เมื่ออาทิตย์ก่อน สุดสัปดาห์ ได้ไปเที่ยวฮกไกโด (หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ ฮอกไกโด) ตอนเหนือ Wakkanai-Rebun-Rishiri มา ขอบอกว่าธรรมชาติสวยงามมาก อาหารก็อร่อยมาก เลยเก็บไฮไลต์ที่น่าประทับใจมาฝาก รับรองว่าอ่านจบแล้วจะอยากจองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวเลยแหละ ^^ #สุดฯรีวิว
1 ไข่แซลมอน …มันสดมาก สดจนได้กลิ่นทะเล
Wakkanai อยู่ทางตอนเหนือสุดของฮกไกโด มีหมู่บ้านชาวประมงมากมาย โดยเฉพาะที่ Sarufutsu มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องแซลมอน หอยเชลล์ตัวโต และปูขน ดังนั้น มาถึงถิ่นแล้วต้องจัดค่า มันอร่อยมากจริงๆ ไข่สดสีส้มใสแจ๋ว กรึบๆ อร่อย ไม่คาวเลย คือดี๊ย์ (เรากินหลายที่ใน Wakkanai ก็สดอร่อยเหมือนกัน)
2 หอยเซลล์ …สด หวาน ตัวใหญ่ เนื้อแน่นหนึบบบบบ
ต้องไปกินที่หมู่บ้าน Sarufutsu เจ้าเดิม เค้าจะมีการประมงหอยเชลล์ที่ดังมากของญี่ปุ่น เพราะที่อื่นจะเลี้ยงแค่ 3 ปี แต่ของที่นี่เลี้ยง 5 ปี เพื่อให้ได้ขนาดใหญ่ เนื้อแน่นอร่อย เราได้ไปกินที่ Sarufutsu Marugotokan ร้านท้องถิ่นแท้ๆ ในจุดพักรถ Sarufutsu Park บรรยากาศดีมาก-ก-ก ด้านในตกแต่งเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่นแม้ มองออกไปเห็นทุ่งหญ้ากว้างสุดสายตา ที่นี่มีแต่คนท้องถิ่นมากัน เห็นว่าเราเป็นคนไทยกลุ่มแรกที่มาด้วย รู้สึก unseen เบาๆ ^^
สนนราคาของหอยเชลล์ก็ดีงาม ตัวละ 200 เยน หรือ 60 บาท (อย่าลืมว่าเค้าเลี้ยง 5 ปีเลยนะ) แต่ถ้าย่างกินที่ร้านตัวละ 350 เยน หรือ 110 บาทไทย มาพร้อมเซตเตาเล็กๆ เนยฮกไดโด และโชยุจากชิโกกุ ในร้านยังมีเมนูอร่อยๆ อื่นๆ ด้วยนะ แนะนำข้าวหน้าหอยเชลล์ ปูขน และไข่แซลมอน ซึ่งเป็น 3 สิ่งขึ้นชื่อของ Sarufutsu ทุกอย่างสดจนหวานติดลิ้น อร่อยเว่อร์ (1,200 เยน) คนที่นี่บอกว่า วิธีกินแบบชาวญี่ปุ่นแท้ๆ คือ ละลายวาซาบิกับโชยุ ราด แล้วกิน
3.ไปกินไข่หอยเม่นสดๆ ที่เกาะ Rishiri
จาก Wakkanai จะมีเรือเฟอร์รี่โดยสารไปยังเกาะใหญ่ 2 เกาะ คือ เกาะ Rishiri (ลงท่าเรือ Oshidomari Port) และเกาะ Rebun (ลงท่าเรือ Kafuka Port)
สำหรับสถานที่จับหอยเม่นคือ Kamui Kaigun Park บนเกาะ Rishiri เค้าจะให้เราลงเรือเล็กๆ เอาท่อติดกระจกขยายวางบนน้ำแล้วส่องหาหอยเม่นซึ่งก็เดินๆ อยู่พื้นทะเลแถวนั้นแหละ เอาสวิงตักขึ้นมาคนละ 1 ตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่จะสอนวิธีเจาะ-แยก-ตักไข่หอย (คนละ 1,000 เยน ตักได้ 1 ตัว) ด่านนี้บอกตรงๆ ว่ารู้สึกผิดมาก เพราะห่อยเม่นมันหน้าตาน่ารักตะมุตะมิ แต่เราต้องพิฆาตมันกับมือ T-T แต่ถามว่าอร่อยไหม อร่อยสิ สดเบอร์นี้!
