เจฟ ซาเตอร์ Jeff Satur กับความฝันที่เดินทางมาพร้อมความพยายามตลอด 10 ปี

account_circle
event

 

 

เจฟ ซาเตอร์ Jeff Satur นักแสดง-ศิลปินดาวรุ่งที่มีความสามารถทั้งการแสดงและดนตรี ด้านงานแสดงก็ปังทั่วโลกจากซีรีส์ KinnPorsche The Series ด้านงานสายดนตรีหนุ่มเจฟก็ได้แสดงศักยภาพคนทำงานคุณภาพทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง ที่พร้อมก้าวไปประสบความสำเร็จในระดับอินเตอร์ หลังสั่งสมประสบการณ์มานานถึง 8 ปี ผ่านซิงเกิ้ลที่ 4 “แค่เงา” (Hide)

พูดคุยกับเจฟ ถึงเส้นทางของความฝันที่ต้องอดทนรอนับสิบปี กว่าจะมีวันนี้ … เมื่อความอดทนและความพยายาม เดินทางมาถึงวันที่ประสบความสำเร็จ เชื่อเถอะว่ามันคุ้มค่าและสวยงามเสมอ

 

นับตั้งแต่เปิดตัวซิงเกิ้ลแรก “Highway” เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา เจฟ ซาเตอร์ (Jeff Satur) ศิลปินหนุ่มหน้าใหม่ของเวย์เฟอร์ เรคอร์ดส์ (Wayfer Records) ก็ถูกจับตามอง เมื่อเพลงมาพร้อมซาวนด์ที่ฟังทันสมัย ภาพลักษณ์ของเจฟ ซาเตอร์เองก็มีเสน่ห์ดึงดูดสายตา ซิงเกิ้ลต่อมา “ทำไมมันยาก” และ “วันนี้คือพรุ่งนี้ของเมื่อวาน” ที่ปล่อยตามมาอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งตอกย้ำถึงความสามารถของ “เจฟ ซาเตอร์” ว่า นุ่มคนนี้ ไม่ได้มีดีแค่เบื้องหน้า เพราะยังมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ผลงาน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อร้อง, ทำนอง รวมถึงการออกแบบดนตรี

ทั้งหมดเป็นผลลัพธ์จากการทำงานในวงการบันเทิงร่วม 10 ปี ไม่ว่าจะเป็นงานเพลง ที่ “เจฟ ซาเตอร์” เริ่มเดินบนเส้นทางสายนี้ สะสมประสบการณ์ ผ่านความอดทนและพยายามมาตั้งแต่ปี 2556 เริ่มจากเป็นเพียงนักร้องผู้ถ่ายทอด กระทั่งได้ลองทำเพลงเอง แต่งเพลงเอง รวมถึงเป็นโปรดิวเซอร์ โดยผลงานไปปรากฏอยู่ในซีรีส์หลายเรื่องในประเทศแถบเอเชีย จากนั้นเจฟก็มีผลงานการแสดงในซีรีส์หลายเรื่อง จนได้รับตำแหน่ง ‘Rising Foreign Coupled of the Year 2020’ จากงาน Voice Point 2021 ของประเทศฟิลิปปินส์  (Philippines) และตำแหน่ง GQ Popular Vote 2021

การเดินทางบนเส้นทางสายบันเทิงของเจฟผ่านการอดทนและความพยายามมาไม่น้อย และวันนี้ “เจฟ ซาเตอร์” จะนำประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนาน ตั้งใจทำผลงานทั้งการแสดงและงานดนตรี เพื่อแฟนๆ ที่คอยรักและสนับสนุนเขาเสมอมา

เจฟ ซาเตอร์ Jeff Satur กับความฝันที่เดินทางมาพร้อมความพยายามตลอด 10 ปี

 


อัพเดตชีวิตช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง รู้ว่าคิวงานแน่นมาก 

