น่าจับตา! PERSES บอยกรุ๊ปน้องใหม่ในเครือแกรมมี่ กับความสามารถแบบจัดเต็มที่มาพร้อมเสน่ห์เฉพาะตัว

account_circle
event

 

น่าจับตา! PERSES บอยกรุ๊ปกลุ่มแรกจาก G’NEST (จีเนส) ในเครือแกรมมี่ กับความสามารถแบบจัดเต็มที่มาพร้อมเสน่ห์เฉพาะตัว สมาชิกทั้ง 5 คนประกอบไปด้วย จั๋ง – วิกร บูรณภิญโญ (JUNG), เน – ณรัณ วิกัยรุ่งโรจน์ (NAY), กฤติน – กฤติน สอสูงเนิน (KRITTIN), ปาล์ม – พีรวิชญ์ พินธะ (PALM) และน้องเล็กสุด ปลั๊กกี้ – ธรากร คำสิงห์ (PLUGGY) พวกเขาได้เปิดตัวเป็นศิลปินกลุ่ม NEW GENERATION OF POP ของ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ กับซิงเกิ้ลแรก “MY TIME” เส้นทางกว่าจะมีวันนี้ สมาชิกทั้ง 5 คน ต้องผ่านการฝึกฝน เรียนรู้ และปรับตัวมาไม่น้อย วันนี้พวกเขาพร้อมแล้วที่จะเดินทางในฐานะศิลปิน เพื่อส่งต่อความสุขและแรงบันดาลใจให้กับทุกคน

น่าจับตา! PERSES บอยกรุ๊ปน้องใหม่ในเครือแกรมมี่ กับความสามารถแบบจัดเต็มที่มาพร้อมเสน่ห์เฉพาะตัว

แนะนำตัวเองให้แฟนๆ สุดสัปดาห์รู้จักกันสักนิด

กฤติน:  กฤติน – กฤติน สอสูงเนิน (KRITTIN) ตำแหน่งโวคอล และเซ็นเตอร์ คาแร็กเตอร์ของผมจะดูแบดๆ ดูหยิ่งใช่มั้ยครับ แต่จริงๆ แล้วผมไม่หยิ่งเลย เขาถึงได้ ไนซ์กับทุกคนนะครับ (ยิ้ม)

จั๋ง:  จั๋ง  – วิกร บูรณภิญโญ (JUNG) นะครับ เป็นเมนแร็ป และรับหน้าที่เป็นลีดเดอร์ของวง ผมจะมีความถนัดด้านดนตรี นอกจากงานเบื้องหน้าแล้ว ก็ยังสนใจทำงานเบื้องหลังด้วยครับ โปรดิวซ์เพลงได้ เขียนเพลงได้ เขียนแร็ป ผมชอบดนตรีตั้งแต่เด็กๆ ทำวงดนตรีวงมาเรื่อยๆ แต่เพิ่งมาหัดทำเพลงจริงจังก็ตอนเข้าวงการนี่แหละครับ  ต้องบอกว่าการได้มาทำงานเบื้องหน้า ได้มาเป็นศิลปินทำให้ผมได้ฝึกฝนทักษะหลายอย่างเลยครับ

หน้าที่ลีดเดอร์ไม่ได้ตายต้วครับ แต่ด้วยความที่ผมเป็นผู้ใหญ่สุดในกลุ่ม มีความเป็นผู้ใหญ่ก็เลยรับหน้าที่ลีดเดอร์นี้ไป ทุกคนในวงต่างก็มีความถนัดที่ต่างกัน ใครถนัดด้านไหนทำด้านนั้น  คือทุกอย่างเราต่างก็ช่วยกันและมีส่วนร่วมด้วยกันตลอด

กฤติน:  เขาเหมือนพ่อ คอยดูแลวงตลอด ซื้อของมาฝาก มีนู่นนี่มาให้กิน พี่จั๋งดูแลพวกเราดีมาก

เน:  เน – ณรัณ วิกัยรุ่งโรจน์ (NAY) ตำแหน่งแร็ปครับ นิสัยก็จะเป็นคนเงียบๆ ชอบอ่านหนังสือ มีหนังสือพกติดต้วตลอด 

 

กฤติน:  เนอ่านหนังสือจริงจัง พกติดตัวตลอดจริงๆ เขาเป็นหนอนหนังสือ จ่ายเงินซื้อหนังสือตลอดชีวิตเลยนะครับ

