ในยุคที่ผู้คนให้ความใส่ใจกับภาพลักษณ์มากขึ้น เชื่อว่าสารลดเลือนริ้วรอยกลายเป็นตัวช่วยเพิ่มความมั่นใจอย่างหนึ่งของสาวๆ เพราะช่วยรักษาริ้วรอยได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เรียกว่าแว่บไปพบแพทย์แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ได้อัพเลเวลความเซลฟ์กลับมาแล้ว!
ใครๆ ก็อยากแลดูอ่อนเยาว์ ผิวพรรณสดใสกันทั้งนั้น โดยเฉพาะในยุคที่ภาพลักษณ์กลายเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มความมั่นใจ โดยเฉพาะใบหน้าที่เปรียบเสมือนผลงานชิ้นเอกที่สะท้อนถึงการดูแลตัวเอง การทำหัตถการความงามต่างๆ จึงเป็นที่นิยมมากขึ้น หนึ่งในโปรแกรมสุดฮิตของหนุ่มสาวผู้รักในบุคลิกภาพและความงามก็คือ โปรแกรมการฉีดสารลดเลือนริ้วรอย ซึ่งมีคลินิกความงามต่างๆ เปิดให้บริการกันมากมาย แต่ละคลินิกก็มีเทคนิคและสไตล์ในการดูแลคนไข้ที่แตกต่างกันไป ในวันนี้เราได้พูดคุยกับ คุณหมออาร์ม- น.พ.วรพจน์ ศิลามังคลานนท์ และคุณหมอปราง – พ.ญ.ธมนวรรณ พันธุ์ประเสริฐ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ Hertitude Clinic ถึงสไตล์เฉพาะตัวของคลินิกในการรักษาริ้วรอยให้คนไข้ บอกเลยว่าถ้าอยากดูเป๊ะแต่ไม่โป๊ะต้องติดตาม
อยากให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ต้องทำอย่างไร
นี่คือความหวังของคนวัย 30+ เลยนะ งานนี้คุณหมอปรางให้คำแนะนำสำหรับคนที่อยากจะแลดูอ่อนเยาว์ว่า
“อย่างแรกเลยเมื่อเรามีริ้วรอย หน้าจะดูแก่กว่าวัย โดยเฉพาะตรงบริเวณใบหน้าส่วนบน ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยหางตา หว่างคิ้ว หน้าผาก สามจุดนี้ถ้ามีริ้วรอยปุ๊บหน้าจะดูมีวัยขึ้นมาเลย ซึ่งวิธีง่ายๆ คือเราจัดการเรื่องริ้วรอยก่อน เพื่อให้หน้าเราดูอ่อนเยาว์ขึ้น แล้วก็ดูไม่เศร้า ซึ่งการใช้สารลดเลือนริ้วรอยเป็นทางเลือกหนึ่งที่รวดเร็ว เพราะว่าไม่กี่วันก็เห็นผล แล้วก็มีประสิทธิภาพ”
ด้านคุณหมออาร์มได้อธิบายเพิ่มเติมถึงเรื่องริ้วรอยอย่างละเอียดชนิดที่สาวๆ ต้องจดไว้ว่า “ขอเสริมคุณหมอปรางนะครับ ริ้วรอยที่ทำให้ดูสูงวัยส่วนใหญ่จะเริ่มจากริ้วรอยหางตาก่อนเลย รอบดวงตาเป็น First sign of aging เพราะเป็นส่วนที่มีการขยับเยอะที่สุดบนใบหน้า คิดดูสิครับว่า ใครจะไม่ขยับดวงตาบ้าง เรากะพริบตาตลอด เวลาพูดคุยเราก็มีการแสดงอารมณ์ผ่านดวงตา
“อีกจุดที่มักเป็นปัญหาคือหว่างคิ้ว สาวๆ บางคนอาจจะรู้สึกว่าทำไมใครๆ บอกว่าเราดูเข้าถึงยาก นั่นเพราะติดขมวดคิ้วจนมีรอยที่หว่างคิ้ว ทำให้ดูเครียด ดูเป็นคนจริงจังกับชีวิตมากจนเกินไปครับ
“สาเหตุของการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าหลักๆ จะเกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ คือเมื่ออายุมากขึ้นสิ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงคือ หนึ่งผิวจะบางลง สองไขมันบนใบหน้าหรือที่เราเรียกว่า Baby Fat จะน้อยลง และสามกล้ามเนื้อเราจะแข็งแรงมากขึ้น เนื่องจากมันถูกเทรนนิ่งมาหลายปีตามวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวๆ ที่อายุเริ่มเพิ่มขึ้น หรือประมาณเกิน 30 ปีจะเริ่มเห็นชัดเจนเลยว่ากล้ามเนื้อแข็งแรงมาก เวลายิ้มจะเห็นริ้วรอยหางตา เวลาขมวดคิ้วจะเห็นรอยย่น เวลาสงสัยก็จะเห็นรอยที่หน้าผาก ซึ่งริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์เหล่านี้จำเป็นต้องแก้ไขตั้งแต่แรกเริ่มนะครับ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้นานมันจะกลายเป็นรอยถาวรที่เรียกว่า Static Line แปลว่าอยู่เฉยๆ ก็มองเห็น ไม่ยิ้มก็มีรอย ไม่ขมวดคิ้วก็มีรอย ไม่เลิกหน้าผากก็มีรอยครับ”
เทรนด์การรักษาด้วยสารลดเลือนริ้วรอยในอดีต vs ปัจจุบัน
“มีการพัฒนามาเรื่อยๆ เลยค่ะ ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเป็นสมัยก่อนเขาจะฉีดกันเฉพาะจุด ซึ่งมันจะทำให้กล้ามเนื้อทำงานไม่สมดุลกัน จะดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่สมัยนี้เราจะฉีดทั้งหมดเป็นโซนๆ เช่น บริเวณใบหน้าส่วนบนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหางตา หว่างคิ้ว หน้าผาก เพื่อให้กล้ามเนื้อมันทำงานสมดุลกัน เพราะบริเวณใบหน้าส่วนบนกล้ามเนื้อทำงานร่วมกันหมด เราไม่สามารถไปบล็อคแค่ส่วนหนึ่ง แล้วปล่อยอีกส่วนยังทำงานต่อโดยที่การขยับยังดูเป็นธรรมชาติได้ พูดง่ายๆ คือการรักษาเป็นโซนจะช่วยทั้งในเรื่องริ้วรอยที่ปรากฏและการขยับที่ดูเป็นธรรมชาติ” คุณหมอปรางอธิบาย พร้อมให้คำแนะนำเรื่องความปลอดภัยด้วยว่า “ก่อรรักษาแนะนำให้พิจารณา 3 อย่าง คือ คลินิก แพทย์ แล้วก็ตัวยา อย่างแรกเราต้องเลือกก่อนว่าคลินิกที่เราจะเข้าไปทำการรักษามีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องกับทางกระทรวงสาธารณสุขไหม ต่อมาก็ควรเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ รู้อนาโตมี่ หรือว่าจุดกล้ามเนื้อต่างๆ ที่จะต้องฉีด และอย่างสุดท้ายคือผลิตภัณฑ์ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและ ปลอดภัยค่ะ”
สวยเป๊ะแต่ไม่โป๊ะ สไตล์ Hertitude Clinic
งานนี้คุณหมออาร์มเล่าถึงคอนเซ็ปต์การฉีดสารลดเลือนริ้วรอยของ Hertitude Clinic ที่ทำให้คนไข้พากันติดใจว่า “มีหลักง่ายๆ อยู่ 2 อย่างที่ทำให้คนไข้ติดใจครับ อย่างแรกคือต้องรักษาริ้วรอยได้แต่ดูเป็นธรรมชาติ สังเกตไหมครับว่าบางคนไปฉีดมาแล้วไม่มีริ้วรอยจริงแต่ขยับหน้าไม่ได้ ซึ่งของเราจะไม่ใช่แนวนั้น เพราะเราจะใช้เทคนิคที่ช่วยรักษาริ้วรอยแต่ยังขยับหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
“อย่างที่สอง คือ Long Lasting Result ครับ หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วการฉีดสารลดเลือนริ้วรอยมีข้อควรระวังอย่างหนึ่งคือ ถ้าฉีดบ่อยเกินไปอาจจะเกิดการดื้อยาได้ ซึ่งทางเราจะป้องกันจุดนั้นโดยการคำนวณปริมาณตัวยาที่พอเหมาะ หมายถึงเป็นขนาดตัวยาที่นอกจากช่วยลดริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติแล้วยังให้ผลการรักษาที่ยาวนาน คือประมาณ 4-6 เดือน คนที่ไม่เคยฉีดสารลดเลือนริ้วรอยมาก่อนอาจจะรู้สึกว่า โห ทำไมแป๊บเดียวเอง แต่จริงๆ แล้วหมออยากให้คนไข้เข้าใจว่า การรักษาด้วยสารลดเลือนริ้วรอยเป็นการรักษาที่คุณควรจะกลับมาจุดเดิมได้นะครับ ในทางกลับกันคนไข้ที่เคยรักษาด้วยสารตัวนี้มาแล้วบางคนจะรู้สึกว่า 4-6 เดือนนาน เพราะบางเคสต้องเติมทุก 2 เดือน ซึ่งการฉีดซ้ำบ่อยเกินไปเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการดื้อยาได้
