เพราะเมคอัพมีให้สาวๆ เลือกมากจนตาลาย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการรีวิว เมคอัพ ชิ้นเด็ดที่ สุดฯ ทดลองใช้ในครึ่งปีแรกแล้วติดใจจนอยากบอกต่อ แต่ด้วยความที่มีเยอะมาก-ก-ก จึงขอแบ่งเป็น 2 ภาค ให้ได้ติดตามต่อในฉบับหน้าละกันนะจ๊ะสาวๆ #เรื่องบิวตี้ต้องที่สุดฯ
EYESHADOW
Smashbox
Cover Shot Eye Palette #Softlight (1,300.-)
Review แถวบน 2 สีแรกใช้ลงเป็นอายเบสปรับสีพื้นตาให้ดูสว่าง ก่อนลงอายแชโดว์แถวล่างที่มีให้เลือก 6 เฉดสี ตลับนี้มาในโทนนู้ดใช้ได้จริงทุกเฉดสี และสามารถใช้ได้ทุกวันไม่มีเบื่อ แต่มีข้อแม้ว่าคุณจะต้องเป็นคนชอบอายแชโดว์ผสมชิมเมอร์เท่านั้น ซึ่งมีข้อดีตรงเกลี่ยง่ายไม่ว่าจะใช้แปรงหรือปลายนิ้วก็ตาม
เม็ดสี 3 ดาวครึ่ง
ความเนียน 4 ดาวครึ่ง
ทาง่าย 4 ดาวครึ่ง
ติดทน 4 ดาว
Tarte
Tarteist Pro Amazonian Clay Palette @Sephora (2,200.-)
Review ราคานี้แล้วได้พาเล็ตต์ 20 สี ดีงามขนาดนี้ ซื้อเถอะค่ะ! สีเนียนและติดทนระดับ 10 และต่อให้คนเปลือกตามันยังต้องพ่าย แม้จะตกเย็นก็ไม่เป็นคราบหรือลบเลือน ส่วนฝั่งขวาสุดที่มีประกายชิมเมอร์ก็วิบวับชัดเจนสุดๆ ที่เริดไปกว่านั้นคือ เขาแบ่งโทนสีการแต่งตาไว้ให้แล้ว ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ
เม็ดสี 5 ดาว
ความเนียน 4 ดาวครึ่ง
ทาง่าย 4 ดาว
ติดทน 5 ดาว
Benefit / Three / Make Up Store
Benefit They’re Real! Duo Eyeshadow Blender (1,050.-)
Review อายแชโดว์แบบทูโทนมาพร้อมหัวแปรงกลมที่ออกแบบมาให้ใช้ง่าย เพียงแค่ป้ายอายแชโดว์จากด้านซ้ายไปยังด้านขวา จากนั้นเกลี่ยด้านสีเข้มชิดขอบตา เนื้อสีผสมชิมเมอร์เบาๆ เบลนด์สีได้ง่าย แต่ช่วงหัวตาและหางตาอาจต้องใช้แปรงหรือปลายนิ้วช่วยจะได้งานที่เนี้ยบขึ้น
เม็ดสี 3 ดาวครึ่ง
ความเนียน 4 ดาว
ทาง่าย 4 ดาว
ติดทน 3 ดาวครึ่ง
Three Shimmer Color Veil (1,400.-)
Review ลองใช้อายแชโดว์เนื้อฝุ่นบ้างก็สนุกดี เนื้อเบาละมุนสุดๆ ให้สีสันชัดเจนพร้อมชิมเมอร์ที่มีประกายมุกละเอียดยิบ เรื่องการสะท้อนแสงมาวินมาก กะพริบตาแต่ละทีดูมีลูกเล่นไม่เหมือนใคร แต่มีข้อเสียอยู่อย่างคือเวลาใช้ต้องใจเย็นๆ อย่าเผลอทำอายแชโดว์หกเป็นอันขาด ไม่งั้นเหนื่อยเช็ดแน่
เม็ดสี 4 ดาวครึ่ง
