ทำเอาวันฟ้าครึ้มฝนพรำสว่างเจิดจ้าขึ้นมาทันที เมื่อ 6 สาว ไอดอลสุดคิ้วท์ CGM48 ฟอร์จูน-ปัณฑิตา คูณทวี, พิม–พรวารินทร์ วงศ์ตระกูลกิจ, ปิ๊ง–พิณพณา แสงบุญ, นีนี่-พิชญาภา สุปัญญา, ลาติน–พิมพ์นารา ร่ำรวยมั่นคง และ คนิ้ง–วิทิตา สระศรีสม ขนออร่าความน่ารักจากเชียงใหม่มาแจกความสดใสแบบเกินต้านกับซิงเกิลที่ 4 “Maeshika Mukanee – สุดเส้นทาง” พร้อมเผยเรื่องราวบนถนนสายไอดอล และอนาคตในวันข้างหน้าหากเดินไปจนสุดเส้นทาง ก้าวต่อไปของพวกเธอจะเป็นทางไหน ตามไปหาคำตอบพร้อมกันได้เลย
Yesterday, Today and Tomorrow ความฝัน ปัจจุบัน และอนาคตของ ไอดอลสุดคิ้วท์ CGM48
แนะนำ CGM48 ให้ทุกคนรู้จักกันหน่อย
ฟอร์จูน : เราเป็นวงน้องสาวของรุ่นพี่ BNK48 มีรกรากและทำงานอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ชื่อว่า CGM48 ตอนนี้มีเมมเบอร์ทั้งหมด 23 คน มีพี่รินะ อิซึตะ เป็นชิไฮนินหรือผู้จัดการวง และมีพี่ออม-ปุณยวีร์ จึงเจริญ เป็นกัปตันวงค่ะ
ปิ๊ง : พวกเราใช้ชีวิตอยู่ที่เชียงใหม่เลย ใครเป็นเด็กต่างจังหวัดก็ย้ายไปอยู่นี่นั่น ไปเรียนที่นั่น อยู่หอพักเดียวกันเลยค่ะ
แต่ละคนมาจากจังหวัดไหนกันบ้าง ต้องห่างจากบ้านแบบนี้ ปรับตัวเยอะไหม
ฟอร์จูน : หนูเป็นคนกรุงเทพฯ ความที่โตแล้วจึงดูเหมือนว่าน่าจะใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ มาแล้วช่วงหนึ่ง แต่ต้องบอกตามตรงว่าตอนอยู่กรุงเทพฯ หนูเป็นคนติดบ้านมาก ไม่เคยไปนอนค้างบ้านคนอื่น เพราะที่บ้านค่อนข้างเข้มงวด พอต้องย้ายไปอยู่เชียงใหม่ ช่วงแรก ๆ ก็ Homesick ประมาณหนึ่ง เพราะหนูสนิทกับน้องสาวแล้วต้องห่างกัน พอผ่านไปสักพักเริ่มปรับตัวได้ก็เหมือนได้เจออีกโลกหนึ่ง ที่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ เล่นกับเพื่อนได้ตลอด 24 ชั่วโมง และมีน้องสาวเพิ่มขึ้นมาเยอะแยะเลย เป็นอีกมุมหนึ่งที่สนุกมากค่ะ
พิม : หนูก็เป็นคนกรุงเทพฯ เหมือนกัน ตอนที่ต้องย้ายไปอยู่เชียงใหม่เพื่อเข้าวง อายุเพิ่งจะ 13 เอง เลยมีความรู้สึกกลัวอยู่บ้าง แต่ก็ตัดสินใจไป ซึ่งการตัดสินใจครั้งนั้นทำให้หนูได้เรียนรู้และได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เยอะมาก จากเด็กที่ไม่ค่อยได้ทำอะไรเอง แค่ไปเรียน กลับบ้าน กินข้าว ทำการบ้าน เล่นเกม พอมาอยู่ใน CGM48 ต้องทำอะไรเองหลายอย่าง อย่างการล้างห้องน้ำก็เพิ่งจะล้างเป็นครั้งแรกที่นี่เลยค่ะ
