Best Man SPEECH ฌอน บูรณะหิรัญ

Alternative Textaccount_circle
event

         การได้พูดคุยกับ ฌอน บูรณะหิรัญ ผู้ชายที่คนทั่วไปเรียกเขาว่านักพูดสร้างแรงบันดาลใจ (ขณะที่เขาเรียกตัวเองว่านักคิดรุ่นใหม่) นับเป็นอีกหนึ่งข้อดีของการประกอบวิชาชีพนี้ คำพูดของหนุ่มวัย 25 ที่มีคนติดตามเพจชื่อเดียวกับชื่อตัวและมียอดผู้ติดตามใกล้เหยียบล้านในอีกไม่นานทำให้หัวใจพองโตและฮึกเหิม แต่ด้วยเวลาที่มีอย่างจำกัดทำให้เราได้สนทนาซึ่งเปรียบเสมือนคอร์สปลุกพลังแค่เพียงไม่นาน แต่คนเราหากรู้จักคิด ฟัง และตรึกตรอง แค่คำคำเดียวก็เปลี่ยนชีวิตได้

วันนี้สุดฯ มีบทสัมภาษณ์ของ ฌอน บูรณะหิรัญ มาฝาก แล้วคุณจะรู้ว่าเขานี่แหละคือนักพูดสร้างแรงบันดาลใจได้ดี

  • ข้อความแรกที่คุณโพสต์ในเพจ “ฌอน บูรณะหิรัญ”  เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2559 บอกว่าคุณเป็นคนไทย เกิดและเติบโตที่อเมริกาท่ามกลางสังคมที่มีความหลากหลาย แต่ตอนนั้นกลับรู้สึกเหงาเพราะยังหาตัวเองไม่เจอ เราเริ่มคุยกันจากตรงนี้ไหมว่าไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร แล้วทำไมถึงเหงา

อย่างที่บอกว่าผมเกิดและเติบโตที่อเมริกา ความเหงามาจากความไม่ค่อยมีเพื่อน จำได้ว่ามีอยู่ตอนหนึ่งที่เพื่อนในห้องเรียนล้อมวงจับมือกันนั่นทำให้ผมเห็นว่าสีผิวของผมต่างจากคนอื่น นอกจากสีผิวก็คือสีตาที่ต่างกัน ตอนเข้าเรียนมิดเดิ้ลสกูลวัยประมาณ 12 – 13 ปี เด็กๆก็จะชอบเล่นกัน รังแกกัน ผมจะโดนแกล้งบ่อยมากเพราะเป็นคนเอเชียคนเดียวในโรงเรียน จำได้ว่าเคยห่อข้าวกับกุนเชียงไปกิน แล้วมีเพื่อนถามว่าทำไมหน้าตาของอาหารและกลิ่นดูแปลกจัง หลังจากนั้นผมก็เลือกกินแต่แฮมเบอร์เกอร์อย่างเดียว เพราะไม่อยากถูกล้อ

เขามองว่าคนเอเชียอ่อนแอและเป็นเด็กเนิร์ดทำให้อยากแกล้ง มาว่า มาผลัก ซึ่งผมก็จะไม่ยอมถ้าผลักมาผมก็ผลักตอบ สุดท้ายจบที่เราชกกัน ผมเลยต้องย้ายโรงเรียน แต่ไปอยู่ที่ใหม่ก็เจอปัญหาเดียวกันอีก ทุกโรงเรียนต้องมีเรื่องชกต่อยกับคน ครั้งหนึ่งผมเคยถูกตำรวจจับเพราะทะเลาะกันรุนแรงและมีคนมาเห็น เป็นอย่างนี้จนผมย้ายไปอยู่โรงเรียนที่มีคนเอเชียก็ไม่มีเรื่องชกต่อยอีกเลยเพราะไม่มีใครแกล้ง ทำให้ได้เรียนรู้ว่าหลายปีที่ผมคิดว่าตัวเองเป็นเด็กมีปัญหา ชอบมีเรื่องกับคนอื่นหรือทำอะไรผิดจนคนมารังแกนั้นจริงๆแล้วไม่ใช่ ผมไม่ใช่คนชอบมีเรื่อง…แต่สิ่งเหล่านี้มันก็บังคับให้ผมเข้าใจชีวิตได้เร็วขึ้น

  • ครั้งหนึ่งคุณเคยพูดว่า มีหนังสือหลายเล่มได้ช่วยชีวิตคุณไว้

ใช่ครับ อย่างชื่อ The Alchemist  เขียนโดย เปาโล โคเอลโย (Paulo Coelho) หรือ ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน ผมฟังเป็นออดิโอบุ๊กก่อนแล้วชอบเลยซื้อหนังสือมาอ่าน เป็นหนังสือที่สอนให้เรากล้าที่จะทำตามความฝัน ผมเชื่อว่าถ้าทุกคนได้อ่านอาจจะลาออกจากงานหรือออกจากโรงเรียนไปตามหาความฝันเลย