ความเนียน 4 ดาวครึ่ง
ทาง่าย 2 ดาวครึ่ง
ติดทน 4 ดาว
Make Up Store Microshadow (750.-)
Review หลายคนอาจสงสัยว่าอายแชโดว์สีอ่อนขนาดนี้ใช้ทำอะไร ขอบอกเลยว่าใช้เป็นอายเบสเริดมากจริงๆ ทาให้ทั่วเปลือกตาก่อนลงอายแชโดว์สีที่เราต้องการ จะช่วยให้สีอายแชโดว์ชัดเจนขึ้น บางครั้งก็แอบใช้เป็นไฮไลต์ดั้งหรือโหนกแก้มด้วยก็ได้ เพราะประกายชิมเมอร์ค่อนข้างละเอียดและสีไม่ขาวเว่อร์เกินไป
เม็ดสี 3 ดาวครึ่ง
ความเนียน 4 ดาวครึ่ง
ทาง่าย 4 ดาวครึ่ง
ติดทน 4 ดาว
LIPSTICK
NYX / Dior / Laneige / Positif / Maybelline / YSL / Laneige
NYX Pin-Up Pout Lipstick (295.-)
Review ยอมใจเรื่องเม็ดสีให้ NYX อยู่แล้ว แต่แท่งนี้แน่นปังสุดพลังระดับ 10 ถ้าเป็นลิปสติกสีอ่อนในรุ่นเดียวกันอาจจะลบเลือนได้ตามปกติ แต่สีน้ำตาลอมแดงเข้มมีเม็ดสีเยอะกว่า ระดับความติดทนก็เลยสูงมากตามไปด้วย เวลาลบต้องใช้รีมูฟเวอร์เช็ดถึงจะออก
เม็ดสี/การปกปิด 5 ดาว
ความชุมชื้น 1 ดาว
ทาง่าย/ไม่ตกร่อง 2 ดาว
ติดทน 5 ดาว
Dior Rouge Dior Couture Color Lipstick (1,400.-)
Review ปกติไม่ค่อยกล้าทาลิปสีแดงสดเท่าไร แต่พอลองแล้วติดใจสิคะคุณ เป็นเฉดสีแดงที่ทาแล้วเนื้อซาตินมีความเรียบเนียนสูงคนปากแห้งก็ทาได้ ปากไม่เป็นจีบเป็นร่องให้เห็นแน่นอน เม็ดสีเข้มข้นชนิดที่กลบสีพื้นริมฝีปากได้สนิทโดยที่ไม่ต้องลงคอนซีลเลอร์ก่อน ส่วนเรื่องความติดทนก็ดีงามตามท้องเรื่องลิปสติกสีแดงอยู๋แล้ว
เม็ดสี/การปกปิด 4 ดาวครึ่ง
ความชุมชื้น 4 ดาว
ทาง่าย/ไม่ตกร่อง 4 ดาว
ติดทน 4 ดาวครึ่ง
Laneige Silk Intense Lipstick (950.-)
Review หลายคนบ่นว่าเลือกลิปสติกสีส้มที่ถูกใจไม่ค่อยได้ แท่งนี้จะเป็นทางออก เพราะสีส้มอมแดงจะช่วยให้ทาง่ายขึ้น เข้ากับผิวคนไทยที่มีความอมเหลือง และที่แน่ๆ คือ ทาแล้วฟันไม่เหลือง (ลิปสติกสีส้มมักจะเป็น) เท็กซ์เจอร์เนื้อ Velvet มีความเนียนนุ่มชุ่มชื้นทาง่าย แวววาวเล็กน้อยด้วยส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ เม็ดสีสดชัดเหมือนเห็นจากแท่ง ระดับความติดทนปานกลางและสามารถล้างออกได้ง่าย
เม็ดสี/การปกปิด 4 ดาวครึ่ง
ความชุมชื้น 4 ดาว
ทาง่าย/ไม่ตกร่อง 4 ดาว
ติดทน 4 ดาว
Positif Hydrating Satin Shine (650.-)
