ทำความรู้จัก Xdinary Heroes (XH) วงบอยแบนด์จากค่าย JYP Entertainment ที่มาพร้อมด้วยความสามารถและเสน่ห์เฉพาะตัว พวกเขาเล่นดนตรีเก่ง และมีส่วนร่วมในการแต่งเนื้อร้อง-ทำนองเพลงของทุกแทร็กใน มินิอัลบั้มชุดที่ 2 <Overload> ของพวกเขาด้วย และก็เหมือนโชคเข้าข้างสุดสัปดาห์ Xdinary Heroes มาร่วมแสดงคอนเสิร์ตที่เมืองไทย จึงเป็นโอกาสดีที่สุดสัปดาห์ได้ถ่ายแฟชั่นเซ็ตพิเศษ Digital Cover พร้อมกับการสัมภาษณ์ที่เป็นกันเองกับทั้ง 6 หนุ่ม
ทำความรู้จัก Xdinary Heroes ผ่านบทสัมภาษณ์ที่ฟีลกู้ดและแฟชั่น Digital Cover สุดคูล
แนะนำตัวเอง และตำแหน่งในวง
กอนอิล: สวัสดีครับ ผม กอนอิล เป็นลีดเดอร์และมือกลองของวง Xdinary Heroes ครับ ฝากตัวด้วยนะครับ
จองซู: สวัสดีครับ ผม จองซู มือคีย์บอร์ดและเมนโวคอลของวง Xdinary Heroes ครับ
กาอน: สวัสดีครับ ผม กาอน มือกีตาร์ แร็ป โวคอลของวง Xdinary Heroes ครับ
โอดือ: สวัสดีครับ ผม โอดือ มือคีย์บอร์ด โวคอล แร็ปของวง Xdinary Heroes ครับ
จุนฮัน: สวัสดีครับ ผม จุนฮัน มือกีตาร์ของวง Xdinary Heroes ครับ
จูยอน: สวัสดีครับ ผม จูยอน มือเบสของวง Xdinary Heroes ครับ
อยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้พวกคุณสนใจที่จะเล่นดนตรี และทำไมถึงเลือกเล่นเครื่องดนตรีนั้นคะ
กอนอิล: ตอนอายุ 15 ปี ผมเห็นพี่ชายตีกลองที่โบสถ์แล้วรู้สึกว่าดูเท่มากๆ เลยเริ่มเรียนตามครับ จากนั้นก็ได้ฟังเพลงของวงมิวส์ (Muse) ซึ่งเป็นวงดนตรีที่ผมชอบแล้วก็เริ่มทำตามความฝันที่อยากจะเป็นมือกลองครับ
จองซู: ส่วนผมตอน 7 ขวบ ที่ผมจำได้ก็คืออยู่ๆ ก็เคยขอให้คุณแม่ส่งไปเรียนที่สถาบันสอนเปียโน ผมเริ่มเรียนตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงป.4 จากนั้นถึงได้มาเริ่มเล่นคีย์บอร์ดตอนเริ่มที่เตรียมทำวงนี้ เลยทำให้ผมสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของคีย์บอร์ดแล้วก็เล่นมันอย่างมีความสุขจนมาถึงตอนนี้ครับ
กาอน: ตอนผมอายุ 15 ปี รู้สึกว่าเพื่อนๆ ที่ทำวงดนตรีดูเท่มากๆ แล้วก็ได้เรียนกีตาร์เพราะตำแหน่งกีตาร์ว่างอยู่พอดี ก็ได้เล่นมายาวๆ ด้วยเหตุผลนั้นทำให้มาถึงจุดที่ผมอยู่ตอนนี้ครับ
โอดือ: ระหว่างที่เราเตรียมวงนี้ ผมก็ได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของวงดนตรี ก่อนหน้านี้เคยคิดแค่ว่าเพลงก็คือเพลง แต่เพลงก็ได้กลายเป็นดนตรีที่ผมได้ร้องและบรรเลงไปด้วยจนรู้สึกหลงเสน่ห์ของมันครับ
