จิมมี่ & ซี จับมือทำนายดวงความรัก ในซีรีส์ ทำนายทายทัพ My Magic Prophecy

account_circle
event

 

คงเพราะเป็นดวงสมพงศ์ที่ทำให้ทั้งคู่กลับมาร่วมงานกันอีก สำหรับนักแสดงฝีมือดีเคมีลงตัว “จิมมี่-จิตรพล โพธิวิหค” และ “ซี-ทวินันท์ อนุกูลประเสริฐ” ตอกย้ำชะตาคู่แท้ให้แฟนๆได้ลุ้นใจสั่นไปกับซีรีส์ ทำนายทายทัพ My Magic Prophecy ที่ชวนให้ได้ลุ้นและตื่นเต้นไปกับดวงความรักของสายหมอและสายมู

จิมมี่ & ซี จับมือทำนายดวงความรัก ในซีรีส์ ทำนายทายทัพ My Magic Prophecy

อยากให้เล่าถึงบทที่ได้รับในเรื่อง ทำนายทายทัพ My Magic Prophecy

ซี : สวัสดีครับ ผม “ซี” นะครับ ในซีรีส์ ทำนายทายทัพ My Magic Prophecy ผมรับบทเป็น “อิน” ในเรื่องก็จะเป็นหมอดูไพ่ทาโรต์ครับ เป็นหมอดูที่มีช่องของตัวเอง และเป็นช่องที่ดังมาก อินมีความพิเศษคือ มีเซนส์ สามารถเห็นเรื่องราวของคนที่เราใกล้ชิดด้วย ยิ่งคนที่มีความสนิทกันจะมองเห็นอนาคตของคนนั้นได้ครับ

ตอนที่รู้ว่าต้องเล่นบทนี้ก็แอบกลัวนิดๆ นะ เพราะไม่มีความรู้ทางด้านนี้เลย ต้องไปศึกษาและเรียนรู้มาพอสมควรเลยครับ เพื่อทำความรู้จักว่าอาชีพนี้เป็นอย่างไร เราทำรีเสิร์ชและไปหาคนดูไพ่ทาโรต์จริงๆ ศึกษาความหมายของไพ่แต่ละใบว่ามีความหมายอย่างไร เพราะเวลาหยิบออกมาจะตีความหมายได้หลากหลายมาก อยู่ที่ว่าคำถามถามว่าอะไร มีศึกษาคาแร็กเตอร์ของคนที่ทำอาชีพนี้จริงๆ ด้วยครับ เพื่อฝึกวิธีการพูดที่สมจริง

จิมมี่ : “จิมมี่” นะครับผม รับบทเป็น “หมอทัพฟ้า” ครับ ความพิเศษของตัวละครนี้คือ เป็นหมอ เราคุ้นเคยกับอาชีพหมออยู่แล้ว เพราะเราก็เป็นหมอ แต่สิ่งที่ต้องไปเรียนรู้เพิ่มเนี่ย ผมว่าเรื่องทักษะ มันคือโจทย์ผมมากกว่า คือทุกคนรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นหมอ แล้วพอมาเล่นเป็นหมออีก…อืม…จากใจจริงเลยนะ ตอนแรกรู้สึกไม่ค่อยอยากเล่นเลย คือเป็นหมออยู่แล้ว และยังมาเล่นเป็นหมออีก มันยังไงก็ไม่รู้เนอะ ผมรู้สึกว่า…หรือเราอาจจะต้องทำการบ้านให้เยอะๆ ในการรับบทเป็นหมอในฐานะนักแสดง เลยตั้งไว้ให้เป็นโจทย์สำหรับตัวเราไปเลยว่า ถ้ามารับบทนี้มันจะออกมาเป็นยังไง เพราะตอนนี้ผมมี 2 อาชีพคือนักแสดงกับหมอ ซึ่งงานนี้ผมเป็นนักแสดงที่ต้องมารับบทบาทเป็นหมอ มันเหมือนมีอะไรทับซ้อนกันอยู่ และยากที่จะแยกออกให้ชัดเจน นั่นคือความพิเศษที่ผมคิดได้จากตัวละครตัวนี้ครับ ก็ท้าทายดีที่จะทำยังไงให้คนดูเขาเชื่อว่านี่คือหมอทัพฟ้าที่ไม่ใช่จิมมี่ที่เป็นหมอ เป็นความยากและความสนุกในอีกรูปแบบหนึ่ง