Review แม้แบรนด์นี้จะโด่งดังเรื่องสกินแคร์ แต่งานเมคอัพก็ดีงาม แท่งนี้เป็นเนื้อซาตินชายน์ที่มีความชุ่มชื้นสูงด้วยส่วนผสมของสารสกัดว่านหางจระเข้และวิตามินอี เหมาะกับคนที่มีริมฝีปากแห้งสุดๆ ทาแล้วจะรู้สึกทันทีว่าเนื้อลิปลื่นมาก ไม่มีตกร่อง เนื้อสีอัดแน่นกลบสีพื้นปากที่ดำคล้ำได้ดี และยังมีความเงาวาวกำลังดี ชอบสีนี้ตรงที่เป็นสีน้ำตาลที่ดูไม่เข้มจนเกินงาม ทำให้สามารถทาได้บ่อย
เม็ดสี/การปกปิด 4 ดาวครึ่ง
ความชุมชื้น 5 ดาว
ทาง่าย/ไม่ตกร่อง 4 ดาวครึ่ง
ติดทน 3 ดาว
Maybelline The Powder Mattes Lipstick (279.-)
Review คอนเซ็ปต์แท่งนี้คือ “เนื้อแมตต์แบบแป้ง” ตอนแรกก็งงๆ ว่าคืออะไร แต่พอลองทาแล้วก็เข้าใจว่า รุ่นนี้เป็นเนื้อครีมที่เปลี่ยนเป็นแป้ง ทำให้มีความแมตต์สูงมาก ไม่มีความเงาวาวเลย ความดีงามคือ แม้เม็ดสีจะชัดมาก แต่กลับไม่ทำให้ปากแห้งตึงเพราะมีส่วนผสมของฮันนี่เน็กทาร์ช่วยบำรุง แต่ถ้าใครปากแห้งมากๆ ก็อาจมีตกร่องบ้าง ลองทาลิปบาร์มทิ้งไว้อย่างน้อย 10 นาที แล้วซับความมันออกก่อนทาลิปแท่งนี้ก็ช่วยได้
เม็ดสี/การปกปิด 4 ดาวครึ่ง
ความชุมชื้น 3 ดาว
ทาง่าย/ไม่ตกร่อง 3 ดาวครึ่ง
ติดทน 4 ดาวครึ่ง
YSL Volupté Tint-In-Balm (1,500.-)
Review ช่วงหลัง YSL เน้นการบำรุงริมฝีปากมากขึ้นประกอบกับกระแสเรียวปากแวววาวกำลังจะกลับมา ซึ่งรุ่นนี้มีความชุ่มชื้นประหนึ่งทาลิปบาล์มแล้วยังมีสีระเรื่อแบบทินต์ ทาแล้วอัพระดับความแบ๊วดี๊ดี ขนาดแท่งสีส้มปรี๊ดขนาดนี้แต่ทาแล้วไม่ได้จี๊ดจ๊าดปวดใจ ออกแนวระเรื่อและแวววาวมากกว่า ระดับความติดทนก็ดีงามใช่เล่น ทาไปสักชั่วโมงแล้วลองใช้ทิชชูซับออกเบาๆ สีก็ยังติดทนดีทีเดียว แถมมีกลิ่นหอมอ่อนๆ อีกต่างหาก
เม็ดสี/การปกปิด 2 ดาว
ความชุมชื้น 5 ดาว
ทาง่าย/ไม่ตกร่อง 4 ดาว
ติดทน 4 ดาว
Laneige Two Tone Tint Lip Bar (900.-)
Review เป็นการรวมร่างของลิปทินต์ที่มีเนื้อสีฉ่ำระเรื่อ ส่วนสีเขียวมินต์คือการพัฒนาลิปสลีปปิ้งมาสก์มาในรูปแบบแท่ง เรื่องการบำรุงและความชุ่มชื้นดีงามแน่นอนหายห่วง เวลาทาให้หันด้านลิปทินต์เข้ามาที่กึ่งกลางริมฝีปาก ทาเสร็จแล้วเม้มปากเล็กน้อยก็จะเป็นการไล่โทนสีปากไปโดยปริยาย แท่งนี้ถูกใจคนชอบสายเกาหลีสุดๆ มีความทาง่าย ทาแบบไม่มองกระจกก็ไม่มีเลอะเทอะ อ้อ! กลิ่นหอมด้วยนะยูว์