จุนฮัน: ตอนช่วงม.5 ผมเล่นเกมดนตรีแล้วอยากจะเป็นนักแต่งเพลงที่ทำดนตรีแบบนี้บ้าง เลยสนใจในดนตรีขึ้นมา และได้เริ่มเล่นกีตาร์ที่เป็นเครื่องดนตรีหลักของวงดนตรีจนได้มาอยู่ในทีมนี้ครับ
จูยอน: ผมเองก็เคยอยู่วงดนตรีตั้งแต่ตอนม.ต้น หลังจากเข้ามาในบริษัทถึงได้เริ่มเล่นเบสครั้งแรก ได้ฟังเพลง Time Is Running Out ของวงมิวส์ (Muse) ทำให้ผมหลงเสน่ห์ของเครื่องดนตรีที่เรียกว่าเบสครับ
อยากให้เล่าถึงประสบการณ์ก่อนเดบิวท์ ช่วงระยะเวลาเป็นเทรนนี่ผ่านความยากลำบากกันอย่างไรบ้าง
จองซู: ที่ผมจำได้คือตัวผมเองเริ่มเป็นเด็กฝึกหัดช้า เริ่มตอนอายุ 19 ปี รู้สึกกดดันมากๆ ว่ามันเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว คิดว่าถ้าพลาดโอกาสนี้ไปก็จะไม่มีอีกแล้วเลยตั้งใจทำอย่างเต็มที่ที่สุด เป็นประสบการณ์ที่ยากลำบากกับความกดดันที่ตัวผมเองต้องทำออกมาให้ดีเสมอครับ
กาอน: ผมต้องเดินทางไปกลับระหว่างบ้านกับบริษัท ขาไปใช้เวลา 2 ชั่วโมง ขากลับใช้เวลา 2 ชั่วโมง รวมเป็น 4 ชั่วโมง จำได้ว่าการเดินทางเข้างาน เลิกงานเลยค่อนข้างลำบากเลยล่ะครับ
กอนอิล: กรณีของผมก็เหมือนกับที่จองซูพูดไป ผมเริ่มเป็นเด็กฝึกหัดตอนอายุ 23 ปี ซึ่งถือว่าอายุเยอะแล้ว และทั้งคุณพ่อ คุณแม่ พี่ชาย ครอบครัวของผมอาศัยอยู่ที่อเมริกากันหมด ทำให้ผมต้องห่างจากครอบครัวมาใช้ชีวิตที่เกาหลีคนเดียว และไม่มีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันด้วย ช่วงเป็นเด็กฝึกก็ใช้ชีวิตแบบเหงามากๆ และความเหงานั้นน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกยากลำบากที่สุดครับ
ตอนที่สมาชิกเจอกันครั้งแรกรู้สึกอย่างไรต่อกันบ้าง
จูยอน: ผมเป็นสมาชิกคนที่เข้าร่วมวงดนตรีนี้ก่อนเป็นคนแรกสุดเลย ได้เห็นสมาชิกเข้าทีมมาทีละคนๆ แต่คนที่อิมแพ็กสุดน่าจะเป็นกาอนครับ มีเพื่อนที่หล่อมากเข้าทีมมา ผมเลยคิดว่าวงดนตรีของเราต้องดังพลุแตกแน่เลยครับ (ยิ้ม)
จองซู: ผมเป็นพี่คนโตสุดมาตลอดในบริษัท จนกระทั่งได้เจอพี่กอนอิล เป็นครั้งแรกที่ได้เจอพี่ที่โตกว่าก็รู้สึกอุ่นใจมากๆ ครับ และผมก็พึ่งพิงพี่กอนอิลมากๆ ระหว่างที่ฝึกฝนเป็นวงดนตรี ความประทับใจแรกคือรู้สึกเหมือนว่าพี่เขาเป็นเสาหลักที่พวกเราพึ่งพิงได้ครับ
กาอน: ของผมเผอิญว่ามือกลองที่ผมชอบคือมือกลองที่ชื่อกู กอนอิล หรือก็คือพี่กอนอิลวงเรานั่นเองครับ ผมเคยกดติดตามช่องยูทูบของพี่เขาเอาไว้ ตอนที่เจอพี่กอนอิลก็คิดว่า โอ้ คนนี้เข้าวงเรามาเหรอเนี่ย ผมทั้งรู้สึกทึ่งและรู้สึกเชื่อถือพี่เขาเลยครับ