นีนี่ : ส่วนหนูเป็นคนอุดรธานี ตอนแรกก็เป็นเด็กติดบ้าน ไม่เคยห่างจากพ่อแม่เลย พอมาอยู่ที่นี่ต้องทำอะไรเอง ซักผ้าเอง ล้างจานเอง ทำให้เราดูแลตัวเอง ช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น โชคดีที่มีพี่ฟอร์จูนเป็นรูมเมต จึงคอยให้คำปรึกษาเรื่อย ๆ ค่ะ
คนิ้ง : คนิ้งเป็นสาวเชียงใหม่เจ้า แต่ก็ต้องย้ายไปอยู่ด้วยกันกับเพื่อน ๆ
ลาติน : หนูก็สาวเชียงใหม่เหมือนกัน เลยไม่ค่อยรู้สึกแปลกแตกต่างจากเดิมเท่าไร แต่คนที่ไม่คุ้นคือคุณแม่ เพราะเคยอยู่ด้วยกันตลอด พอต้องแยกมาอยู่หอพัก แม่ก็จะโทรมาหาบ่อยหน่อย
ปิ๊ง : ทางนี้ก็เชียงใหม่เจ้า แต่ช่วงแรกคิดถึงบ้านมาก เพราะหนูเป็นลูกคนเดียว และค่อนข้างติดแม่ค่ะ
วันที่ได้รับเลือกให้มาร่วมวงและต้องออกจากบ้านมาใช้ชีวิตเป็นสมาชิก CGM48 รู้สึกยังไง ตัดสินใจยากไหม
พิม : จำได้ว่าวันที่รู้ผลออดิชั่น ในหัวตื้อไปหมด คือ blank ไปเลย ส่วนหนึ่งก็ดีใจที่จะได้ทำตามความฝัน แต่อีกใจก็ไม่อยากออกจากบ้าน ไม่อยากห่างครอบครัว เลยอึ้งไปพักใหญ่ว่าจะเอาไงดี แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเข้าร่วมวงค่ะ
ฟอร์จูน : จริงๆ หนูฝันว่าอยากเป็นศิลปิน อยากเป็นไอดอลมาตลอด ไปออดิชั่นมาเรื่อย ๆ กับหลาย ๆ ค่าย จนมาได้ที่นี่เป็นที่แรก แต่พอรู้ผลว่าออดิชั่นผ่านกลับไม่มีความมั่นใจเลย เอาแต่คิดว่าจะทำได้ไหม จะทำได้จริงๆ เหรอ ลังเลมากว่าจะตัดสินใจยังไงดี จนคุณแม่เรียกไปคุยว่านี่เป็นสิ่งที่หนูอยากทำไม่ใช่เหรอ โอกาสมาถึงตรงหน้าแล้วจะไม่คว้าเอาไว้เหรอ พอแม่พูดแบบนี้ก็กลับมามั่นใจอีกครั้งหนึ่ง และตัดสินใจไปเชียงใหม่เลยค่ะ
ลาติน : วันที่รู้ผลหนูดีใจและตื่นเต้นมาก เพราะเราก็เป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง หน้าตาก็ธรรมดา ไม่เคยเรียนร้องเรียนเต้นมาก่อน ไม่มีอะไรพิเศษเลย แต่ได้รับโอกาสที่สำคัญมากในชีวิต คือการได้เข้ามาอยู่ใน CGM48 ซึ่งให้อะไรหลายอย่างกับหนูมากจริงๆ ขอบคุณตัวเองในวันนั้นที่พยายามจนได้โอกาสมา และตัดสินใจที่จะเข้ามาอยู่ในนี้ ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง และได้ครอบครัวที่น่ารักมาด้วยค่ะ