เม็ดสี/การปกปิด 3 ดาวครึ่ง
ความชุมชื้น 5 ดาว
ทาง่าย/ไม่ตกร่อง 5 ดาว
ติดทน 3 ดาวครึ่ง
NYX / 4U2 / Bobbi Brown / Make Up For Ever / Etude House
NYX Lingerie (325.-)
Review ปลื้มลิปจิ้มจุ่มหรือลิควิดลิปสติก 2 สีนี้มาก-ก-ก เพราะใช้ทีไรมีคนถามว่าทาลิปของอะไรตลอดๆ (แสดงว่าสีสวยสินะ) สีแรกเป็นสีน้ำตาล แต่ว่าเวลาทาแล้วมีความน้ำตาลอมเทาดูเปรี้ยวซ่าก๋ากั่น ส่วนอีกแท่งเป็นสีน้ำตาลอมส้มเหมาะกับคนที่ชอบทาปากโทนสีนู้ดแต่กลัวหน้าซีด ทาแล้วดีงาม เนื้อสีมีความแมตต์ ค่อนข้างแห้งแต่ยังไม่หนักมาก เม็ดสีก็แน่นและติดทนดีกินอาหารแล้วลบเลือนไปแค่เล็กน้อย
เม็ดสี/การปกปิด 4 ดาว
ความชุมชื้น 1 ดาว
ทาง่าย/ไม่ตกร่อง 2 ดาว
ติดทน 4 ดาวครึ่ง
4U2 Kiss Me Harder (259.-)
Review เป็นแบรนด์ไทยที่ทำลิปสติกเนื้อแมตต์ออกมาได้ดีไม่แพ้ชาติใดในโลก ราคาก็ดีงามสีก็สวย ซึ่ง 2 สีที่เลือกมาเป็นสีขายดีของรุ่นนี้ คิดค้นสีร่วมกับ 2 บล็อกเกอร์สาวเมอาร์และสายป่าน (ตามลำดับ) เป็นสีที่ทาแล้วดูสุขภาพดีทาง่ายๆ ได้ทุกวัน เข้ากับทุกชุดและทุกโอกาส สีแรกเป็นสีชมพูที่คนผิวเข้มหรือผิวขาวก็ทาได้ ส่วนสีนู้ดอมส้มทาแล้วดูละมุนและคุณหนูมากๆ แต่คนปากแห้งเวลาทาต้องบำรุงก่อนจะเริดกว่า
เม็ดสี/การปกปิด 4 ดาว
ความชุมชื้น 1 ดาว
ทาง่าย/ไม่ตกร่อง 1 ดาวครึ่ง
ติดทน 4 ดาวครึ่ง
Bobbi Brown Art Stick Liquid Lip (1,150.-)
Review เห็นหน้าตาแล้วอยากเสียเงินทันทีเป็นลิควิดลิปสติกที่ไม่เหมือนใคร หน้าตาเหมือนดินสอ เวลาใช้ก็แค่บีบตัวแท่งแล้วทา อุปสรรคจะเกิดขึ้นตอนใช้ไปสักพักเนื้อลิปเหลือน้อยก็ต้องบีบให้แรงขึ้นอีกนิด แต่ก็ดีตรงใช้ได้เกลี้ยงแท่งแน่นอน สำหรับเนื้อสีเป็นครีมเข้มข้น เงาวาวเล็กน้อยเนื้อนุ่มชุ่มชื้น สีสดชัดปานกลาง เมื่อเวลาผ่านไปสีก็มีลบเลือนไปบ้าง ชอบสีนี้เพราะเป็นสีส้มคอรัลเหมาะกับช่วงซัมเมอร์ที่ปัดแก้มด้วยบรอนเซอร์เบาๆ
เม็ดสี/การปกปิด 4 ดาว
ความชุมชื้น 3 ดาวครึ่ง
ทาง่าย/ไม่ตกร่อง 4 ดาวครึ่ง
ติดทน 4 ดาว
Make Up For Ever Artist Acrylip (900.-)
