เวลาเข้าไปดูประวัติของนักเขียนระดับ โลก เรามักจะพบกับลิสต์รายชื่อหนังสือที่พวกเขาเขียนนับสิบๆ เล่ม แต่นั่นไม่ใช่ ฮาร์เปอร์ ลี เพราะเธอมี ผลงานตีพิมพ์เพียง 2 เล่มในตลอดชั่วชีวิต คือ To Kill a Mockingbird และ Go Set a Watchman โดยเล่มแรกกับเล่มสุดท้าย ตีพิมพ์ห่างกันถึง 55 ปี!
ฮาร์เปอร์ ลี เป็นนามปากกา ของเนลล์ ฮาร์เปอร์ ลี เธอ เกิดเมื่อวันที่ 28 เมษายน 1926 ซึ่งเป็นยุคที่คนผิวดำ ในสหรัฐอเมริกายังคงไม่ ได้รับสิทธิ์เท่าเทียมกับคน ผิวขาว และถูกมองว่าเป็น พลเมืองชั้นสองในสังคม โดยเฉพาะในรัฐทางใต้ ที่ฮาร์เปอร์เติบโตขึ้นมา พ่อของฮาร์เปอร์เป็นทนาย- ความและนักหนังสือพิมพ์ ซึ่งน่าจะเป็นแรงบันดาลใจ ให้เธอไม่น้อย เพราะ ฮาร์เปอร์เข้าเรียนวิชา กฎหมายพร้อมกับเป็น นักข่าวให้หนังสือพิมพ์ของ มหาวิทยาลัยด้วย แต่เธอก็ ออกจากมหาวิทยาลัยก่อน จะเรียนจบ เพื่อไปล่าความ ฝันที่จะเป็นนักเขียน
เธอย้ายไปอยู่นิวยอร์ก ทำงานเป็นพนักงานขายตั๋ว เครื่องบินเพื่อเลี้ยงชีพ และเขียนหนังสือเมื่อมีเวลาว่าง เพื่อนๆ หลายคนเห็นถึงความมุ่งมั่นจึงลงขันกันเป็นเงินก้อนโตเท่ากับเงินเดือนของฮาร์เปอร์ทั้งปีแล้วมอบให้เธอ เป็นของขวัญ เพื่อที่ฮาร์เปอร์จะได้ลาออกจากงานมา เขียนหนังสืออย่างเต็มที่ ซึ่งฮาร์เปอร์ก็ทำได้สำเร็จอย่างที่เพื่อนๆ คาดหวัง เธอเขียนต้นฉบับนิยายเรื่อง Go Set a Watchman ออกมาเสร็จเรียบร้อย และมีสำนักพิมพ์ให้ ความสนใจ แต่หนังสือเล่มนั้นก็ยังไม่ได้รับการตีพิมพ์ทันที เพราะบรรณาธิการต้องการให้เธอแก้ไขต้นฉบับในหลายจุด ซึ่งต้องใช้เวลาอีก 2 ปีกว่าที่หนังสือจะถูกตีพิมพ์ และฮาร์เปอร์ก็ได้เปลี่ยนชื่อหนังสือเป็น To Kill a Mockingbird ซึ่งทางสำนักพิมพ์ให้เธอเตรียมใจ เพราะหนังสือน่าจะขายได้เพียงไม่กี่พันเล่ม
แต่พระเจ้า! To Kill a Mockingbird ได้รับเสียงตอบรับที่ดี และได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ ส่วนยอดขายก็อยู่ ในระดับเบสต์เซลเลอร์ จนตอนนี้ก็ยังตีพิมพ์ซ้ำอย่าง สม่ำเสมอกว่า 40 ภาษา และมียอดขายรวมกว่า 40 ล้าน เล่ม พร้อมถูกจัดให้เป็นหนึ่งในวรรณกรรมร่วมสมัยที่ดีที่สุด ตลอดกาล
นอกจากนี้ To Kill a Mockingbird ยังถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในปี 1962 ซึ่งก็ทำเงินและกวาดรางวัล ไปได้มากมาย แต่ฮาร์เปอร์กลับ ไม่เคยตีพิมพ์ผลงานเล่มใหม่อีกเลย เธอแทบไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อ หรือในตอนที่มหาวิทยาลัยต่างๆ มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ให้ แต่เธอก็ไม่เคยไปกล่าวปาฐกถาใน งานรับปริญญาเลยสักครั้ง
