พูดถึงผู้ชายชื่อ นภ พรชำนิ ก็จะมาพร้อมกับนิยามความอบอุ่น สุภาพ นุ่มนวล ร้องเพลงเพราะ ครั้งนี้พี่นภนั่งคุยกับสุดสัปดาห์ ถึงมุมมองเรื่องหัวใจและความรัก พร้อมกับเล่าถึงโปรเจคท์พิเศษครั้งสำคัญ กับคุณศรีไศล สุชาตวุฒิ สุดยอดศิลปินหญิงเสี
ชีวิตและหัวใจ ขับเคลื่อนด้วยความรัก
ผมโชคดีมากกว่า ที่ผมได้เจอคนที่ใช่ และคนที่ใช่คือเขา (เพลิน พรชำนิ – ภรรยา) แล้วบังเอิญเขาก็เจอผม ซึ่งผมก็เป็นคนที่ใช่สำหรับเพลินด้วย เราสองคนตระหนักและให้ค่าเสมอกับทุกสิ่งที่เราเจอ เราให้ความสำคัญกับตรงนี้มาก เราจะคิดเสมอว่าเราโชคที่ได้มาเจอกัน เราจึงมีความรักที่สมบูรณ์ และความรัก ความเข้าใจสามารถทำให้เราขับเคลื่อน ไปทำสิ่งดีๆได้มากมาย
ถ้าผมไม่ได้มีความรักที่ดีจากเพลิน เพลินไม่ได้มีความรักที่ดีและเข้าใจจากผม เราจะไม่มีทางสร้างงานเพื่อคนอื่นได้ ความรักจึงเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งดีๆ ทั้งหลายบนโลกใบนี้ ถ้าไม่มีความรักเป็นจุดเริ่มต้น โลกมันก็จะต้องแย่ลงเรื่อยๆ แล้วผมว่ามันมีโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้น เพราะคนปัจจุบันอาจจะเข้าใจความรักที่แท้จริงได้น้อย หรือมองว่าความรักซื้อได้ ความรักใช้แอพพลิเคชั่นกดก็ได้ เดี๋ยวก็มาละ ความเลือกได้ง่ายด้วยตัวคุณเอง แต่จริงๆ มันไม่ใช่แบบนั้น ความรักที่แท้จริงมันเกิดขึ้นจากการบ่มเพาะ เกิดขึ้นโดยธรรมชาติของมันเอง
และเพราะพลังแห่งความรัก จึงเกิดคอนเสิร์ตการกุศล “ชั่วฟ้าดินสลาย”
คอนเสิ
สำหรับคอนเสิร์ตการกุศลในครั้
ถ้าพูดถึงชื่อ คุณอาศรีไศล ความทรงจำแรกที่พี่นภนึกถึงคือ…
สมัยเด็กๆ เลยครับ เมื่อไรที่คุณพ่อเป็นคนขับรถ ไปรับไปส่งเอง คุณพ่อจะเปิดเพลงอาตุ้มฟังในรถ เพลง “ชั่วฟ้าดินสลาย” ผมได้ฟังตั้งแต่ ป.1 เราก็จะได้ยินเสียงนักร้องคนนี้ดังขึ้นมา เป็นน้ำเสียงคลาสสิคมากๆ นุ่มมากๆ ความไพเราะของเสียง จะไม่เหมือนกับคนอื่นที่ผมเคยได้ยิน ผมชอบเสียงของอาตุ้มมากๆ ทุกคำที่อาตุ้มเปล่งเสียงร้องออกมา มันกระทบหัวใจผมเลยว่า โห… ทำไมมันเพราะขนาดนี้ เสียงของอาตุ้มทำให้เพลงสวยงามจริงๆ คุณพ่อผมก็พูดถึงบ่อยๆ ว่าคุณอาตุ้ม ร้องเพลงอยู่ที่โรงแรมนี้นะ พ่อก็ไปฟังบ่อยๆ แล้วอยู่ดีๆ คุณอาหายจากวงการเพลงไปอยู่ต่างประเทศ แล้วเราก็ไม่ได้เจอท่านอีกเลย เป็น 10 ปีอ่ะครับ เพิ่งมาได้เจอท่านอีกครั้ง เมื่อ 4- 5 นี้เอง