เป็นช่วงที่สนุกครับ ได้ทำอะไรหลายอย่าง ได้ไปหลายๆ ที่ ได้เจอกับคนมากมาย ผมเอ็นจอยกับการทำงานมาก ไม่ว่าจะเป็นพาร์ทของการสัมภาษณ์ พาร์ทการถ่ายแบบ พาร์ทร้องเพลง พาร์ทการแสดง สนุกทุกอย่างที่ทำเลยครับ

เพลงแค่เงา ได้รับการตอบรับที่ดีมาก จากแฟนๆ อยากถามถึงคอนเซปต์ เพลงนี้ต้องการบอกเล่าความรู้สึกอะไรคะ

ฟีดแบ็กดีมากครับ ผมเข้าไปตามอ่านฟีดแบ็ก ก็มีคนบอกว่านี่คือชีวิตฉันเลย (หัวเราะ) ซิงเกิ้ล “แค่เงา” (Hide) เป็นเพลงช้าๆ เพลงซึ้ง ๆ ของคนที่ทำได้แค่มอง แอบรักเขามาก อยู่เคียงข้างไม่ต่างจากเงา เราเป็นแค่เงา เราก็มีความสุข แม้เธอจะไม่เคยมองเราเห็นเลยก็ตาม แต่เมื่อวันใดไม่มีใคร เธอมองมาก็ยังมีฉันอยู่ตรงนี้เสมอ

เพลงนี้ได้ บิลลี่ วง Tilly Birds (ณัฐดนัย ชูชาติ) มาเป็นโปรดิวเซอร์ ซึ่งเขามาช่วยทำเพลงนี้ ผลักให้เราได้แสดงศักยภาพในตัวออกมาได้มากขึ้น ทำงานกับบิลลลี่สนุกมาก ช่วยกันระดมไอเดียมาตรงกลาง จนสรุปคอนเซ็ปต์เพลงออกมาได้ว่า เป็นความรักที่เขาไม่รู้ว่าเรามีตัวตน ความรักข้างเดียวที่คลั่งรัก ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่าการเป็นแค่เงา ใช้เวลาทั้งหมดร่วมๆ สองอาทิตย์ เพลงก็เสร็จสมบูรณ์ แทบไม่ต้องแก้เลย

 

เจฟ ซาเตอร์ เวลาคลั่งรักจะเป็นอย่างไรคะ

ยกตัวอย่างเช่น ช่วง ม. ปลาย จะหนักมาก เป็นรักแรกด้วยครับ คือผมจะได้เงินไปโรงเรียนอาทิตย์ละ 2,000 บาท ต้องบริหารจัดการเอง เราก็จะใช้ไปกับการเลี้ยงหนัง เลี้ยงข้าวเขา ปกติแม่จะให้กลับแท็กซี่ แต่เงินจะใช้ไม่พอไง ช่วงคลั่งรักก็เลยต้องกลับรถสองแถว ต่อรถตู้ ต่อรถตู้อีกที แล้วนั่งวินเข่าบ้าน นั่งรถ 4 ต่อ เพื่อประหยัดค่ารถ จะมีเงินไปเปย์เขา ก็เป็นอะไรที่ทุ่มเท สู้เพื่อความรักมากตอนนั้น ก็เป็นประสบการณ์ความรักดีๆ

ส่วนเวลาเฮิร์ต ผมจะไม่ไปที่ที่เคยไปด้วยกัน มันจะเล่นเอ็มวีทันที น้ำตาจะค่อยๆ ไหล เราจะเขินคนอื่นไงครับ ผมเป็นคนอ่อนไหวด้วย เจฟเลยระบายความรู้สึกโดยการเขียนออกมาเป็นเพลง ถ้าเราไม่เคยเจ็บมาก่อน เราจะเขียนเพลงที่เจ็บได้อย่างไร

