ไปญี่ปุ่นมาก็หลายที มีเมืองที่ประทับใจหลายเมืองทีเดียว แต่เที่ยวล่าสุดที่ได้ไปเยือน โอโนะมิชิ ฮิโรชิม่า และมิยาจิมะ กับกองถ่ายรายการ “ตะลุยแดน Onigiri” บอกเลยว่าประทับใจมาก เพราะทั้งสามเมืองสวยและมีเสน่ห์สุดๆ จนต้องจัดให้อยู่ในลิสต์ เมืองน่าเที่ยวในญี่ปุ่น กันเลย ถ้าอยากรู้ว่าแต่ละสวยและน่าไปเยือนแค่ไหน ตามสุดฯ มาเลยค่ะ
ท่อง เมืองน่าเที่ยวในญี่ปุ่น กับ “ตะลุยแดน Onigiri”
โอโนะมิชิ ฮิโรชิม่า มิยาจิมะ
ทั้งสามเมืองที่เราพูดถึงอยู่ในจังหวัดฮิโรชิมะ ภูมิภาคชูโกกุ จริงๆ แล้วทริปนี้เราตั้งใจจะไปเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันแสนหดหู่ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งก็คือฮิโรชิมะนั่นเอง แต่ก่อนไปเรียนรู้เรื่องราวแต่หนหลังของตัวจังหวัด เราเลือกที่จะเลยไปยังเมืองโอโนะมิชิ เมืองเก่าบนเขาริมฝั่งทะเลเซโตะกันก่อน เพราะเคยได้ยินมาว่าที่นี่มีของดีซ่อนตัวอยู่เยอะมาก
โอโนะมิชิ เมืองเก่าน่ารักบนเนินเขา
จุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยือนในเมืองโอโนะมิชิ คือเมืองเก่าบนเนินเขาเซ็นโคจิ บนนั้นนอกจากจะมีหอชมวิวให้ได้ขึ้นไปเก็บภาพเมืองโอโนะมิชิแบบพาโนราม่าแล้ว ยังมีแมวคู่รักศักดิ์สิทธิ์ให้หนุ่มสาวที่ไปเที่ยวกันแบบแพ็คคู่ได้คล้องกุญแจขอพรให้ครอบครัวและชีวิตคู่เต็มไปด้วยความสุขด้วย ติดอยู่นิดเดียวคือเราไปกันแบบกรุ๊ปทำงานเลยไม่รู้จะคล้องกุญแจกับใครดี เฮ้อ…
หากไม่ได้ขับรถไปก็สามารถนั่งกระเช้าจากเชิงเขาขึ้นไปบนยอดเขาได้เช่นกัน ส่วนขาลงเราใช้วิธีเดิน เพราะอยากแวะพิกัดน่าสนใจระหว่างทาง ซึ่งทางที่เราเดินลงเป็นเส้นทางสายวรรณกรรมที่มีแผ่นหินสลักวรรคทองจากวรรณกรรมญี่ปุ่นให้เห็นตลอดทาง
พอลงไปได้สักพักก็พบศาลเจ้าซึ่งคาดเดาจากจำนวนคนที่เข้าไปขอพรแล้วน่าจะศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อย
ก้าวลงบันไดต่อไปอีกหน่อยแล้วเลี้ยวเข้าตรอกเล็กๆ ลัดเลาะริมเขาแป๊บนึง ก็เจอเข้ากับตรอกแมวโชคดี ที่จิตรกรนามว่า ชุนจิ โซโนะยามะ เพียรวาดรูปแมวลงบนหิน 888 ก้อนแล้วนำไปวางไว้ตามจุดต่างๆ ทั่วโอโนะมิชิ เพื่อนำความสุขมาสู่เมือง จนมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าหากได้สัมผัสเจ้าแมวหินหน้าตาแป้นแล้นเหล่านี้จนครบ 108 ตัว จะได้รับแต่ความสุขและความโชคดีกลับไป รู้แบบนี้แล้วสายมูเตรูอย่างเราจะรออะไรละคะ เดินหาเจ้าเหมียวกันเพลินทีเดียว
ชิมานามิไคโด เส้นทางปั่นจักรยานชิลๆ กับวิวสุดว้าว!
