IWATE ประสบการณ์ใหม่ในญี่ปุ่น …บรรยากาศดี ธรรมชาติสวย เมืองสงบ ผู้คนน่ารัก

เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สุดสัปดาห์ ได้มีโอกาสเดินทางไปเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ IWATE  หรือ อิวาเตะ จังหวัดหนึ่งของญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่สวยงาม บ้านเมืองเงียบสงบ บรรยากาศน่ารัก ผู้คนเป็นมิตร คนไทยยังไปเที่ยวที่นี่กันไม่มากนัก สุดฯ เลยอยากมาแนะนำจุดท่องเที่ยวเด็ดๆ สำหรับช่วงวันหยุดนี้ หรือจะแพลนทริปสำหรับปีหน้าก็ยังได้ เพราะที่นี่สวยทุกฤดูกาล

ใครขับรถเก่งอยากแนะนำให้ขับรถเที่ยวอิวาเตะ เพราะวิวสองข้างทางสวยมาก-ก-ก แลนด์สเคปคล้ายขับรถเที่ยวยุโรปเบาๆ แต่บรรยากาศเป็นเอเชีย มีสเน่ห์ไปอีกแบบ แถมถนนหนทางดี ป้ายบอกทางมีภาษาอังกฤษกำกับ และคนที่นี่เคารพกฏจราจรดี ทำให้รู้สึกปลอดภัยในการเดินทาง อีกทั้งแหล่งท่องเที่ยวแต่ละจุดค่อนข้างไกลจากกัน การขับรถเที่ยวจะสะดวกและเก็บจำนวนสถานที่ได้มากกว่า

ส่วนคนที่ไม่ชอบขับรถก็ไม่ต้องห่วง สุดสัปดาห์มีวิธีเดินทางด้วยรถสาธารณะมาฝากอย่างละเอียดด้วย อีกทั้งการเดินทางจากโตเกียวก็ง่ายมากๆ นั่งชินคันเซ็นจากสถานีรถไฟโตเกียว 2 ชั่วโมง 14 นาที มาลงสถานีรถไฟโมริโอกะ จากนั้นก็ตั้งต้นเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จากที่นี่ได้เลยค่ะ …ลองเลือกจุดที่ชอบแล้วจัดทริปดูนะคะ

 

คำแนะนำเบื้องต้นก่อนเที่ยว IWATE

ก่อนจะตามสุดสัปดาห์ไปเที่ยว IWATE เรามีคำแนะนำสั้นๆ มาฝากค่ะ

– เมื่อไปถึงแนะนำให้แวะ Iwate Tourist Information Center ไปขอคำแนะนำ/รีเช็คข้อมูลต่างๆ หรือให้เขาช่วยดูทริปอีกทีก็ได้ว่าที่เราจัดมาดีแล้วหรือยัง ฯลฯ ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ประตู่ฝั่งใต้ สถานีรถไฟโมริโอะ โทร.0+81-196-29-5574

– บางเว็บไซต์ที่ให้มาในบทความนี้เป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ใส่มาไว้ให้ดูภาพและแผนที่ ทั้งนี้ สามารถหาข้อมูลภาษาไทยได้ที่ visitiwate.com/th/

– ในบทความผู้เขียนเรียงลำดับตามทริปจริง 5 วัน ทั้งจุดท่องเที่ยวและที่พักในบริเวณนั้น เผื่อเป็นแนวทางการจัดทริป

(ชม Photo Series พร้อมสรุปไฮไลต์การเดินทางสั้นๆ ได้ที่นี่…คลิก)

 

Day 1

HACHIMANTAI ASPITE LINE

จุดชมวิวของอุทยานแห่งชาติ Hachimantai National Park ที่มองเห็นวิวป่าไม้และเทือกเขากว้างไกลสุดสายตา จุดนี้มีทะเลสาบขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 50 เมตร ที่จะเปลี่ยนเป็นสีฟ้าในเดือนเมษายน หลังหิมะเริ่มละลาย (เดินไปจากจุดนี้ 15-20 นาที) นอกจากนี้ยังเป็นจุดพักนักท่องเที่ยวที่มีร้านอาหารและร้านของที่ระลึกบริการด้วย แต่สุดฯ ว่าไฮไลต์ที่เด็ดสุดๆ คือวิวที่สวยมากตลอดเส้นทาง