แฟนหนังสือต้องรอถึง 55 ปี กว่าที่ฮาร์เปอร์จะออกนิยายเล่มที่ สองในชีวิต นั่นคือต้นฉบับ Go Set a Watchman ที่ในที่สุดก็ได้รับการ ตีพิมพ์เมื่อปี 2015
Go Set a Watchman มีเนื้อเรื่องที่ต่อเนื่องจาก To Kill a Mockingbird เมื่อจีน ฟินช์ ลูกสาวของแอตติกัสที่ ปัจจุบันอายุ 26 ปี พบว่าพ่อของตัวเองมีทัศนคติที่เปลี่ยน ไปในเรื่องการเหยียดผิว แม้จะดูเหมือนภาคต่อ แต่จริง ๆ แล้ว Go Set a Watchman คือต้นฉบับร่างแรกของ To Kill a Mockingbird ก่อนที่จะได้รับการแก้ไขนั่นเอง และเนื่องจากเป็นผลงานที่ถูกเขียนขึ้นก่อน ชั้นเชิงทาง วรรณกรรมและความคิดที่แฝงอยู่จึงไม่เฉียบคมเท่า To Kill a Mockingbird แต่ก็ทำให้ผู้อ่านได้รู้จักกับ ตัวตนของฮาร์เปอร์ในวันที่เธอเริ่มต้นเป็นนักเขียน
หลังจาก Go Set a Watchman ได้รับการตีพิมพ์ไม่ถึงปี ฮาร์เปอร์ก็เสียชีวิตอย่างสงบเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2016 ด้วยวัย 89 ปี แต่ถึงตัวจะจากไป นิยายทั้งสองเล่มของ เธอก็ยังคงได้รับการพูดถึงตลอดไป ตราบใดที่โลกใบนี้ ยังมีการเหยียดผิวและความอยุติธรรม
นิยายของฮาร์เปอร์ ลี ทั้งสองเล่มได้รับการแปล เป็นภาษาไทยแล้ว โดย To Kill a Mockingbird มีชื่อไทยว่า ฆ่าม็อคกิ้งเบิร์ด ส่วน Go Set a Watchman มีชื่อไทยว่า จงไปวางยามไว้ให้เฝ้าดู
To Kill a Mockingbird
บอกเล่าเรื่องราวสะท้อนสังคมในยุคที่คนดำใน อเมริกายังถูกเหยียดผิวอย่างรุนแรง เมื่อมีการ กล่าวหาชายผิวดำคนหนึ่งว่าข่มขืนหญิงผิวขาว ผู้คนในเมืองต่างต้องการให้ลงโทษชายผิวดำ คนนั้น ขณะที่ตัวเอกของเรื่อง แอตติกัส ฟินช์ ผู้เป็นทนายพยายามจะพิสูจน์ว่าชายผิวดำนั้นเป็น ผู้บริสุทธิ์ ซึ่งการต่อสู้เพื่อปกป้อง เพื่อนมนุษย์และความยุติธรรมกลับ ทำให้ครอบครัวของแอตติกัสตกอยู่ ในอันตรายจากชาวเมืองที่คลุ้มคลั่ง และโกรธแค้น แม้จะพูดถึงประเด็น หนักๆ แต่ To Kill a Mocking- bird กลับเล่าเรื่องผ่านสายตา ของเด็กๆ ผู้เป็นลูกของแอตติกัส ซึ่งได้พบเห็นเรื่องราวมากมาย ทั้งโหดร้ายและน่าประทับใจ ขณะที่พ่อของพวกเขา ช่วยเหลือลูกความ ทำให้ นิยายเรื่องนี้อ่านง่าย และ ยังถ่ายทอดเนื้อหาที่ต้องการ บอกกับผู้อ่านออกมาได้อย่าง ไม่ชวนให้เบื่อไปเสียก่อน
– Text : kidcat
– Photo Harper Lee : The Independent
อ่านรีวิวหนังสือดีๆ ได้ที่นี่ค่ะ
รีวิว 3 นิยายอีโรติก 3 สไตล์ ฟินจิกหมอน เร่าร้อน 21+
คู่มือท่องเที่ยวเก๋ๆ ให้คุณไปเที่ยวได้แบบไม่ซ้ำใคร