นอกจากเนินเขาเซ็นโคจิ ที่โอโนะมิชิยังมีเส้นทางจักรยานที่สวยงามจนนักปั่นทั่วโลกใฝ่ฝันอยากจะพาสองล้อคู่ใจไปพิชิตสักครั้ง นั่นก็คือเส้นทางจักรยาน ชิมานามิไคโด
จุดเด่นของที่นี่ที่ทำให้นักปั่นทั่วโลกต้องเพ้อละเมอหา คือเป็นเส้นทางจักรยานที่ตัดผ่านทะเลจากเกาะหนึ่งไปสู่อีกเกาะหนึ่งรวมทั้งสิ้น 6 เกาะใหญ่ โดยเชื่อมต่อด้วยสะพานทั้งหมด 10 สะพาน จากเมืองโอโนะมิชิ จังหวัดฮิโรชิม่า ไปจนถึงเมืองอิมะบะริ จังหวัดเอฮิเมะ รวมระยะทางทั้งสิ้น 59.4 กิโลเมตร ลองจินตนาการถึงการปั่นจักรยานท่ามกลางวิวทะเลและเกาะน้อยเกาะใหญ่ มีสายผมพัดเย็นพร้อมเสียงคลื่นให้ได้ยินตลอดเวลาดูสิว่าจะฟินแค่ไหน บอกเลยว่าดีงามยิ่งกว่าพระรามแปดหลายเท่าตัว แม้ต้องแลกกับการปวดระบมของก้นและน่องก็ถือว่าคุ้มค่า สำหรับนักปั่นมือสมัครเล่นอย่างพวกเรา
หากสนใจจะปั่นแต่ไม่ได้นำจักรยานติดตัวไปด้วย ก็สามารถเช่าได้ที่ร้านชิมานามิเรนทัลไบค์ใจกลางเมือง ที่นี่มีจักรยานหลายประเภทให้เลือก แล้วแต่ความถนัดและความเหมาะสมกับระยะทางที่จะปั่น
ปั่นจักรยานเที่ยวเล่นกันแล้ว เราก็ไม่ลืมช็อปปิ้งของขึ้นชื่อของเมืองนี้ไปฝากคนที่เรารัก ด้วยความที่เมืองนี้เป็นเมืองติดทะเล แน่นอนว่าของขึ้นชื่อย่อมเป็นอาหารทะเล ซึ่งนั่นก็คือ “ปลาจิริเม็นจาโกะ” ที่มีร้านดังต้นตำรับเปิดขายมานานกว่า 220 ปี
เจ้าปลาจิริเม็นจาโกะที่ว่านี้ เป็นปลาตัวเล็กๆ คล้ายปลาข้าวสารบ้านเรา แต่ความพิเศษคือที่นี่เขานำมาปรุงรสหลากหลายกว่า 30 รส มีทั้งรสบ๊วย รสฮิโรชิมะ (ผักดอง) รสงา ฯลฯ เลือกชิมกันให้หนำใจ ถูกใจรสไหนค่อยซื้อกลับบ้าน ที่น่ารักมากคือทางร้านทำโอนิกิริชิ้นเล็กๆ ไว้ให้ลูกค้าได้ชิมด้วย ซึ่งต้องบอกว่าเมื่อเจ้าปลาข้าวสารเวอร์ชั่นญี่ปุ่นนี้คลุกเคล้ากับข้าวร้อนๆ หอมๆ แล้วอร่อยมาก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพลังความขลังของน้องเมียว 108 ตัวที่อุตสาหะเดินหาหรือเปล่า ตลอดวันในเมืองโอโนะมิชิของเราจึงทั้งสุขและสนุกจนไม่อยากให้หมดวัน ไม่ว่าจะเป็นตอนปั่นจักรยานหรือเดินเล่นในเมือง ทุกสิ่งอย่างน่าประทับใจไปหมด แต่ในเมื่อไม่สามารถยืดเวลาออกไปได้ก็ต้องจำใจจาก เพราะวันรุ่งขึ้นฮิโรชิม่า กำลังรอเราอยู่
รำลึกอดีตผ่านโดมปรมานูและตึกโอริซุรุ
จากเมืองริมทะเลที่มีแต่ความสงบสุข วันต่อมาความทรงจำที่แสนเศร้าโศกของญี่ปุ่นก็รอท่าอยู่ที่ฮิโรชิมะ เมืองที่เคยถูกถล่มด้วยระเบิดปรมาณูในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หากใครเคยเรียนประวัติศาสตร์โลกคงพอจะจำภาพกลุ่มควันรูปดอกเห็ดที่พวยพุ่งสู่อากาศเบื้องบน รวมถึงความสูญเสียของชีวิตและบ้านเรือนอย่างประเมินมูลค่าความเสียหายไม่ได้มาแล้ว นั่นคือภาพโศกนาฏกรรมจากสงครามที่เกิดขึ้นจริงในฮิโรชิมะ