Review เม็ดสีปังสุดในสามโลก บีบมานิดเดียวทาได้ทั่วปาก ใช้แล้วไม่เปลืองจริงๆ แถมยังติดทนนานดี๊ดี ปลายแท่งเป็นหัวฟองน้ำนุ่มๆ ช่วยให้เกลี่ยสีได้ง่าย จะไล่สีแบบออมเบรก็ง่าย หรือจะผสมกับสีอื่นไล่เป็นสีทูโทนก็ทำได้ง่ายๆ รุ่นนี้มีความฉ่ำวาวและสดชัดเหมือนสีอะคริลิก ทาแล้วปากไม่แห้งตึง เบาสบายและไม่เหนียวเหนอะหนะ
เม็ดสี/การปกปิด 5 ดาว
ความชุมชื้น 3 ดาว
ทาง่าย/ไม่ตกร่อง 4 ดาวครึ่ง
ติดทน 5 ดาว
Etude House Wonder Fun Park Dear Darling Soda Tint (240.-)
Review เห็นเป็นประเภททินต์ก็ไม่นึกว่าสีจะสดใสชัดเจนขนาดนี้ ลองทาแล้วตะลึงในความแน่นปังของเม็ดสี และได้ริมฝีปากที่ดูแวววาวอวบอิ่มฉ่ำน้ำ แม้เม็ดสีจะแน่น แต่สักพักกลับลบเลือนง่ายไปนิด ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเป็นเนื้อทินต์แวววาวนั่นละ ข้อดีคือทาง่าย ปากแห้งแค่ไหนก็ทาได้
เม็ดสี/การปกปิด 4 ดาว
ความชุมชื้น 4 ดาว
ทาง่าย/ไม่ตกร่อง 4 ดาวครึ่ง
ติดทน 2 ดาว
Lancôme
Matte Shaker Liquid Lipstick (1,050.-)
Review หน้าตาแท่งคล้ายๆ กับรุ่น Juicy Shaker แต่รุ่นนี้เม็ดสีมากกว่า และยังคงคอบเซ็ปต์ว่า ต้องเขย่าก่อนใช้เหมือนเดิมเพื่อให้มีเม็ดสีกับส่วนผสมบำรุงผสมเป็นเนื้อเดียวกัน ระดับความแมตต์ปานกลางทำให้ทาง่ายไม่แห้งแตกเป็นร่อง หลังทาจะได้ไม่แมตต์ทันที ต้องรอให้เนื้อสีเซตตัวสักครู่ หลังจากนั้นสีก็จะติดทนดีเกินคาด นอกจากนี้ยังชอบความเบาสบาย หัวฟองน้ำนุ่มๆ ไม่เหมือนใคร และกลิ่นหอม นี่แหละที่ทำให้หลงรัก
เม็ดสี/การปกปิด 4 ดาว
ความชุมชื้น 4 ดาว
ทาง่าย/ไม่ตกร่อง 4 ดาวครึ่ง
ติดทน 4 ดาวครึ่ง
SHADING
Benefit / Etude House
Benefit Hoola Quickie Stick (1,250.-)
Review ชอบตรงที่สามารถปรับเฉดสีให้หนักเบาได้ตามน้ำหนักมือ อยากให้สีเข้มก็เกลี่ยเบาๆ อยากให้สีอ่อนก็แต้มน้อยลงแล้วเกลี่ยให้สีกระจายมากหน่อย เนื้อครีมลื่น เกลี่ยง่าย และสีติดทนดี แท่งนี้เฉดดิ้งให้แก้มตอบได้เริดมาก หรือจะเหลากรามให้ดูเล็กลงก็เวิร์คไม่แพ้กัน
เม็ดสี 4 ดาวครึ่ง
กลืนกับผิว 4 ดาว
ความเนียน 4 ดาวครึ่ง
ติดทน 4 ดาวครึ่ง
Etude House Plat 101 Stick #11 (570.-)
Review สาวผิวขาวถึงปานกลางที่มองหาเฉดดิ้งสีไม่เข้มมากนัก แท่งนี้เริดเลย พอเกลี่ยแล้วสีเข้มกว่าผิวจริงไม่มากนัก ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะหนักมือ เนื้อครีมมีความฉ่ำเล็กน้อย แต่พอเกลี่ยแล้วก็แห้งสนิทดี และด้วยความที่แท่งใหญ่โต จึงเหมาะกับการป้ายในบริเวณกว้างๆ อย่างช่วงกรามมากที่สุด