โอดือ: ผมเองก็มีเรื่องอยากเล่าครับ ผมได้เจอจุนฮันเป็นคนแรกเลย ตอนนั้นเปิดประตูห้องซ้อมเข้าไปเจอจุนฮัน เขาดูเป็นเด็กดี เป็นเจ้าก้อนที่ใสซื่อ ผมเลยยังจำฉากนั้นได้ขึ้นใจอยู่จนถึงตอนนี้เลยครับ (หัวเราะ)
จุนฮัน: ส่วนผมตอนเข้ามาครั้งแรก เด็กฝึกคนแรกผมได้เจอคือโอดือกับกาอนครับ พอเจอปุ๊บก็รู้สึกว่านี่สินะคนที่จะมาเป็นคนดัง พวกเขาเท่มากๆ และด้วยนิสัยของผมเองก็ค่อนข้างจะขี้กลัว เลยจำได้ว่าเคยกังวลอยู่ว่าพอเจอกับเพื่อนๆ ที่สดใสร่าเริงแล้วจะต้องทำตัวยังไงดีน่ะครับ
กอนอิล: ผมยังจำตอนที่เจอโอดือได้ไม่ลืมครับ คล้ายๆ กับที่จุนฮันเล่าไป ผมก็เห็นโอดือแล้วรู้สึกว่าเขาหล่อมาก แบบว่า… คนแบบนี้เองที่จะมาเป็นคนดัง ตอนเจอกันครั้งแรกรู้สึกว่าเขาดูเหมือนแรงๆ และเย็นชา แต่พอสนิทกันมากขึ้นก็สัมผัสได้ว่าเขาทั้งขี้เล่น แล้วก็นุ่มนิ่มๆ อ่อนโยนมากเลยล่ะครับ (ยิ้มฉ
เมมเบอร์ปรับตัวเข้าหากันอย่างไร
กอนอิล: หากเป็นทางด้านดนตรี พวกเราใช้เวลาปรับให้ตรงกันอยู่นาน ถ้ามีส่วนไหนที่ไม่ตรงกันแต่ละคนจะเล่นเครื่องดนตรีของตัวเอง ฟังเสียงกันในจังหวะช้าๆ พยายามโฟกัสปรับให้ตรงกันให้ได้มากที่สุดครับ และพวกเราเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง แน่นอนว่าก็ต้องมีส่วนที่ไม่เข้ากันอยู่บ้าง ตอนที่เราปรับตัวเข้าหากันส่วนใหญ่จะเป็นการมารวมตัวและพูดคุยกันอย่างตรงมาตรงมาที่สุดครับ
แล้วดูแลและซัพพอร์ตกันอย่างไรบ้างคะ
กอนอิล: อย่างตอนถ่ายมิวสิกวิดีโอหรือตอนถ่ายแบบกับสุดสัปดาห์ พวกเราก็มักจะยืนอยู่ข้างๆ คอยช่วยตะโกนว่าทำได้ดีนะ ไฟท์ติ้ง (สู้ๆ ) นะ และอย่างเวลาก่อนจะขึ้นแสดงบนเวที ทุกคนจะอยู่ในสภาวะตื่นเต้นกัน ก็มีการกอดและให้กำลังใจกันตลอดครับ
แน่นอนว่าอาจจะมีช่วงที่ต้องท้อกันบ้าง เวลาเหนื่อยหรือท้อเชียร์อัพกันอย่างไร
โอดือ: ผมคิดออกอย่างหนึ่งครับ ตอนที่เรารู้สึกเหนื่อยหรือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น โดยปกติแล้วตัวผมเองจะชอบเก็บไว้คนเดียว แต่ล่าสุดช่วงนี้กลายเป็นว่า เวลาที่ผมรู้สึกยากลำบาก เมมเบอร์จะคอยยื่นมือเข้ามา พูดคุยเคลียร์กัน พอได้พูดคุยกันก็บรรเทาความรู้สึกที่ไม่ดีลงได้ ตอนนี้ผมเลยชอบพูดคุยกัน ปรึกษากันมากกว่าที่จะเก็บไว้คนเดียวครับ
