มอส-แบงค์ ชวนลุ้นรักในซีรีส์โรแมนติกคอมมาดี้แต่แอบแซ่บใน เพียงชลาลัย

account_circle
event

สิ้นสุดการรอคอยกับผลงานคู่สุดฟินของ  “มอส ภาณุวัฒน์ โสประดิษฐ” และ “แบงค์ มณฑป เหมตาล” ในซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้เรื่อง “เพียงชลาลัย” (Sunset x Vibes) ที่สนุกเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ งานนี้สุดสัปดาห์ขอเสิร์ฟความฟินให้สุด ด้วยแฟชั่นเซ็ต Digital Cover พร้อมบทสัมภาษณ์ของทั้งคู่ถึงการทำงานในเรื่องนี้ที่ทั้งสนุกและปนเรื่องราวบางอย่างแบบเจาะลึกชวนขนลุกเบาๆ!!!

เล่าเรื่องเพียงชลาลัยให้ฟังคร่าวๆ สำหรับคนที่ยังไม่ได้รู้กันสักนิดค่ะ

แบงค์:  เรื่องราวของประธานสุดหล่อครับชื่อว่าคุณซัน-สุริเยนทร์ (รับบทโดย มอส) กับเด็กฝึกงานไฟแรงที่ชื่อว่าหนูลิน-สลิล (รับบท แบงค์) หนูลินเข้าไปฝึกงานที่บริษัทของซัน ซึ่งก็มีเรื่องที่น่าตกใจมากคือ วันแรกที่เข้าฝึกงาน หนูลินได้เจอกับท่านประธาน ซึ่งเขาคือคนที่เราเพิ่งไปเดทด้วยกันมา คือตอนเดทเราไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน มารู้ว่าเป็นประธานบริษัทก็ตอนมาทำงานวันแรก พอได้รู้ความจริงก็จะงงๆ หน่อย ความน่ารักของเรื่องนี้ ฟีลแบบ… ไปทำงานแล้วเรารักเจ้านาย ถึงแม้ที่ออฟฟิศไม่มีมีกฏข้อห้าม แต่มันก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรแหละ เราสองคนจะมีแอบมีการส่งซิกกันตลอด ไม่ให้คนในออฟฟิศรู้ว่าแอบกิ๊กกัน

มอส:  มีการย้อนอดีตชาติด้วย เหมือนข้ามภพข้ามชาติกันหลายชาติ ชาติที่แล้วรักกันมาก่อนแต่ไม่สมหวัง ซึ่งในทุกชาติมีความผูกพันกัน เรื่องราวมีการนึกย้อนไปถึงอดีตว่า เพราะเป็นอย่างนั้นเลยทำให้ในชาติปัจจุบันนี้ได้มาเจอกัน และมีหลายเหตุการณ์ที่น่าติดตามครับ

เล่าในพาร์ทอดีตชาติให้ฟังหน่อยว่าเล่นเป็นใคร

แบงค์: ปัจจุบันชื่อสลิล อดีตชาติชื่อ ศิรารินทร์เทวี เป็นพญานาคิณี ชาติที่แล้วไม่สมหวัง รักเขาแต่เขาไม่รัก ก็จะมีความแค้นเขาจนมาถึงในชาตินี้ ในชาติปัจจุบันก็ไม่ได้จำอะไรได้มาก จะเป็นฟีลแว้บๆ เข้ามา ฝันถึงเรื่องราวเก่าๆ ในอดีต แต่เราก็ไม่เข้าใจเท่าไร และเรื่องก็จะค่อยๆ คลี่คลาย

มอส: ในเรื่องสลิลจะฝันฝ่ายเดียว ผมไม่ฝัน แต่จะคอยรับรู้เรื่องราวของเขาทีละนิด และค่อยๆ ปะติดปะต่อเรื่องราว

แบงค์:  เราเชื่อในปาฏิหาริย์นะ และปาฏิหาริย์นั้นก็คือคุณ ในทุกครั้งที่เกิดอันตราย คนที่เป็นปาฏิหารย์ทำให้เราปลอดภัยทุกครั้งก็คือพี่ซัน