คะนิ้ง : วันนั้นสำหรับหนูเป็นวันที่ตราตรึงในใจเสมอ เพราะไม่นึกไม่ฝันว่าในชีวิตนี้จะได้มาเป็นไอดอล ดีใจมากที่เขาประกาศชื่อเรา แต่ก็เสียใจที่เพื่อนบางคนไม่ได้ติดเข้ามาด้วย ซึ่งเขาก็ยังให้กำลังใจเราเสมอว่า ฉันจะมองเธออยู่ตรงนี้นะ หวังว่าเธอจะไปได้ดี ก็เลยพยายามทำทุกอย่างให้เต็มที่ เพื่อเป็นตัวแทนของเพื่อนๆ ที่พลาดโอกาสด้วยค่ะ
นีนี่ : ตอนนั้นตื่นเต้นมากค่ะ ศึกษาข้อมูลเยอะเลยว่าเชียงใหม่เป็นยังไง เพราะเราต้องย้ายไปอยู่ที่นั่น พอผ่านมาได้จนวันนี้ 3 ปีเข้าไปแล้ว หนูมองว่าการได้มาอยู่ใน CGM48 ทำให้ได้มิตรภาพเยอะมาก จากคนที่ไม่รู้จักก็มารู้จักกันเพราะมีความฝันเหมือนกัน
ปิ๊ง : สำหรับหนูเป้าหมายที่วางไว้ในตอนนั้นก็คือการได้เป็นสมาชิก CGM48 พอติดเลยเหมือนบรรลุเป้าหมายแล้ว แต่จริงๆ เส้นทางนี้ยังไม่จบ การเข้ามาอยู่ในวงเป็นแค่จุดเริ่มต้น เพื่อก้าวไปสู่เส้นทางใหม่ ซึ่งตอนนี้เส้นทางนี้ก็ดำเนินมาได้ 3 ปีแล้ว ค่อนข้างเปลี่ยนหนูไปพอสมควรเลยค่ะ ทำให้เป็นปิ๊งอีกคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
3 ปีผ่านไป จนตอนนี้มีซิงเกิลที่ 4 “Maeshika Mukanee – สุดเส้นทาง” ออกมาให้แฟนๆ ได้ฟังกันแล้ว ซิงเกิลนี้มีความพิเศษยังไงบ้าง
ฟอร์จูน : นับว่าค่อนข้างแตกต่างจากเพลงที่ผ่านมา เพราะสไตล์ของ CGM48 จะมีความน่ารัก สดใส แต่เพลงนี้ให้ความรู้สึกที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เหมือนพวกเราโตเป็นสาวกันแล้ว เนื้อเพลงมีความหมายเชิงให้กำลังใจ เปรียบเสมือนพวกเรา CGM48 ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนไปถึงสุดเส้นทางค่ะ
นีนี่ : ส่วนแนวดนตรีมีความเป็นเจร็อก ให้ความรู้สึกฮึกเหิม และมีความเท่มากขึ้น
ฟอร์จูน : ท่าเต้นเพลงนี้ก็ง่าย ๆ เป็นท่าโยกหัว ซึ่งคิดว่าทุกคนน่าจะทำตามได้ไม่ยาก แต่อาจจะปวดคอนิดนึงนะคะ (หัวเราะ)
คนิ้ง : หนูมองว่าเป็นซิงเกิลที่ฉีกจากแนวของ CGM48 มากๆ เพราะเป็นเพลงให้กำลังใจ ฟังแล้วรู้สึกอยากลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ซึ่งค่อนข้างตรงกับเรื่องราว CGM48 เพราะพวกเราใช้เวลาอยู่ร่วมกันมาจะ 3 ปี ผ่านทั้งเรื่องดีเรื่องร้ายมาด้วยกัน อาจจะมีบ้างบางช่วงที่รู้สึกเหนื่อย แต่ก็มีเมมเบอร์คอยให้กำลังใจ และถึงแม้ว่าจากนี้เราอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดไป แต่ก็ยังมีความทรงจำดีๆ ร่วมกัน