เรื่องนี้เกี่ยวของกับความเชื่อ การดูดวง จิมมี่และซีเชื่อหรือสนใจเรื่องประมาณนี้ไหม

ซี : ผมเคยดูบ้างครับ เคยดูบ้าง แต่ถามว่าสนใจไหม อืม…เคยดูแบบจีนครับ แต่ไม่ได้อินมาก คือเราก็ดูเพื่อให้รู้

จิมมี่ : คือถ้าครอบครัวคุณแม่จะดูกับหมอดูจีนครับ มีซินแสที่บ้านนับถือ คุณแม่จะไปดูทุกปีอยู่แล้วครับ เหมือนไปดูประจำปี สำหรับส่วนตัวผมก็ดูบ้าง ดูเฉพาะเรื่องที่เราไม่สามารถตัดสินใจด้วยเหตุผล คือถ้ามีสิ่งที่ต้องตัดสินใจ เราจะลองหาเหตุผลว่า มันมี 1 กับ 2 อันที่ 1 ก็ดี 2 ก็ดีนะ หรือบางทีคิดดู 1 เขามีข้อเสีย 2 ก็มีข้อเสีย แต่ถ้าเราต้องเลือก เราจะเลือกอะไร ซึ่งบางทีเลือกยาก แต่พอไปถามหมอดู เขาแนะนำนิดนึง อาจจะช่วยให้ตัดสินใจได้ ตอนไปดูหมอครั้งแรกในชีวิตคือตอนใกล้เรียนจบปี 6 ผมว่าตอนนั้นกำลังคิดลังเลอยู่ว่า เราจะเรียนต่อเฉพาะทางที่เชียงใหม่ หรือว่าจะกลับมาเรียนที่กรุงเทพฯ ซึ่งดีทั้ง 2 ที่เลย ผมว่ามันเป็นส่วนหนึ่งที่ประกอบการตัดสินใจเท่านั้น แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เราก็ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ ร่วมด้วยในการตัดสินใจครับ

เลือกฉากที่ชอบและประทับใจ

ซี : สำหรับผมน่าจะเป็นอีพีแรก คือมันเลือกยากมากเลยนะ เพราะชอบหลายฉากมาก แต่ว่าสิ่งที่สามารถเข้าไป get into กับตัวละครได้ น่าจะเป็นฉากแรก อีพีแรกๆ เลยครับผม

จิมมี่ : คือฉากตอนจบของเทรเลอร์ที่ตัดออกมานี่แหละ แต่ในเรื่องผมจำไม่ได้ว่าอยู่ตอนไหนครับ ที่ผมดีดนิ้ว (ทำท่าดีดนิ้ว) ไม่อยากสปอยล์มาก อยากให้ไปดูกันเอง คือเรื่องนี้เป็นเรื่องของการดูดวงเนอะ แล้วพอถ่ายคือเราดูดวงเยอะมาก (หัวเราะ) ทุกครั้งที่ผมเข้าฉากดูดวงเหมือนว่ามีอารมณ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะมันพัฒนาจากตัวละครที่ไม่ดูเลย แอนตี้เลย แค่จะให้ดูดวงคือโกรธเลย จากแอนตี้มากๆ ไปถึงความรู้สึกที่อยากดู คือกว่าจะถึงจุดนี้ได้ต้องใช้เวลาครับ

คิดว่าโชคชะตาเป็นสิ่งที่กำหนดเรา หรือเราเป็นคนกำหนดโชคชะตาตัวเอง

ซี : ดวง 30 การกระทำ 60 และอีก 10 เป็นอะไรที่เราไม่สามารถคอนโทรลได้ หลักๆ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา เราทำอะไรก็จะได้อย่างนั้น ผมเชื่อแบบนั้นครับผม

จิมมี่ : โอ้โห…สำหรบผมต้องพูดว่า ผมเชื่อโชคชะตา ผมเชื่อว่าโชคชะตาถูกกำหนดมาแล้ว แต่สุดท้ายแล้วผมเชื่อว่าเรากำหนดอนาคตเอง