เน:  มีสำนักพิมพ์หนึ่งที่เปิดให้สมัครสมาชิกตลอดชีพ สมัครแล้วก็จะได้หนังสือทุกเล่มของสำนักพิมพ์นั้น ได้ทุกเล่มที่เขาจะผลิตออกมาในอนาคต ผมตอนสมัครประมาณ 2 หมื่นบาทคุ้มมาก ตอนนี้ราคาขึ้นแล้ว เขาแปลงานงานคลาสสิกดีๆ ทั้งนั้นเลย อย่างหนังสือของ จอร์จ ออร์เวลล์ (George Orwell)  ผู้เขียน หนึ่ง-เก้า-แปด-สี่ (1984) ล่าสุดก็มีหนังสือแฟรงเกนสไตน์  ของแมรี เชลลีย์ แต่หนังสือเรียนไม่ค่อยชอบอ่านนะ (หัวเราะ)

 

ปาล์ม:        ปาล์ม – พีรวิชญ์ พินธะ (PALM) ผมชอบเต้น ถนัดเต้น เวลาซ้อมก็จะคอยช่วยดูไลน์เต้นให้เพื่อนๆ ผมจะเป็นคนเงียบๆ เหมือนพี่เน พูดน้อยแต่มีรอยยิ้มให้ตลอดนะครับ (ยิ้ม)

ปลั๊กกี้:  ปลั๊กกี้ – ธรากร คำสิงห์ (PLUGGY) ครับผม ตำแหน่งโวคอล บุคลิกจะเป็นคนสดใส ร่าเริง ผมถนัดร้องและเต้น ก็จะคอยช่วยพี่ปาล์มครับ

 

ใครแสบสุดในวงคะ

ทุกคน:  ชี้มาที่กฤติน

จั๋ง:   เขาอาจจะไม่ได้แสบ แค่เป็นคนเอนเนอจี้ล้นๆ พลังเยอะ ไฮเปอร์อยู่นิ่งไม่ค่อยได้

กฤติน:  ส่วนปลั๊กกี้ อายุแค่ 18 ปี เป็นน้องเล็ก เขาก็น่ารักสมวัย ช่วยทำให้ทุกคนเด็กลงไปด้วย เขาเหมือนเป็นแฮปปี้วิตามินให้วง คอยแจกจ่ายรอยยิ้ม จะชอบเข้ามากอด เข้ามาอ้อนพี่ๆ

ชื่อวง PERSES มีที่มาจากอะไรคะ

กฤติน:  “ชื่อ PERSES (เพอร์เซส) มีที่มาจากชื่อเทพเจ้ากรีกในตำนาน เป็นเทพแห่งการทำลายสิ่งเก่าเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ หรือ The destroyer เลยถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดเพื่อเริ่มต้นใหม่ ซึ่งตรงกับพวกเรา PERSES ทั้ง คนครับ ที่อยู่ในช่วงวัยเดียวกัน กำลังค้นหาตัวตนและเรียนรู้การเติบโตของช่วงวัย โดยที่ไม่ถูกจำกัดด้วยกรอบหรือกฎเกณฑ์เดิมที่เคยมี และพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดในศักยภาพของตัวเองจนสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ทุกคนได้เห็น

ทำความรู้จักกันแล้ว อยากรู้จุดเริ่มต้นมาร่วมตัวกันเป็นวง PERSES ได้อย่างไรคะ

กฤติน:  ผมทำงานถ่ายแฟชั่น โฆษณา เอ็มวีมาก่อน เรียกง่ายๆว่า เป็นเด็กโมเดลลิ่ง  ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะได้งานที่ไม่ต้องแคสต์ อะไรที่ตั้งใจไปแคสต์จะไม่ได้ ถ้าจะได้ก็คือได้เลย เขาเห็นโปรไฟล์แล้วชอบ ต้องบอกว่าเวลาไปแคสต์เยอะๆ แล้วไม่ได้ ผมเองก็ท้อเหมือนกันครับ ผมแคสต์งานถ่ายงานอยู่สองปีครึ่ง จากนั้นก็ทราบข่าวว่าแกรมมี่ประกาศออดิชั่นหาศิลปินหน้าใหม่ เราก็เลยตัดสินใจเข้ามาตรงนี้ ความฝันของผมคืออยากเป็นศิลปิน แต่ที่ผ่านมายังไม่มีโอกาสและยังไม่กล้าด้วย พอมีตรงนี้เข้ามา ก็เลยลอง แล้วก็ผ่านจนได้เข้ามาเป็นเด็กฝึกหัด ถือว่าทำความฝันสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว

จั๋ง:  ผมเป็นเด็กฝึกหัดของค่าย MBO มาก่อนครับ เลยมีพื้นฐานเรื่องการร้องการเต้นการแสดงมาบ้าง จำได้ว่าตอนที่ผมมาสมัคร ผมคิดว่า MBO เป็นค่ายนักแสดงก็เลยสมัคร (หัวเราะ) จริงๆ ผมมีความฝันมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าอยากเป็นนักดนตรี เราชอบตีกลอง เล่นเปียโน กีตาร์ได้นิดหน่อยแต่ไม่ค่อยเก่ง มีวงเป็นของตัวเอง เป็นมือกลองนั่งอยู่ข้างหลังมาตลอด สำหรับผมตอนนั้นรู้สึกว่าโอกาสในการเป็นศิลปินยังไม่มีและน่าจะยากด้วย

พอโตขึ้นเราดูซีรีส์ ดูหนังเยอะ ก็รู้สึกชอบงานด้านการแสดงด้วย จังหวะดีมีทีมจาก MBO ติดต่อมา ผมคิดว่านี่คือค่ายแสดงแน่ๆ โอกาสมาแล้ว ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าเอาอะไรมามั่นใจขนาดนั้น (หัวเราะ) ผมก็เลยไปขออนุญาตที่บ้าน ตอนกรอกแบบฟอร์มใบสมัคร มีคำถามถามว่าศิลปินที่ชอบคือ…  ผมเขียนว่าพี่ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ความฝันคือ… ผมเขียนว่าอยากเป็นนักแสดงที่คนรู้จัก แล้วพี่เขาก็บอกว่า นี่ค่ายเพลงนะน้อง (หัวเราะ) แล้วพี่ๆ ก็ให้ผมลองร้อง ลองเต้นดู ผลคือผ่านเข้าไปเป็นเด็กฝึกหัด ก็งงนะครับว่าผ่านได้ยังไง  คงเพราะทีมน่าจะเห็นอะไรในตัวผมบางอย่างที่สามารถนำไปพัฒนาต่อได้ครับ

เน:  ผมทำงานถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณามาก่อน เล่นเอ็มวีมาบ้าง อยู่โมเดลลิ่งเดียวกับกฤตินครับ พอรู้ว่าที่แกรมมี่เปิดออดิชั้น ก็เลยลองสมัครดู เป็นการได้พัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งผมเองก็อยากลองงานด้านศิลปินดูบ้าง ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก คิดว่านี้เป็นโอกาสให้เราลองได้พัฒนาศักยภาพของตัวเอง น่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการเปิดเส้นทางอาชีพในวงการบันเทิง

ปาล์ม:  มีทีมงานชวนให้ออดิชั่นครับ ก่อนหน้านี้ผมทำงานทีมเต้นมาก่อนครับ เป็นแดนเซอร์ให้กับศิลปินในแกรมมี่ อย่าง พี่เป๊ก ผลิตโชค พี่เบิร์ด ธงไชย และพี่ทาทา ตอนมีคอนเสิร์ตต่างๆ ผมอยากพัฒนาตัวเอง อยากเพิ่มสกิลของตัวเองอีกหลายๆ ด้านครับ

ผมมีพื้นฐานเรื่องการเต้นเพราะเรียนตั้งแต่ตอนอายุ 12 ปี ซึ่งผมรักการเต้นเพราะเหตุผลง่ายๆ เลยว่า มันเท่ดี ตอนนั้นที่โรงเรียนเปิดชมรมใหม่เป็นชมรมเต้น ใครเต้นเก่ง เห็นสาวกรี๊ดกันเยอะมาก เลยจุดไฟให้เราอยากเต้นบนเวที พอทำไปก็ชอบนะ คือก่อนหน้านั้นเรามาสายนักกีฬา ชอบเตะฟุตลอล คือก็ชั่งใจอยู่เหมือนกันตอนเปลี่ยนสาย แม่ถามว่าจะเตะหรือจะเต้น ผมบอกว่าเต้นดีกว่า ต้องขอบคุณแม่ที่สนับสนุนให้ได้ทำในสิ่งที่ชอบ

 