ฟอร์จูน : ความพิเศษอีกอย่างคือเป็นซิงเกิลแรกที่พวกเรามีส่วนช่วยกันแปลเนื้อเพลง เพื่อสะท้อนความเป็น CGM48 ให้มากที่สุด ก็เลยเห็นพ้องกันว่านี่คือเพลงที่มาจากใจ CGM48 จริงๆ ค่ะ
เป็นเพลงที่ทำให้ลุคของทุกคนดูโตขึ้นด้วยใช่ไหม
พิม : ใช่ค่ะ โดยเฉพาะชุดเซ็มบัตสึของเพลงนี้ที่ดูเป็นร็อกเกอร์เท่ๆ ต่างจากเพลงอื่นที่เน้นชุดแนวน่ารัก แต่ก็ยังคงมีกิมมิกสนุกๆ ให้สมาชิกแต่ละคนแตกต่างกันออกไป บางคนเป็นชุดกางเกง บางคนเป็นกระโปรง ส่วนเสื้ออาจจะใส่เป็นกั๊กบ้าง หรือมีครอเซ็ตข้างใน และจะมีเครื่องหัวมากมายที่ต่างกันค่ะ
ฟอร์จูน : ต้องบอกว่าตอนได้เห็นชุดครั้งแรกคือ โอ้มายก็อด เพราะเป็นสีน้ำเงิน สีโปรดของหนู และด้วยความที่เราค่อนข้างโตแล้ว จึงรู้สึกว่าชุดของซิงเกิลนี้ดูเหมาะกับเราดี ไม่เด็กจนเกินไป ทำให้น้องๆ ได้ลุคที่ดูโตขึ้นด้วย และที่ชอบเป็นพิเศษคือรองเท้าที่เป็นรองเท้าบูต เพราะที่ผ่านมา CGM48 ไม่เคยใส่รองเท้าบูตมาก่อนเลย
ลาติน : รองเท้าใส่เต้นสบายมาก คือทุกคนทักว่าบูตจะหนักหรือเปล่า กระโดดไหวไหม แต่จริงๆ แล้วกล้าบอกเลยว่า เป็นรองเท้าที่ใส่สบายที่สุดตั้งแต่เคยมีมาเลยค่ะ
ในเอ็มวีนอกจากลุคของทุกคนที่เปลี่ยนไป ยังได้เห็นมุมสวยๆ ของเชียงใหม่ด้วย
ปิ๊ง : ทางทีมทุ่มเทในการหาโลเคชั่นมากๆ อย่างวิวดอยสุเทพก็เลือกจากมุมดาดฟ้าที่เห็นดอยสุเทพได้ชัดแจ้งที่สุด และยังถ่ายทำกันแต่เช้าเพื่อให้ได้แสงเช้ากับภาพดอยสุเทพที่มีเมฆหมอกบางๆ เหมือนอากาศเย็นๆ ถึงแม้ว่าตอนถ่ายจะร้อนตับแตกก็ตาม (หัวเราะ) เพราะถ่ายกันจนถึงเที่ยงวันเลยค่ะ
ฟอร์จูน : พิกัดที่เราถ่ายทำกันคือจุดโชว์ First Performance ของซิงเกิลนี้ ไปตามกันได้นะคะ
ปิ๊ง : อีกที่คือ Art Gallery เพื่อให้เชื่อมโยงกับเอ็มวีที่ใช้รูปถ่าย สื่อถึงการดึงเมมเบอร์ออกมาจากอดีตที่กำลังยึดติดอยู่ แล้วก้าวต่อไป ซึ่งทั้งหมดที่เห็น เราใช้เวลาถ่ายทำกันในวันเดียว ตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน เรียกว่าลงทุนลงแรงกันมากเลยค่ะวันนั้น
หลังจากปล่อยมิวสิกวิดีโอให้แฟนๆ ได้ชมแล้ว ฟีดแบ็กดีขนาดไหน
ปิ๊ง : หลังจาก First Performance ของซิงเกิลนี้ เรามีงาน Hi-Touch ต่อ เป็นงานที่จะได้พูดคุยกับแฟน ๆ สั้น ๆ ทำให้ได้ฟีดแบ็กแบบเรียลไทม์จากตรงนั้นเลย ที่สังเกตคือ สุดเส้นทางเป็นเพลงมันๆ ต้องโยกหัวตาม แล้วแฟนคลับทุกคนที่มาจับมือคือผมยุ่งเหมือนเราเลย (หัวเราะ) คือเราโชว์เสร็จก็ไปเปลี่ยนชุด ผมเผ้าไม่ได้จัดให้เข้าที่ พอมาเจอแฟนคลับแล้ว เอ็นดูมากที่ผมยุ่งเหมือนกัน ก็เลย อืม…เราเป็นเพื่อนกัน เต้นสนุกสุดเหวี่ยงด้วยกันแน่ ๆ