อยากรู้ว่าเมมเบอร์คนไหนมีนิสัยที่คาดไม่ถึง หรือตรงข้ามกับที่คิดไว้ในตอนแรก
จูยอน: เมมเบอร์ที่ผมรู้สึกว่าเป็นแบบนั้นมากที่สุดน่าจะเป็นจุนฮันครับ ภาพลักษณ์ของจุนฮันทั้งที่เห็นและได้ลองพูดคุยตอนเจอกันครั้งแรก เขาจะมีบุคลิกที่เงียบขรึมและสุขุมเรียบร้อยครับ แต่พอเป็นเรื่องที่สนใจและมีหัวข้อที่ต้องพูดคุยกัน เขาจะกลายเป็นคนที่สดใสร่าเริงขึ้นมายิ่งกว่าใครเลยครับ ตรงจุดนี้เลยคิดว่าต่างจากที่คิดไว้มากเลยครับ
(สุดสัปดาห์: ทุกคนเห็นด้วยไหมคะ)
กอนอิล: เห็นด้วยครับ
โอดือ: เห็นด้วยมากๆ เลยครับ
จองซู: เป็นคนที่แตกต่างจากตอนเจอกันครั้งแรกที่สุดครับ
แล้วคนไหนที่สร้างความเฮฮาให้กับวงมากที่สุด
กอนอิล จองซู และจุนฮัน ชี้มาที่จู ยอน
โอดือ กาอน และจูยอน ชี้มาที่ กอนอิล
โอดือ: 3 ต่อ 3
กอนอิล: 3 ต่อ 3 เหรอ
กอนอิล: หนึ่ง สอง สาม
กอนอิล: เดี๋ยวนะ จูยอนนี่ได้สามเหรอ จริงด้วยแฮะ
จองซู: ของพี่ก็ได้สาม จูยอนนี่ก็ได้สาม
กอนอิล: จริงด้วยแฮะ
ทำไมถึงรู้สึกว่าจูยอนและกอนอิล เป็นหนุ่มสายฮา
โอดือ: จริงๆ แล้วจะแตกต่างกันนะครับ พี่กอนอิลของเรานั้นจะแบบว่า.. ต้องพูดว่าไงดีละ มันแบบว่า..
จองซู: ทำลาย (ตัวเอง) เพื่อให้พวกเราสนุก
โอดือ: ใช่ แบบทำลายตัวเอง เดี๋ยวนะถ้าพูดแบบนี้มัน…
จองซู: ให้ความรู้สึกแบบนั้นแหละ
กอนอิล: ไม่กลัวที่จะทำลายตัวเอง
โอดือ: แบบเป็นพวกที่ชอบเล่นมุกแป้ก เพื่อให้พวกเราขำกันน่ะครับ พี่กอนอิลน่ะ
แล้วคุณจูยอนล่ะคะ
จูยอน: ผมเป็นยังไงเหรอ
กอนอิล: กาอนลองบอกสิ
กาอน: จูยอนนี่เป็นพวกรักอิสระมากๆ นะครับ แต่ก็จะปล่อยวางความเป็นตัวเองแล้วแสดงภาพลักษณ์ทุกอย่างเพื่อสร้างความสนุกให้กับทุกคนอยู่เสมอเลยครับ
ชื่อวงของคุณ แปลว่า ‘ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นฮีโร่ได้’ แล้วนิยามฮีโร่ในแบบฉบับของคุณคืออะไร แล้วฮีโร่ในชีวิตคุณคือใคร
กาอน: ฮีโร่ในแบบที่ผมคิดคือ คนที่เสียสละครับ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าทำความดีเพื่อผู้อื่น ผมคิดว่านั่นก็คือฮีโร่ครับ ฮีโร่ของผมคือคุณแม่ครับ
จูยอน: ฮีโร่ในแบบที่ผมคิดคือ การมีความเชื่อมั่นและรู้คุณค่าในตัวเองครับ โดยส่วนตัวแล้ว เพราะผมรู้คุณค่าในตัวเองก็เลยคิดว่าตัวเองคือฮีโร่ครับ แล้วก็คิดว่าทุกคนก็คือฮีโร่เหมือนกันครับ
