รายการ Busted รายการเกาหลีที่เป็นออริจืนัลคอนเทนต์จาก Netflix โดยจะแตกต่างจากรายการอื่นๆ ตรงที่มีความผสมผสานความเป็นซีรี่ย์เกาหลีเข้าไปด้วย ทำให้รายการจะมีสตอรี่ที่เชื่อมโยงกันไปเรื่อยๆ รวมถึงสมาชิกในรายการก็จะต้องสวมคาแร็กเตอร์ที่ต่างกัน ถึงปี 2019 รายการออกมา 2 ซีซั่นแล้ว ใครที่ยังไม่แน่ใจว่า เอ๊ะ! จะดูดีไหม สุดสัปดาห์จัด รีวิว Busted ให้ เพื่อประกอบการตัดสินใจของทุกคน
รีวิว Busted ออริจินัลรายการเกาหลีจากบ้าน Netflix
รูปแบบรายการ
อย่างที่สุดฯ ได้เกริ่นไว้ข้างต้นว่า Busted เป็นรายการกึ่งซีรี่ย์เกาหลี เพราะฉะนั้นรูปแบบก็จะแตกต่างจากรายการอื่นๆ และมีการผสมผสานจุดเด่นของรายการและซีรี่ย์เข้าด้วยกัน โดยในรายการจะมีการวางมาว่ามีนักสืบกลุ่มหนึ่งต้องมาร่วมมือกันสืบคดีต่างๆ โดยจะมีผู้จ้างวานให้ไปสืบ ในแต่ละตอนก็จะคดีที่แตกต่างกัน ไปพร้อมกับมีจุดเชื่อมโยงไปที่พ้อยต์ใหญ่ของเรื่องได้ ก็จะตรงกับความเป็นซีรี่ย์ ไหนจะมีการวางคาแร็กเตอร์และภูมิหลังของสมาชิกในรายการมาอีก หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าแล้วดูเป็นรายการตรงไหน Busted จะมีความเป็นรายการก็ตรงที่ได้การสืบคดีแต่ละครั้ง นักสืบต้องไขคดี บางทีวิธีการไขก็มาในรูปแบบที่คล้ายกับเกม ถ้าใครนึกภาพไม่ออก จะมีกลิ่นความเป็น Running Man หน่อยๆ คือ บางทีก็ต้องแก้โจทย์ยากๆ บ้าง ไปจนถึงโดนทรมานกว่าจะแก้โจทย์ได้ 555+ ซึ่งเกมแต่ละเกม หรือวิธีการไขปริศนาก็หินๆ ทั้งนั้น แต่ก็ช่วยทำให้เราลุ้นและสนุกไปกับการแก้โจทย์พร้อมกับสมาชิกในรายการ และเพิ่มสีสันให้กับรายการมากขึ้น นอกจากนี้ด้วยความที่เป็นกึ่งซีรี่ย์หน่อยๆ เราก็จะรู้สึกเหมือนดูซีรี่ย์จริงๆ ลุ้นว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง คาดเดาเส้นเรื่องไปต่างๆ นานๆ เรียกว่าสนุกกับทั้งพาร์ตที่เป็นกลิ่นรายการและซีรี่ย์ในเวลาเดียวกัน
การดำเนินรายการ และ Mood & Tone
เมื่อมีรูปแบบรายการใหญ่ ก็ต้องมีการดำเนินรายการ หรือถ้าภาษาซีรี่ย์เกาหลีก็คือบทละครและเส้นเรื่องที่จะร้อยเรียงไปในแต่ละตอน การดำเนินรายการ Busted ส่วนตัวสุดฯ มองว่ามีความเป็นซีรี่ย์มากๆ เพราะทั้ง 2 ซีซั่นจะมีเรื่องราวให้เราต้องคาดเดาว่ามันเกิดอะไรขึ้น โดยจะมีเนื้อเรื่องใหญ่ที่ครอบทั้งรายการ กับเนื้อเรื่องรองที่เป็นเรื่องในแต่ละตอน ซึ่งทางรายการก็มีการคิดเส้นเรื่องได้ค่อนข้างดี