การเดินทาง: รถบัส Hachimantai Nature Walk (Northern Iwate Bus) จาก Morioka Station – Hachimantai Peak (1.45 ชั่วโมง) *ต้องซื้อตั๋วพิเศษ ผู้ใหญ่ 1,300 เยน / เด็ก 650 เยน หรือบางโรงแรมที่อยู่ใกล้จุดนี้อาจมีชัตเทิ้ลบัสรับส่ง ลองสอบถามโรงแรมได้

เวลาทำการ: 9:00-17:00 น. (ปิดทำการต้นเดือนพฤศจิกายน-กลางเดือนเมษายน)

การติดต่อ: โทร. +81-195-78-3500,  www.trip8.jp

 

HOTEL APPI GRAND

คืนนี้สุดฯ ได้พักที่ Appi kogen สกีรีสอร์ทชื่อดังของอิวาเตะ จุดเด่นคือมีกิจกรรมที่หลากหลายมาก โดยเฉพาะลู่สกีที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง World Ski Award ทุกปี โดยมีทั้งลู่สำหรับนักสกีระดับโปรไปจนถึงมือสมัครเล่น เช่น พื้นที่ Tree Run Zone สำหรับเล่นสกีแบบ Free Ride ที่เคยจัด Free Ride World Tour มาแล้ว ลานสกีสำหรับครอบครัวและเด็กๆ และยังมีหิมะแบบ Snow Powder (หิมะที่แห้งละเอียดเหมือนแป้ง ปั้นตุ๊กตาหิมะไม่ได้ ในญี่ปุ่นมีแค่ที่นี่กับที่ฮอกไกโดเท่านั้น) รวมทั้งมีคอร์สสอนเล่นสกีพื้นฐาน 3 ภาษา (อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น) กิจกรรม Ice Trecking Snow Mobile และอื่นๆ สำหรับทุกคนในครอบครัว

ที่นี่มีโรงแรม 3 แห่ง คือ APPI Grand Hotel, APPI Hills Shirakaba no Mori Hotel และ APPI Onsen Hotel ซึ่งมีออนเซ็นจากหิมะบริสุทธิ์

การเดินทาง: ใช้รถไฟสาย Hanawa Line (JR) จาก Morioka Station – Appi Kogen Station (1 ชั่วโมง) ค่าตั๋ว 1,170 เยน จากนั้นมีชัตเทิ้ลบัสรับฟรีจากสถานี / ฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง จะมีชัตเทิ้ลบัสรับแขกของโรงแรมจาก Morioka Station (ต้องจองล้วงหน้า)

การติดต่อ: โทร.+81-195-73-6401, www.th.appi-japan.com

 

Day 2

KUJI AMBER MUSEUM

ตอนที่เห็นกำหนดการชมพิพิธภัณฑ์อำพันและขุดอำพันรู้สึกตื่นเต้น เพราะตั้งแต่เกิดมานอกจากขุดหลุมเล็กๆ ปลูกต้นหงอนไก่ตอนเรียนวิชาเกษตรยังไม่เคยขุดอะไรเป็นเรื่องเป็นราวเลยค่ะ พอมาถึงเหมืองผิดจากที่จิตนาการไว้นิดหน่อยเพราะเป็นเหมืองกลางแจ้ง ไม่ใช่ถ้ำแบบที่เห็นในหนัง (มโนไปไกลมาก)

หลังเปลี่ยนรองเท้า รับอุปกรณ์การขุดก็ถึงเวลาลงมือ เคล็ดลับคือให้ขุดตามแนวสีดำเพราะมีโอกาสเจออำพันมากกว่า (สีขาวคือชั้นดินยุคที่บริเวณนี้เป็นแม่น้ำหรือทะเล ส่วนสีดำคือชั้นดินยุคที่บริเวณนี้เป็นแผ่นดิน อำพันคือฟอสซิลของยางไม้ ดังนั้นจึงจะเจอในชั้นสีดำมากกว่า) งานนี้ทุกคนตั้งใจขุดกันเต็มที่เพราะว่าถ้าเจออำพันสามารถเก็บกลับไปได้ ยกเว้นว่าอำพันก้อนนั้นมีแมลงข้างในจะต้องคืนทางเหมือง เพราะมันแพงมาก-ก-ก

ครึ่งชั่วโมงผ่านไปสุดฯ ขุดได้อำพันเม็ดเท่าขี้ตามดสองสามเม็ด ท้อแท้มาก แต่สุดท้ายทางเหมืองมีอำพันเม็ดน้อยให้เป็นของที่ระลึกซึ่งใหญ่กว่าที่สุดฯ ขุดเจอร้อยเท่า ก็เลยยิ้มออก!