ปลั๊กกี้:  ผมไม่เคยเรียนเต้นเลย เหมือนตอนงานโรงเรียนแล้วครูเรียกไปเต้น เราเป็นคนเต้นแรง เต้นสุดเลยเป็นดาวเด่น ครูก็เรียกไปเต้นงานโรงเรียนบ่อย เต้นงานนอกโรงเรียนบ้าง แข่งเต้นบ้าง ส่วนเรื่องร้องผมก็ชอบนะครับ ความที่อยากออกทีวีผมเลยไปประกวด The Voice Kids ซีซั่น 4 หลังจากประกวดผมก็ทำคลิปเต้นลงยูทูปกับเพื่อน แล้วพี่ๆ ในทีมแกรมมี่เห็นก็เลยเรียกมาออดิชั่นดูครับ

ตอนเป็นเด็กฝึกหัด ทราบว่ากว่าจะได้เดบิวต์ไม่ง่ายเลย แต่ละคนผ่านความยากลำบากรูปแบบไหนกันมาบ้าง

เน:  ยากในเรื่องการจัดสมดุลชีวิตให้ดี เรื่องงาน เรื่องเรียน เรื่องส่วนตัวครับ มันไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายซะทีเดียว ต้องรู้จักวางแผนให้ดี

จั๋ง:  ยากเรื่องใจของตัวเองนี่แหละครับ ช่วงแรกที่เพิ่งเข้ามาฝึก ผมเองก็เรียนจบแล้ว ผมจบมาทางด้าน สาขาวิศวกรรมนาโน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อนๆ ต่างก็หางานกันได้แล้ว เห็นเพื่อนถ่ายรูปกันที่ทำงาน ตอนนั้นใจเสียเหมือนกันตอนนั้น คือเรามาฝึกไม่รู้เลยว่าผลจะออกมายังไง จะได้เดบิวต์มั้ย เหมือนเราทิ้งอีกอย่าง เพื่อมาทำอีกอย่าง ใจต้องแกร่งมาก โชคดีมากที่มีน้องๆ คอยให้กำลังใจ

กฤติน: เราฝึกกันร่วมๆ 2 ปีครับ จันทร์-ศุกร์ซ้อมกันช่วงเย็นหลังเลิกเรียน วันเสาร์อาทิตย์ซ้อมกันทั้งวัน ฝึกช่วงแรกๆ ผมเรียนม.รังสิต ก็ต้องมาที่แกรมมี่ทุกวัน เพื่อมาฝึกร้อง เต้น การแสดง การวางตัว การพูด นั่งแท็กซี่ไปกลับรังสิต-อโศกทุกวัน เพราะผมพักอยู่หอแถว ‘มหาลัย หมดค่ารถวันละประมาณ 500 กว่าบาท ก็เยอะนะสำหรับนักศึกษา จะนั่งรถประจำทางมันก็นาน กว่าจะถึงก็จุดหมายปลายทางก็หมดแรงแล้ว

แต่ก็สู้ครับ ฝึกๆ ไป เจอโควิดระบาดอีก ก็ต้องหยุดซ้อมในรูปแบบมาเจอตัวกัน กลายมาฝึกในรูปแบบออนไลน์ เวลาผมเต้นในห้อง มันจะกระเทือนไปถึงห้องข้างๆ ห้องข้างล่าง ผมโดนเตือนทุกอาทิตย์ ทีนี้เวลาจะถ่ายงานส่งการบ้านก็ต้องมาเต้นที่ลานจอดรถ คนเดินเข้าออก ก็มองกันคนนี้ทำอะไร? คือผมก็เขินนะ แต่ก็ต้องซ้อมต้องส่งการบ้าน เขินจนเลิกเขินไปเลยครับ สํู้มากแต่ชีวิตสู้กลับ

ตอนเป็นเด็กฝึกจะมีการสอบทุกเดือน และทุกสามเดือนเป็นการสอบใหญ่แล้วมีการประเมินและคัดออก วันที่เพื่อนออก ผมร้องไห้ตาบวมเลย กอดกันร้องไห้ เพื่อนในกลุ่มซึ่งสนิทกันมากออกหมดเลย คือเวลาประเมิน พอเดินเข้าไปในห้อง ใครที่ออกมาแล้วถือตารางเรียนออกมาด้วย คือผ่าน คนเดินมือเปล่าออกมาคือไม่ได้ไปต่อ เพื่อนออกทุกๆ 3 เดือนใจหายมาก