ฟอร์จูน : หนูตามไปอ่านคอมเม้นท์ในยูทูบบ้าง ทวิตเตอร์บ้าง เห็นแฟน ๆ พูดถึงกันว่าเอ็มวีดูมีความมินิมอล เรียบง่ายแต่มีเรื่องราว เล่าเรื่องผ่านภาพ ผ่านตัวพวกเรา ทำให้เข้าใจง่าย รู้สึกว่ามีความเป็น CGM48 มากๆ และยังได้เห็นน้อง ๆ ในชุดเซ็มบัตสึที่ดูโตขึ้น ดูเป็นสาวมากขึ้น ทุกคนก็บอกว่าแปลกตาดี สวยดี เป็นที่ชื่นชอบของแฟนคลับค่ะ
นีนี่ : เหมือนเแฟนคลับแอบตกใจอยู่เหมือนกันนะคะ เพราะเปลี่ยนลุคกันไปเลย ปกติจะแต่งหน้าใสๆ แต่เพลงนี้จะเข้มขึ้น บางคนก็เดินมาบอกว่า จำแทบไม่ได้เลย รู้สึกว่าแปลกตาขึ้นมาก
เห็นว่าเป็นเพลงที่ความหมายดีมาก มีท่อนไหนของเพลงที่แต่ละคนชอบเป็นพิเศษไหม
ลาติน : หนูชอบท่อนที่เป็นภาษาเหนือค่ะ “แม้วันเก่าจะดีเต้าใด ก่อละไว้ในวันตี้เฮาลาจาก” เพราะดูเป็น CGM48 มากๆ ทั้งเป็นภาษาเหนือ และเป็นท่อนที่เรายืนกอดคอร้องพร้อมกัน 16 คนด้วย
ปิ๊ง : ท่อนนี้เราบอกพี่ติ๊ก วง Playground (กฤษติกร พรสาธิต) ที่แปลเพลงว่า อยากได้ภาษาเหนือ เพราะทุกเพลงของเรามีภาษาเหนือมาตลอด พอพี่ติ๊กโอเค พี่ฟอร์จูนก็ส่งมาให้หนู บอกว่า “พี่เชื่อว่าปิ๊งทำได้” ก็เลยออกมาเป็นอย่างที่ได้ฟังกัน ส่วนท่อนที่หนูชอบ เป็นท่อนง่ายๆ ที่ไม่ต้องแปล คือช่วงที่ร้องว่า “โว้โว (ปิ๊งร้อง) โว้โว (สมาชิกที่เหลือร้องรับ) โว้โว (ปิ๊งร้อง) โว้โว (สมาชิกที่เหลือร้องรับ)” เพราะโวโว้แรกเราจะร้องและโว้โวที่สองเราจะส่งต่อให้แฟนคลับร้อง ส่งอารมณ์ร่วมกัน ทำให้เวทียิ่งสนุกขึ้นไปอีก
พิม : ของหนูไม่ค่อยต่างจากพี่ปิ๊งเท่าไร เพราะชอบท่อน “โอ้ย โอ้ย” ฟังแล้วรู้สึกฮึกเหิมมาก ยิ่งตอนเต้นเหนื่อยๆ แล้วได้ยินเสียงแฟนๆ หรือเพื่อนๆ เมมเบอร์ร้องว่า โอ้ย โอ้ย ขึ้นมา จะมีแรงฮึดเต้นสู้ต่อไปได้
ฟอร์จูน : ของหนูชอบท่อน “เหมือนใจหวั่นที่ฉันอาจไม่พร้อม อยู่กับโลกที่เปลี่ยนผันไป” ซึ่งคุณคนนี้ (ผ่ายมือไปทางปิ๊ง) เป็นคนเขียนอีกเหมือนเดิมค่ะ ฟังครั้งแรกก็รู้สึกว่าชอบมาก เพราะความหมายดีมาก ตรงกับเนื้อหาที่เพลงควรจะเป็นว่า สุดท้ายแล้วคนเราก็ต้องแยกย้ายกันไปเติบโต แต่ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเราก็แอบกลัวเหมือนกัน เพราะว่าที่ที่เคยอยู่นั้นดีมากๆ แต่สุดท้ายก็ต้องก้าวข้ามออกไปในโลกใบใหม่ของเราให้ได้