สำหรับคนที่ไม่ถนัดใช้แรงงานแนะนำให้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และช้อปปิ้งแทน ตัวพิพิธภัณฑ์บริหารโดยบริษัททำเหมืองอำพัน (ปัจจุบันเหลือ 2 บริษัทที่ยังดำเนินกิจการขุดอำพันใน Kuji อยู่) จัดได้น่าสนใจและเข้าใจง่าย เริ่มตั้งแต่โซนให้ความรู้เกี่ยวกับการกำเนิดอำพัน การใช้อำพันในวิถีชีวิตของผู้คนสมัยก่อน ซึ่งน่าตกใจมากเพราะคนแถบนี้ใช้อำพันทำเลนส์แว่นขยาย ใช้เป็นยา และใช้จุดไล่แมลง นั่นเพราะสมัยก่อนแถบ Kuji ขุดอำพันได้มากถึงวันละ 1 ตันนั่นเอง

ข้างๆ พิพิธภัณฑ์เป็นช็อปขายอำพัน มีทั้งเครื่องประดับ ปากกา ที่ติดเน็คไท และชุดขุดอำพันกระป๋องสำหรับเด็กๆ ขอบอกว่าเครื่องประดับของที่นี่ราคาดี ดีไซน์ทันสมัย ใส่ในชีวิตประจำวันได้ ใครชอบอำพันสุดสัปดาห์ขอแนะนำเลยค่ะ

การเดินทาง: รถบัส Kuji Amber Bus (Northen Iwate Bus) จาก Morioka Station – Kuji Station (2 ชั่วโมง) ค่าตั๋ว ผู้ใหญ่ 2,920 เยน เด็ก 1,460 เยน / รถไฟ JR Bus Tohoku จาก Morioka Station – Kuji Station (2.30 ชั่วโมง) ค่าตั๋ว ผู้ใหญ่ 2,300 เยน เด็ก 1,150 เยน จากนั้นต่อแท๊กซี่จาก Kuji Station ไปอีก 10 นาที

เวลาทำการ: 9:00-17:00 น. (ปิด 31 ธันวาคม-1 กุมภาพันธ์ ปลพวันสุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์)
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็กอายุ 15 ปีลงมา 200 เยน

การติดต่อ: โทร. +81-194-59-3831, www.en.kuji.co.jp

 

SANRIKU RAILWAY

โปรแกรมนี้เหมาะกับสายชิลยิ่งนัก เพราะรถไฟสายนี้แล่นผ่านวิวสวยๆ มากมาย ทั้งเลียบทะเล ป่าไม้ หมู่บ้าน ขนาดสุดฯ ไปตอนใบไม้ยังเขียวขจีก็ยังสวย คิดดูถ้าเป็นช่วงใบไม้แดงกับช่วงหิมะตกจะสวยขนาดไหน ว่าแล้วก็เลยขอภาพสวยๆ จากทางบริษัทรถไฟมาให้ชมกันเต็มๆ ตา ในฤดูหนาวจะมีขบวนรถไฟพิเศษชมวิวฤดูหนาวด้วย (เนื่องจากได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่ง ขบวนรถไฟ Sanriku Railway จึงหยุดให้บริการชั่วคราว และยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะเปิดให้บริการอีกครั้งได้เมื่อไหร่)

การเดินทาง: รถไฟ JR Bus Tohoku จาก Morioka Station – Kuji Station ค่าโดยสารจาก Kuji Station- Iwaizumi-omoto Station ผู้ใหญ่ 1,310 เยน เด็ก 655 เยน

การติดต่อ: sanrikutetsudou.com/en

 