มอส:  จริงๆ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์โรแมนติก ซึ่งเรื่องราวความสัมพันธ์ไม่ได้มีแค่หนูลินกับพี่ซันนะ ด้วยความที่มีมู้ดคนทำงานออฟฟิศด้วย ก็เลยอยากนำเสนอโมเมนต์ของพนักงานออฟฟิศ ที่มีความเรียล มีคนแอบนินทาเจ้านายบ้างแหละ ทำงานแข่งกับ Dead Line บ้างแหละ ฟีลเพื่อนร่วมงานเม้าท์มอยกัน คนทำงานออฟฟิศดูแล้วจะเก็ต เออ… แอบเหมือนฉันอยู่นะ มีเรื่องความสัมพันธ์กันในออฟฟิศด้วย มีทั้งหมด 4 คู่ครับ ก็เป็นเพื่อนร่วมงานกัน  ทุกอย่างจะสนุก อลเวง สนุกมากกก

เล่าความน่าสนใจของพาร์ทอดีตชาติให้ฟังสักนิดค่ะ

แบงค์:  เรื่องความเชื่อครับ มันน่าสนใจตั้งแต่สตอรี่จากนิยายเลย เพราะคนเขียนนิยายมีความเชื่อเรื่องพญานาค เขาเคยเล่าให้ฟังว่า… เขาคิดไม่ออกเลยว่าจะเขียนเรื่องอะไร เลยไปไหว้ปู่ที่คำชะโนด แล้วปู่มาเข้าฝัน บอกว่า “เขียนเรื่องกูสิ”
มอส: เขาฝันเห็นพญานาคขึ้นกลางน้ำเลย
แบงค์: เขาก็บอกจะให้เขียนยังไง ปู่ก็บอกก็ลองเขียนดู เดี๋ยวกูช่วย เขาก็เริ่มเขียนมาเรื่อยๆ เหมือนกับฝันอยู่เรื่อยๆ ไอเดียเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ เขียนเสร็จสมบูรณ์ก็กลายเป็นนิยายที่มีชื่อเสียง มอสก็เคยฝันถึงปู่พญานาค เหมือนท่านอยากให้รำให้ ก็ไปรำให้ปู่มาแล้ว เหมือนมีปาฏิหาริย์ที่ทำให้ได้เจอกับนิยายเพียงชลาลัย ซึ่งวันที่พี่โอ๋และพี่เฟิร์ส (ผู้บริหาร Star Hunter) เลือกเพียงชลาลัย พี่โอ๋และพี่เฟิร์สยังไม่รู้เลยว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอดีตชาติ เกี่ยวข้องกับพญานาคด้วย รู้แค่ว่าเป็นเรื่องราวความรักในออฟฟิศ ทุกอย่างมันเหมือนจัดสรรมา ผมรู้สึกว่านี่คือความบังเอิญที่ไม่บังเอิญครับ

มอส: ตอนใกล้ถ่ายทำ เราก็ไปคำชะโนดกันมาด้วย ไปทุกที่ที่มีความเชื่อเริ่องพญานาค ไปวัดนาคปรก ไปบึงโขงหลงที่บึงกาฬด้วยครับ
แบงค์ : แล้วความพีคของมอส มอสฝันว่าต้องไปรำ  “มึงอยากดังรึเปล่าล่ะ ถ้ามึงอยากดังมารำให้กูสิ”

มอส: ฝันว่ามีคนแก่มาบอกให้ไปรำ เลยเล่าให้พี่โอ๋กับพี่เฟิร์สฟัง พี่โอ๋เชื่อเรื่องพญานาค ก็พาไปคำชะโนดเลย ในฝันคือผมเห็นเป็นคนแก่ใส่ชุดขาว มีคนมานั่งไหว้ มารำให้ท่าน เรากำลังเดินผ่านกับเพื่อนๆ เขาก็ชี้มาที่ผมแล้วบอกว่า “มึงอยากดังรึเปล่าล่ะ อยากดังมารำให้กูสิ” แล้วผมก็ตื่นเลย ตอนประมาณ ตี3 ตี 4 จำได้ว่าในฝันผมมีต่อรองกับท่านด้วยนะ บอก…. ผมรำไม่เป็นหรอก ให้พี่ผมรำให้ได้มั้ย แล้วท่านก็ตอบกลับมาว่า “มึงอยากดังรึเปล่าล่ะ อยากดังมารำให้กูสิ” ตอนที่พี่โอ๋พาไปคำชะโนด ใจก็คิดว่าเราจะหาที่รำที่ไหน ไม่ที่ให้รำเลย ก็ปรึกษากันจนกลับมากรุงเทพแล้วนะ แบงค์ก็ช่วยติดต่อหาชุด แต่เรารำก็ไม่เป็นอีก ปรึกษากัน คิดหาทางกันเยอะมาก เลยคุยกันว่า ไม่เป็นไรถ้าจะได้รำ เดี๋ยวก็ได้เอง ไม่ต้องไปพยายามอะไรเยอะ อาจจะไม่ถูกที่ถูกทาง มันอาจจะไม่ถูกต้องรึเปล่า ก็เลยยังหาไม่ได้ และอยู่ดีๆ หลังคุยกันไม่เกิน 2 วัน ก็มีคนติดต่อมาหาพี่โอ๋ บอกว่าตอนนี้ต้องการคนมารำที่วัด  2 คน ที่วัดนาคปรก

