เคยตั้งคำถามและนั่งทบทวนกับตัวเองไหมว่า วันนี้เราเปลี่ยนไปจากเมื่อ 5 ปีก่อนอย่างไร จริง ๆ อาจไม่ต้องย้อนไปไกลถึง 5 ปี เพราะแค่เมื่อวานกับวันนี้ ก็ไม่เหมือนกันแล้ว เพราะในแต่ละวัน เราอยู่กับความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามาผูกติดกับชีวิตประจำวันแบบนี้ คงเลี่ยงไม่ได้ที่เทรนด์ต่าง ๆ จะเข้ามามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิต ยิ่งด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ต้องเผชิญอยู่ตอนนี้ ยิ่งกระตุ้นให้เราต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตตามเทรนด์ครั้งใหญ่ ที่ไม่ใช่แค่เปลี่ยนหรือตื่นตัวกันเฉพาะในประเทศไทย แต่เป็นการเปลี่ยนทั่วทั้งโลกแบบที่ไม่อาจปฏิเสธได้
ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ เทรนด์ของที่อยู่อาศัย ในวันนี้เราต้องใช้ชีวิตติดบ้านกันมากขึ้น หลายคนเริ่มมองหาที่อยู่อาศัยที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือปรับปรุงบ้านให้น่าอยู่ เป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้น เพื่อรองรับการอยู่อาศัย การทำงาน และการทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับครอบครัว เลยไม่แปลกใจที่หน้าฟีดเฟซบุ๊กของเราจะเห็นเพื่อน ๆ ลงรูปมุมทำงาน เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านชิ้นใหม่ หรือแชร์โครงการบ้านหลังใหญ่ที่ลดราคาแรงในช่วงนี้
ใส่ใจกับการตกแต่งบ้านและพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้น ถ้าดูจากตัวเลขการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ของ IKEA ประเทศไทย ที่เติบโตถึง 320% ในระยะเวลา 2 เดือน (มี.ค.-เม.ย. 2563) แสดงให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญกับการตกแต่งบ้านมากขึ้น โดยเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับความนิยม จะต้องสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานได้หลากหลาย ทำให้บ้านที่มีพื้นที่จำกัด สามารถปรับเปลี่ยนมุมต่าง ๆ ให้ดูมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น น่าอยู่ขึ้น ทำให้การอยู่บ้านเป็นเรื่องสนุกและไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
อยู่บ้านนาน ๆ ก็ทำให้หลาย ๆ คนคิดถึงการท่องเที่ยว ใครที่เคยวางแผนไว้ว่าจะบินไปช้อปเครื่องสำอางที่เกาหลี กินจนตัวแตกที่ญี่ปุ่น หรือไหว้พระขอพรเสริมดวงที่ฮ่องกง ก็อาจจะต้องพักก่อน แล้วหันมาช้อปออนไลน์ สั่งเดลิเวอรี่ ทำบุญแก้ชงผ่านมือถือ หรือมองหาทริปสั้น ๆ ท่องเที่ยวแบบเรียบง่าย ใกล้ ๆ แทน
เที่ยวแบบเรียบง่ายแต่ได้มาก Less is more เป็นเทรนด์ท่องเที่ยวในปี 2018 ที่กลับมาฮอตในปีนี้ โดยข้อมูลจาก Airbnb เว็บไซต์ที่พักที่รวมห้องพักจากทั่วโลก คาดว่า เทรนด์การท่องเที่ยวจะเปลี่ยนไป ผู้คนจะแสวงหาการท่องเที่ยวที่เรียบง่ายขึ้น เช่น เที่ยวเมืองเล็ก ๆ ใช้เวลากับเพื่อนและครอบครัวมากขึ้น หรือเลือกจะขับรถเที่ยวมากกว่าเดินทางด้วยเครื่องบิน สอดคล้องกับการสำรวจของ Booking.com เว็บไซต์ให้บริการจองที่พักทั่วโลก ซึ่งได้ทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 20,000 คน ในหลายประเทศ พบว่า ผู้คนส่วนใหญ่เลือกวางแผนเที่ยวสั้น ๆ ช่วงสุดสัปดาห์ และวางแผนล่วงหน้าไม่กี่วัน เพื่อลดความเสี่ยงจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ในขณะที่รูปแบบการท่องเที่ยวก็เรียบง่ายขึ้น ไม่เน้นหรู ขอแค่ได้พักผ่อนจากสถานการณ์ที่ตึงเครียดก็เพียงพอ
หรือแม้แต่เทรนด์การทำงานที่ใช้การสื่อสารเข้ามาเป็นตัวเชื่อม นับตั้งแต่เราก้าวเข้าสู่ยุคที่อินเทอร์เน็ตครอบคลุมทุกพื้นที่บนโลก รูปแบบการทำงานของคนยุคใหม่ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะให้อิสระในการทำงานที่ไม่ต้องนั่งติดออฟฟิศ ทำงานที่ไหนก็ได้ หรือไม่ต้องยึดติดกับชั่วโมงการทำงานด้วยการตอกบัตรเข้างานแบบเดิม ๆ ซึ่งถือเป็นความท้าทายใหม่ของหลายองค์กรที่ปรับตัวให้ทัน ออฟฟิศของคุณล่ะเป็นแบบนี้ไหม