RYUSENDO

ถ้ำริวเซนโดเป็น 1 ใน 3 ถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ความลึกของถ้ำเท่าที่สำรวจได้ตอนนี้คือ 4,088 เมตร แต่เปิดให้เข้าชม 700 เมตร ภายในเป็นทางเดินธรรมชาติที่ปูพื้นอย่างดี ผู้สูงอายุและเด็กสามารถเข้าชมได้โดยไม่ลำบากเกินไป ไฮไลต์อยู่ที่ทะเลสาบสีฟ้าสดใสภายในถ้ำ 3 แห่งที่ลึกถึง 35-38-98 เมตร ความใสของน้ำเป็นระดับที่พบได้เพียงไม่กี่แห่งในโลก เมื่อบวกกับการจัดแสงอย่างดีทำให้เกิดภาพที่สวยงามแปลกตา สำหรับอุณหภูมิภายในถ้ำอยู่ที่ราว 10 องศาเซลเซียสตลอดปี คือจะเย็นในหน้าร้อน และอุ่นกว่าด้านนอกในหน้าหนาว นอกจากนี้ยังมีหินงอกหินย้อย หินรูปร่างแปลกตา น้ำตก และหลืบถ้ำที่มีค้างคาวพื้นเมืองอาศัยอยู่ถึง 5 สายพันธุ์

ฝั่งตรงข้ามทางเข้าถ้ำริวเซนโดเป็นอาคารทางวิทยาศาสตร์ถ้ำริวชินโด มีการจัดแสดงโบราณวัตถุที่ค้นพบภายในถ้ำ รวมทั้งจัดแสดงความรู้ทางธรณีวิทยาด้วย ถือว่าค่อนข้างน่าสนใจที่ใช้ถ้ำทางธรรมชาติมาจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ แถมซื้อตั๋วครั้งเดียวชมได้ทั้ง 2 ถ้ำ คุ้มมากๆ

การเดินทาง: รถบัส Omoto Line (Northe Iwate Bus) มี 4 เที่ยว/วัน จาก Iwaizumi-omoto Station – Ryusendo  (30 นาที) ค่าตั๋ว ผู้ใหญ่ 620 เยน เด็ก 310 เยน หรือ Hayasaka-kogen Line (JR bus) จาก Morioka Station – Ryusendo (2.20 ชั่วโมง) ค่าตั๋ว ผู้ใหญ่ 2,660 เยน เด็ก 1,330 เยน

เวลาทำการ: ตุลาคม-เมษายน 8:30-17:00 น. พฤษภาคม-กันยายน 8:30-18:00 น.

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็ก (7-15 ปี) 500 เยน

การติดต่อ: โทร. +81-194‐22‐2566, iwate-ryusendo.jp/en

 

JODOGAHAMA BEACH

ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Sanriku Fukko National Park ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายจุด โดยหาด Jodogahama นี้มีจุดเด่นตรงหาดหินสีขาวที่มองออกไปเห็นเกาะแก่งสวยงาม เหมาะจะถ่ายภาพคู่รักหรือพรีเวดดิ้งมากๆ บริเวณใกล้กันมีจุดล่องเรือชมอ่าวชิลๆ ก่อนลงเรือเจ้าหน้าที่จะแจกฮานามิสำหรับให้อาหารนกนางนวลที่จะคอยโฉบมาเข้าเฟรมอย่างดุเดือด!

การเดินทาง: รถไฟ Sanriku Railway จาก Iwaizumi-omoto Station – Miyako Station (30 นาที) ค่าตั๋ว ผู้ใหญ่ 780 เยน เด็ก 390 เยน จากนั้นต่อรถบัส Northen Iwate BusA02, C03 จาก Miyako Station-Jodogahama Visit Center (15 นาที) ค่าตั๋ว 180 เยน แล้วเดินต่อไปอีก 10 นาที / รถไฟ JR Yamada Line จาก Morioka Station – Miyako Station (2.20 ชั่วโมง) ค่าตั๋ว ผู้ใหญ่ 1,980 เยน เด็ก 990 เยน / รถบัส Morimiya 106 Express (Northen Iwate Bus) (2.15 ชั่วโมง) ค่าตั๋ว ผู้ใหญ่ 2,550 เยน เด็ก 1,520 เยน

เวลาทำการ: มีนาคม-พฤศจิกายน 8:30-17:00 น. (เดฤดูหนาว)