นิยามความรักของเจฟ ซาเตอร์ 

นึกถึงเลข 1 คือทุกความรักมีแค่อันเดียว คนเดียว เช่น ความรักที่เราให้เพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเพื่อนคนนั้นก็มีคนเดียว เพื่อนคนนั้นมีคนเดียวในโลก เรารักเขาในแบบที่เขาเป็น ต่อให้มีฝาแฝดกันก็ไม่เหมือนกัน

 

ย้อนถามถึงจุดเริ่มต้นของการเล่นดนตรีของเจฟ เริ่มจากอะไรคะ

เจฟเล่นดนตรีที่โรงเรียนกับเพื่อนๆ ก็มีการฟอร์มวงเล่นดนตรีกัน พอถึงช่วงม.ปลาย เราต่างแยกย้ายกันไปตามสาย เพื่อนๆ ไปสายวิทย์-คณิต สายศิลป์-คำนวณ ส่วนผมเลือกสายศิลป์-ญี่ปุ่น เราเลือกเพราะว่าต้องเรียน ไม่ได้เลือกเพราะอยากเรียนจริงๆ ถามว่าเป็นเด็กเรียนมั้ย ก็ไม่ขั้นนั้นครับ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเรียนหนังสือนะ แต่รู้สึกว่าถ้าไม่จำเป็นต้องใช้ ก็ไม่ทำ เราเรียนพอผ่าน คือเจฟชอบเล่นดนตรีอยู่หลังห้องคนเดียว อยากทำอะไรที่ชอบดีกว่า

เจฟเคยไปประกวดรายการมาสเตอร์คีย์เวทีแจ้งเกิดด้วยครับ จากนั้นก็ประกวดรายการ The Voice เลยได้เจอทีมสเก๊าท์ของ บริษัท อาร์เอส ก็ได้เป็นศิลปินฝึกหัด ต่อจากนั้นได้เขาไปอยู่กับ เดโมโปรเจ็กต์ โปรเจ็กซ์ที่เป็นวัยรุ่นเล่นดนตรี ทำเพลงอะคูสติก ฟังง่ายๆ เพลงที่ออกมาก็มี โลกแตก, คิดถึงเธอแทบตายแล้ว ไม่กล้าบอกชัด จากนั้นก็แยกย้ายกันอีก ผมย้ายค่ายไปอยู่ Garden Music ฟีลทำงานก็คล้ายๆ เดิม มีคนแต่งเพลงมาให้เราร้อง คือต้องบอกว่าเพลงถือว่าดัง และเป็นที่รู้จักในตอนนั้นนะ แต่นักร้องกลับไม่มีใครรู้จัก ไปเล่นโชว์ที่ไหนก็ไม่มีใครรู้จัก แต่เราก็ยังเดินทางมาเรื่อยๆ

ผมเคยไปโชว์ครั้งหนึ่งที่สระบุรี เป็นงานในห้าง หน้าเวทีไม่มีใครมาดูเลย มีแค่พ่อกับแม่ของผมมาดู อยากมาเชียร์และชมผลงานของลูก พ่อแม่เอาดอกไม้มาให้ด้วยนะครับ ส่วนคนอื่นๆ เขาก็ยืนดูไกลๆ ส่วนใหญ่ตั้งใจมาซื้อของ แวะมองผ่านๆ เราก็บอกว่า เข้ามาได้นะครับ แต่ก็ไม่มีใครโฟกัสเรา แค่เดินผ่านไปมา จากอาร์เอส ผมก็ย้ายไปอยู่ ค่าย GRAND MUSIK ในเครือแกรมมี่ ก็เหมือนเดิมครับ ก็ไม่ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไร

กว่าจะได้มาเป็นศิลปิน กว่าจะมาถึงจุดนี้ เรียกว่าใช้เวลานานกว่า 10 ปีเลย ท้อบ้างมั้ยคะ