ปลั๊กกี้:  เศร้าครับจากที่อยู่กันเยอะมาก เพื่อนๆ พี่ๆ ค่อยๆ หาย เสียใจเหมือนกันครับ เราเองได้อยู่ต่อ ก็ตั้งใจว่าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อสานต่อความฝันให้เพื่อนๆ พี่ๆ ที่ไม่ได้ไปต่อครับ

จั๋ง:  เพื่อนๆ ของผมจากค่าย MBO ที่มาออดิชั่นด้วยกัน สุดท้ายก็ไม่ได้ไปต่อ เสียใจเหมือนกันครับ

เน:  ผมจะมีแก๊งต้มเลือดหมู เพื่อนในกลุ่มที่สนิทกัน กินเสร็จจะไปกินต้มเลือดหมูหลังตึกแกรมมี่ สุดท้ายก็ไม่ผ่านทั้งหมดเลย เหลือแค่ผม

ปาล์ม:  ผมเข้ามาสุดท้ายช่วงล็อกดาวน์ คนอื่นฝึกไปประมาณ 6 เดือนแล้ว ผมถึงมาแท็กทีมฝึกออนไลน์ เราจะเป็นคนที่ไม่ได้เจอเพื่อนช่วงแรกๆ แบบตัวต่อตัว

ปลั๊กกี้:  ผมเป็นเด็กขอนแก่น เวลาเรียนก็ยังเรียนออนไลน์กับทางโรงเรียน เวลาซ้อมก็ต้องซ้อม มันยากในเรื่องการจัดตารางชีวิต ต้องแบ่งเวลาให้ดี ต้องส่งการบ้านครูที่โรงเรียนด้วย ส่งการบ้านครูที่ค่ายด้วยครับ

กฤติน:  ของผมที่ยากอีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องการเปลี่ยนตัวเอง ผมรักอิสระ ติดเพื่อน งานที่เคยทำก็ไม่ได้ตายตัว เราสามารถอยู่กับเพื่อนได้เต็มที่ ผมต้องไปคาเฟ่ หากิจกรรมสนุกๆ ทำกับเพื่อน พอเป็นเด็กฝึกหัด เราตามใจตัวเองไม่ได้ ชิลล์ไม่ได้ ตอนนั้นผมมีงานที่เข้ามาเรื่อยๆ จะรับงานก็ลำบากเพราะมีตารางฝึกซ้อม ค่ายไม่ได้ห้ามนะครับ แต่ด้วยเรื่องของเวลาหากจะรับงานอีกก็ยาก

ผมต้องทำงานหาเงินดูแลตัวเองด้วยครับ คือของแบบนี้ต้องเลือก เราไม่ได้สามารถได้ในสิ่งที่ต้องการทั้งหมด เรียกว่าต่อสู้กับตัวเองหนักมาก ถึงผมจะดูแบดๆ แต่เซนซิทีฟมาก ร้องไห้ง่าย บ่อน้ำตาตื้นมากครับ ไหนจะต้องต่อสู้กับตัวเอง ซ้อมหนักด้วย เต้นก็ไม่ถนัด ร้องก็ยังไม่ดีพอ แต่พอปรับตัวได้ รู้สึกว่าภูมิใจกับตัวเองว่าเราทำได้ เราสู้มาได้  มีความสุขที่เลือกมาทางนี้

 

เวลาเหนื่อยหรือท้อสมาชิกทั้ง 5 คน ให้กำลังใจกันอย่างไร 

กฤติน:  ก็จะบอกว่ารักนะ เราอยู่ด้วยกัน เราต้องไปด้วยกัน ถ้าไม่มีใครสักคนก็ไม่ใช่ PERSES เราเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ที่มาเติมเต็มกัน ทุกคนสำคัญเท่ากัน  เราเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้อง เป็นครอบครัวเดียวกัน เราจะไม่ทิ้งกัน

จั๋ง:  ใครล้มหรือท้อพวกเราก็จะคอยฉุดคอยดึงให้ลุกขึ้นมาสู้ แล้วเดินหน้าต่อ

 

มาถึงวันที่ได้เดบิวต์แล้วอยากขอบคุณใครเป็นพิเศษ

จั๋ง:  อยากขอบคุณผู้ใหญ่ในค่าย พี่ทีมงานทุกคนที่มีส่วนร่วม ผลักดัน คอยช่วยเราในทุกๆ อย่าง เพื่อให้เรามีผลงานที่ดีครับ