นีนี่ : “โปรดจงเชื่อมันในวันพรุ่งนี้ของเรา” เป็นท่อนโปรดของหนูค่ะ ฟังเหมือนปรัชญาให้เราคิดว่า ถึงวันนี้จะใจร้ายกับเรา แต่วันข้างหน้าอาจจะใจดีก็ได้ ต้องมีสักวันที่เป็นวันของเรา
คนิ้ง : ส่วนหนูชอบท่อน “โวโว้” เหมือนพี่ปิ๊งค่ะ เพราะรู้สึกว่ามีความสุขที่เราร้องแล้วมีคนร้องตอบกลับมา เอาจริงๆ เพลงนี้ความหมายดีมากๆ เลยสำหรับใครที่เหนื่อยหรือท้ออยู่ ได้ฟังแล้วจะมีแรงฮึดขึ้น เข้มแข็งขึ้น อยากให้ทุกคนได้ฟังค่ะ
พอฟังเพลงนี้แล้ว เคยคิดไหมว่าถ้าวันหนึ่งเรามาจนสุดเส้นทางแล้ว จะก้าวไปทางไหนกันต่อ
ฟอร์จูน : หนูเป็นคนที่มีความฝันชัดเจนมาตั้งแต่เด็กว่าอยากเป็นศิลปิน อยากเป็นไอดอล ดังนั้นหากวันหนึ่งต้องจบจาก CGM48 ก็ยังอยากทำงานในเส้นทางสายนี้อยู่ อยากลองเป็นนักแสดง อยากเป็นศิลปินเดี่ยว อยากมีวงของตัวเอง ได้เล่นในคอนเสิร์ตแบบที่เราชอบ วันหนึ่งถ้าเส้นทางนี้จบลงแล้ว หนูก็ยังอยากเป็น ฟอร์จูน ศิลปินคนหนึ่งอยู่ค่ะ
พิม : ณ ตอนนี้ หนูอาจจะยังไม่รู้ว่าถ้าจบไปแล้วจะทำอะไรต่อ คิดว่าระยะเวลา 3 ปีที่เหลือต่อจากนี้คงจะช่วยให้ค้นหาตัวเองเจอได้ แต่ถ้าเป็นความคิดตอนนี้เลยก็อยากไปทำงานในส่วนสนุกต่างประเทศ หรือเปิดร้านเบเกอรี่ หรือลองทำงานพาร์ตไทม์ คืออยากลองทำอะไรหลายๆ อย่างดูก่อนค่ะ
นีนี่ : สิ่งที่อยากทำในอนาคตคืออยากเป็น Influencer หรือนักรีวิว หรือเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ค่ะ แต่สิ่งที่อยากให้เป็นจริงตอนนี้คือ อยากให้ CGM48 ดังระดับ Worldwide เราจะได้มีงานเข้ามาเยอะๆ พอมีงาน เราก็จะมีเงินเอาไว้เลี้ยงดูพ่อแม่ คืออยากมีอนาคตที่สดใสและอยากให้พ่อแม่สบายค่ะ
คนิ้ง : สำหรับหนูมองว่าเส้นทางนี้ทำให้เราได้รับประสบการณ์มากกว่าเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันเยอะมาก รู้สึกเหมือนตัวเองเรียนจบปริญญาตรีและกำลังฝึกงานแล้ว ที่แน่ๆ คือเป็นเส้นทางที่ช่วยให้เราต่อยอดไปในอนาคตได้ บางทีวันข้างหน้าความฝันของหนูอาจจะไม่ใช่งานในวงการบันเทิงก็ได้ แต่คิดว่าการที่ได้มาอยู่ตรงนี้ จะเป็นผลดีกับเราในอนาคตแน่นอนค่ะ