แบงค์:  พิธีเปิดองค์พญานาค คือตอนนั้นขนลุกมาก เราทราบจากพระที่วัดว่า จริงๆ ได้คนรำครบแล้ว 10 คน แต่มี 2 คน ท่านไปเข้าฝันไม่ให้มารำ
มอส: ผมก็ถามว่า ที่ได้มารำจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย พระท่านก็บอกว่า ถ้าท่านไม่ให้รำ เดี๋ยวก็จะไปบอกเอง อันนี้ท่านเป็นคนเรียกมานะ

ส่วนตัวมอส-แบงค์ เชื่อเรื่ององค์พญานาคมั้ยคะ
มอส: เชื่อสุดๆ ผมเป็นคนอีสาน อยู่จังหวัดเลย ติดแม่น้ำโขง ที่บ้านจะเชื่อมากๆ เวลาไปไหนก็จะไหว้พญานาคตลอด แต่พอโตมาด้วยความที่เราเป็นวัยรุ่นยุคใหม่ ก็เหมือนห่างๆ ไม่ค่อยได้ไหว้ท่านบ่อยเหมือนเมื่อก่อน

การได้มาเล่นซีรีส์เรื่องนี้ เหมือนกับได้กลับมาใกล้ความเชื่อเรื่องพญานาคอีกครั้ง

มอส: เสียงยังดังอยู่ในหัวผมอยู่เลย “มึงอยากดังมั้ย มาไหว้กูสิ” นึกถึงก็ขนลุกมาก มีเรื่องหนึ่งที่อยากเล่า คือเราเคยไปถ่ายงานๆ หนึ่ง เจอคนจีนที่สามารถมองเห็นสิ่งลี้ลับ เขาดูดวงให้ และบอกว่าด้านหลังผมมีงูใหญ่สีเขียวประกายดำๆ ตัวใหญ่มากคลุมอยู่ เขาบอกว่านักเขียนที่เขียนนิยายเรื่องนี้ เคยไหว้พญานาค เป็นพญานาคสีเดียวกันแบบนี้เลย ซึ่งเขาจะรู้ได้ยังไง ตอนนั้นเรายังไม่ได้ถ่ายเลย ยังไม่ปล่อยโปรโมทซีรีส์เลย

แล้วความสนุกในพาร์ทปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง

แบงค์:  ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนในออฟฟิศครับ คือเราสามารถตกหลุมรักใครก็ได้ แล้วคนที่เราตกหลุมรักดันเป็นเจ้านาย มันอาจเป็นเรื่องจริงของใครก็ได้ ผมว่าลินกับซันโชคดีที่เขาได้เจอกัน เป็นคู่ที่โรแมนติกมาก แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมันสวยงาม

มอส: ผมว่าคือความสะใจ เราเคยดูหนังเรื่องหนึ่งแล้วรู้สึกว่าทำไมมันไม่เป็นอย่างนี้ล่ะ มันต้องเป็นอย่างนั้นสิ แต่เรื่องนี้มันจะเป็นตามที่ทุกคนคิดไว้ มันเป็นซีรีส์ตามใจทุกคนมากๆ ตามใจสุดๆ ดูแล้วสะใจ! แต่ก็มีบ้างที่ขัดใจคนดูเล็กน้อย

แบงค์:  ผมเป็นนายเอกยุคใหม่ ถ้ายุคก่อนๆ ก็จะเป็นฟีลว่า “อุ๊ย…อันนี้ไม่เอาครับ” (เสียงอ้อนๆ) แต่ผมจะเป็นฟีลว่า “ไม่เอาอะคร๊าบบบ” แล้วพอถูกปฏิเสธเราก็จะแบบ “อะ! ก็ได้ครับ” มันจะเป็นการสอนเลย ใครที่อยากมีแฟนหรือใครที่อยากผูกมัดใครสักคนให้อยู่กับเรานานๆ เรื่องนี้มีเทคนิคเยอะมาก เทคนิคยุคใหม่ที่ไม่เล่นตัวนาน ผมว่ามันคอมเมดี้นิดนึง ช็อตฟิลบ้างเบาๆ