โอดือ: ฮีโร่ในแบบที่ผมคิดคือ สไปเดอร์แมนครับ จะมีฉายาอยู่ชื่อหนึ่งที่เป็น “สไปเดอร์แมนเพื่อนบ้านที่แสนดี” ครับ สิ่งที่ผมรู้สึกได้คือ แม้ว่าจะมีความสามารถพิเศษแต่ก็ยังสนิทสนมกับคนรอบข้าง ซึ่งอาจจะเป็นแฟนๆ หรือครอบครัวก็ได้ เป็นฮีโร่ที่สนิทสนมและเข้าถึงได้น่ะครับ
กอนอิล: ฮีโร่ในแบบที่ผมคิดคือ ทุกคนที่รักโลกได้อย่างซื่อสัตย์ครับ ฮีโร่ของผมก็คือคุณพ่อคุณแม่ผู้ที่สอนให้ผมรู้จักกับความเป็นฮีโร่นี้ครับ หากว่าเรารักโลกนี้ได้อย่างแท้จริง ผมคิดว่าเพราะมีคนที่รักโลกได้อย่างแท้จริง เลยทำให้โลกของเราค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเป็นโลกที่งดงามขึ้นได้ในทุกๆ วันครับ
จองซู: สำหรับผมคิดว่าฮีโร่คือ การเป็นพลัง/กำลังใจ ไม่ว่าจะให้กับใครหรือจะด้วยวิธีการใดก็ตามครับ จริงๆ แล้วผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีความสุขเพราะฮีโร่หลายๆ คนนะครับ ผมคิดว่าเมมเบอร์ก็คือฮีโร่ รวมถึงครอบครัวแล้วก็คุณครูทุกคนด้วยครับ แต่ช่วงนี้ฮีโร่ของผมก็คือแฟนๆ เหล่า Villains ของพวกเราครับ
จุนฮัน: ผมคิดว่าคนที่ใช้ความสามารถที่ตัวเองมีอยู่ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นคือฮีโร่ครับ ผมคิดว่าคนทุกคนเมื่อได้ช่วยเหลือผู้อื่น ก็จะส่องประกายเป็นฮีโร่สำหรับคนๆ นั้น ซึ่งสำหรับผมในตอนนี้ ทุกคนที่อยู่รอบข้างก็คือฮีโร่ของผมครับ
มีใครเป็นศิลปินต้นแบบ หรือใครที่คุณอยากจะใช้เป็นแบบอย่างในด้านการทำงานบ้างคะ
กอนอิล: สำหรับผมแล้ว ตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมเริ่มเล่นดนตรีจนมาถึงตอนนี้ ผมมีศิลปินต้นแบบที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ นั่นก็คือวงร็อกจากประเทศอังกฤษที่ชื่อว่า มิวส์ (Muse) ครับ เป็นศิลปินต้นแบบสำหรับผมเลยครับ
จูยอน: ส่วนผม หลังจากที่เริ่มเล่นดนตรี คนที่เป็นต้นแบบของผมถึงขั้นที่เรียกได้ว่ารักที่สุดเลยก็คือ นักร้องนำจากวง 5 Seconds of Summer ที่ชื่อว่า Luke Hemmings ครับ เขาเป็นศิลปินต้นแบบสำหรับผมเลยล่ะครับ
กาอน: เป็นวงจากประเทศออสเตรเลียครับ คนที่เป็นนักร้องนำ
กาอน: ผมเองก็มีวงที่ชอบสุดๆ เหมือนกันครับ คือวงร็อกจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่ชื่อว่า Green Day ครับ
จองซู: ส่วนผมรุ่นพี่แบคฮยอน จากวง EXO คือต้นแบบสำหรับผมครับ ตั้งแต่ที่ผมได้ฟังเพลงของรุ่นพี่ ผมก็ฝันว่าอยากจะเป็นนักร้องที่ได้ทำเพลงเหมือนอย่างรุ่นพี่น่ะครับ อาจเพราะด้วยความที่อยากจะทำตามให้ได้แบบนั้นก็เลยกลายมาเป็นศิลปินต้นแบบสำหรับผมครับ
