account_circle
“มิวเซียมสยาม” เปิดโลกใหม่การเรียนรู้ “Virtual Museum” เต็มรูปแบบในปี 2565 ยกระดับประสบการณ์การเข้าชมพิพิธภัณฑ์แบบไฮบริดในสองช่องทาง “ออฟไลน์” และ “โลกเสมือนจริง” เดินหน้ามาตรฐานการจัดการเรียนรู้แนวใหม่ที่เข้าถึงคนทุกเจนเนอเรชั่น
นางสาวสุขุมาล ผดุงศิลป์ ผู้ช่วยผู้อํานวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) เปิดเผยถึง วิสัยทัศน์และแนวทางการยกระดับมาตรฐานพิพิธภัณฑ์ “มิวเซียมสยาม” ในปี 2565 ว่า การทำงานของพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ (Museum Siam: Discovery Museum) ภายใต้สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) เป็นการบริหารงานพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งแรกที่เน้นการสร้างประสบการณ์และแหล่งเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ให้กับประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนไทย ด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย ได้แก่ การจัดแสดงนิทรรศการ ห้องคลังความรู้ ห้องสมุดเฉพาะทางที่รวบรวมหนังสือและสื่อดิจิทัล ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และพิพิธภัณฑ์วิทยา เป็นต้น
ขณะที่ในปัจจุบัน ด้วยวิถีการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป การระบาดของโควิด-19 คนส่วนใหญ่ตระหนักถึงการเข้าไปใช้พื้นที่สาธารณะมากขึ้น และการเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยี ส่งผลให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อายุเท่าไหร่ ทุกคนสามารถเข้าถึงความรู้ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว นำมาสู่การขับเคลื่อน “มิวเซียมสยาม” ครั้งใหม่ที่ตอบโจทย์การเรียนรู้ในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น และครอบคลุมในทุกช่วงวัย
“ในช่วง 1-2 ปีมานี้ เรามีการวางนโยบายการต่อยอดความรู้ในแนวทางดิจิทัลเข้ามามาผสมผสานกับกลยุทธ์การทำงาน พร้อมจัดตั้งหน่วยงานด้านดิจิทัลขึ้นมาใหม่ในโครงสร้างองค์กรต่อยอดกระบวนทัศน์การบริหารจัดการพิพิธัณฑ์ที่เป็นดิจิทัล มิวเซียม เพื่อปรับให้ทันกับวิถีโลกที่เปลี่ยนไป” นางสาวสุขุมาล กล่าว
การสร้าง “แนวคิดและภาพลักษณ์ใหม่” ของพิพิธภัณฑ์ในสังคมแห่งการเรียนรู้ ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ และกิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อให้การเรียนรู้ประวัติศาสตร์และเรื่องราวต่าง ๆ เป็นไปอย่างสนุกสนานยิ่งขึ้นนั้น นางสาวสุขุมาล เล่าว่า แนวคิดของ “ไฮบริด” ทั้งรูปแบบของการนำเสนอการเรียนรู้ผ่านออฟไลน์และ “เสมือนจริง” ในแพลตฟอร์มออนไลน์ จะยกระดับให้มิวเซียมสยามเป็นแหล่งเรียนรู้สาธารณะที่เชื่อมประสบการณ์เรียนรู้ได้ดีที่สุด และกระตุ้นการเรียนรู้ผ่านพิพิธภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
“ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 คนอาจจะเข้ามาดูงานในแพลตฟอร์มออนไลน์มากกว่า ขณะที่ในส่วนของกิจกรรมในพื้นที่จัดแสดงก็ยังมีอยู่ พร้อมกับมีมาตรการด้านสุขอนามัยที่เข้มข้นเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ซึ่งเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย สัดส่วนระหว่างการชมทางออนไลน์ กับ ออฟไลน์น่าจะใกล้เคียงกัน เพราะแต่ละแพลตฟอร์มให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน”
การนำเสนอเนื้อหาและกระบวนการเรียนรู้จะปรับให้เหมาะสมกับแต่ละช่องทาง ส่วนของ “ออนไลน์” เรื่องราวที่นำเสนอผ่านงานนิทรรศการ สามารถปรับให้เหมาะกับความสนใจในแต่ละช่วงวัย ขณะที่กิจกรรม “ออนไซด์” เน้นทำกิจกรรมการเรียนรู้เสริมตลอดทั้งปี โดยโฟกัสทึ่ความสนใจของคนชมกลุ่มใหญ่ หรือ เมน มาร์เก็ต เป็นหลัก
“ความท้าทาย ของเราคือ ต้องปรับคอนเทนท์ที่ดูเป็นเรื่องยากให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์คนไทยให้มากขึ้น พร้อมกันนั้นก็ต้องสามารถเชื่อมโยงกับทั่วโลกได้ด้วย เพราะเมื่อเป็น Virtual Exhibition การเข้าชมจะไม่ได้จำกัดเฉพาะคนไทยเท่านั้น” นางสาวสุขุมาล กล่าว
ด้าน นายกฤชณรัตน์ สิริธนาโชติ ผู้อํานวยการฝ่ายดิจิทัลมิวเซียมสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) กล่าวว่า การทำงานของ มิวเซียมสยามมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้กับการนำเสนองานในช่วงที่ผ่านมา และจะมีให้เห็นเพิ่มมากขึ้นในปี 2565
“ความท้าทาย อยู่ตรงที่ทำอย่างไรให้คนที่ใช้งานบนดิจิทัล รู้สึก และได้รับประสบการณ์จริง สัมผัสจริง ๆ เหมือนกับการชมนิทรรศการเป็นออฟไลน์ ซึ่งการมูฟไปเป็น Virtual มีหลายเทคโนโลยีที่นำมาใช้ได้ ทั้ง Virtual Reality (VR), Augmented Reality (AR), Mixed Reality (MR) หรือถ่ายรูปแบบ 360 องศา ซึ่งในแต่ละปีมีนิทรรศการหมุนเวียนกันจัดแสดง โดยในปี 2565 เรากำลังปรับหน้าตาเว็บไซต์ใหม่ ที่เมื่อเปิดเข้าเว็บเข้ามาจะเหมือนเข้าสู่พื้นที่เข้าตึกมิวเซียมสยาม พบในส่วนของนิทรรศการหมุนเวียน อีกส่วนเป็นอาคารสำนักงาน จะมีห้องคลังความรู้ คลังโบราณวัตถุ โดยรวมของแนวคิดการพัฒนาแพลตฟอร์มในครั้งนี้เพื่อให้คนเข้ามาใกล้ชิดกับการเรียนรู้ที่ต้องการนำเสนอได้มากขึ้น” นายกฤชณรัตน์ กล่าว
ค้นหาข้อมูลหรือกิจกรรมต่าง ๆ ของมิวเซียมสยามได้ที่ www.facebook.com/museumsiamfan และ www.museumsiam.org หรือโทร 02-225-2777