ทว่าเมื่อได้ไปเห็นกับตา ฮิโรชิมะในวันนี้กลับเป็นเมืองที่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว แถมยังสวยสะดุดตาในทุกมุมที่ได้เห็น แทบไม่หลงเหลือเค้าความเศร้าหมองเมื่อครั้งอดีตเลย จะมีก็เพียงแต่โดมปรมาณูหรืออนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมะ ที่เหลือเป็นร่องรอยไว้คอยย้ำเตือนให้ชาวเมืองตลอดจนผู้คนทั้งโลกได้ระลึกถึงความเจ็บปวดของสงคราม แล้วหันมาสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในทุกพื้นที่บนโลกของเราแทน
เดินดูโดมปรมาณูสักพักสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของชาวเมืองฮิโรชิมะที่ต้องการถ่ายทอดสันติภาพไปสู่คนรุ่นหลัง เห็นได้จากคุณครูและวิทยากรที่พาเด็กๆ หลายกลุ่ม หลายช่วงอายุ ไปเรียนรู้ถึงที่มาของตัวอาคารและการสร้างสันติภาพหลังสงคราม ทั้งยังเห็นบางคนนำดอกไม้ช่อเล็กๆ ไปวางไว้อาลัยให้กับผู้คนและสิ่งต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามครั้งนั้นด้วย
จากโดมปรมาณูเรายังได้ไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของฮิโรชิมะกันต่อบนตึกโอริซุรุที่อยู่ติดกัน ซึ่งโอริซุรุในภาษาญี่ปุ่นนั้นหมายถึงนกกะเรียนกระดาษ อันเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงสันติภาพ ภายในตึกนอกจากจะมีนิทรรศการบอกเล่าเรื่องราวความสูญเสียของฮิโรชิมะในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองแล้ว ยังมีกิจกรรมเรียนรู้การพับนกกระเรียนกระดาษด้วย
ที่ประทับใจที่สุดบนตึกโอริซุรุคือชั้นดาดฟ้าที่เปิดโล่งให้เห็นวิวเมืองรวมไปถึงโดมปรมาณูในมุมสูง ยิ่งเช้าวันนั้นอากาศเป็นใจท้องฟ้าแจ่มใส ก็ยิ่งทำให้ทัศนียภาพรอบด้านดูสวยขึ้นอีกหลายเท่าตัว ช่วยบรรเทาความรู้สึกเศร้าหมองหดหู่จารการดูนิทรรศการสงครามโลกครั้งที่สองลงไปได้เยอะทีเดียว
เดินเล่นกับน้องกวาง บนเกาะมรดกโลก มิยาจิมะ
และแล้วก็ได้เวลาเปลี่ยนอารมณ์ให้สดใสคึกคักขึ้น เพราะช่วงบ่ายวันนั้นเรามีโปรแกรมไปเที่ยวเกาะมิยาจิมะที่ตั้งของศาลเจ้าอิสึกุชิมะกับเสาโทริอิยักษ์กลางทะเลที่เห็นบนปกหนังสือท่องเที่ยวกันบ่อยๆ นั่นละ
แค่ได้เห็นรูปบนปกไกด์บุ๊กที่หยิบมาจากที่พักก็อยากไปจนเนื้อเต้นแล้ว ไม่ต้องบอกก็คงจะพอรู้ว่าระหว่างนั่งเรือเฟอร์รีคณะเราจะตื่นเต้นกันแค่ไหน แทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้กันเลย เพราะเดี๋ยวๆ ก็เดินไปถ่ายรูปฝั่งขวาของเรือที่เป็นวิวเมือง อีกแป๊บก็เดินข้ามไปเก็บภาพเกาะน้อยใหญ่ทางฝั่งซ้าย ทำให้ 25 นาทีของการเดินทางผ่านไปอย่างรวดเร็ว