โอดือ: คนที่เป็นต้นแบบในชีวิตของผมก็คือ คุณพ่อคุณแม่ครับ เหตุผลก็คือ เพราะคุณพ่อคุณแม่ที่ผมเห็น ท่านเป็นคนที่ทำเต็มที่สุดความสามารถในหน้าที่ของตัวเอง และใช้ชีวิตด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจมาโดยตลอด ผมเลยคิดว่าท่านทั้งสองเป็นคนที่สุดยอดมากๆ เลยล่ะครับ
จุนฮัน: ของผมจะแบ่งต้นแบบออกเป็น 3 ด้านนะครับ ด้านเทคนิคในการเล่นกีตาร์จะเป็น John Petrucci ถ้าในบรรดาคนที่เล่นกีตาร์แล้วล่ะก็ เขาเป็นคนดังที่ถูกพูดถึงตลอดเลยครับ และในด้านดนตรีแล้ว เป็นคนที่ถือได้ว่าอยู่ในระดับสูงเลย ไม่ว่าจะเมื่อไหรผมก็ยังคงชอบเขาเสมอครับ ด้านอารมณ์ความรู้สึกจะเป็น Lari Basilio ส่วนด้านเพอร์ฟอร์แมนซ์จะเป็น MIYAVI ครับ
มีใครเคยมาเมืองไทยกันแล้วบ้างคะ
ทุกคน: มาเมืองไทยกันเป็นครั้งแรกเลยครับ
ได้ชิมอาหารไทยบ้างหรือยัง
ทุกคน: ได้กินแล้วครับ
โอดือ: ได้ลองทานผัดไทย แล้วก็ต้มยำกุ้ง
จุนฮัน: ปูผัดผงกะหรี่
กาอน: ได้กินเมนูอาหารทะเลกันไปเยอะเลยครับ
เมนูอะไรที่ก่อนมาอยากลองชิมมากๆ แต่ยังไม่ได้ชิมมั้ยคะ
จุนฮัน: ผมมีครับ คิดว่าอยากจะลองทานยำวุ้นเส้นให้ได้เลยครับ ผมเป็นพวกชอบกินอาหารเมนูที่เป็นเส้นน่ะครับ แล้วก็เคยเสิร์ชหาเมนูอาหารไทยที่เป็นเส้นบ่อยๆ แล้วเห็นว่ายำวุ้นเส้นหน้าตามันน่ากินดีครับ
รู้ไหมว่ายำวุ้นเส้นมีรสเผ็ด
จุนฮัน: โอ๊ะ..ผมกินเผ็ดไม่ค่อยเก่งซะด้วย แต่ยังไงก็อยากลองกินดูครับ
สามารถสั่งไม่เผ็ดได้นะคะ
จุนฮัน: งั้นผมจะลองสั่งแบบไม่เผ็ดกินดูครับ
มีสถานที่เที่ยวที่ไหนที่อยากไปแต่ยังไม่ได้ไปไหมคะ
จุนฮัน: ผมหาข้อมูลมาเยอะมากเลยครับ ที่ผมอยากไปจะมี “วัดโพธิ์” กับ “วัดอรุณ” สองที่นี้ครับ เห็นว่าสวยมากเลยครับ ผมชอบที่สวยๆ และดูยิ่งใหญ่ครับ ผมเคยเห็นในรูปเป็นภาพวัดที่ส่องประกายกับพื้นหลังที่เป็นกลางคืน นั่นดูสวยงามและยิ่งใหญ่อลังการมากเลยครับ ผมอยากไปลองสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นดูครับ
จูยอน: ผมมีความสนใจในกีฬาครับ และรู้มาว่ากีฬามวยไทย เป็นกีฬาประจำชาติของประเทศไทย ผมเลยอยากลองไปสนามมวยไทยดูครับ
กาอน: ผมเป็นคนชอบดูภาพยนตร์ครับ แล้วเห็นว่ากรุงเทพฯ ในภาพยนตร์บ่อยมากเลย แล้วกรุงเทพฯ ที่ผมอยู่อยู่ตอนนี้ ก็คือเหมือนฝันเลยครับ
ได้มาเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองไทยด้วย เตรียมความพร้อมกันมาอย่างไรบ้างคะ