มันก็มีความรู้สึกดาวน์เหมือนกันนะ ถึงจะไม่มีงานให้เราได้โชว์ ผมก็ยังทำเพลงมาเรื่อยๆ ทำจนหยุดทำ จนย้ายค่ายใหม่ ก็ยังวนลูปเดิม เพลงออกมา คนไม่รู้จักนักร้อง ไม่มีอีเว้นท์ให้ร้อง ทุกครั้งที่ย้ายค้าย เราก็มีความหวังนิดนึง แต่มันก็ไม่เป็นไปตามหวัง เลยคิดว่าเลิกดีกว่า ไม่เอาแล้ว ไม่อยากทำแล้ว ก็รอให้สัญญาหมด พอสัญญาหมด ตอนนั้นก็เบรกไปทำงานอย่างอื่น เป็นพนักงานกราฟิกดีไซเนอร์ให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ และไปช่วยธุรกิจคุณพ่อด้วย ทุกวันนี้ผมยังเห็นป้ายที่ผมเคยดีไซน์อยู่เลยนะ

ช่วงนั้นเรียกว่าลองไปใช้ชีวิตพนักงานออฟฟิศ เข้างานเช้าเลิกงานเย็น ทำงานเป็นรูทีน ซึ่งผมว่ามันก็ดีนะครับ ทำให้เราได้ประสบการณ์ใหม่ๆ อีกรูปแบบหนึ่ง มันเปิดโลกเราเลย ในสายตาคนอื่น ทำงานงานออฟฟิศ หลายคนอาจจะรู้สึกว่าน่าเบื่อ ต้องรอเงินเดือน ในออฟฟิศมีความไม่ชอบกัน แต่ประสบการณ์การตรงที่ผมเจอไม่เป็นแบบนั้นเลย โชคดีที่ได้เจอสิ่งแวดล้อมที่ดี ผมเจอเพื่อนร่วมงานที่อายุต่างกัน บางคนกำลังสร้างตัว บางคนแต่งงานแล้ว มีเพื่อนต่างวัยเยอะเลย แล้วทุกคนน่ารักกับผมมาก

การทำงานออฟฟิศ ทำให้เราเจอคนหลายแบบ ได้แรงบันดาลใจจากเพื่อนๆ ทำให้เราเข้าใจหัวอกคนทำงานออฟฟิศ เข้าใจความเป็นมนุษย์มากขึ้น แต่แค่ตรงนั้นไม่ใช่ที่ของเราที่อยากจะอยู่ มันก็ซัฟเฟอร์บ้างนะ เราก็ฝืนให้ตัวเองทำ พยายามอ่านหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจ ดูซีรีส์เกี่ยวกับธุรกิจ ซัพเฟอร์ประมาณปีสองปี กดดันตัวเองมาก

 

เจฟ ซาเตอร์ Jeff Satur

แล้วหยุดความซัฟเฟอร์นี้อย่างไรคะ

เหมือนเป็นจังหวะ คือมีงานร้องเพลงหนึ่ง เพื่อนต้องไป แต่เพื่อนไม่ได้ ผมก็ไปแทน เลยได้ไปเจอพี่ป๊อบ (ผู้จัดการส่วนตัว) มีการได้พูดคุยเรื่องงาน พี่ป๊อบบอกว่ากำลังจะมีโปรเจ็กต์ที่น่าสนใจ ตอนนั้นเราก็รู้สึกอยากทำอะไรสักนิดในวงการบันเทิง ก็ได้ไปถ่ายแบบ ถ่ายแฟชั่นเรื่อยๆ ก่อน กระทั่งมีโปรเจ็กต์หนังสั้น HE SHE IT พี่ป๊อบถามว่า อยากลองเล่นมั้ย สำหรับเจฟตอนนั้น เรื่องแอ็คติ้งเป็นสิ่งที่ยาก แต่ก็ลองดู เพราะไม่มีอะไรเสีย และเราก็ได้โปรดิวซ์เพลงประกอบเองด้วย เป็นอันว่าเลยได้ทำงานสองอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งพอได้ทำ เราจึงรู้ถึงศักยภาพของตัวเอง เออ… เราทำได้นะ ที่ผ่านเราแค่ไม่มั่นใจ เรากลัว และไม่ได้เอาออกมาใช้ ตอนนั้นที่ผมตัดสินใจทำ เราหลังชนฝาไง ไม่กลัวอะไรแล้ว ทำแบบไม่คาดหวัง แต่มันได้กลายเป็นจุดเชื่อมโยงพาเรามาถึงวันนี้