มองหาการทำงานที่ยืดหยุ่น สร้าง work life balance จากรายงานเรื่อง The Future of Jobs 2020 จาก World Economic Forum (WEF) เมื่อปลายปีที่ผ่านมาพบว่า งานในอนาคตจะปรับเข้าสู่ระบบดิจิทัลมากขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนเป็นวิถีการทำงานแบบใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมการค้นหางานของกลุ่มมิลเลนเนียล ที่มองหาความยืดหยุ่นในการทำงาน เพราะทำให้พวกเขาสร้าง work life balance และสร้างรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น ด้าน Adecco ผู้ให้บริการที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล ก็ได้มีการคาดการณ์ว่า คนยุคใหม่มองหาที่ทำงานที่มีวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์ ยืดหยุ่นกฎระเบียบต่าง ๆ ที่จะเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน รวมไปถึงองค์กรที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ของพนักงาน เช่น มีนโยบายให้ work from home เพื่อลดความเสี่ยง หรือเพิ่มสวัสดิการดูแลสุขภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่บอกได้ว่าองค์กรเหล่านั้น น่าทำงานด้วยหรือไม่
รวมไปถึงเทรนด์เกษียณ ที่กลายมาเป็น topic พูดคุยกันไม่เฉพาะในกลุ่มคนสูงวัยเท่านั้น เพราะปัจจุบันเทรนด์เกษียณแบบไวเวอร์ของคนยุคใหม่ Gen Y-Z ที่แสวงหาหนทางเกษียณก่อนวัยอย่างไรให้ชีวิตมั่นคงแบบยาว ๆ เพื่อที่จะได้มีเวลาออกไปใช้ชีวิตหรือทำตาม passion ในสิ่งที่ตัวเองชอบ ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ
วางแผนเกษียณก่อนวัย แล้วเอาเวลาไปใช้ชีวิต คนยุคใหม่มีวางแผนการลงทุนตั้งแต่เนิ่น ๆ มองว่าการเกษียณไม่ใช่เรื่องไกลตัว เริ่มเก็บออมเงินและศึกษาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าในระยะยาว ซึ่งหนึ่งในการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด คือการลงทุนด้านสุขภาพ เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่า จะมีเรื่องไม่คาคคิดเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และถ้าเกิดขึ้นกับเรา ก็คงต้องใช้เงินสำหรับการรักษาไม่น้อย ต่อให้ดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็อาจช่วยลดความเสี่ยงได้แค่ระดับหนึ่ง หรือถ้าคุณเป็นพนักงานที่มีสวัสดิการจากองค์กร เช่น ประกันกลุ่ม ประกันสังคม ก็อาจไม่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่มเอง ยิ่งในสถานการณ์ที่มีไวรัสอยู่รอบตัว ฝุ่นพิษอยู่ใกล้แค่หายใจ และความเจ็บป่วยเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ทำให้คนยุคใหม่มองหาแผนสำรองให้กับตัวเอง เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างไม่ต้องกังวล
เรามีประกันชีวิตและสุขภาพแบบเหมาจ่าย Flexi Care ที่ TMB มาแนะนำ อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับความคุ้มครองที่ครอบคลุม ด้วยแผนความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย ให้คุณเลือกได้ตั้งแต่ 7.5 ล้านบาท 10 ล้านบาท หรือ 20 ล้านบาทต่อปี และยังสามารถชำระค่าเบี้ยประกันน้อยลง เมื่อเลือกความคุ้มครองแบบรับผิดชอบส่วนแรก (Deductible) ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ย 100% ก็เติมเต็มดูแลส่วนต่างของค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายได้เช่นกัน ตอบโจทย์เทรนด์การใช้ชีวิตของคนยุคนี้ที่ต้องการความมั่นใจเรื่องสุขภาพและมองหาความคุ้มครองเพิ่ม
และในอนาคตหากไม่ได้ทำงานประจำ ไม่มีสวัสดิการจากบริษัทเช่นเดิมแล้ว ก็สามารถปรับแผนความคุ้มครองให้ดูแลค่ารักษาแบบเต็ม 100% ได้ทันที ตามเงื่อนไขที่ระบุในกรมธรรม์ ยิ่งถ้าคุณทำงานอิสระ ไม่มีสวัสดิการใด ๆ มาคอยดูแลค่าใช้จ่ายยามเจ็บป่วย Flexi Care ประกันชีวิตและสุขภาพแบบเหมาจ่ายจะช่วยดูแลทุกค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายให้คุณ
สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ทีเอ็มบีทุกสาขา หรือ www.tmbbank.com/fb/flexicare_sudsapda
รับประกันชีวิตโดย บมจ.พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) ทีเอ็มบี เป็นเพียงนายหน้าประกันชีวิตและนางรับผิดชอบในฐานะนายหน้าเท่านั้น