ค่าลงเรือ: 1,500 เยน

การติดต่อ: โทร. +81-193-63-1327

THE PARK HOTEL JODOGAHAMA

เป็นโรงแรมที่ทำเลดีมาก อยู่ตรงแหลมที่มองเห็นทะเลและป่าสนรอบทิศ ตัวโรงแรมเปิดมา 30 ปีแล้วแต่เพิ่งรีโนเวทมาได้ 3 ปี ภายในจึงดูใหม่และหรูหรา บรรยากาศสงบ เป็นสวนตัว ให้อารมณ์บูทีคสไตล์ญี่ปุ่นผสมโมเดิร์นนิดๆ ห้องพักมีหลากแบบ สุดฯ ได้พักห้องสไตล์ญี่ปุ่นเนี้ยบกริบ วิวสวย หลับสบายมาก

อาหารที่นี่อร่อยสุดๆ มื้อเย็นเป็นดินเนอร์ที่อร่อยและคุณภาพดี มีหลายหลาย ทั้งเมนูอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ มุมกริลล์ สลัด ซุป เต้าหู้สด ของหวาน ผลไม้สด รวมถึงมุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนมื้อเช้าอาหารน้อยกว่าแต่ก็มีผักดองท้องถิ่นสารพัดอย่างมาให้ลอง นอกจากออนเซ็นแล้วอาหารที่นี่เป็นอีกประสบการณ์แบบญี่ปุ่นแท้ๆ ที่คุ้มค่าแก่การมาเยือน

การเดินทาง: รถบัส Northen Iwate Bus A02, C11 จาก Miyako Station – Jodogahama Park hotel (15 นาที) ค่าตั๋ว 180 เยน

การติดต่อ: โทร. +81-193-62-2321, jodo-ph.jp/thai

 

DAY 3

TONO FURUSATO VILLAGE

สายคัลเจอร์ต้องมาที่นี่ค่ะ เพราะ Tono Furusato Village เป็นไลฟ์สไตล์มิวเซียมวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นเมื่อร้อยปีก่อน จุดที่ทำการมีร้านของที่ระลึกและที่ทำการของเจ้าหน้าที่ซึ่งคอยต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นมิตรมาก ระหว่างทางไปหมู่บ้านโบราณเป็นสวนเกาลัดร่มรื่นแซมด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ตลอดทาง เมื่อผ่านซุ้มประตูเข้ามาจะพบกับวิวสวนสวยที่มีภูเขาเป็นฉากหลัง เบื้องหน้าเป็นบ้านโบราณกระจายตัวเป็นจุดเล็กๆ สลับด้วยบ่อน้ำ แปลงผัก แปลงดอกไม้ นาข้าวขนาดย่อม …เป็นการเดินพิพิธภัณฑ์ที่รื่นรมย์มากๆ

ตัวบ้านโบราณที่เปิดให้ชมเป็นบ้านของช่างไม้สมัยก่อนที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ทางเจ้าหน้าที่จุดไฟรมควันเพื่อไล่ความชื้นทุกวัน สภาพจึงค่อนข้างสมบูรณ์ นอกจากนี้ ยังมีหมู่เรือนอื่นๆ ที่จัดวางข้าวของเครื่องใช้ของคนสมัยก่อนไว้อย่างเข้าที่เข้าทาง เมื่อประกอบกับต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นตามธรรมชาติ (แต่มีการดูแลอย่างดี) ทำให้รู้สึกเหมือนเดินชมบ้านเรือนของผู้คนมากกว่าเดินชมพิพิธภัณฑ์ ถ้ามาเที่ยวในฤดูร้อนเขาจะมีชุดโบราณให้ยืมใส่เดินถ่ายรูปด้วยนะ ภาพต้องออกมาสวยแน่ๆ (มีจำนวนจำกัด ต้องอีเมลมาแจ้งก่อน)

เรือนด้านในสุดเป็นที่อยู่ของเจ้านโนว์ไวท์ ม้าเซเล็บชื่อดังของที่นี่ เจ้าหน้าที่เล่าว่าต้องอัพเดทความเคลื่อนไหวของเจ้าสโนว์ไวท์ขึ้นเฟซบุ๊กบ่อยๆ ซึ่งจะมีแฟนๆ คอยไลค์แอนด์แชร์กันเยอะมาก ตัวจริงน่ารักและเชื่อง และถ้ายิ่งมีของกินในมือจะยิ่งรู้งานขึ้นไปอีก ใครมาที่นี่ก็อย่าลืมไปทักทายคนดังเขาล่ะ

