La La Land เพราะความฝันเป็นจริงได้

เรียกว่าเป็นอีกหนัง Musical ที่ตราตรึงใจสมกับเสียงแซ่ซ้องก้องไปทุกแวดวงกันเลยจริงๆ สำหรับ La La Land ที่ได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง เอ็มม่า สโตน และ ไรอัน กอสลิ่ง มาปะทะฝีมือกัน หลังจากที่สุดฯ มีโอกาสได้ไปดูมา ก็ขอแอบมาเล่าให้คุณผู้อ่านฟังหน่อยละกัน (ไม่สปอยล์ค่ะ ไม่ต้องกลัว)

La La Land นครดารา

 

เรื่องราวมันเริ่มจากเซบาสเตียน (ไรอัน กอสลิ่ง) นักดนตรีหนุ่มผู้ซึ่งมีความฝันอยากจะชุบชีวิตดนตรีแจ๊สให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง เขาได้พบกับมีอา (เอ็มม่า สโตน) สาวสวยผู้มีความฝันอยากเป็นนักแสดง แม้การเจอกันในช่วงแรกจะไม่สร้างความประทับใจที่ดีนัก แต่ก็เหมือนมีบางสิ่งที่ดึงดูดให้ทั้งคู่ได้เริ่มพูดคุยและช่วยกันผลักดันความฝันของกันและกันต่อมาเรื่อยๆ

ด้วยบทร้อง บทเต้น และการเดินเรื่องที่ชวนติดตาม ทำให้เราได้เห็นภาพ มีอา หญิงสาวธรรมดา ผู้ที่ผ่านการออดิชั่นเป็นนักแสดงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จสักที ส่วนเซบาสเตียนเป็นนักเปียโนแจ๊สมากฝีมือ ก็มีน้อยคนนักที่จะเห็นคุณค่าในตัวเขา ความโรแมนติคค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาพร้อมๆ กับการเติมเต็มในตัวตนของทั้งคู่ ความเพ้อของเซบาสเตียนถูกมีอาดึงให้กลับมายืนฝันอยู่ในโลกแห่งความจริง ประมาณว่าฝันไกลแต่ก็ต้องไปให้ถึงอยู่เนืองๆ ฝ่ายมีอาเฟลเมื่อไรก็จะมีกำลังใจจากเซบาสเตียนช่วยทำให้เธอฮึดขึ้นมาอีกครั้ง

 

ฟังๆดูอาจจะเหมือนหนังตามความฝันของหนุ่มสาวทั่วไป แต่จริงๆ ความสนุกของหนังเรื่องนี้ไม่ได้อยู่แค่ที่พลอตเพียงอย่างเดียว แต่ยังแทรกอารมณ์ขันในบทมาให้ยิ้มเป็นระยะๆ (โดยเฉพาะบทพระเอก คนอะไร หล่อ หุ่นดี สเต็ปเทพ แล้วยังตลกอีก!) และแน่นอน ส่วนที่เป็นไฮไลท์อย่างบทร้องและท่าเต้นนั้นเป็นไปอย่างลื่นไหล เหมาะเจาะ เปี่ยมไปด้วยจังหวะจะโคน ไม่ทำให้เรารู้สึกสะดุด หรือมีอาการ ‘เอ๊ะ’ ขึ้นมาแต่อย่างใด

 

อีกเหตุผลที่เรา (และเชื่อว่าหลายคน) อินกับหนังเรื่องนี้มาก คือฝีมือการแสดงของคู่พระนาง ทักษะด้านแอคติ้งนี่ไม่ต้องพูดถึง บทน่ะตีแตกอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องยอมจริงๆคือเคมีที่เข้ากันมาก  พอเข้าฉากด้วยกันทีไร เรารู้สึกถึงความโรแมนติก รู้สึกถึงความรักแบบว่ารักจริงๆ หรือแม้แต่ฉากทะเลาะกัน ก็ยังเหมือนการทะเลาะของคนที่รักกันจริงๆ ไม่ใช่แอคติ้งไปตามเรื่องตามราว

 

และอย่างที่สัญญาไว้ว่าจะไม่สปอยล์ เราก็เลยจะขอบอกแค่ว่า นี่เป็นหนังที่มีตอนจบที่น่าจดจำอีกเรื่องหนึ่งสำหรับเราในปีนี้ ชนิดที่ถ้าไม่จบแบบนี้เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะให้คะแนนสูงขนาดนี้หรือเปล่า สำหรับใครที่ยังลังเลว่า เอ๊ะ นี่จะใช่แนวเราไหม สุดฯ บอกเลยว่า ต่อให้คุณไม่ใช่คอหนังแนวนี้ ลำพังฝีมือนักแสดง บท ภาพ และคอสตูม ก็คุ้มค่าที่จะไปชมแล้วละค่ะ

 

 

ใครที่อดใจไม่ไหว อยากดูเร็วๆ เขามีฉายรอบพิเศษวันที่ 29 ธันวาคม นี้ รอบ 2 ทุ่มเป็นต้นไป ส่วนใครที่ทนรอไหว เขาฉายจริง 12 มกราคม 2560 ทุกโรงภาพยนตร์ เตรียมตัวเตรียมใจไปดูได้เลยจ้า

 

อ่านรีวิวอื่นๆ เพิ่มเติม

เสาร์-อาทิตย์นี้ ชวนแฟนไปดู ดาบปราบเทวดา กัน!

พรจากฟ้า ความสุขจากบทเพลงพระราชนิพนธ์