“ทางคลินิกของเราจะดูแลคนไข้แบบ Holistic Approach คือดูทุกๆ ด้านให้คนไข้นะครับ ทั้งความเป็นธรรมชาติและการคำนวณโดสยาที่เหมาะสม หมอจะแฮปปี้มากถ้าคนไข้กลับมาบอกว่ารักษากับเราแล้วเพื่อนทักว่าทำไมหน้าใสจัง แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าไปฉีดสารลดเลือนริ้วรอยมา เราเรียกว่าสวยแบบไม่เอะอะครับ” คุณหมอเล่าปิดท้ายถึงสไตล์การรักษาที่คนไข้ประทับใจพร้อมเสียงหัวเราะ
การเลือกใช้สารลดเลือนริ้วรอยสำคัญอย่างไร
“ในปัจจุบันถ้าเราสังเกตดูในท้องตลาดจะเห็นว่ามีหลายแบรนด์เลยค่ะ แต่ตัวแรกที่ผลิตขึ้นมา มาจากบริษัทยาของสหรัฐอเมริกาซึ่งถือว่าเป็นผู้นำทางด้านเวชศาสตร์ความงาม หลังจากนั้นก็เริ่มมีบริษัท อื่นๆ ที่พัฒนาตามมาเรื่อยๆ แต่ละบริษัทก็จะมีเทคโนโลยีที่จะทำให้สารลดเลือนริ้วรอยของเขาแตกต่างกันไป ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ ความปลอดภัย แล้วก็ผลลัพธ์ที่ได้ รวมทั้งถึงสุดท้ายเลยก็คือเรื่องการดื้อยาในระยะยาว ดังนั้นการเลือกแบรนด์จึงมีความสำคัญ ซึ่งทางคลินิกของเราจะเน้นเลือกแบรนด์ที่มีประสิทธิภาพดี ที่สำคัญต้องมีงานวิจัยทั้งในระยะสั้น หมายถึง การใช้สารลดเลือนริ้วรอย 1-2 ครั้ง และการวิจัยในระยะยาว หมายถึง การใช้สารลดเลือนริ้วรอยต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายๆ ปี ทำให้สารลดเลือนริ้วรอยของ Allergan ที่มีการใช้มากว่า 30 กว่าปีแล้วก็รู้สึกว่ามีความน่าเชื่อถือ มีผลวิจัยรองรับทั้งในระยะสั้นและยาว” และในชีวิตจริงใครที่ได้เริ่มใช้แล้วก็อยากที่จะใช้ไปได้นานๆ ดังนั้นจึงควรคำนึงถึงเรื่องของความปลอดภัยด้วย”
คุณหมอปรางพูดถึงการเลือกใช้สารลดเลือนริ้วรอยของทางคลินิก ขณะที่คุณหมออาร์มเสริมถึงฟีดแบ็คของคนไข้ที่มีต่อสารลดเลือนริ้วรอยจาก Allergan Aesthetic เวชศาสตร์ความงามจากอเมริกา เพิ่มเติมว่า
“สิ่งแรกเลยที่คนไข้ฟีดแบ็คคือผิดความคาดหมายมาก จากที่กังวลว่าหน้าจะแข็ง แลดูไม่เป็นธรรมชาติ เพื่อนจะล้อ ปรากฏว่าตัวนี้ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติจนเพื่อนๆ จับไม่ได้ แล้วก็เรื่องของระยะเวลาในการออกฤทธิ์ 4-6 เดือน ซึ่งทำให้คนไข้ไม่ต้องมารักษาบ่อยจนเกินไปครับ”
จากเสียงสะท้อนของคนไข้ของคุณหมอ รวมทั้งตัวคุณหมอเอง จะเห็นได้ว่าสารลดเลือนริ้วรอยจาก Allergan Aesthetic เวชศาสตร์ความงามจากอเมริกามีคุณภาพ มั่นใจได้ ช่วยลดเลือนริ้วรอย ทั้งรอยตีนกา รอยเหี่ยวย่นบนหน้าผาก หรือรอยย่นหว่างคิ้ว บ่งบอกตัวตนของเราได้มากที่สุด เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้เราสวยได้ในแบบเรา
กลัว “หน้าตึง” ต้องรู้สิ่งนี้