ก่อนหน้านี้เรารอให้คนอื่นวาดรูปแล้วเติมสีเอง แต่คราวนี้เราวาดเอง เติมสีเอง เราได้เข้าไปอยู่ในโลกของการทำเพลง ได้ทำนั่นทำนี่ เรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง รู้ขีดความสามารถของตัวเอง มันคือการเปิดโลก ทำออกมาแล้ว คนได้เห็นผลงาน คนชอบเพลงเยอะมาก เพลงขึ้นชาร์ตที่ไต้หวันด้วย ภูมิใจมาก เป็นอีกผลงานมาสเตอร์พีซเลย

หลังจากนั้นก็ได้มาเล่นซีรีส์ Ingredients ก็ได้โอกาสทำเพลงอีก ได้ชาเลนจ์ในสิ่งไม่กล้าทำหลายอย่าง ทั้งการแสดง และการทำเพลง

ก่อนจะได้เล่น KinnPorsche The Series เคยดูซีรีส์วายมาบ้างมั้ยคะ 

อาจจะไม่ได้ดูจริงจัง เจฟดูผ่านๆ ครับ สำหรับซีรีส์วาย เราไม่ได้มองสาระสำคัญของซีรีส์ว่ามันวายหรือไม่วาย หรือจัดหมวดหมู่อยู่ในประเภทไหน แต่เรามองเรื่องความรัก และการได้มาทำงานแสดงมากกว่าครับ ซึ่งพอได้มาเล่น KinnPorsche The Series  ผมสนุกกับทุกอย่างที่ได้ทำ มีความสุขมาก เราซาบซึ้งและชื่นชมไปกับการทำงานครั้งนี้ ย้อนไปวันที่ตัดสินใจไปแคสต์ เราไปกับเพื่อนแบบสนุกๆ ไม่คิดว่าจะได้ เพราะแคสต์กันเยอะมาก ลุ้นเหมือนกันว่าจะได้มั้ย แต่วันนั้นที่แคสต์เจฟคิดแค่ว่าจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด ผลปรากฎว่าได้ครับ

พอรู้ว่าได้รับบทคิม ใน KinnPorsche The Series รู้สึกอย่างไร 

ดีใจมาก…. เจฟชอบพล็อตเรื่อง ซึ่งน่าสนใจมาก เพราะเราดูซีรีส์มาเฟียเยอะ อยากเล่นหนังหรือซีรีส์บู๊ แล้วก็ได้เล่นแบบเต็มๆ เลย เจ็บตัวตลอด (ยิ้ม) แต่มันเป็นเรื่องปกติ การเล่นบู๊ ต้องมีสติเวลาจะเข้าซีน นอกจากจะต้องเป็นตัวละครนั้นแล้ว ยังต้องจำบล็อกกิ้ง จังหวะต้องได้ ถึงจะเจ็บตัวแต่ก็สนุกมาก เจ็บตัวหนักสุดคือซีนแรกที่เข้า เป็นซีนยาวมาก มีหลายอย่างที่ต้องจำ เข่าถลอก มือเลือดออก ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แต่พอผลงานออกมาดี  ภูมิใจในตัวเองมากครับ

เจฟ ซาเตอร์ Jeff Satur

 