อีกเล่มที่ชอบคือ The Prophet ของคาลิล ยิบราน (Khalil Gibran) เป็นเล่มที่ให้แนวคิดเกือบทุกด้านของชีวิต ความสัมพันธ์ ลูก การเรียน การทำงาน ความตาย อยากให้ทุกคนในโลกอ่านเช่นกัน เพราะว่าอ่านจบแล้วเปลี่ยนชีวิตได้ ที่ผมชอบที่สุดคือที่เขาบอกว่าลูกเราไม่ได้เป็นของเรา เขาแค่ผ่านเรา ลูกเราเป็นของโลก เราอยากเป็นเหมือนลูกได้ แต่ห้ามหรือพยายามให้ลูกเป็นเหมือนเรา เพราะลูกเป็นอนาคต ส่วนพ่อแม่เป็นอดีต เราไม่ควรให้เด็กของเราเป็นอดีต เขาต้องดีกว่าเรา

  • ก่อนหน้านี้คุณเคยเขียนเรื่อง “ฌอนสอนชายให้เป็นแมน” อยากทราบนิยามคำว่า “แมน” ของคุณว่าคืออะไร

คำว่า man ผมหมายถึงคำว่า gentleman หรือสุภาพบุรุษ เป็นการนำคำสองคำมารวมกัน gentle หมายถึงความอ่อนโยน ส่วน man คือความเข้มแข็ง ชอบที่มันเป็นสองคำที่อยู่ตรงข้ามแต่มารวมกันในคำเดียว ผมมองว่าผู้ชายที่ดีที่สุดคือผู้ชายที่สมดุล มีทั้งความอ่อนโยนและก็ปกป้องแฟนได้ด้วยในเวลาเดียวกัน ถ้าลูกทำดีก็ชมลูก แต่ถ้าลูกทำอะไรไม่ดีก็สามารถลงโทษได้เช่นกัน

  • ในปรัชญาชีวิตเพื่อเข้าสู่ปี 2017 ที่คุณเขียน มีข้อหนึ่งบอกว่า “มีข้อดีในการเกิดมารวย แต่ก็ยังมีข้อดีในการเกิดมาจน” ถ้าถามว่าการเกิดมาจนมีข้อดีอย่างไร

ผมขอยกตัวอย่างคนที่ประสบความสำเร็จที่ต่างประเทศ คนที่อยู่ได้นานที่สุดก็คือคนที่เคยเป็นคนจนมาก่อน ที่สังเกตดูไม่ใช่แค่นักธุรกิจ ไม่ว่านักมวยหรือนักกีฬา คนที่เก่งที่สุดมาจากความลำบาก ผมว่าความจนและความลำบากมันสอนให้รู้จักอดทน มีวินัย สอนให้ทำงานหนัก แล้วความจนนี่แหละที่จะทำให้คนนั้นมีอุปนิสัยบางอย่างที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จ ถ้าเกิดมาแล้วสบายก็จะไม่ได้ฝึกนิสัยที่ว่านี้ ลองไปดูคนที่ประสบความสำเร็จสุดๆ อดีตของเขามาจากความจนทั้งนั้น

  • ถ้าถูกเชิญไปในงานสัมมนาที่มีหัวข้อว่า “ชีวิตนี้ทำอย่างไรให้มีความสุข” จะบอกว่า

ผมจะบอกให้เขาลองทำทุกอย่างที่อยากทำโดยไม่ต้องสนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับเขา และจะฝากความคิดและคำคมของ  เอเลนอร์ รูสเวลต์ (Eleanor Roosevelt) ที่พูดว่า “ทำในสิ่งที่หัวใจของคุณคิดว่าถูกต้อง เพราะอย่างไรก็ตาม คนก็จะตัดสินคุณ” ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีคนแก่ถือของหนักเดินเข้ามาในห้องที่เราคุยกันอยู่ แล้วผมเข้าไปช่วย คนอาจจะคิดว่าผมทำเพื่อเอาหน้า แต่ถ้าผมนั่งนิ่งๆ ไม่ช่วยเขาเลย คนก็จะคิดว่าผมไม่มีน้ำใจ ดังนั้นจงทำในสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้องเพราะอย่างไรก็ตามจะมีคนที่ตัดสินเราอยู่แล้ว ลองทำทุกอย่างที่คุณอยากทำ…

ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ของ ฌอน บูรณะหิรัญ สัมผัสตัวตนและทัศนคติของเขาได้ในนิตยสารสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 มีนาคม 2560 

อ่านเรื่องราวน่าสนใจในสุดสัปดาห์ ฉบับ 1 มีนาคม 2560 ได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้ค่ะ 

OMG! 8 ร้านสุดติสท์ แบบนี้ก็ได้เหรอ!

Secrets of My Best Body รวมคณะ ปฎิวัติหุ่น

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up