เมื่อได้ไข่หอยเม่นฝีมือตัวเองมาแล้ว เราจะกินสดๆ ก็ได้ หรือจะซื้อข้าวถ้วยน้อยๆ ที่เค้าขายมากินด้วยก็ได้ อ้อ เค้ามีไอศครีมโรยไข่หอยเม่นกับสาหร่ายขายด้วยนะ
4. Cape Sky เกาะ Rebun สวย สงบ จนได้ยินเสียงลมพัด
มาญี่ปุ่นสองสามครั้งไปแต่เมืองเก่า-เมืองใหม่ ไม่เคยเที่ยวธรรมชาติเลย (เอ้าท์มากอะเธอ) พอได้เห็น เกาะ Rebun (ออกเสียงว่า เรบุน ชื่อสถานที่หลายแห่งของฮกไกโดจะออกเสียงแปลกไปกว่าภาษาญี่ปุ่นนิดหน่อย เพราะมาจากภาษาไอนุนั่นเอง) ก็เลยประทับใจมาก มันสวยงาม สงบ และบริสุทธิ์จริงๆ (เหมาะจะมาเดินป่า ขี่จักรยานมากเลยนะ)
สถานที่ที่เราประทับใจที่สุดในเกาะคือ Cape Sky ต้องเดินขึ้นเขาไปหน่อยแต่วิวด้านบนสวยสุดจะบรรยาย จุดชมวิวแรกเป็นยอดเขาโอบทะเลไว้เป็นเวิ้งเล็กๆ นี่ว่าตระการตาแล้ว เดินขึ้นไปอีกนิดเป็นจุดสูงสุดของภูเขา มองเห็นวิวรอบทิศ 360 องศา ทั้งอ่าวด้านใน แนวฝั่งปกคลุมด้วยทุ่งหญ้า และท้องทะเลสีน้ำเงินกว้างไกลสุดสายตา …เงียบสงบจนได้ยินเสียงลมพัด บรรยากาศแบบนี้ชวนให้ทิ้งตัวนั่งพิงไหล่ใครสักคนจริงๆ
(ไม่ต้องกลัวว่าจะเดินไม่ไหว ทางเดินเป็นขั้นบันได ไม่ลำบาก และไม่สูงมาก ขากลับเราเจอทัวร์ผู้สูงอายุเดินขึ้นลงปร๋อเลย ขนาดคุณตาคุณยายชาวญี่ปุ่นจ้ำเอาๆ ได้ เราต้องไม่ยอมแพ้นะ)
- เซลฟี่กับไอศครีมสาหร่ายที่ Cape Sukoton เกาะ Rebun
เป็นแหลมยื่นออกไปในทะเล มองเห็นเกาะที่มีสิงโตทะเลอาศัยอยู่ไกลๆ มีทางเดินลงไปจุดชมวิวด้านล่างด้วย เค้าว่าวันดีคืนดีมีสิทธ์ได้เห็นเจ้าสิงโตทะเลตัวเป็นๆ ด้วยนะ
ตรงนี้มีร้านค้าขายของที่ระลึกสวยงามเหมาะเป็นโลเคชั่นถ่ายรูป และท่าบังคับที่ทุกคนต้องทำเหมือนกันโดยมิได้นัดหมายคือ ถือไอศครีมสาหร่ายยื่นออกไปในทะเล (200 เยน) เราก็จัดมาหนึ่งแต่ว่ามันค่อนข้างจืดและละลายเร็วมาก ถ่ายได้ 3 แชะเริ่มหยดแล้วจ้า
- กินไอศกรีมนม “รสเกลือ” บนเรือ Heart Land Ferry
ความจริงเรือ Heart Land Ferry ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าประทับใจ มันทั้งใหญ่ สะอาด และเป็นระบบระเบียบ (นับรวมท่าเรือด้วย) ที่นั่งแบ่งเป็นชั้นธรรมดา จะนั่งเก้าอี้ด้านนอกโอเพ่นแอร์ชมวิวหรือนั่งด้านในแบบญี่ปุ่น คือ ถอดรองเท้าเข้าตู้แล้วนั่งบนพื้นขัดมันชิลๆ ก็ได้ ที่นั่งในห้องพิเศษ จะเป็นห้องขนาดย่อม สามารถนอนเอนหลังเอาแรงได้ และที่นั่งวีไอพีชั้นบน เป็นห้องพิเศษกรุกระจกมองวิวได้รอบทิศ มีเบาะใหญ่นุ่มเอนหลังได้ สามารถเดินไปชมวิวที่ระเบียงรอบๆ ได้ด้วย ซึ่งเราก็ได้รูปสวยๆ จากระเบียงเรือมากมาย
เนื่องจากการเดินทางระหว่างเกาะจะใช้เวลาประมาณเกือบๆ ชั่วโมง ก็เลยมีร้านขายของกินและเครื่องดื่มที่ชั้นล่าง และนี่แหละคือขุมทรัพย์ เราพบว่าไอศครีมนม “รสเกลือ” อร่อยมาก-ก-ก หวานมัน มีเกลือเค็มๆ แทรกนิดๆ ไกด์บอกว่ามีขายที่ Wakkanai เท่านั้น โห …ของหายากซะด้วย จัดสิคะ รออะไร และเพราะมันอร่อยมาก ทุกครั้งที่เราลงเรือ (3 รอบ) ก็จะซื้อกินทุกครั้งจนคนญี่ปุ่นแซว ควรจัดนมสดของ Wakkanai มาด้วยเลย สด อร่อย มันจนไขขึ้น กินคู่กันคือฟินมาก-ก-ก (ไอศครีมนมเกลือ 280 เยน นม 160 เยน)
7. เรียวกัง Hanarebun มันเป็นวิวที่สุดยอด!