การเดินทาง: รถไฟ JR Tohoku Main Line จาก Morioka Station – Tono Station (2 ชั่วโมง – แสดงบัตร JR East Pass (Tohoku area) โดยสารฟรี) จากนั้นต่อรถบัส Iwate-ken Bus Tsukimoushi Line จาก Tono Station – Furusato Village (25 นาที) ค่าตั๋ว 510 เยน

เวลาทำการ: มีนาคม-ตุลาคม 9:00 – 17:00 น. (ขายตั๋วถึง 16:00 น.) พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ 9:00 – 16:00 น.

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 550 เยน เด็ก 330 เยน

การติดต่อ: โทร. +81-198-64-2300, tono-furusato.jp/en

 

Esashi Fujiwara Heritage Park

เป็นอีกจุดท่องเที่ยวที่ยินดีต้อนรับคนไทยมากๆ มีโบรชัวร์ภาษาไทยสำหรับคนไทยโดยเฉพาะด้วย แรกเริ่มที่นี่สร้างมาเพื่อเป็นโรงถ่ายหนังประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น จากนั้นจึงพัฒนามาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมญี่ปุ่นยุค 1,000 ปีก่อน มีจุดไฮไลต์หลายจุด ถ้าชมทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ที่เด่นๆ และน่าจะถูกใจนักท่องเที่ยวคือ เรือนไม้โบราณที่มีชุดขุนางสมัยเฮอันให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ใส่ถ่ายภาพสวยๆ จุดถ่ายภาพทรีดีสไตล์ญี่ปุ่นย้อนยุค จุดใส่ชุดซามูไร และจุดยิงธนู ระหว่างจุดต่างๆ มีอาคารสมัยโบราณอย่างวิหารทอง ยุ้งฉาง อาคารปกครอง ฯลฯ ให้ชมเป็นระยะ และตรงทางออกจะมีอาคารแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับละคร/หนังอิงประวัติศาสตร์ที่มาถ่ายที่นี่ (เยอะมาก มีลายเซ็นดาราดังๆ ทั้งนั้น)

ด้านข้างมีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารขนาดใหญ่ มีลูกค้าญี่ปุ่นในแถบนี้มากินกันเยอะ คาดว่าน่าจะอร่อย พอลองสั่ง Reimen บะหมี่เย็นกับผลไม้ตามฤดูกาล เช่น แตงโม ลูกแพร์ แอ๊ปเปิ้ล ซึ่งเป็น 1 ใน 3 เมนูเส้นยอดนิยมของโมริโอกะก็ปรากฏว่าอร่อยค่ะ เส้นนุ่มหนึบ น้ำซุปเย็นๆ เข้ากับแตงโมหวานๆ ได้เป็นอย่างดี (อีก 2 เมนูเส้นยอดนิยม คือ Jajmen และ Wanko Soba ซึ่งเป็นบะหมี่ถ้วยน้อยที่เป็นมาสคอตของเมืองชื่อ Sobacchi ใครไปเที่ยวอิวาเตะอย่าลืมไปชิมกันนะคะ)

การเดินทาง: รถไฟ Tohoku Shinkansen จาก Morioka Station – Mizusawa-esashi Station (30 นาที – แสดงบัตร JR East Pass (Tohoku area) โดยสารฟรี) จากนั้นต่อ Taxi จาก Mizusawa-esashi Station – Esashi Fujiwara Heritage Park (ประมาณ 15 นาที) ค่ารถประมาณ 2,600 เยน

เวลาทำการ: 9:00-17:00 น. (1 พฤศจิกายน – สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ปิด 16:00 น. กรุณาเข้าชมก่อนเวลาปิด 1 ชั่วโมง)

ค่าเข้าชม: ค่าเข้าชมคนละ 800 เยน (หากมีการถ่ายหนังจะเปิดให้เข้าชมได้บางส่วน)

การติดต่อ: โทร. +81-197-35-7791, www.fujiwaranosato.com Email: [email protected]

 

ติดตามอ่านอีก 9 จุดหมาย ทั้งที่กิน ที่เที่ยว ที่ช้อปได้ที่หน้า 2 (มีคลิปน่ารักๆ ด้วยนะ) …คลิกเลยค่ะ