จากบทเพลงและเสียงร้องที่ประทับใจในวัยเด็ก จนถึงวันที่ได้เป็นส่วนหนึ่งบนคอนเสิร์ต “ชั่วฟ้าดินสลาย” ร่วมกับอาตุ้ม รู้สึกอย่างไรบ้างคะ
ผมเคารพในความเป็นศิลปินของท่าน จนถึงวันนี้ได้มาอยู่บนเวทีด้วยกัน ผมเชื่อว่าเราสองคนมีการถ่ายทอดเพลงที่คล้ายกัน นั่นคือเราให้เกียรติคนฟัง เรารู้สึกว่าคนฟังก็ให้เกียรติเรา มานั่งฟังเราร้องเพลง ขณะที่เรามีโอกาสแสดง เราต้องแสดงออกให้เกินร้อย อาตุ้มอายุ 73 แล้ว ถึงแม้ว่าเส้นเสียงจะไม่เพอร์เฟคเหมือนเมื่อ 40 ปีที่แล้ว แต่ทุกคนจะได้รับฟังความไพเราะอีกรูปแบหนึ่ง ฟังอาตุ้มร้องเพลงด้วยความจริงใจ ซึ่งไม่มีคนไหนร้องได้แบบนี้ อาตุ้มไม่ได้บอกว่าอาตุ้มร้องเพลงเพราะที่สุดในโลก แต่สำหรับผมอาตุ้มคือนักร้องที่จริงใจที่สุดในโลกเท่าที่ผมเคยฟัง โมเม้นท์นั้นในคอนเสิร์ตที่จะได้ฟังคุณศรีไศลร้องบนเวที ถือว่าเป็นพรอันประเสริฐเลย ซึ่งอาตุ้มก็ไม่ได้จัดงานคอนเสิร์ตบ่อยๆ แต่ครั้งนี้ท่านทำด้วยหัวใจ เพื่อผู้ป่วยโรคหัวใจ
คอนเสิร์ตครั้งนี้ เกิดจากกุศลจิตที่ทุกคนมาทำร่วมกัน ทั้งทีมนักร้อง เบื้องหลัง และผู้ชม ทำให้เกิดการระดมทุนครั้งนี้ ทำให้เกิดเครื่องมือ อปุกรณ์การแพทย์ที่ไปประจำตามโรงพยาบาลทั้ง 2 โรงพยาบาล โลกมันก็หมุนตามกันไปเรื่อยๆ หมุนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มันเป็นหน้าที่ของคนรุ่นหลัง อาตุ้มทำแล้ว พวกผมก็ต้องทำ ต่อให้มันถึงรุ่นต่อไปเรื่อยๆ ให้คนรุ่นใหม่ได้เห็นว่าสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำทิ้งไว้เนี่ยเป็นสิ่งที่ดี เรามีหน้าที่ส่งต่อให้ถึงคนรุ่นใหม่ในวิธีของเรา
คอนเสิร์ตนี้ ถือเป็นเครื่องเตือนใจอย่างหนึ่งว่า ชีวิตคนเราไม่ได้อยู่ค้ำฟ้าไปตลอด แต่ถ้าเมื่อคุณมีความคิดดีๆ ที่จะส่งต่อให้กับคนอื่น ให้เป็นกุศลจิตแบบนี้ มันคือสิ่งดีงามที่จะยังคงอยู่ไป “ชั่วฟ้าดินสลาย”
***คอนเสิร์ตชั่วฟ้าดินสลาย จำหน่ายบัตรแล้วตั้งแต่วันนี้ที่