ถ้าได้ทำงานออฟฟิศอยากทำงานอะไร ตำแหน่งอะไรกันคะ
แบงค์:
น่าจะทำงานแมกกาซีนนะ เพราะชอบแฟชั่น เป็นคอนเทนท์ครีเอเตอร์สายแฟชั่น เพราะเราชอบเสื้อผ้า ชอบบิวตี้ ชอบอะไรที่สวยงาม ชอบเรื่องเทรนด์ใหม่ๆ คิดว่าแมกกาซีนน่าจะเหมาะกับเรา

มอส: เขาชอบด้านนี้มาก เป็นคนละเอียดมากในเรื่องแฟชั่น ส่วนผมเป็นคนที่ชอบศิลปะมาก ชอบวาดรูปมาก น่าจะเป็นศิลปินวาดรูปขายที่ใดที่หนึ่ง อาจจะตั้งแผงวาดรูปสักที่หนึ่ง ฟีลแบบถนนคนเดินอะไรแบบนั้นหรือเปิดแกลลอรี่ ผมจะเป็นคนไม่ชอบทำอะไรที่เสี่ยง แต่แบงค์ชอบเสี่ยง ผมอาจจะหางานออฟฟิศทำที่เกี่ยวกับศิลปะ  หรือ interior design ซึ่งมีรายได้แน่นอน  แล้วผมก็ทำอาชีพเสริมวาดรูปขายไปด้วย

ตัดมาที่ซีรีส์ในซีนใต้น้ำที่ก็มีเรื่องเล่าชวนขนลุกเช่นกัน

แบงค์: ผมเป็นคนที่ไม่เคยถ่ายงานใต้น้ำมาก่อนเลย เป็นครั้งแรกเลยครับ คือกลัวมาก หนึ่งต้องหายใจใต้น้ำ สองเราจินตนาการว่าองค์พญานาคท่านอยู่ข้างหน้า สามคือมองอะไรไม่เห็น สติต้องครบมาก ผมต้องอยู่ตรงนั้นประมาณ 30-40 นาที ทุกครั้งที่เอาเครื่องออกซิเจนออกปุ๊บ ผมต้องแอคติ้งเหมือนเห็นสิ่งต่างๆ ใต้น้ำ แอ็คติ้งล้วนๆ พอขึ้นบกทุกครั้งครูฝึกจะพูดว่า แบงค์กลั้นหายใจได้นานขนาดนี้ได้ไง ทำไมลงไปนานมากกกก ครูฝึกมาเป็นสิบปียังกลั้นหายใจไม่ได้นานขนาดนี้เลยนะ แต่ความรู้สึกผมมันเหมือนแป๊บเดียวเอง จริงๆ ผมสามารถอยู่ได้นานกว่านี้อีกด้วย

มอส: ผมดำลงไป 2 รอบ แบงค์ยังไม่ขึ้นมาครับ แบงค์อยู่ในน้ำประมาณ 40-50 วินาที ส่วนผมประมาณ 20 วินาที คนทั่วไปจะอยู่ใต้น้ำได้ประมาณ 25-30 วินาที แต่แบงค์ดำน้ำได้นานมาก นานจนครูฝึกยังบอกเลยว่านานกว่าปกติ
แบงค์: ก่อนลงไปผมจะไหว้บอกให้ท่านมาช่วย ผมจะบอกท่านว่ามาช่วยได้มั้ย ผมไม่เคยทำงานใต้น้ำเลย ขอให้ซีนนี้ออกมาสวยที่สุด เพราะมีซีนองค์พญานาคใต้น้ำด้วย ผมอยากให้ซีนนี้ออกมาสวยที่สุด เป็นที่พูดถึงมากที่สุดนะครับ แล้วพอลงไป ผมรู้สึกได้เลยว่ามีคนช่วยหายใจ มันไม่มีทางเลยพี่ที่ผมจะกลั้นหายใจได้นานขนาดนั้น เพราะผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้

มอส: เลยกลายเป็นว่าซีนนี้เป็น visual ที่สวยที่สุด
แบงค์: สวยมากออกมาสวยมากจริงๆอยู่ใน EP. แรก เป็นซีนเปิดเรื่องเลย ดูย้อนหลังกันได้ครับ
มอส: ถ้าดูใน Pilot จะเห็นเลยว่าจะมีช็อตที่แบงค์มีพญานาคพันตัว

