Ozcar Wang กับเส้นทางการเป็นศิลปินแบบ Move Up เดินไปข้างหน้าแบบไม่หันหลังกลับ

account_circle
event

 

Ozcar Wang กับเส้นทางการเป็นศิลปินแบบ Move Up เดินไปข้างหน้าแบบไม่หันหลังกลับ

Ozcar Wang เกิดและเติบโตที่บราซิล เขาเริ่มต้นเส้นทางศิลปินด้วยการเป็นศิลปินฝึกหัดที่เกาหลี จากนั้นได้เข้าร่วมแข่งขันรายการเซอร์ไววัลดัง Chuang 2021 จนเป็นที่รู้จัก เส้นทางนี้ของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ด้วยความไม่ยอมแพ้ที่มาพร้อมแพสชั่น ทำให้วันนี้ Ozcar Wang เป็นอีกหนึ่งศิลปินดาวรุ่งจีนที่น่าจับตามอง ทั้งเรื่องความสามารถ และสไตล์อันโดดเด่น 

กลับมาเมืองไทยรอบนี้ รู้สึกอย่างไรบ้าง?

“ผมดีใจมากๆ ที่ได้กลับมาครับ รอบนี้ก็กลับมาร่วมงานดนตรีที่ไทย ผมรู้สึกดีที่ได้ทำผลงานให้แฟนๆ ชาวไทยได้ดูผมโชว์บนเวที”

ได้ไปเที่ยวที่ใหม่ๆ ในเมืองไทยหรือได้กินอะไรอร่อยๆ ในเมืองไทยแล้วบ้าง?

“ผมไปเที่ยวพัทยา แล้วก็ไปเที่ยววัดที่จังหวัดอยุธยาด้วยครับ ส่วนอาหารผมก็ได้ทานเยอะมาก เช่น กุ้งเผา , ผัดกะเพราเนื้อ วันที่มาสัมภาษณ์ก็สั่งผัดกะเพรามากินครับ”

เล่าถึงความประทับใจคอนเสิร์ต Bondbond Music Mania ซึ่งเป็น Head Line Up ด้วย?

“ผมรู้สึกดีใจมากๆ รู้สึกปลดล็อกอะไรหลายๆ อย่าง เพราะรอบนี้มีการเตรียมตัวเพื่อโชว์ค่อนข้างมาก หวังว่าทุกๆ คนจะชอบนะครับ ความพิเศษอย่างนึงคือเตรียมเสื้อมาโยนให้แฟนๆ เป็นของที่ระลึกให้แฟนๆ ชาวไทยโดยเฉพาะครับ”

 

เล่าถึงซิงเกิลใหม่ Cupid แรงบันดาลใจเพลงนี้?

“จริงๆ แล้วเพลงนี้ผมแต่งเสร็จเร็วมากเลยครับ ตอนนั้นจำได้ว่าพอมู้ดมาปุ๊บ ผมก็เปิดคอมพิวเตอร์ทันที นั่งพิมพ์ๆ แล้วก็ทำไปเรื่อยๆ ก็จบภายใน 2 ชั่วโมง พอเขียนเพลงจบเสร็จก็ส่งไปให้โปรดิวเซอร์ดู เขาก็บอกว่าโอเคเลยนะ ก็เลยกลายมาเป็นเพลง Cupid ครับ ส่วนแรงบันดาลใจจริงๆ ไม่ได้มีอะไรขนาดนั้นครับ ก็อาจจะมีมาจากหนังที่ผมเคยได้ดู มันเหมือนกับการได้รวบรวมข้อมูลในชีวิตที่ผ่านๆ มา ผมคิดว่าถ้าเป็นเรื่องราวของคนที่รักกันสองคน ก็คงเป็นเรื่องราวของเพลงนี้ครับ“

แพสชั่นในเรื่องแฟชั่นของคุณ หลายคนยกเป็นแฟชั่นไอดอล?

“จริงๆ ผมว่าการแต่งตัวใส่ให้สบายก็พอแล้วครับ เพราะแฟชั่นมันไม่มีข้อจำกัดที่ตายตัว ทุกคนมีมุมมองแฟชั่นที่แตกต่างกัน ผมว่าผมเองก็ไม่ใช่แฟชั่นไอคอลหรอกครับ สไตล์ผมก็จะแต่งแบบพอดีๆ ตัว (Fit) แต่ถ้าวันไหนไม่ได้ทำงานผมก็ไม่ได้แต่งตัวอะไรเยอะ เสื้อเชิ้ต กางเกง รองเท้า ประมาณนั้นเลยครับ”

คุณเป็นคนที่ชื่นชอบการสัก และมีรอยสักหลายจุด รอยสักแรกและรอยสักล่าสุดเป็นลายอะไร และรอยสักไหนที่มีความหมายพิเศษบ้าง?