เม็ดสี 4 ดาว
กลืนกับผิว 4 ดาว
ความเนียน 4 ดาว
ติดทน 4 ดาวครึ่ง
BLUSH ON
Sisley
Phyto-Blush Twist (2,200.-)
Review งานแก้มใสไว้ใจรุ่นนี้ แม้ราคาจะสูงไปนิดแต่คุณภาพก็สมน้ำสมเนื้อ วิธีใช้ก็แค่เกลี่ยบลัชออนไปบนแก้มแล้วใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเบาๆ เนื้อลื่นเกลี่ยง่ายไม่เป็นคราบ ผิวจะรู้สึกเย็นนิดๆ เนื้อโปร่งแสงกลืนสนิทไปกับผิวทำให้แก้มดูระเรื่อ สีติดทนทั้งวัน แถมยังมีส่วนผสมบำรุงผิวแบบเดียวกับสกินแคร์ซะด้วย
เม็ดสี 4 ดาว
กลืนกับผิว 5 ดาว
ความเนียน 5 ดาว
ติดทน 4 ดาว
Etude House
Wonder Fun Park Candy Cheek (580.-)
Review แอร๊ย…น่ารัก บลัชออนสีลูกกวาดหลากสีในตลับเดียว เวลาปัดให้ใช้แปรงวนเป็นวงกลมให้ครบทุกสี พอปัดแก้มจะออกเป็นสีส้มเบาๆ และมีความวิ้งวับของชิมเมอร์เนื้อละเอียด จะปัดสีเดียวทั่วพวงแก้มหรือปัดทับบลัชออนสีอื่นแทนไฮไลต์ก็สวยไม่แพ้กัน
เม็ดสี 3 ดาว
กลืนกับผิว 3 ดาวครึ่ง
ความเนียน 4 ดาว
ติดทน 3 ดาว
Benefit
GALifornia (1,250.-)
Review ใจหวิวกับความน่ารักของตลับ พอเปิดมาเจอสีก็ยิ่งเคลิบเคลิ้มด้วยความที่สีดูเหลือบๆ มองในที่ร่มจะดูเหมือนสีชมพู แต่พอออกแดดจะกลายเป็นสีส้มคอรัลผสมประกายชิมเมอร์ทองดูวิ้บวับ เนื้อสีชัด ปัดแล้วไม่เป็นจ้ำ
เม็ดสี 4 ดาวครึ่ง
กลืนกับผิว 4 ดาว
ความเนียน 4 ดาวครึ่ง
ติดทน 4 ดาว
Soap&Glory
Love at First Blush #Pink Pop @Boots (450.-)
Review อยากมีพวงแก้มฉ่ำเหมือนผิวบ่มแดดแท่งนี้ช่วยได้ บลัชออนเนื้อครีมสีพีชอัดแน่นไปด้วยประกายชิมเมอร์สีทอง เรื่องความติดทนก็ไว้ใจได้เลยทาตั้งแต่เช้าติดยันค่ำ แนะนำว่าเกลี่ยช่วงบริเวณหน้าแก้มเบาๆ ก็สวยเซ็กซี่ทันที
เม็ดสี 4 ดาว
กลืนกับผิว 4 ดาว
ความเนียน 5 ดาว
ติดทน 4 ดาวครึ่ง
HIGHLIGHT
Collection / Maybelline / Stila / Hourglass / Benefit
Collection Speedy Highlighter (299.-)
Review ถูกและดีต้องยกให้แท่งนี้ ไฮไลต์เนื้อครีมชนิดแท่ง แค่ปาดครั้งเดียวประกายความฉ่ำวาวเด้งขึ้นทันที แต่ด้วยความที่ประกายค่อนข้างชัดจึงเหมาะกับการใช้แต่งหน้าถ่ายรูปหรือออกงานมากกว่า หากจะแต่งมาใช้ในชีวิตประจำวันต้องระวังอย่าหนักมือ ใช้แต่น้อยจะได้ไม่เว่อร์เกิน