 

มีซีนไหนที่ชอบเป็นพิเศษ

แบงค์: ผมชอบ EP. 1 เลย ซีนใต้น้ำ ชอบที่สุดในเรื่องเลย เป็นซีนที่ทำให้ผมกล้าพูดแล้วว่า ผมเป็นนักแสดงเต็มตัว เพราะซีนนั้นเสี่ยงอะไรหลายๆ เช่น อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งผมไม่รู้สึกว่าห่วงตรงนั้นเลย  ผมรู้สึกว่าอยากให้งานมันออกมาดีที่สุด เป็นซีนปลดล็อคให้โตขึ้นในอาชีพนักแสดง

มอส: ผมชอบเยอะมากเลยครับ ถ้าชอบที่สุดก็คงจะเป็นเลิฟซีนทุกฉาก (เสียงแซวกรี๊ดกร๊าด) ผมรู้สึกว่ามันเป็นศิลปะที่สวยที่สุดที่ผมจะทำได้ตอนนี้ เลิฟซีนเป็นฉากที่ยากมากนะ มันไม่ใช่แค่แสดงออกมาแล้วมันจะจบไปเลยอะ มันต้องแบบกว่าจะมานั่งทำความเข้าใจต้องคิดแบบนี้อยู่นะ ตัวละครต้องมาทำยังไง บางทีเราก็เขินอายคนที่หน้ากองอยู่นะ  หน้ากล้องก็มีคนอยู่เป็น 20-30 คน ทำยังไงให้เราทำออกมาได้แบบเหมือนนั่งกันอยู่ 2 คน นอกจากจะทำได้แล้วต้องทำยังไงให้ถึง

มอสเป็นคนโรแมนติกนะเนี่ย 

แบงค์: เขาเป็นคนโรแมนติกโดยการกระทำ ส่วนคำพูดนี่ชวนทะเลาะกันทุกวัน แต่การกระทำคือดีมาก… จนแบบทำไมไม่พูดออกมา บางทีก็อยากให้พูดออกมา

 

มอส: ก็จะมีแฟนๆถามว่า แล้วจะได้เห็นอะไรที่มันแตกต่างจากเรื่องที่แล้ว เพราะเรื่องที่แล้วเลิฟซีนหนัก ความแตกต่างของเลิฟซีนเรื่องนี้ มันคือเลิฟซีนด้วยความโรแมนติก เรื่องที่แล้วมันเป็นเลิฟซีนร้อนแรงดุเดือด ทีนี้เรามาลองดูเลิฟซีนที่มันโรแมนติกมากขึ้น เป็นเลิฟซีนที่แบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป

มอส-แบงค์ เติบโตมาพร้อมกันในเส้นทางบันเทิง เข้าใจ เรียนรู้กันและกันอย่างไร

มอส: รู้จักกันดีมากๆ อยู่แล้วตั้งแต่มังกรกินใหญ่ เราทำอะไรหลายๆ อย่างด้วยกัน ทุกวันนี้ต้องใช้ชีวิตร่วมกันให้ได้ พอเราใช้ชีวิตร่วมกันมาแล้ว ผมว่าเขาก็จะเป็นแบบปุยนุ่น ผมก็จะเป็นแบบสากกะเบือ เพราะฉะนั้นเราใช้ชีวิตด้วยกันทุกวัน จึงค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสากกะเบือยังไงให้มันเป็นซิลิโคนนุ่มนิ่มขึ้น เหมือนใช้ชีวิตให้ดีที่สุดในทุกวัน บางวันอาจทำตัวเหลวไหลหรือเกเรอะไรไปบ้าง ทุกวันนี้มีเขาคอยประคับประคอง เขาเป็นคนเก่ง เขารักผมจริง คอยช่วยเหลือทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นผมจะไม่เก่งขึ้นจนถึงทุกวันนี้ เขาช่วยเปลี่ยนผมเยอะมาก ไม่ได้เปลี่ยนผมแบบพยายามเปลี่ยนผมนะ แต่พยายามสอนให้เราค่อยๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดี เห็นแบบนี้เขาเป็นคนดุมาก โดยเฉพาะเรื่องงาน