ปิ๊ง : สุดเส้นทาง CGM48 ของหนูไม่ใช่งานในวงการค่ะ เพราะอยากเลือกสิ่งที่เรามีความสุขมากกว่า ตอนนี้อาจจะยังมองไม่ออกว่าจะเป็นทางไหน แต่แค่ตั้งเป้าไว้ว่าสุดเส้นทางจะต้องมีความสุขรออยู่ อย่างการเข้ามาเป็น CGM48 ก็ทำให้หนูมีความสุขมาก ดังนั้นวันนี้จึงอยากใช้ชีวิตบนทางเส้นทางนี้อย่างมีความสุขตามที่ตัวเองได้เลือกไว้ก่อน ส่วนอนาคตก็ต้องรอดูอีกทีว่าจะเป็นยังไง
ลาติน : การได้ใส่ชุดสวย ๆ มาร้องมาเต้นอยู่บนเวทีท่ามกลางแสงไฟ เป็นอะไรที่ดีมากๆ สำหรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ถามว่าในอนาคตถ้าสุดเส้นทางของเราแล้ว ลาตินยังจะเดินบนเส้นทางนี้ต่อไปไหม ก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต ส่วนในอีกมุมหนึ่ง สิ่งที่อยากทำจริงๆ คือ การเปิดร้านอาหาร เพราะหนูชอบความรู้สึกแบบโฮมมี่ เลยอยากเปิดร้านเล็ก ๆ ให้ผู้คนมานั่งกินข้าวพร้อมหน้ากับครอบครัว นั่งพูดคุยกัน แต่อาจจะลงมือทำตอนอายุ 30-40 ไปแล้ว ก่อนหน้านั้นคิดว่าจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่าก่อนค่ะ
อยู่เชียงใหม่มา 3 ปี สำหรับสมาชิกทีมต่างจังหวัด ประทับใจอะไรในจังหวัดนี้บ้าง
ฟอร์จูน : ประทับใจไลฟ์สไตล์ของคนเชียงใหม่ค่ะ รู้สึกว่าเขาไม่รีบร้อน ไม่ค่อยใจร้อน เวลาไปซื้อของ คุณน้าคุณป้าเจ้าของร้านก็จะค่อยๆ พูดจา เป็นอะไรที่น่ารักมาก ทำให้เราใจเย็นขึ้นด้วย เพราะตอนอยู่กรุงเทพฯ จะรู้สึกหัวร้อนง่าย ทำอะไรก็ขัดใจไปหมด พอมาอยู่เชียงใหม่คือ…ไม่เป็นไรเจ้า ก็จะเป็นคนเรียบร้อยขึ้นนิดนึง
พิม : หนูชอบภาษาค่ะ ภาษาถิ่นของเชียงใหม่น่ารัก แต่เราอู้บ่เป็นนะ (พูดไม่เป็นนะคะ)
นีนี่ : สภาพแวดล้อมและบรรยากาศของเชียงใหม่ดีมาก สถานที่ท่องเที่ยวเยอะ หนูเคยไปขึ้นดอยครั้งหนึ่งแล้วชอบมาก มีความสโลว์ไลฟ์ อากาศดี ชิลๆ อยากจะขึ้นไปใช้ชีวิตอยู่บนดอยเลยค่ะ
แล้วสาวๆ เชียงใหม่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนอยากแนะนำเพื่อนๆ หรือแฟนๆ ที่อยากไปเที่ยวเชียงใหม่ไหม
คนิ้ง : หนูเป็นคนไม่ค่อยเที่ยวเท่าไร ที่ไปเที่ยวบ่อยสุดคือดอยอินทนนท์ ชอบไปตอนหน้าหนาวช่วงเดือนเกิดเรา มีอยู่ครั้งหนึ่งไปเจอแม่คะนิ้งพอดี ตื่นเต้นมาก เพราะได้เห็นที่มาของชื่อตัวเอง ด้วยความดีใจ ลงไปถ่ายรูปจนตัวเปียกกันเลยค่ะ
ลาติน : ขอแนะนำร้านหมูกระทะค่ะ (ยิ้มกว้าง) ที่เชียงใหม่สามารถหารับประทานหมูกระทะอร่อยได้ใกล้ๆ คุณเลย เพราะมีอยู่เยอะมาก พอๆ กับคาเฟ่ที่มีหลายแบบหลายแนว หลายระดับราคาให้เลือก ถ้าไปเที่ยวเชียงใหม่อย่าลืมหมูกระทะและแวะคาเฟ่กันนะคะ แนะนำเลย