KinnPorsche The Series ประสบความสำเร็จอย่างสูง ในฐานะนักแสองรู้สึกอย่างไรบ้างคะ
ณ วันที่ถ่ายทำ ตอนที่ซีรีส์ยังไม่ได้ออน เราไม่คาดหวังอะไร ไม่ได้หวังว่าจะมียอดเท่าไร เราไม่ได้เอาตัวเลขมาตีมูลค่าของซีรีส์  เราหวังแค่ให้ดูซีรีส์แล้วสนุก มีความสุขไปกับเรื่อง แมสเซสที่อยากจะสื่อสารอิมแพ็คกับคนดู แค่นี้เราก็พอใจแล้ว

ผลตอบรับดีมาก แบบติดเทรนด์โลก ทั้งตกใจ และดีใจจนทำตัวไม่ถูก เรารู้สึกว่าความเหนื่อยของทีมงาน นักแสดง มันไม่มีอะไรสูญเปล่าที่เราทุ่มเทลงไปในดีเทลเล็กๆ น้อยๆ มองทุกอย่าง ตีความสุดจริงๆ หวังว่าทุกคนจะได้รับความสนุก และแรงบันดาลใจ ขอบคุณที่ทุกคนบอกว่าซีรีส์ทำให้ชีวิตของทุกคนมีสีสัน

KinnPorsche The Series เปลี่ยนชีวิตเจฟ ซาเตอร์อย่างไรบ้าง

ตัวตนเราเหมือนเดิมนะ แต่ที่เปลี่ยนคือเป็นที่รู้จักมากขึ้น ไม่ใช่แค่ตัวเราหรือตัวซีรีส์ แต่ยังเป็นเรื่องของผลงานเพลงที่เราเคยทำมา ก็เป็นที่รู้จักมากขึ้น เปลี่ยนชีวิตที่ทำให้เราได้รู้จักกับแฟนๆ  เราต่าง give and take เขาได้ เราได้ เราทำงานอย่างมีความสุขทุกวัน อยากทำงานดีๆ ออกมา เพราะรู้ว่ามีคนรอผลงานเราเสมอ

 

จากวันนั้นที่ไปร้องเพลงแล้วไม่มีใครดู จนวันนี้ไปร้องเพลงที่ไหน ก็งานแตกห้างแตก รู้สึกอย่างไรบ้าง

วันนั้นที่ไม่มีคนดู แม่ก็อยู่ วันนี้แม่ก็ยังอยู่เหมือนเดิม ทุกวันนี้แม่ก็ยังไปเชียร์ตลอดถ้าไม่ติดธุระ นอกจากผมได้รับความรักจากแฟนๆ มากมาย เรายังได้เห็นว่าแม่ของผมภูใจในตัวลูกแค่ไหน ผมได้เห็นรอยยิ้มของแม่ ที่เห็นว่ามีคนให้ความรักกับลูกชายมากมาย ส่วนผมก็ดีใจที่ได้เห็นคนร้องเพลงของเราได้ เพลงนี้เป็นเพลงที่เราทำเองตั้งแต่แรกเลยนะ มันเป็นความรู้สึกที่… แปลกเหมือนกันนะ แต่มีความสุขมากที่ได้อยู่ตรงนั้น ได้พูดคุยกับเขา ได้โชว์ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และมีคนมีความสุขไปกับเราด้วย ทุกโมเมนต์ที่ขึ้นบนเวที เจฟมีความสุขเสมอ ขอบคุณที่มาหากัน มาจากหลายที่มากๆ บางคนมาจากต่างจังหวัด บางคนมาจากต่างประเทศ ขอบคุณจริงๆ ครับ เชื่อว่าเราจะมีงานที่จะได้สนุกกันต่ออีกเรื่อยๆ เลยครับ

 

เจฟ ซาเตอร์ Jeff Satur

ต้องบอกว่าเจฟ ซาเตอร์ มีวันนี้ได้ คนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังคือคุณแม่ มีอะไรอยากจะบอกคุณแม่มั้ยคะ 