แบงค์ล่ะคะ ประทับใจอะไรในตัวมอส
แบงค์: เวลาเราทำอะไรผิด เราอยากให้คนที่เราสนิทมากๆ ปกป้องเราก่อน ต่อให้เราผิดก็เถอะ เดี๋ยวค่อยมาว่ากันทีหลัง ซึ่งเขาก็เป็นคนที่ปกป้องผมในทุกเรื่อง ไม่ว่าสถานการณ์ตรงนั้นผมอาจจะผิดก็ได้ แต่ขอให้ปกป้องเราก่อน ปกป้องเราให้ออกมาจากสถานการณ์ตรงนั้นให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยมาคุยกันว่ามันถูกหรือผิดยังไง เขาให้เกียรติเรามากในทุกเรื่อง ไม่ค่อยทำให้เรารู้สึกเสียหน้าเลย และจะไม่ยอมให้ใครมาว่าเรา เหมือนฉันว่าเธอได้คนเดียว จะไม่ยอมให้คนอื่นมาว่าเรา

ผมรู้สึกว่ามีเขาแล้ว ชีวิตเราสนุกขึ้น ตื่นขึ้นมาแล้วเรารู้แล้วว่าต้องทำอะไร เรามีเป้าหมายไปด้วยกัน ต่างคนต่างจับมือเพื่อไปให้ถึง Goal

ถ้าในแง่ของการเติบโตไปด้วยกันในด้านการทำงานล่ะ

แบงค์: เรามีความเข้าใจเยอะขึ้นมาก อย่างถ่ายแบบ มอสไม่เคยทำงานถ่ายแบบมาก่อน ณ วันนี้ ผมสามารถให้เขาไปเองได้แล้ว โดยที่ผมไม่ต้องไปด้วย เขาเติบโตขึ้นในการทำงานมากๆ ไม่ว่าจะงานสัมภาษณ์ และอีกหลายอย่างเขาเก่งขึ้นมาก

ส่วนของผมเอง ผมรู้สึกว่ามันมีหลายด้าน ที่ทำให้เข้าใจว่า การที่แสดงว่าตัวเองเก่งเกินไป ก็ไม่ได้เป็นที่รักสำหรับหลายๆคน ผมเลยได้เรียนรู้ตรงนี้ว่า คนเราไม่ต้องเก่งในทุกเรื่องก็ได้ ไม่เก่งให้คนว่าบ้างก็ได้ แค่ใช้ชีวิตสนุกขึ้น มีความสุขมากขึ้น ทุกวันนี้ผมรักงานที่ทำมากขึ้น และผมมองทุกคนอย่างเข้าใจมากขึ้น เช่น ถ้ามีคนมาทำไม่ดี ผมจะไม่เครียด แต่จะมองว่าอย่างน้อยเขาทำให้เราโลกมองอีกมุมหนึ่ง คนเราเติบโตไม่เหมือนกัน

 

สุดท้ายอยากให้ฝากซีรีส์เพียงชลาลัย

แบงค์: พริกที่เผ็ดที่สุดในโลกเท่ากับเพียงชลาลัย
มอส: สำหรับผมเรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่ดีที่สุดในชีวิตของผมตอนนี้ คิดว่าทุกคนจะชอบ มันเป็นซีรีส์ที่ออนตอน 4 ทุ่ม 5 ทุ่ม แต่ดูแล้วคุณจะไม่ง่วงเลย ดูแล้วอยากดูต่อ เมี่อไหร่จะถึงวันออนแอร์อีก ดูแล้วอยากดูอีก มันสนุกมาก enjoy มาก อยากให้ทุกคนลองเปิดใจให้ EP. 1 ก่อนเพราะ EP.1 เปิดมาก็แรงเลย

แบงค์: อยากให้วันเครียดๆ ของคุณกลับมามีความสุขอีกครั้ง เรื่องนี้โมเมนต์มันดีมาก ต่อให้คุณกินอาหารคลีนอยู่ผมเชื่อว่าอาหารคลีนของคุณมันจะหวานขึ้น เปรี้ยวขึ้น เผ็ดขึ้น มันจะอร่อยขึ้น ถ้าคุณได้ดูซีรีส์ของพวกเรา เรื่องนี้ทุกคนตั้งใจมากจริงๆ รวมถึงผู้บริหารค่าย ผู้กำกับและนักแสดงทุกคน เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนไปดูจริงๆ

มอส: ทุกวันเสาร์นะครับ เวลา 22:15 น. ทางช่อง one31 ดูออนไลน์เวอร์ชัน UNCUT เวลา 23:00 น. บนแอป #iQIYI เเละเว็บ iQ.com ที่เดียวเท่านั้น

Text: Ohhioh

Interview: AuAi

Photo: เนาวพจน์