สครับผิวหน้า ยังไง ให้หน้าใส ไร้สิว ผิวไม่บาง

สาวๆ ที่ดูแลผิวหน้าเป็นประจำ ต้องรู้จักการ สครับผิวหน้า อย่างแน่นอน เพราะเป็นการช่วยขจัดสิ่งสกปรกตกค้างบนผิว ช่วยลดสิ้วเสี้ยน ทำให้หน้าสะอาดหมดจด แต่ถ้าสครับบ่อยเกินไปหรือไม่ถูกวิธี ก็อาจจะทำลายผิวหน้าได้ด้วย สุดฯ เลยเอาวิธีการสครับผิวหน้าที่ถูกต้องมาฝากกัน

สครับผิวหน้า ให้สวยเป๊ะ

เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวหน้า ผิวหน้าบางคนบางมาก จนสามารถใช้ได้แค่เจลสครับเนื้อละเอียดบางเบา แต่บางคนต้องการการสครับที่สะอาดล้ำลึก อาจจะสามารถใช้สครับแบบที่มีเม็ดบีดส์ได้ ดังนั้นควรรู้จักผิวหน้าของตัวเองก่อนว่าเป็นประเภทไหน แล้วจึงจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวตัวเอง
อย่าสครับบ่อยเกินไป ระยะเวลาการผลัดเซลล์ผิวที่เหมาะสมคือสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ถ้ามากกว่านี้ ผิวหน้าจะบาง แห้ง และอาจเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้ แทนที่หน้าจะใส พังแน่นอน

ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้าโดยเฉพาะ ไม่ใช่เอาสครับผิวกายมาขัดผิวหน้า เพราะสครับสำหรับขัดผิวกายนั้น เม็ดสครับจะมีความสากและมีขนาดใหญ่มากกว่า อาจบาดหน้า ทำร้ายผิวหน้าให้เกิดริ้วรอย และอาจทำให้ผิวแห้ง อักเสบได้
อย่าลืมเทสท์ก่อน โดยการนำสครับมาลองขัดที่หลังมือหรือท้องแขนดู ถ้าขัดแล้วไม่รู้สึกเจ็บหรือบาดผิว แปลว่าสครับนี้อ่อนโยนพอที่จะใช้กับผิวหน้าได้
ขัดอย่างอ่อนโยน โดยการถูวนเป็นวงกลมอย่างเบามือ ถูเน้นช่วงหน้าผาก จมูก และคาง ซึ่งเป็นบริเวณที่เกิดการอุดตันง่าย แต่อย่าลงน้ำหนักมือเยอะ และไม่ควรขัดนานจนเกินไป แค่ 5-10 นาทีก็เพียงพอแล้ว

ถ้าเป็นสิว หยุดสครับก่อน เพราะการสครับอาจกระตุ้นการอักเสบของสิว เพราะผิวถูกรบกวน ดังนั้นควรรอให้สิวหายก่อนแล้วค่อยสครับผิว
สครับตอนกลางคืน เพราะหลังจากเราสครับผิวเรียบร้อยแล้ว ผิวจะมีการซ่อมแซมตัวเองขณะที่เรานอนหลับ ทำให้ตื่นมาแล้วผิวดูสดใสมากขึ้น
บำรุงผิวหลังสครับทุกครั้ง หลังจากเราขัดผิว ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นมากกว่าปกติ ดังนั้นจึงควรทามอยส์เจอไรเซอร์ทันทีขณะที่ผิวหน้ายังชื้นอยู่ เพื่อที่จะได้กักเก็บความชุ่มชื้นไว้ใต้ผิวอย่างเต็มที่ ผิวจะได้ไม่แห้งกร้าน
อย่าออกไปเจอแดดหลังสครับผิว ถึงแม้จะบอกว่าควรสครับผิวตอนกลางคืน แต่บางคนอาจจะถนัดขัดผิวตอนกลางวัน งั้นอยากจะขอเตือนว่า อย่าไปเผชิญแสงแดด เพราะผิวของเราจะบางและไวต่อแสงแดดมากๆ หากจำเป็น อย่าลืมทาครีมกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟสูงๆ เพื่อปกป้องผิวด้วยล่ะ