ปาล์ม: อยากขอบคุณพวกเรากันเองทั้ง 5 คน ที่คอยสู้ไปด้วยกัน มีอะไรก็ปรึกษาคอยช่วยเหลือกันตลอด

 

ณ วันนี้ที่ได้เดบิวต์เป็นศิลปินแล้ว แต่ละคนเติบโตขึ้นอย่างไรบ้าง

กฤติน:  ผมโตขึ้นเยอะมากๆ ของผมเหมือนดีดนิ้วเปิดไฟ เรารู้จักตัวเองมากขึ้น รู้จักสิ่งใหม่ๆ รอบตัวมากขึ้น เปิดโลกกว้างขึ้น การจัดการชีวิตดีขึ้นมากๆ ตารางชีวิตของผมเป๊ะมาก ที่สำคัญผมคิดถึงคนรอบตัวมากขึ้น เมื่อก่อนเราอาจจะคิดถึงแต่ตัวเอง รู้สึกดีและภูมิใจกับตัวเองในวันนี้มากครับ

จั๋ง:  ผมโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ระบบชีวิตและการทำงานเป๊ะมาก มีความรับผิดชอบ มีการปรับเปลี่ยนทัศนคติ มายเซ็ตต่างๆ ของตัวเองให้เข้าใจสิ่งต่างๆ รอบตัว สกิลในตัวผมดีขึ้นทั้งร้อง เต้น แร็ป เหมือนเราหาตัวเองเจอในมุมใหม่ๆ ว่าเราชอบอะไร อย่างผมแต่งเพลงได้ เราก็จะนำสิ่งที่ชอบมาประยุกต์ใช้ในงานได้

เน:  เมื่อก่อนพื้นฐานการร้อง การเต้นของผมเป็นศูนย์  เหมือนเราได้ก้าวข้ามผ่านสิ่งที่เราเคยคิดว่าทำไมได้ เราได้พัฒนาศักยภาพของตัวเอง วันนี้ทำได้แล้ว เราร้องได้ เต้นได้ แร็ปได้ ภูมิใจที่ตัวเองเดินมาถึงวันนี้

ปาล์ม:  มีความรับผิดชอบขึ้นมาก การที่เราต้องเรียนหนังสือด้วย ต้องฝึกซ้อมด้วย เราต้องจัดเวลาว่าอะไรมาก่อนมาหลัง ตัวผมเองถนัดเต้นมากกว่าร้องเพลง เราไม่ค่อยมั่นใจในการร้องเท่าไร แต่พอฝึกมากๆ มีเพื่อนๆ พี่ๆ คอยแนะนำว่าควรไปทางไหน ทำให้เรามีความมั่นใจในด้านการร้องเพลงขึ้นมาก

ปลั๊กกี้:  ผมโตขึ้นกว่าเดิมมาก จากเด็กขอนแก่นที่ตื่นเช้าไปโรงเรียน เย็นกลับบ้านแม่ทำกับข้าวให้กิน แต่พอเรามาอยู่ตรงนี้ เรามีหน้าที่และความรับผิดชอบมากขึ้นทำให้เราโตขึ้นโดยอัตโนมัติ เราได้พัฒนาตัวเอง ผมชอบเต้นก็จริงแต่ไม่เคยเรียนเต้นจริงจังเลย ครั้งนี้ผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มข้น สกิลในตัวเองทุกอย่างพัฒนาขึ้นมากครับ

ในวันนี้ที่ได้เดบิวต์เป็นศิลปินแล้ว PERSES คิดว่าคุณค่าของการเป็นศิลปินคืออะไร

ปลั๊กกี้:  การมีความฝันแล้วทำมันสำเร็จ การได้ทำในสิ่งที่รัก วันนี้พอได้มาเป็นศิลปินแล้วผมมีความสุขมาก แล้วเราก็ได้แบ่งปันความสุขให้แฟนๆ ผ่านเสียงร้อง ผ่านผลงานของเรา

 

ปาล์ม:  การได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่คอยติดตามผลงานของเรา ไม่ว่าเขาอยากจะเป็นอะไร อยากจะทำอะไร ขอให้ทุกคนสู้ๆ อย่าท้อ

เน:  เช่นกันครับ ผมอยากให้แฟนๆ ที่ติดตามพวกเรา ได้มีความสุขกับผลงานของพวกเราที่ตั้งใจทำออกมาครับ