ได้มาทำงานร่วมกันอีกครั้งรู้สึกยังไงบ้าง

จิมมี่ : สบายๆ ไม่ต้องปรับตัวกันเยอะ รู้สไตล์การทำงานอยู่แล้วครับ จะไปโฟกัสเรื่องการแสดงมากกว่า ส่วนตัวเชื่อใจ “ซี” อยู่แล้วว่าเขาจะทำการบ้านออกมาให้ได้ดี เพราะว่าสุดท้ายด้วยความเป็นซีรีส์ Boys Love ตัวละครของเรามีความสำคัญทั้งคู่ เพราะฉะนั้นต้องไปด้วยกัน คือถ้าน้องส่งมา เราไม่รับ เราไม่ส่งกลับ ทุกอย่างมันจะส่งออกมาถึงคนดู

ซี : อย่างที่เฮียว่า…คือสบายใจ เพราะเรารู้ทางกันว่าจะต้องทำยังไง สิ่งที่รู้สึกดีใจคือ เขาเป็นคนทำการบ้านหนัก เพราะต่างคนต่างรู้หน้าที่ว่าจะต้องทำอะไร ต่างเตรียมตัวกันให้พร้อม พออยู่หน้าเซตเราแค่จับมือไปด้วยกัน ทุกอย่างมันก็ออกมาโอเคมากๆ

ถ้าต้องทำนายกันและกันในชีวิตจริงหนึ่งเรื่อง จะทำนายว่า…

ซี : โอ้โห ขอให้มีลาภก้อนใหญ่ ลาภก้อนใหญ่แบบใหญ่โตมโหฬารไปเลย

จิมมี่ : เอิ่ม ลาภก้อนใหญ่เพิ่งหายไป (หัวเราะแห้ง แซวตัวเอง)

ซี : เดี๋ยวก็กลับมา เดี๋ยวกลับมา ขอให้เฮียปังๆ

จิมมี่ : ทำนายเหรอ ผมว่าอนาคตน้องน่าจะเป็นคนรวยท่านหนึ่งครับ เพราะผมดูจากนิสัยการใช้เงินของน้องแล้ว สามารถ development เป็นคนรวยได้

ซี : ไม่ค่อยซื้ออะไรเยอะครับ

จิมมี่ : น้องเป็นคนที่ตระหนี่

ซี : ใช่! ตระหนี่ จะคิดเยอะก่อนใช้ เพราะเรารู้ว่า เวลาจะลงอะไรสักอย่างมันต้องได้อะไรรีเทิร์นกลับมา เพราะถ้าจะลงอะไรกับเงินเป็นจำนวนมาก เงินจำนวนนั้นจะต้องไม่สูญเปล่า แต่ควรงอกเงยครับ

มีวันที่ให้รางวัลตัวเองบ้างไหม

ซี : มีครับ แต่เราจะใช้ในปริมาณที่รู้สึกว่า ประมาณนี้นะสมควรพอ จะมีงบที่ตั้งไว้ครับ

มีเรื่องที่ประทับใจอะไรต่อกันบ้าง

ซี : ผมประทับใจความขยันของเขา ความมุมานะ ไม่ว่าเขาจะเจอสถานการณ์ไหน โหดแค่ไหน เขาพร้อมลุยด้วยกัน คือถ้าเราไม่มีผู้นำแบบนี้ มันจะไม่ฮึด และประทับใจความมีระเบียบวินัยของเฮียด้วยครับ

จิมมี่ : สิ่งที่ผมประทับใจคือ ความสม่ำเสมอของซีครับ วันแรกที่รู้จักเป็นยังไง ตอนนี้เขาก็ยังเป็นเหมือนเดิม ถือว่าเป็นน้องที่น่ารักคนเดิม ส่วนด้านการทำงานเขายังเป็นคนที่ตั้งใจตลอด ไม่เคยอิดออด ทำงานด้วยกันแล้วสบายใจมากๆ

ซี : เหมือนเป้าหมายเราก็ชัดเจนว่าเราจะไปในทางไหน

มีคำพูดไหนจากแฟนคลับที่เป็นกำลังใจที่ดี

ซี : ผมว่าทุกอย่างคือกำลังใจที่รู้สึกว่ามันเป็นแรงขับเคลื่อน คือทุกวันเราจะเปิดโซเชียล ไถฟีดก็ต้องเจอข้อความอยู่ทุกเช้า พอเราอ่านเราก็รู้สึกว่า เออ…ยังมีคนที่รอ ยังติดตามเราอยู่เรื่อยๆ รู้สึกว่าทุกงานที่ทำ เราจะทำให้เต็มที่ เพื่อตอบแทนที่เขาคอยซัพพอร์ตเรา

