมีคนถูกคัดออก อาจจะหนึ่งหรือสองคน ขึ้นอยู่กับโฮสต์คือพี่อาร์ต อารยา ที่จะตัดสินใจร่วมกับคณะกรรมการที่เชิญมาในแต่ละวีค โดยพิจารณาจากการทำโจทย์ บางโจทย์เพิ่งได้รับตอนนั้นๆ มาถึงก็เซอร์ไพรส์เลย บางโจทย์บอกให้ทราบก่อน แต่ให้เวลาในการทำน้อย”

 

“แต่งหญิง” กะเทยหรือสาวประเภทสองที่ไหนก็แต่ง คิดว่าจริงๆ แล้วหัวใจสำคัญของมันคืออะไร

“ต้องถามตัวเองว่าแต่งทำไม เพื่ออะไร สำหรับเรามันก็คือการแสดงออกในเชิงศิลปะมากกว่า ขณะที่บางคนแต่งในชีวิตประจำวัน แต่งไปเที่ยว แต่ในชีวิตจริงเราไม่ได้แต่ง จะแต่งอย่างไรก็แล้วแต่ ขอให้เต็มที่กับมัน ถ้าคิดจะทำก็ต้องทำให้ดีด้วย”

 

 

ทราบว่าที่บ้านประกอบธุรกิจโลงศพ ชื่อ “มังกรเขียว” และตัวนาตาเลียเองก็เป็นเรี่ยวแรงสำคัญ

“เรียกว่าเป็นเรี่ยวแรงหลักในการทำพีอาร์และโปรโมทแบรนดิ้งมากกว่า จุดนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยทำมาก่อน คนสมัยก่อนขายของแบบปากต่อปาก แต่ตอนนี้เราทำพีอาร์ เช่น ทำคลิปวิดีโอลงยูทูบ สร้างคอนเทนต์ลงเพจ ป่าวประกาศให้คนรู้ว่าทำอะไร จนตอนนี้ทุกคนรู้ว่านาตาเลีย เพลียแคม ขายโลง หายใจไม่ออก บอกนาตาเลีย”

 

ติดตามคำถามเด็ดๆ คำตอบโดนๆ ได้ที่หน้า 2 ค่ะ