ในขณะเดียวกันก็หาเกมและวิธีการแก้ปริศนามาช่วยเพิ่มความสนุก ให้ดูเป็นรายการมากขึ้น ซึ่งแต่ละเกมยากจริงๆ ทำให้เราได้เห็นการพยายามที่จะแก้ปัญหาของเหล่านักสืบ ระหว่างสืบคดีก็จะมีการเล่น พูดคุย รับส่งกันของเหล่านักสืบ ทำให้ได้เห็นเคมี และไหวพริบของแต่ละคน พอ 2 ส่วนมาผสมกัน Mood & Tone ของรายการก็จะมีทั้งความลึกลับ ปริศนาที่ทำให้เราข้องใจ มีความจริงจัง บางครั้งก็แอบน่ากลัว ไปพร้อมกับความตลก เฮฮา
สมาชิกในรายการ
สมาชิกในรายการของซีซั่นแรกและสองจะมีความต่างกันนิดนึง เพราะซีซั่นแรกประกอบไปด้วย ยูแจซอก อันแจอุค พัคมินยอง อีกวางซู คิมจงมิน เซฮุน EXO และเซจอง Gugudan ก่อนที่ในซีซั่นที่สองจะเปลี่ยนจากอีกวางซูเป็นอีซึงกิ เนื่องจากตารางงานของอีกวางซูไม่ตรงกับการถ่ายทำรายการ สุดฯ จะเริ่มจากซีซั่นแรกก่อนแล้วกันเนอะ ยูแจซอก อีกวางซู และคิมจงมิน แทบไม่ต้องพูดถึงเรื่องเซนส์ความตลก ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านรายการวาไรตี้มาแล้ว ทำให้ในพาร์ตฮาๆ ทั้งสามคนค่อนข้างเอาอยู่ มีคาแร็กเตอร์ของตัวเองที่ชัดเจน การรับส่งกันก็ค่อนข้างเข้าขา โดยเฉพาะยูแจซอกกับอีกวางซูที่เป็นสมาชิกรายการ Running Man มาด้วยกันกว่า 9 ปี ในขณะที่พัคมินยองและอันแจอุคที่ยึดอาชีพนักแสดงเป็นหลักเอง ก็ไม่ธรรมดานะจ๊ะ คาแร็กเตอร์ชัด มีมุมตลกของตัวเอง ส่วนเซฮุนและเซจอง ก็จะเป็นสไตล์น้องเล็ก ซึ่งก็จะมุมที่น่าขบขันปนน่าเอ็นดู เรื่องเคมีต้องบอกว่าซีซั่นแรกทุกคนอาจจะยังไม่ได้คุ้นเคยกันเท่าไหร่ แต่พอซีซั่น 2 เริ่มรู้จักและสนิทกันมากขึ้น เคมีของทุกคนเลยเข้ากัน กล้าเล่นกันมากขึ้น แม้จะมีอีซึงกิเพิ่มเข้ามา แต่ก็เข้ากันได้ และมีความตลกบวกสีสันไปอีกแบบเลย พูดเลยว่าถึงอีซึงกิจะมาใหม่ แต่เขาทำหน้าที่ได้ดี เติมเต็มให้รายการสมบูรณ์ขึ้น การที่แต่ละคนมีคาแร็กเตอร์เป็นของตัวเอง ทำให้ต่างส่งเสริมกันและกัน รวมถึงรานการมากจริงๆ
แขกรับเชิญ
แขกรับเชิญในรายการถือว่าเป็นหนึ่งไฮไลท์เลยก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่ซีซั่นแรกก็ขนคนดังมาร่วมรายการเพียบ (ขอไม่บอก ให้ไปดูกันเอง) แต่ละคนก็จะมีคาแร็กเตอร์และบทบาทของตัวเอง ซึ่งพอเรารู้จักคนนั้นอยู่แล้ว ก็จะมีความขำนิดนึง พอเขามาสวมบทที่แตกต่างหรือหลุดโลกจากเดิม แต่บอกเลยว่าแขกรับเชิญถึงจะมาออกไม่เยอะ แต่ไม่ดร็อปและไม่ถูกกลบ แถมยังโดดเด่นอีกต่างหาก ซีซั่นแรกมีแขกรับเชิญปังแล้ว ซีซั่นสองก็ยังเหมือนเดิม ยังขนดาราแน่นรายการ ซึ่งทุกคนก็ทำได้ดีกันจริงๆ