พอก้าวขึ้นเกาะปุ๊บความตื่นเต้นก็ยิ่งทวีคูณ เพราะรีเซปชั่นที่เดินมาต้อนรับขับสู้คณะเราคือกวางน้อยตาใสแป๋ว เมื่อเดินทางไปถึงแล้วพวกเราถึงได้รู้ว่าบนเกาะมิยาจิมะมีกวางเดินปะปนกับนักท่องเที่ยวทั่วเกาะเลย แต่เห็นย่างเท้านวยนาดมาพร้อมกับตาใสๆ แบบนี้ ต้องระวังให้ดี เพราะบางตัวก็ดื้อมาก อาจจะเข้ามาแย่งของกินเหมือนน้องลิงที่เขาวังก็เป็นได้ เราโดนมาแล้ว
สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจนทำให้มิยาจิมะติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม และทำให้พวกเราอยากไปเยือนมาก คือศาลเจ้าอิสึกุชิมะที่งดงามอลังการ ตัวศาลเจ้าหันหน้าออกสู่ทะเลและมีเสาโทริอิสีแดงสดตั้งอยู่ด้านหน้ากลางผืนน้ำสีฟ้าใส เป็นภาพที่สวยราวกับหลุดออกมาโปสเตอร์เลยทีเดียว จนกลัวว่ากล้องถ่ายรูปจะเก็บภาพได้สวยเหมือนที่ตาเห็นไหมนะ เอาเป็นว่าภาพที่เห็นว่าสวยแล้วในหน้านี้ ของจริงสวยกว่าเยอะ
ส่วนใหญ่คนที่ไปเยือนศาลเจ้าอิสึกุชิมะนอกจากจะไปชื่นชมความงามแล้วยังมักจะไปขอพรด้านต่างๆ โดยสามารถนั่งเรือเข้าไปขอพรใกล้ๆ เสาโทริอิได้ด้วย แต่เรามีภารกิจที่สำคัญกว่า นั่นคือการตามหาของอร่อยที่ห้ามพลาดของที่นี่
หลังจากเก็บภาพจนหนำใจและเดินออกมาจากตัววัดแล้ว ระหว่างทางเดินไปยังท่าเรือกลิ่นหอมหวนของอาหารก็เชิญชวนให้เราเข้าไปยังร้านเบ็ตตะระบตตะระ ร้านขายข้าวปั้นปลาอะนาโกะ (คล้ายกับปลาไหล) และหอยนางรมย่าง ที่แค่ได้กลิ่นก็ทำให้อยากกินแล้ว พอได้เห็นหน้าตาของข้าวปั้นที่ย่างอยู่บนเตาร้อนๆ ยิ่งน่ากินมากขึ้นไปอีก
ต้องบอกว่าช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของวัน คือช่วงที่ได้กินข้าวปั้นปลาอะนาโกะและหอยนางรมย่างนี่ละ เพราะทั้งสองเมนูอร่อยมากๆ หอยนางรมตัวโตเนื้อหวานฉ่ำน้ำวางบนข้าวปั้นร้อนๆ ที่ทาซอสจนรสชาติแทรกซึมไปทุกอนู ส่วนเนื้อปลาอะนาโกะก็นุ่มเด้ง ตัดเป็นชิ้นใหญ่ๆ ซ่อนไว้ในข้าว กัดแต่ละทีโดนเนื้อทุกคำ ดีงามจนอยากบอกว่า ถ้าไปมิยาจิมะห้ามพลาดเด็ดขาด
ส่วนใครที่อยากตามติดภารกิจพิชิตความอร่อยในดินแดนแห่งข้าวปั้น อย่าลืมติดตามรายการ “ตะลุยแดน Onigiri” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 7.00 น. ทางอมรินทร์ทีวี ช่อง 34 HD รับรองว่าจะสนุกและอร่อยไปพร้อมกัน
ติดตามรูปสวยๆ และเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ : www.facebook.com/sudsapdafanclub และ www.instagram.com/sudsapda
เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง :
เที่ยวญี่ปุ่นอารมณ์ใหม่ ไม่ซ้ำใคร ที่ ฮอกไกโดเหนือ
รีวิวโฮมสเตย์ ทะเลจันท์ กินปูดูเหยี่ยว จ่าย 1,500 ซีฟู้ดไม่อั้น
เที่ยวชุมชน ชมของหรู ดูของแพง นครศรีฯ ดี๊ดี…ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์
ร้านน่าแวะ 8 พิกัดในจังหวัดลำปาง เชียงใหม่ พะเยา