ปิ๊ง : หนูชอบดอยสุเทพเป็นพิเศษค่ะ เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในเชียงใหม่ก็จะมองเห็นดอยสุเทพตลอด เหมือนเราถูกดอยสุเทพโอบกอดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นวันที่ดี หรือไม่ดี อาจจะเป็นวันที่เหนื่อยๆ เบื่อๆ อารมณ์ไหนก็ตาม ดอยสุเทพก็จะอยู่ตรงนั้นเสมอ อยู่ข้างเราตลอด และข้างบนยังมีพระธาตุดอยสุเทพ เป็นเหมือนสถานที่ให้ความอุ่นใจสำหรับชาวเชียงใหม่ เลยอยากให้ทุกคนไปเที่ยวกันค่ะ
มาถึงวันนี้จากเด็กผู้หญิงธรรมดากลายเป็น ไอดอลสุดคิ้วท์ CGM48 ขวัญใจผู้คน อยากฝากอะไรถึงคนที่คอยสนับสนุนเราอยู่ไหม
คนิ้ง : ตั้งแต่เราเข้าวงมายังไม่เป็นที่รู้จักจนกระทั่งตอนนี้ เวลามีงานคนมาดูเต็มฮอลล์ทุกครั้ง รู้สึกดีใจมาก ขอบคุณทุกคนที่ยอมเหนื่อยมากับเรา สู้มากับเรา ต่อไปนี้ก็จะมีความสุขกับพวกเราตลอดไปนะคะ
นีนี่ : ถ้าไม่มีแฟนๆ ก็คงไม่มีพวกเราในวันนี้ ขอบคุณที่ให้โอกาสพวกเราได้ทำอะไรใหม่ๆ หลายๆ อย่าง และขอบคุณที่อยู่ข้างๆ กันมาตลอดค่ะ รักนะคะ
ลาติน : ขอบคุณเสียงเชียร์ดังๆ เวลาพวกเราขึ้นเวที ขอบคุณคำพูดดีๆ ที่มาเจอกันเมื่อไรก็จะมอบให้กันทุกครั้งเลย ขอบคุณที่อยู่ตรงนี้กับพวกเรา CGM48 ขอบคุณมากๆ ค่ะ
ปิ๊ง : อยากบอกว่าประทับใจ เพราะการที่มีทุกคนอยู่ข้างๆ ทำให้ที่ข้างๆ หนูไม่เหงาอีกต่อไป ที่ผ่านมาไม่ว่าจะดีหรือจะร้ายก็มีแฟนคลับอยู่ด้วยกันเสมอ ขอบคุณที่คอยเป็นกำลังใจให้กันนะคะ
พิม : ทุกคนคอยอยู่เคียงข้างพวกเรามาตลอด คอยซัพพอร์ตกันจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็คอยโอบอุ้มพวกเรามาเสมอ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ
ฟอร์จูน : คงไม่มีคำไหนพูดได้ดีไปกว่าคำว่าขอบคุณค่ะ หนูชอบที่ได้เห็นพวกเรา ทั้ง CGM48 และแฟนคลับทุกคน เติบโตไปเรื่อยๆ ชอบที่ทุกคนมาเล่าเรื่องราวว่าผ่านอะไรมาบ้าง แชร์ประสบการณ์กัน คิดว่าถ้าไม่ได้มาเป็น CGM48 เราก็คงไม่รู้จักกัน ดีใจที่ได้รู้จักและยินดีที่ได้รักนะคะ
Text: ASK / Photo: เนาวพจน์
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
BNK48 รุ่น 3 ปาเอญ่า-อีฟ-โยเกิร์ต-ข้าวฟ่าง-พีค-แพนเค้ก ฝูงกระต่ายสุดคิวต์ที่อาสามอบความสุขให้ทุกคน
BNK48 รุ่น 3 ปาเอญ่า-อีฟ-โยเกิร์ต-ข้าวฟ่าง-พีค-แพนเค้ก ฝูงกระต่ายสุดคิวต์ที่อาสามอบความสุขให้ทุกคน