ภาพและฉาก
ภาพในรายการจะมีความสวยสไตล์ซีรี่ย์เลยจ้า สีภาพที่ใช้ก็จะเป็นโทนมืดๆ ให้ความรู้สึกลีกลับเหมาะกับรูปแบบรายการสไตล์สืบสวน จุดเด่นเรื่องภาพใน Busted ที่ต้องยกให้เลยคือการตัดภาพ และมุมภาพที่ใช้ในรายการ รายการจะมีการเลือกใช้มุมภาพทั้งไกลและใกล้ ทำให้เราสัมผัสได้ถึง message หรือสิ่งที่ต้องการทิ้งไว้ให้เราใคร่ครวญ พอมาบวกกับสีหน้าการแสดงของแขกรับเชิญและสมาชิกในรายการ เลยทำให้เราสัมผัสอารมณ์ได้มากกว่าดูรายการปกติที่จะเน้นจับภาพกว้าง หรือถ้าเจาะหน้า ก็จะเป็นมุมภาพ รวมถึงวิธีการตัดต่อปกติ ไม่ได้ใส่เอฟเฟ็กต์อะไรเพิ่ม ทำให้สัมผัสได้ถึงความธรรมชาติของรายการ แต่ด้วยความที่ Busted เป็นรายการกึ่งซีรี่ย์ การตัดต่อ รวมถึงมุมภาพก็จะให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากรายการอื่นๆ ฉากที่ใช้ก็สวย เข้ากับบริบทที่รายการต้องการสื่อ
message ที่จะส่งหาคนดู
ถึงจะเป็นรายการ แต่มี message ซ่อนอยู่นะจ๊ะ จริงๆ ไม่ว่าจะรายการอะไร รูปแบบหรือการดำเนินเรื่องจะมีวัตถุประสงค์ที่ต้องสื่อไปถึงคนดูอยู่แล้ว แต่พอรายการ Busted เป็นกึ่งซีรี่ย์ ก็จะเพิ่มความเข้มข้นของ message ขึ้นไปอีกระดับ ในรายการมีทั้ง message ที่ฝากไว้ในธีมเรื่องใหญ่ และซ่อนไว้ในแต่ละตอน คำพูดของสมาชิกหรือแขกรับเชิญบางครั้งก็เป็น message เหมือนกันนะจ๊ะ ซึ่งทั้งสองซีซั่นก็มี message ที่เหมือนกัน และต่างกันซ่อนอยู่ สุดฯ แนะนำว่าถ้าดูแล้วต้องดูให้ครบ เพราะ message ที่รายการซ่อนไว้ เป็น message ที่ค่อนข้างทัช และตรงกับชีวิตจริง ตามไปดูซับไทยกันได้ที่ Netflix เลยค่าา่
TEXT : ImJinah
PHOTO : Netflix
CLIP : Netflix Thailand, The Swoon
อ่านรีวิวอื่นๆ ต่อได้เลยค่า
รีวิว The Tale of Nokdu ซีรี่ย์เกาหลีย้อนยุคสุดพีคแห่งปี 2019
รีวิว Extraordinary you ซีรี่ย์เกาหลีแนวไฮสคูลกับการใช้ชีวิตตามนักเขียนการ์ตูนลิขิต
เซอร์ไพรส์! คิมโซฮยอน – จางดงยุน กับฉากที่คิดว่าดีที่สุดใน The Tale of Nokdu
รีวิว Love Alarm ซีรี่ย์เกาหลีวัยรุ่นจากเว็บตูนชื่อดัง ที่มีมากกว่าเรื่องรักๆ ของวัยรุ่น
รวม 5 ความปังของซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง Hotel del Luna ซีรี่ย์เกาหลีเรื่องดังประจำปี 2019