จิมมี่ : ความสม่ำเสมอของพวกเขาทำให้รู้สึกประทับใจ แฟนคลับกับนักแสดง เราต่างก็รู้หน้าที่กัน ต่างเคารพขอบเขตซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งที่ทำให้ผมประทับใจแฟนคลับ

ร่วมงานกับนักแสดงในเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง
ซี
: ที่ได้ร่วมอยู่บ่อยๆ ก็จะมีพี่จูเนียร์ น้องเอแคลร์ และแม่หยา แล้วนักแสดงอีกหลายๆ ท่าน สนุกมากครับ นักแสดงรุ่นพี่และรุ่นน้องเขาจะมีของกันอยู่แล้ว มีฟังก์ชันที่บางทีเรายังไม่เคยเจอเลย พอมาเจอแล้วเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ มีวิธีการแสดงแบบนี้ด้วยนะ ดีจัง อย่างพี่จูเนียร์กับน้องเอแคลร์ บอกเลยเวลาเล่นส่งมาเต็มที่มากๆ ส่วนนักแสดงรุ่นใหญ่เราได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากเขาเยอะมาก แม่หยาพูดอยู่คำหนึ่งครับ บอกว่า ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ เดี๋ยวแม่จะส่งให้ ตอนนั้นผมยังไม่เข้าใจสิ่งนั้นเลยนะ คือเราไม่เคยผ่านประสบการณ์นั้นมาก่อน เลยไม่รู้ว่าความรู้สึกเป็นยังไง พอเขาส่งมาให้ ทำให้เราเก็บความรู้สึกนั้นโดยที่ไม่ต้องไปเจอประสบการณ์แบบนั้น ซึ่งเขาก็คอยด้วย เป็นโอกาสที่ดีมากในการร่วมงานกับหลายๆ ท่าน

จิมมี่ : นักแสดงรุ่นเล็กยังไม่เคยร่วมงานกับใครเลย น้องเซฟ น้องฟรังค์ จูเนียร์ เอแคลร์ นัท – LYKN ได้ร่วมงานกันก็รู้สึกแฮปปี้มากๆ ได้เห็นความตั้งใจและจิตวิญญาณของการเป็นนักแสดงของทุกคน คือทุกคนพร้อมมาทำงาน ทำการบ้านกันมาอย่างดี ที่สำคัญ ทุกคนตั้งใจกับผลงานนี้มากๆ ต่อให้วันนี้น้องๆ จะมีแค่ซีนเดียว หรือแทบไม่ต้องพูดอะไรในซีน เขาก็เต็มที่กันสุดๆ ส่วนกับนักแสดงรุ่นพี่ เหมือนที่ซีบอกเลย เราได้ประสบการณ์จากหลายๆ ท่าน เพื่อนำไปปรับใช้และพัฒนาจากความเป็นมืออาชีพของพวกเขา

ฝากซีรีส์เรื่อง ทำนายทายทัพ My Magic Prophecy

ซี : โชคดีที่ได้ทีมงานที่น่ารักเป็นหลังบ้านด้วยอย่างพี่จ๋า – ยศสินี หรือว่าคนอื่นๆ ด้วย ทีมงาน ทีมกล้องด้วย ทุกฝ่ายทุ่มเทมากๆ

จิมมี่ : ขอฝากผลงานด้วยนะครับทำนายทายทัพ My Magic Prophecy นะครับผม ออนแอร์ทุกวันอาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทางช่อง GMM 25 ดูย้อนหลังได้ทาง VIU เวลา 22.30 น.นะครับ เป็นผลงานที่ผมกับซีและนักแสดงทุกคนตั้งใจกันมากๆ นะครับ จะได้เห็นหลายแง่มุมเลยของตัวละคร ผมกล้ารับรองเลยว่า สนุกอย่างแน่นอนครับ เรายังรู้สึกสนุกกันตั้งแต่ที่ได้อ่านบทเลยครับ

Entertainment Editor / Interview : AuAi 

Costume : AuAi 

Text:  Ohhioh
Coordinator : วริษา โรจนภักดี
Photographer: Tanayut

Photo Asst : ภัครพล จรลักษณ์

Clothes : Karl Lagerfeld 

Shoes : Giuseppe Zanotti
Bag : Karl Lagerfeld