“อาการขยับใบหน้าไม่ได้อยู่ที่เทคนิคและความเชี่ยวชาญของแพทย์แต่ละท่าน เมื่อไหร่ที่ฉีดตัวยาผิดจุด ผิดกล้ามเนื้อจะทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ อย่างหน้าตึงเกินไป การขยับดูไม่เป็นธรรมชาติ ดังนั้นการเลือกคลินิกและแพทย์ที่ทำการรักษาจึงสำคัญมาก นอกจากนี้อยู่ที่สารลดเลือนริ้วรอยที่เลือกใช้ด้วย ต้องมีคุณภาพที่ดี มีประสิทธิภาพที่ดี การกระจายตัวของตัวยาแม่นยำตรงจุด” คุณหมอปรางอธิบาย
“ผมขอเสริมหมอปรางนิดหนึ่งนะครับ อย่างที่เราเคยได้ยินคำว่า You are what you eat สำหรับการฉีดสารลดเลือนริ้วรอย ผมมีเทคนิคการเลือกคุณหมอง่ายๆ ครับ You are who you inject with ลองสังเกตคุณหมอปรางสิครับ เขาไม่มีริ้วรอยเลยแต่ยังขยับหน้าได้ตามปกติ แปลว่าคุณหมอปรางมองความพอเหมาะในการรักษาแบบนี้
“ต้องบอกว่าคุณหมอแต่ละท่านมีสิ่งที่เรียกว่า Sense of Beauty ไม่เหมือนกัน บางคนชอบความตึง แบบเป๊ะสุดๆ แต่บางคนชอบความเป็นธรรมชาติ หน้าที่ของคนไข้คือต้องเลือกครับว่าเราอยากจะสวยในสไตล์ไหนที่จะทำให้เรามีความมั่นใจในแบบของเราเอง
ที่เหลือก็เลือกคลินิกและแบรนด์ที่มั่นใจได้ครับ” …เทคนิคง่ายๆ จากคุณหมออาร์มเป็นอะไรที่เวิร์คมาก ครั้งหน้าอย่างลืมแอบสังเกตกันนะคะ!
การดูแลตัวเองเพื่อคงผลการรักษาไว้ให้ยาวนาน
สำหรับประเด็นนี้คุณหมออาร์มและคุณหมอปรางมีคำแนะนำดีๆ มาฝาก…
“ปัจจัยหนึ่งอยู่ที่คุณภาพตัวยาครับ ถ้าเราใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานผลมันอยู่ถึง 4-6 เดือน แต่การที่เราจะให้ผิวสวยเนี่ย หลังรักษาก็ควรมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วย ซึ่งทุกคนก็รู้อยู่แล้วแหละ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมากๆ ดูแลผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสม ทาครีมกันแดด พักผ่อนให้เพียงพอ สิ่งเหล่านี้ทำให้ผิวสุขภาพดี ถ้าผิวสุขภาพดีผลจากการรักษาก็จะยาวนานแล้วก็ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นครับ”
“สำหรับหมอเองนะคะ ถ้าคนไข้มาปรึกษาเรื่องริ้วรอยหมอจะแนะนำให้ฉีดสารลดเลือนริ้วรอยในบริเวณนั้นทั้งโซน เช่น ใบหน้าส่วนบนทั้งหมด 3 ส่วน คือ ตรงหว่างคิ้ว หน้าผาก แล้วก็หางตา เพื่อความสมดุล และจะบอกคนไข้เสมอว่าเราจะต้องมาดูแลกันต่อเนื่องนะ เพราะสารลดเลือนริ้วรอยจะต้องฉีดทุกประมาณ 4-6 เดือน สุดท้ายก็คือคุณภาพของผลิตภัณฑ์ควรเลือกที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพที่ดี เชื่อถือได้ในเรื่องความปลอดภัยในระยะยาว เพราะอย่างที่บอกว่าต้องมีการรักษาต่อเนื่องค่ะ”
…จากการพูดคุยกับคุณหมอทั้ง 2 ท่าน ต้องบอกว่าได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดสารลดเลือนริ้วรอยมาเพียบเลย เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่มีปัญหานี้ หรือกำลังสนใจศึกษาหาข้อมูลการรักษาด้วยวิธีนี้กันอยู่เป็นอย่างมากเลยค่ะ พอฟังคุณหมอแบบนี้ทำให้มั่นใจในการเริ่มใช้สารลดเลือนริ้วรอยมากขึ้น
ถ้าใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่ WrinkleRelaxerTH.com
ขอบคุณ Hertitude Clinic ชั้น L เกษร วิลเลจ โทร 086 341 9007