จั๋ง:  คุณค่าของการเป็นศิลปินสำหรับผมมีคุณค่าทางใจมาก ผมชอบดนตรีตั้งแต่เด็กๆ เราไม่เคยทำงานด้านศิลปินมาก่อน ได้มาอยู่ตรงนี้มันเติมเต็มความฝัน นี่คือสิ่งที่เรารัก เราทำมันได้ทุกวันโดยไม่เบื่อ เอ็นจอยกับการซ้อม ตื่นเช้าขึ้นมาอยากมาทำงาน

กฤติน:  คุณค่าที่เวลาครับ เมื่อก่อนผมอาจจะใช้ชีวิตไปวันๆ ชิลล์มาก ตั้งแต่เป็นเด็กฝึกผมรู้ซึ้งเลยว่าจริงๆ แล้วเวลาสำคัญมาก เวลาจะทำอะไรคิดแล้วคิดอีก เอาเวลาไปทำตรงนั้นดีกว่า ทำตรงนี้ดีกว่า ได้ประโยชน์กว่า

มีอะไรอยากจะแนะนำคนที่มีความฝันเหมือน PERSES บ้างคะ 

กฤติน:  อยากให้มั่นใจในตัวเอง อย่าคิดว่าตัวเองไม่เก่ง อย่าคิดว่าทำไม่ได้ ผมว่าทุกคนทำทุกอย่างได้ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าโอกาสยังมาไม่ถึง ให้เดินไปหาโอกาส ถ้ารักและอดทนกับสิ่งนั้นมากพอสักวันจะเป็นวันของเรา ถ้าอย่าปิดโอกาสตัวเองนะครับ

ปลั๊กกี้:  วิ่งเข้าหาโอากส มองหาโอกาสให้ตัวเองตลอด แม้เป็นเพียงโอกาสเล็กๆ มันจะกลายเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่

จั๋ง:  ความพยายามไม่เคยทรยศใครครับ ตามหาความฝันแล้วทำให้เป็นจริง ลงมือทำในสิ่งที่ชอบ ทำให้เต็มที่ ความพยายามจะตอบแทนเราอย่างดี

ฝากผลงานกับแฟนสักนิดค่ะ 

ปาล์ม:  MY TIME ซิงเกิ้ลแรกของพวกเรา พูดถึงความสัมพันธ์ที่ฝ่ายหนึ่งถูกควบคุมบงการชีวิตให้เป็นหรือให้ทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง แต่วันนึงที่ความอดทนถึงขีดจำกัด เลยถึงเวลาที่ตัดสินใจเดินออกจากความ Toxic เพื่อใช้ชีวิตของตัวเอง โดยสไตล์ของเพลงจะเป็น Modern Pop ที่มีส่วนผสมดนตรีแนว Funk เป็นการทำเพลงในระบบ “Song Camp” คือทำงานร่วมกับทีม Jam Factory นักแต่งเพลงทั้งจากฝั่งยุโรปและเอเชีย ที่มีโปรไฟล์เคยทำงานให้ศิลปินชื่อดัง อย่าง Chris Brown, Pitbull, Sean Paul, NCT DREAM, NCT 127, SEVENTEEN, ENHYPEN เป็นการทำงานแลกเปลี่ยนไอเดียระหว่างทีมงานไทยและอินเตอร์ และที่สำคัญพวกเราได้ พี่ปณต คุณประเสริฐ วง Getsunova มาเป็น Executive Producer ให้ครับ แถมยังมี พี่ AUTTA – อัษฎกร เดชมาก มาเขียนเนื้อร้องให้เหมาะกับพวกเราอีกด้วย ขอบคุณพี่ๆมากๆครับ

ปลั๊กกี้:  ส่วนของท่าเต้นทั้งหมดที่ทุกคนได้เห็นใน MV และโชว์ของพวกเรา ถูกออกแบบด้วยพี่ๆ ทีม Harlem Shake ที่ดูแลโดย คุณอภิสราฐ์ เพชรเรืองรอง หรือ ครูเจด้า ของพวกเราครับ เป็นท่าเต้นที่แข็งแรงและแสดงให้เห็นคาแรคเตอร์ของเราทั้ง 5 คนได้ชัดมาก ขอบคุณมากครับ และขอขอบคุณพี่ๆทีมงานแกรมมี่ทุกคนที่มีส่วนช่วยกันสร้างผลงานที่มีคุณภาพมากๆนี้ให้กับ PERSES เราสัญญาว่าจะพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นและผลิตผลงานดีๆมาให้ได้ชมกันอีกนะครับ