ความจริงเรียวกังในญี่ปุ่นก็เริดทั้งนั้น แต่ Hanarebun พิเศษตรงห้องกว้าง และวิวสวยเป็นที่สุด มองออกไปเห็นภูเขา Rishiri ตั้งตะหง่านอยู่กลางทะเล มีทิวเมฆคลอเลียอยู่บนยอด เป็นภาพที่เพียงแค่นั่งมองก็มีความสุขจนล้นใจ
ที่นี่ยังมีออนเซ็นด้วย ไกด์แนะนำให้แช่สักครู่แล้วขึ้นมาล้างตัวหรือโกรกลมให้หายร้อน แล้วแช่บ่อต่อไป (มี 3 บ่อ 3 ระดับความร้อน) แต่ถ้าอยากชิลๆ แนะนำบ่อเอ้าท์ดอร์เลย ไม่ร้อนมาก แช่สักครู่แล้วขึ้นมายืนชมทะเลชมจันทร์ พอหายร้อนค่อยลงไปแช่ใหม่ สัก 3 รอบ สบายกายสบายใจแล้วขึ้นไปนอนหลับฝันดี (ตามธรรมเนียมญี่ป่นต้องอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายก่อนลงแช่ และต้อง “ถอดหมด” นะจ๊ะ)
- Kitano Kanaria Park เกาะ Rebun
ตรงนี้เป็นโลเคชั่นโรงเรียนย้อนยุคในการถ่ายหนัง เมื่อใช้เสร็จก็จัดการเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยเลย เพราะมันสวยมาก นึกภาพตามนะ… อาคารโรงเรียนเก่าแก่ตั้งอยู่บนหน้าผาริมทะเล มีฉากหลังเป็นภูเขา Rishiri อยู่ไกลๆ รอบๆ เป็นทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างแซมด้วยดอกหญ้าสีเหลืองปลิวไสว …โรแมนติกมาก ด้วยความเก๋ของสถานที่ทำให้ตรงนี้เป็นจุดจัดอีเว้นท์ต่างๆ ของเกาะด้วย วันที่เราไปเที่ยวก็เห็นทีมอีเว้นท์กับทีมแคเทอริ่งขนของมาเตรียมจัดงานอยู่เหมือนกัน
- การส่งนักท่องเที่ยวออกจากเกาะ Rebun
เป็นที่รู้กันว่าคนญี่ปุ่นใส่ใจในบริการและจริงจังกับทุกเรื่อง ดังนั้น เมื่อเราไปซื้อของที่ร้านไหน จะมีพนักงานมาส่งและยืนโบกมือสลับโค้งจนลับสายตา (อย่างกับในการ์ตูน) แต่การส่งนักท่องเที่ยวของเกาะ Rebun นี้ จริงจังที่สุดที่เราเคยเห็นมา เพราะจะส่งจนกว่าเรือจะออก ส่วนรูปแบบก็แล้วแต่สไตล์ของแต่ละโรงแรม เช่น ที่พักสำหรับวัยรุ่นลุยๆ หน่อย พนักงานจะมาเต้นและร้องเพลงส่งจนกว่าเรือจะออกและตะโกนส่งตามมาด้วย ส่วนอีกโรงแรมมาแบบเรียบร้อย ยืนเข้าแถวถือร่มเป็นตัวอักษรส่งสวยๆ แต่พอเรือออกเท่านั้นแหละ วิ่งตามมาส่งจนสุดท้าเรือเลยจ้า นักท่องเที่ยวน้ำตาแทบไหล นี่เราสนิทกันขนาดนี้เลยเหรอ ..ประทับใจในความจริงจังมากค่ะ
สุดท้ายขอจบด้วยคลิปวิวสวยๆ ของ Wakkanai เกาะ Rebun และเกาะ Rishiri ค่ะ
-ใครสนใจเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://th.visit-hokkaido.jp/
-ขอบคุณ องค์กรการท่องเที่ยวฮอกไกโด สนับสนุนการเดินทาง
เรื่อง / ภาพ Nicharee W.