อืมมม…  พูดถึงแม่ทีไรจะร้องไห้ แม่คือ…. ที่สุดในชีวิตเจฟ คือความรักที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลกของเรา แล้วก็เป็นทุกอย่างในชีวิตเจฟ แม่ไม่เคยค้านเจฟ พร้อมสนับสนุนทุกอย่าง จะเรียนอะไร เรียนเลย เรียนเปียโน เรียนกีตาร์ มีแค่บอกว่าเหนื่อยก็พักนะลูก แม่ไม่เคยบังคับให้เจฟต้องเรียนให้เก่ง เจฟได้เกรดเฉลี่ย 0.9 แม่ยังขำ อยากทำอะไรทำ แม่จะพาไป เขาเลี้ยงลูกแบบนี้ เจฟเลยไม่มีกำแพงกับแม่ เราคุยกันได้ทุกเรื่อง ออกความเห็นกันได้ แม่ไม่ฝืนใจให้เจฟทำในสิ่งที่ไม่ชอบ มันเลยมาถึงจุดที่ว่า เราทำได้ทุกเรื่องเลย เพราะเราไม่เคยถูกบังคับ

อย่างเรื่องการเรียน มหาวิทยาลัย เจฟเลือกเรียนการเงิน ซึ่งคนอาจจะบอกว่าเรียนทำไม ไหวเหรอ จากเลขที่เจฟเคยสอบตกตอน ม.ต้น แต่ปริญญาตรี เจฟเรียนสาขาการเงินจบด้วยเกรดเฉลี่ย 3.60 แม่ภูมิใจมาก เขาก็มีความอวดนิดนึงนะว่า นี่คือวิธีการเลี้ยงลูกในแบบเขา นี่คือสิ่งที่ฉันทำมา ผลเลยออกมาเป็นแบบนี้ แม่เป็นวัยรุ่นมากทั้งหัวใจและหน้าตา ไปไหนมาไหนด้วยเหมือนเพื่อนกันเลยครับ

พูดได้ว่าเจฟมาถึงจุดนี้ได้เพราะแม่ ทั้งการเลี้ยงดู และการผลักดัน แม่ไม่เคยบอกให้เจฟหยุด พอ ไม่ดีนะ ตีนะ แม่เคยตีครั้งเดียวตอนเจฟออกนอกหมู่บ้าน กลับมาแล้วไม่บอกแม่ เตือนครั้งหนึ่งก็แล้ว ครั้งสองก็แล้ว ก็เลยตีเจฟด้วยมือของต้วเอง แม่ลูกเจ็บไปด้วยกัน จะได้จำ เจฟไม่อยากให้แม่เจ็บ ก็เลยไม่ทำแล้วครับ

ความสุขวันนี้ของ เจฟ ซาเตอร์ Jeff Satur

คือการที่เราไม่ได้เสียตัวตน เรามีสุขภาพจิตที่ดี ได้ทำในสิ่งที่รัก ได้ทำงานที่รัก มีทุกวันที่ดี ถึงงานจะหนัก ทำงานทุกวัน แต่เจฟมีความสุขมาก ได้ออกมาถ่ายงาน ได้สัมภาษณ์ เราสนุกกับทุกพาร์ท ไม่ใช่แค่งานร้องเพลง หรืองานแสดงอย่างเดียว การได้พูดคุยก็แฮปปี้นะ เราชอบพูดคุยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เรารู้ว่ามีคนรออ่าน รอฟัง บางประโยคจากเรา บางท่อนเพลงของเรา สามารถเป็นกำลังใจหรือสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครบางคนได้ ตลอดเกือบ 10 ปี กว่าจะมาถึงจุดนี้ ผมไม่เคยเสียดายอะไรเลย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้เรามาถึงจุดนี้ครับ

เจฟ ซาเตอร์ Jeff Satur

 

Text: AuAi Photo: เนาวพจน์

 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ  

เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ กับบทจ่าแซม ในหนังฮอลลีวู้ด Thirteen Lives (สิบสามชีวิต) ตำนานอันน่าจดจำแห่งถ้ำหลวง