จั๋ง:  มิวสิกวิดีโอ MY TIME เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง G’NEST ทีมทำงานของไทยกับทีมโปรดักชั่น FLIP EVIL จากประเทศเกาหลีใต้ ที่เคยสร้างมิวสิกวิดีโอให้กับศิลปินดังๆมากมาย รวมถึงได้ทีมภาพจาก EUMKO หรือ EUM SANG TAE ที่เคยมีผลงานร่วมกับศิลปินเกาหลีหลายวง มาครีเอทมุมภาพเท่ๆให้หนุ่มๆ นับเป็นการได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงานซึ่งกันและกัน โดยครั้งนี้ ใช้เวลาถ่าย MV ที่ประเทศเกาหลีใต้ถึง 2 วันเต็มๆ รวมเวลาถ่ายทำทั้งหมดกว่า 30 ชั่วโมงเลยทีเดียว เรียกว่า ทุ่มเททั้งกายทั้งใจ ใส่กันสุดตัวจริงๆ

เน:  สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดู MV ตามไปดูกันได้ทาง Youtube : gnest_official ส่วนใครที่ดูแล้วก็ดูวนซ้ำๆ ได้นะครับ สุดท้ายนี้ ก็ขอฝากตัว PERSES ด้วยครับ ติดตามพวกเราได้ที่ @perses_official ทุกโซเชียลมีเดียของพวกเราครับ

 

MEMBER PROFILE

KRITTIN

Name (Thai): กฤติน สอสูงเนิน (กฤติน)

Name (English): Krittin Sosungnoen (Ktittin)

Instagram: @kritxxn

Position & Character: Main Vocal ของวงด้วยเสียงร้องอันทรงพลัง และยังเป็น Energy ให้กับเพื่อนๆ กฤตินจะเป็นคนคอยเติมเชื้อเพลิงในใจให้ทุกคนมีพลังและตื่นตัวที่จะพัฒนาตัวเองและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา

 

JUNG

Name (Thai): วิกร บูรณภิญโญ (จั๋ง)

Name (English): Wikorn Buranapinyo (Jung)

Instagram: @jungwboo

Position & Character: Main Rapper และพี่ใหญ่ของวง จั๋งเป็นคนอบอุ่นคอยดูแลทุกคนในวง มีความสามารถทางด้านดนตรี สามารถแต่ง Rap และแชร์ไอเดียในเรื่องของการทำเพลงร่วมกับทีม Music Producer

 

NAY

Name (Thai): ณรัณ วิกัยรุ่งโรจน์ (เน)

Name (English): Naran Vikairungroj (Nay)

Instagram: @nay.naranvik

Position & Character: Visual และ Rapper ด้วยความนิ่งและสุขุม เนจึงเป็นความสงบของวง เป็นนักคิด วิเคราะห์ และช่วยตัดสินใจให้กับวง แถมยังเป็นพาร์ทเนอร์แต่งท่อน Rap ต่างๆร่วมกับจั๋งอีกด้วย

PALM

Name (Thai): พีรวิชญ์ พินธะ (ปาล์ม)

Name (English): Perawit Pinta (Palm)

Instagram: @palmww

Position & Character: Main Dancer นักเต้นหลักของวง ที่ผ่านเวทีการเต้นมามากมาย จากประสบการณ์การเป็นแดนเซอร์ให้ศิลปินของแกรมมี่ อาทิ พี่เบิร์ด ธงไชย, พี่เป๊ก ผลิตโชค, พี่เจ เจตริน, พี่ทาทา ฯลฯ ด้วยเสน่ห์การเต้นที่แข็งแรง ดุดัน ปาล์มสามารถสร้างความตื่นเต้นให้กับโชว์ได้ตลอดเวลา

PLUGGY

Name (Thai): ธรากร คำสิงห์ (ปลั๊กกี้)

Name (English): Tharakorn Khamsing (Pluggy)

Instagram: @p_l_u_g_g_y

Position & Character: Main Vocal และ Lead Dancer น้องเล็กสุด ที่เต็มไปด้วยความสามารถรอบด้าน ทั้งเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ และไลน์เต้นที่พลิ้วไหวแต่แฝงด้วยความแข็งแรง และปลั๊กกี้ยังเป็นความสดใสให้กับพี่ๆทุกคนในวง

 

Text: AuAi

Photo: เนาวพจน์ โพธิเกษม