“ผมเริ่มสักครั้งแรกตอนอายุ 13 ปี ชื่นชอบตามดาราที่ผมชอบ แต่จริงๆ แล้วผมไม่อยากให้เลียนแบบผมนะ เพราะว่าผมรู้สึกเสียใจนิดนึงที่ตัดสินใจสักตอนเด็ก รอยสักแรกอยู่ตรงแขนด้านซ้าย มันไม่มีความหมายอะไรเลย อย่างที่ผมบอกครับอย่ารีบสักตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นผมแค่อยากสัก (หัวเราะ) ส่วนรอยสักล่าสุดผมสักที่เมืองไทย เป็นรูปแมวของผมชื่อว่า “ชีส” กับ “เค้ก” ครับ ถ้าถามว่ารอยสักไหนมีความหมายพิเศษ จริงๆ แล้วรอยสักทุกอันมีความหมายและมีความสำคัญเฉพาะตัวของมัน ยกตัวอย่างเช่น แมวสองตัวที่เพิ่งสักมาก็มีความหมายกับผมมาก แล้วที่สักคำว่า ‘Answer’ ไว้ที่ตัวก็เพื่อแฟนคลับ เพราะเป็นชื่อด้อมแฟนคลับ ส่วนรอยสักตรงแขนซ้ายก็เป็นชื่อแร็ปเปอร์ที่ผมชอบมากๆ ดังนั้นทุกรอยสักจึงมีความหมายกับผมครับ ในอนาคตก็มีแพลนสักเพิ่มอีกแน่นอนครับ”

ย้อนอดีตนิดนึง ใครหรืออะไรทำให้คุณอยากเป็นศิลปิน?

“ตอนนั้นผมดู BIGBANG (บิ๊กแบง) แล้วผมรู้สึกว่าเท่จังเลย ผมก็เลยอยากลองมาเป็นศิลปินดูบ้าง ผมเริ่มฝึกเข้าคลาสเรียนตั้งแต่อายุ 17-18 ปี ซึ่งผมคิดว่าตัวเองเริ่มช้าไปหน่อย ตอนนั้นร้องเพลงก็ไม่ได้ เต้นก็ไม่ได้เลย”

กว่าจะมีวันนี้ ทราบมาว่าคุณต้องพิสูจน์ตัวเองเยอะมาก เหนื่อยและเคยคิดอยากที่จะหยุดมั้ย?

“มีเพลงของผมเพลงหนึ่งที่ชื่อว่า ‘Move Up’ ผมว่าเพลงนี้ตอบคำถามข้อนี้ได้ค่อนข้างดีเลยครับ เพราะเนื้อหาของเพลงบอกเล่าว่าเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วเราแก้ไขอะไรไม่ได้ อะไรที่เกิดขึ้นแล้วก็ให้มันผ่านไป แทนที่เราจะมานั่งจมปลักกับสิ่งเก่าๆ เราเดินหน้าหาแพลนในอนาคตดีกว่าว่าเราจะทำยังไงให้ทุกอย่างดีขึ้นกว่าเดิม ก็คือมูฟออนไปเลยดีกว่ากับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผมเองก็เคยมีจุดที่ท้อและอยากหยุด แต่ผมไม่อยากย้อมแพ้ ก็เลยเดินหน้าต่อ แม้มันจะไม่ได้เป็นไปตามที่หวังไว้ แต่ผมจะก้าวไปต่อๆ ไม่หันหลังกลับ

เพราะเอาจริงๆ ความรู้สึกของผมตอนนี้ก็ยังไม่ได้เชื่อมั่นในตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ขนาดนั้นว่าตัวผมจะทำมันได้จริงๆ นะ แต่ว่าทุกครั้งผมจะพูดกับแฟนๆ และเพื่อนๆ เสมอ  ว่าต้องเชื่อมั่นในตัวเอง ตัวผมเองก็ยังตอบไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ผมยืนหยัดอยู่ตรงนี้ แต่ผมรักในอาชีพนี้จริงๆ ถ้าผมไม่ได้เป็นศิลปิน ไม่ได้เป็นนักร้อง ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นผมจึงคิดว่าผมจะทำตรงนี้ต่อไป อดทนและทำมันต่อไป ทำให้ดีที่สุด ทำไปจนวันนึงมันไปไม่ได้จริงๆ อาจจะค่อยมาคิดในตอนนั้นว่าจะทำอะไรดี”

ในฐานะที่วันนี้คุณเป็นศิลปินที่มีคนเฝ้ามองอยู่ อยากบอกอะไรกับคนที่ตามฝันเหมือนคุณบ้าง?

“ผมอยากบอกคนเหล่านั้นว่าอยากให้ตั้งใจทำต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าจริงๆ แล้วการพยายาม การตั้งใจทำ การเดินหน้าต่อไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะคนบางคนหรือศิลปินบางท่านทำงานในวงการมาหลายปีเลยกว่าที่จะมีชื่อเสียงขึ้นมา จนถึง ณ จุดนั้นจริงๆ จุดที่รู้สึกมีชื่อเสียงหรือประสบความสำเร็จแล้วจริงๆ คุณจะชื่นชมตัวเองว่าทำได้แล้วจริงๆ นะ และคุณอาจจะรู้คุณค่าของมันมากกว่าการที่อยู่ๆ ก็ดังได้ง่ายๆ รวดเร็ว เพราะคุณจะรู้ว่าตัวเองพยายามมามากแค่ไหน อยากจะบอกทุกคนที่มีความฝันว่ายังไงก็พยายามต่อไปนะครับ แล้วก็พยายามหาแพชชั่นในการทำงานในแต่ละวัน เพื่อทำในสิ่งที่รัก”

คุณเกิดและเติบโตที่เมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล 9 ปี ช่วยเล่าช่วงเวลานั้นหน่อย?