เม็ดสี 4 ดาว
กลืนกับผิว 4 ดาว
ความเนียน 5 ดาว
ติดทน 4 ดาวครึ่ง
Maybelline Master Strobing Stick @Watsons (299.-)
Review นี่ก็ถูกและดีคู่คี่กันมากับแท่งแรก แต่แท่งนี้เนื้อสีอมชมพูและประกายชิมเมอร์ละเอียดกว่าเล็กน้อย จึงช่วยให้ใบหน้าดูหวานฉ่ำมากกว่า ช่วยให้ผิวโกลว์สวยและหน้าพุ่งไเ้อย่างรวดเร็ว แม้จะดูวาวแต่กลับไม่เพิ่มความมัน ที่สำคัญไม่ฝืดหรือแห้งเกินทำให้เกลี่ยได้ง่ายและไม่เป็นคราบ
เม็ดสี 4 ดาว
กลืนกับผิว 4 ดาวครึ่ง
ความเนียน 5 ดาว
ติดทน 5 ดาว
Stila Heaven’s Hue Highlighter @Sephora
Review แม้จะเป็นไฮไลต์เนื้อฝุ่นแต่มีความฉ่ำนิดๆ จนให้ความรู้สึกเหมือนเนื้อครีมที่เปลี่ยนเป็นแป้งมากกว่า พอปัดลงบนผิวแล้วก็แห้งสนิทดี ประกายชิมเมอร์จัดอยู่ในระดับเทพมาก มีความวิ้งสูงจนดูเปียกๆ และมีสีออกชมพู ทำให้เหมาะกับพวกแก้มมากกว่าบริเวณอื่น
เม็ดสี/การปกปิด 4 ดาวครึ่ง
ความชุ่มชื้น 4 ดาวครึ่ง
ทาง่าย/ไม่ตกร่อง 5 ดาว
ติดทน 4 ดาวครึ่ง
Hourglass Ambient Lighting Blush @Sephora
Review ความจริงแล้วรุ่นนี้เป็นบลัชออน แต่ที่เลือกมารีวิวเป็นสีค่อนข้างอ่อนก็เลยจัดมาอยู่ในหมวดไฮไลต์จะดีกว่า เรียกว่าปัดแก้มบวกไฮไลต์เบ็ดเสร็จในตลับเดียว เพราะเนื้อบลัชออนแทรกลายหินอ่อนของไฮไลต์ทำให้แก้มดูโกลว์สวยเป็นธรรมชาติ ปลื้มตรงเนื้อสีละเอียดและกลืนกับผิวดี
เม็ดสี/การปกปิด 4 ดาวครึ่ง
ความชุ่มชื้น 5 ดาว
ทาง่าย/ไม่ตกร่อง 3 ดาว
ติดทน 4 ดาวครึ่ง
Benefit Dandelion Twinkle (1,250.-)
Review ไฮไลต์สีชมพูนู้ดผสมประกายชิมเมอร์ละเอียดยิบ ถ้าอยากแต่งกลางวันก็ปัดเหนือโหนกแก้มอย่างเดียวดูสวยกำลังดี แต่ถ้าอยากเฉิดฉายยามค่ำคืนสามารถเพิ่มบริเวณสันจมูก กึ่งกลางหน้าผาก ปลายคาง และรอยหยักปาก ให้ใบหน้าดูมีมิติขึ้น
เม็ดสี/การปกปิด 3 ดาวครึ่ง
ความชุ่มชื้น 4 ดาวครึ่ง
ทาง่าย/ไม่ตกร่อง 4 ดาว
ติดทน 3 ดาวครึ่ง
เรื่องราวที่น่าสนใจอื่นๆ
สร้างขนตาหนา ยาว ฟรุ้งฟริ้ง ด้วย 10 เซรั่มบำรุงขนตา
เยิ้มแค่ไหนก็เอาอยู่! 10 สกินแคร์เริดๆ สำหรับสาว ผิวมัน
หน้าใสไม่มันunder 150 บ. ด้วยแป้งขาวมณี+ใยบุกออนเซ็น ถูกและดีมีจริง!