จองซู: พอรู้ว่าจะได้มาเจอแฟนคลับประเทศไทย ก็เลยฝึกซ้อมภาษาไทยมาเยอะมากเลยครับ แต่พอตอนที่ขึ้นไปบนเวทีจริงๆ ผมพูดไปแค่ประโยคเดียวครับ “รักมากๆ ครับ” (ภาษาไทย)
โอดือ: ผมว่าสมาชิกในทีมก็น่าจะเห็นด้วย ก็คือการแสดงของพวกเราครั้งนี้ นอกจากจะมีแฟนๆ ของเราเองแล้ว ยังมีแฟนๆ ของศิลปินรุ่นพี่ท่านอื่นที่มาร่วมแสดงในคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วย เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เจอกับพวกเรา และเป็นการแสดงต่างประเทศครั้งแรกด้วย พวกเราเลยขึ้นเวทีไปด้วยความตั้งใจว่าจะทำให้ดีที่สุด และจะตั้งใจแสดงดนตรีของพวกเราให้ผู้คนมากมายได้ชมครับ
เป้าหมายของวงที่ตั้งเอาไว้คืออะไร
กอนอิล: เป้าหมายในด้านดนตรีของพวกเรา… ผมอยากแสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียว อยากเป็นทีมที่แสดงให้เห็นถึงความเข้ากันของทีมที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นครับ และในด้านที่ไม่เกี่ยวกับดนตรี ในฐานะมนุษย์… ก็น่าจะคล้ายๆ กันครับ ผมอยากเรียนรู้กันและกันให้มากขึ้น อยากเป็นเพื่อนรวมงานที่เป็นหนึ่งเดียว เป็นทีมที่แยกออกจากกันไม่ได้
กาอน: เหมือนครอบครัว
กอนอิล: เป็นเหมือนครอบครัวครับ
แล้วตั้งเป้าหมายสูงสุดของวงไว้อย่างไร
กอนอิล: ที่จริงแล้วผมคิดว่าผมตั้งใจไม่วางเป้าหมายสุดท้าย หรือ ultimate goal เอาไว้ครับ เพราะว่าผมไม่อยากจำกัดลิมิตเอาไว้ว่าพวกเราจะต้องไปถึงตรงไหน หรือจะเป็นร็อกแบนด์แบบไหนครับ
มีแพลนงานอะไรเร็วนี้ให้ได้ติดตามบ้างคะ
จองซู: การคัมแบ็กด้วยมินิอัลบั้มชุดที่ 2 <Overload> พร้อมเพลงไตเติ้ลชื่อ ‘Hair Cut’ พวกเราตั้งใจและกลับมาหาแฟนๆ ด้วยภาพลักษณ์ที่เท่มากขึ้น รวมถึงพวกเราจะตั้งใจทำงานจนกว่าจะได้กลับมาหาแฟนๆ ชาวไทยอีกนะครับ
มีอะไรอยากจะแนะนำน้องๆ ที่มีความฝันอยากจะเป็นศิลปิน-นักดนตรีเหมือนพวกคุณบ้าง
จุนฮัน: สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าคนเริ่มเข้าหาดนตรีก็เพราะเกิดความชื่นชอบในดนตรีขึ้นมา เลยเริ่มทำดนตรี ผมอยากบอกว่าไม่อยากให้ลืมความรู้สึกที่ทำดนตรีด้วยความชื่นชอบนั้นไปครับ เพราะว่าในภายหลังที่ได้ทำการแสดงและกลายเป็น “งาน” ขึ้นมาแล้วเกิดเป็นความยึดติดขึ้นมา ผมกลัวว่าจะเกลียดดนตรีที่เคยชอบขึ้นมา เลยไม่อยากให้ลืมความรู้สึกแรก ความตั้งใจแรกไปครับ