“ตอนที่ผมอยู่ที่บราซิลมีเรื่องที่ผมจำได้คือทุกคนที่บ้านถูกขโมยของหมดเลย ยกเว้นผมแค่คนเดียวที่ไม่เคยโดน และอีกเรื่องนึงที่จำได้ดีจนถึงทุกวันนี้ วันหนึ่งพ่อกับแม่พาผมไปล่องเรือ แล้วผมพลัดตกน้ำ และมีเด็กอีกคนหนึ่งตกน้ำเหมือนกัน ผมเกือบไม่รอดเพราะว่าตัวผมว่ายน้ำเป็น แต่เด็กอีกคนหนึ่งว่ายไม่เป็น แต่เขาใช้ผมเป็นที่รองเพื่อถีบตัวเองขึ้นพ้นน้ำ ผมเลยต้องพยายามโผล่พ้นน้ำขึ้นมา เป็นเหตุการณ์ที่ผมจำฝังใจเลยครับ”

ประสบการณ์ และความประทับใจที่ได้จากรายการ  CHUANG (2021)?

“สิ่งที่ผมได้จากรายการนี้ ได้ความมั่นใจของตัวเอง มีไฟในการที่จะทำให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับและให้ทุกคนรักให้ได้ ตอนนั้นผมก็ได้สัมผัสถึงความรู้สึกที่มีคนรักและคนชอบผม ถึงแม้ว่า จะมีคนไม่ชอบบ้างก็ตาม แต่มันก็เป็นความรู้สึกแรกที่มีคนมาชื่นชอบผมเยอะมากขนาดนั้น และเป็นเพราะรายการทำให้ผมมีโอกาสได้มาประเทศไทย มีแฟนๆ ชาวไทยหลายๆ คนได้รู้จักผมผ่านรายการนี้ แล้วผมก็ได้มีโอกาสร่วมงานกับ RYCE Entertainment ด้วย ก็ดีมากครับ”

ความน่ารักของแฟนๆ ชาวไทย?

“แฟนคลับชอบทรีตผมเหมือนเป็นเด็กน้อยครับ (หัวเราะ) พวกเขาเรียกผมว่า ‘น้องหมี’ ดูเป็นเหมือนเด็กๆ น่ารัก มัมหมีรักหนูนะประมาณนั้นครับ (หัวเราะ) ตอนแรกฟังดูแล้วก็รู้สึกว่าเป็นเด็กน้อยไปหรือเปล่า แต่พอฟังไปฟังมาก็รู้สึกว่ามันน่ารักดีนะ เป็นความเอ็นดู”

ได้ยินว่าถ้าเกษียณแล้ว คุณอยากมาอยู่เมืองไทย?

“เพราะผมชอบความรู้สึกอิสระครับ ดังนั้นผมจึงคิดว่าประเทศไทยเป็นที่ที่ตอบโจทย์ผมของการได้อยู่แบบอิสระ ผมเลยคิดว่าอยากเกษียณแล้วอยู่ที่เมืองไทย”

มีแพลนมั้ยว่าจะทำงานในวงการจนถึงอายุเท่าไหร่?

“จริงๆ แล้วผมไม่เคยมีแพลนที่วางเอาไว้เลยครับเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่คิดว่ายังไงก็คงต้องหลังอายุ 30 ตอนนี้ก็ขอทำไปเรื่อยๆ ก่อนผมยังไม่มีความคิดนั้นครับ”

อยากให้คนจดจำ “ออสการ์ หวัง” แบบใด?

“อยากให้จดจำ ‘ออสการ์ หวัง’ ในแบบที่เป็นผู้ชายคนหนึ่งบนเวที เพราะจริงๆ แล้วเป้าหมายหลักของผมของการเข้ามาเป็นศิลปิน อยากให้ทุกคนได้รู้จักเพลงของผม ผมเลยอยากให้ทุกคนจดจำผมในฐานะศิลปินที่ชื่อว่า ‘ออสการ์ หวัง’ ครับ”

 

MODEL: OZCAR WANG

Entertainment Editor: Jeera_AuAi

TEXT: Pathummas Wongprom

PHOTO: Naowapoj 

STYLIST: SUKUNYA DISSAMARN @jibjib_fallinlove

WARDROBES: @VVONSUGUNNASIL_OFFICIAL

JEWELRY: @MATTERMAKERS

LOCATION: @AESOPSBKK
SPECIAL THANKS: RYCE Entertainment @ryce_ent