กอนอิล: พอเริ่มชื่นชอบในดนตรีขึ้นมา ก็จะมีความรู้สึกว่าอยากทำดนตรีให้ดีหรือเก่ง ถ้าอยากทำให้ดีขึ้น ผมแนะนำว่าอยากให้ทำซ้ำ ฝึกซ้อมในสิ่งที่ไม่ชอบซ้ำๆ ครับ
จองซู: สำหรับผม ผมคิดว่าควรมีความตั้งมั่นในความชอบ และความเชื่อในตัวเองครับ เพราะผมว่าสิ่งที่เรียกว่าดนตรี เป็นอะไรที่มีความเกี่ยวข้องกับอารมณ์และความรู้สึก พอได้ประสบกับเหตุการณ์ต่างๆ ผมคิดว่าจะมีบ้างบางครั้งที่ตัวเองถูกกลืนกินในด้านอารมณ์ความรู้สึก สำหรับคนที่ทำดนตรีในช่วงเวลาแบบนั้น ถ้าเรามีความรักและความเชื่อมั่นในตัวเอง ผมคิดว่าจะช่วยให้เราแสดงออกความรู้สึกผ่านดนตรีออกมาได้ดีครับ
แสดงว่าคุณเป็นคนเซนซิทีฟและร้องไห้บ่อยใช่ไหมคะ
จองซู: ใช่ครับ ที่จริงเมื่อก่อนผมไม่ใช่คนร้องไห้บ่อยครับ แต่หลังจากที่เริ่มทำดนตรี ก็เริ่มมีความเซนซิทีฟในด้านอารมณ์มากขึ้นครับ ก็เลยคิดว่าเริ่มร้องไห้บ่อยหลังจากเริ่มเล่นดนตรีครับ
ผมคิดว่าดนตรีมีความคล้ายกับชีวิตของคนเราครับ ถ้าให้เปรียบเทียบกับตัวผม มันต้องมีบ้างครับที่เราอยากเก่งดนตรี แล้วก็น่าจะมีหลายครั้งที่อยากพักบ้าง ถ้าเราปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปพร้อมกับดนตรี แบบตอนที่ต้องตั้งใจ ก็ตั้งใจทำ ส่วนตอนที่อยากพัก ก็ปล่อยตัวเองให้ได้พักบ้าง ผมว่าถ้าเราปล่อยใช้ชีวิตดำเนินไปตามทางของมัน ผมคิดว่านั่นน่าจะพาไปพบกับผลลัพธ์ที่ดีได้ครับ
สุดท้ายแล้วมีอะไรที่อยากจะบอกแฟนๆ ที่รักคุณบ้าง
จองซู: พูดถึงแฟนๆ เหรอครับ? “รักมากๆ” (ภาษาไทย)
กาอน: “รักนะจุ๊บๆ” (ภาษาไทย)
กาอน: อย่างแรกเลยคือครั้งนี้เป็นตารางงานต่างประเทศครั้งแรกของพวกเราเลยครับ ตอนที่เรามาถึงสนามบินครั้งแรก ผมรับรู้ได้ถึงเสียงเชียร์และ passion ของแฟนๆ ชาวไทย ตอนที่แสดงบนเวทีก็เลยเต็มไปด้วยความทรงจำที่มีความสุขตลอดการแสดงเลยครับ เป็นความทรงจำที่ดีมากจนสมาชิกวงของเราทุกคนพูดว่าอยากกลับมาอีก และพวกเรากำลังจะมีผลงานงานคัมแบ็กเป็นมินิอัลบั้มชุดที่ 2 <Overload> ช่วยให้ความรักและเป็นกำลังใจให้พวกเรากันเยอะๆ ด้วยนะครับ
ทุกคน: “ขอบคุณครับ” (ภาษาไทย)
แฟนๆ สามารถรับชมมิวสิกวิดีโอ Xdinary Heroes “Hair Cut” ได้ที่ https://youtu.be/B8fqpRIQZ5M
ฟังมินิอัลบั้ม <Overload>
JOOX – https://www.joox.com/th/album/JxgSxghkrHU_To26kN22Mw==
Spotify – https://bit.ly/3A6H8aF
iTunes & Apple Music – https://bit.ly/3WTTFHX
Text: AuA
Interview: Krissana
Stylist: ธันวดี จุฑาวรากุล
Photo: เนาวพจน์ โพธิเกษม