สุดสัปดาห์มี รีวิวเลเซอร์สิวที่ The Demis Clinic มาฝากค่ะ เนื่องจากอยู่ดีๆ สิวก็เห่อจากการแพ้อะไรสักอย่าง เม็ดนั้นยุบเม็ดนี้ผุด ทั้งเจ็บทั้งเสียความมั่นใจ พอดีมีโอกาสมาหาหมอที่นี่แล้วชอบแนวทางการรักษาเลยอยากมาแนะนำต่อค่ะ
ก่อนอื่นต้องบอกว่ากรณีเรายังไม่ได้เห่อเต็มหน้านะคะ เป็นสิวอักเสบบวมแดงเห็นหัวเหลืองเม็ดใหญ่ ครั้งละ 4-5 เม็ด บริเวณคางและกราม ซึ่งจะผลัดกันขึ้นแบบนี้ตลอดมา 1-2 เดือนแล้ว ดังนั้นก็จะเห็นชัดเพราะรอยจากสิวเม็ดใหญ่มันเด่น T-T แม้จะไม่เยอะมาก แต่เรามีประวัติเป็นสิวหนักมากช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ต้องหาหมอกินยาที่ทำให้ปากแห้งผิวแห้งควบคู่กับยาแก้อักเสบทุกอาทิตย์ เลยนอยด์ว่าจะกลับไปเป็นสิวหนักเหมือนสมัยนั้น และกลัวว่าถ้าหาหมอจะต้องกลับไปกินยายาวๆ แบบนั้นอีก
ดังนั้น พอมาเจอแนวทางการรักษาของที่นี่จึงรู้สึกว่าตอบโจทย์ของตัวเราที่ไม่อยากกินยาแรง หรือกินยา – ทายาต่อเนื่องกันนานค่ะ
สำหรับที่ The Demis Clinic นั้น สาวๆ น่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงมาบ้าง เพราะเปิดมากว่า 10 ปีแล้ว โดยเป็นคลินิกที่เน้นการใช้เทคโนโลยี และเครื่องมือมาตรฐานสากลที่เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ กระซิบว่าเครื่องอะไรใหม่ๆ ล้ำๆ ว้าวๆ ที่นี่เขามีหมดนะ ห้องเลเซอร์เยอะมาก แบบอยากทำสวยอะไร อยากรักษาอะไร มาปรึกษาคุณหมอได้เลย
(คุณหมอหลิน – พญ. นิโลบล เจริญวุฒิ ตรวจผิวหน้าอย่างละเอียด และแนะนำการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละคน อย่างเราเป็นไม่เยอะ คุณหมอก็ไม่ได้แนะนำให้ซื้อเป็นคอร์ส)
กลับมาที่เรื่องสิว ที่นี่เขาสร้างชื่อเสียงจากการรักษาสิว เพราะสาขาแรกเริ่มจากคลินิกที่ให้บริการรักษาสิวเพียงอย่างเดียว โดยเน้นการรักษาแบบปรับโครงสร้างผิว ไม่มีการฉีดสิว ไม่เน้นการกินยา แต่สามารถรักษาสิวได้ชะงัดจนมีการบอกต่อ และเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ของคนที่มีปัญหาสิวเรื้อรัง
คุณหมอหลิน – พญ.นิโลบล เจริญวุฒิ เล่าให้ฟังว่า “The Demis Clinic เปิดมา 10 ปี โดยใช้การรักษาด้วยเลเซอร์สิวเฉพาะทาง เน้นทำให้ผิวแข็งแร็ง ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา คลินิกของเราแทบไม่ได้ให้คนไข้กินยา-ทายา ไม่ฉีดสิว ไม่ใช้ยาฆ่าเชื้อ อย่างพวกยาละลายหัวสิวหรือยาแต้มสิวจะไม่ได้ให้ใช้เลย เราจะเน้นการรักษาสิวด้วยเลเซอร์เท่านั้น และเน้นการดูแลผิวเป็นสิวโดยการทำให้ผิวแข็งแรง”
อีกจุดเด่นคือ สโลแกน 100% Touch by Doctor’s Hands ที่นี่คุณหมอจะต้องตรวจรักษาคนไข้ทุกคน ไม่ใช่เดินมาแล้วจะเข้าไปทำเลเซอร์ได้เลย ต่อให้เป็นคนไข้เก่าที่ซื้อคอร์สอะไรไว้ มาถึงก็ต้องให้คุณหมอตรวจก่อน และถ้ามีการทำเลเซอร์หรือใช้เครื่องใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์สิว เลเซอร์ขน อัลเทอร่า ฯลฯ คุณหมอจะเป็นผู้ทำให้เท่านั้น ทำให้รู้สึกมั่นใจและสบายใจว่าจะได้รับการดูแลจากแพทย์ที่มีประสบการณ์
(คุณหมอหลินประจำที่ The Demis Clinic ทั้ง 2 สาขา คือ สยามสแควร์วัน และเพียวเพลส รามคำแหง 110)
รีวิวเลเซอร์สิวที่ The Demis Clinic
อย่างเคสเรา พอทำประวัติเสร็จก็ไปเข้าพบคุณหมอ ซึ่งเราก็บอกความกังวลใจทุกอย่างว่า กลัวกลับไปเป็นสิวหนักอีก ไม่อยากกินยาแบบเดิมเพราะอายุมากขึ้นเพราะร่างกายอ่อนแอลงกลัวรับไม่ไหว และก็ไม่อยากทายาหลายสเต็ปเพราะมันแสบหน้า…แบบว่าเงื่อนไขเยอะมากจนกลัวโดนดุ ^^’ แต่คุณหมอไม่ได้ว่าอะไรค่ะ หลังจากตรวจหน้าก็บอกให้สบายใจว่าไม่น่าจะกลับไปเป็นขนาดนั้นเพราะดูแล้วเป็นสิวที่เกิดจากการแพ้มากกว่า คุณหมอแนะนำเป็นเลเซอร์รักษาสิว 2 ตัว คือ Isolaz และ V Beam
ขออธิบายถึงเทคโนโลยี 2 ตัวนี้สักนิดนึงค่ะ Isolaz – ไอโซลาส เป็นเทคโนโลยีกำจัดสิวจากสหรัฐอเมริกา รวมเอาเทคนิคสุญญากาศและเทคโนโลยียิงลำแสงมาอยู่ด้วยกัน ช่วยกำจัดไขมันที่อุดตัน หนองจากสิว เซลล์ที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรกที่ตกค้าง โดยไม่ทิ้งรอยแดง รอยไหม้ และหลุมสิว พร้อมช่วยกระชับรูขุมขนและป้องกันไม่ให้เกิดสิวซ้ำ
ส่วน V Beam – วีบีม เป็นเลเซอร์ที่ช่วยลดรอยแดงจากสิวอักเสบอย่างอ่อนโยนต่อผิว ช่วยลดปัญหารอยแดง รอยจากสิว เลเซอร์ตัวนี้จะมีระบบพ่นความเย็นผสานไปกับลำแสงเลเซอร์ จึงช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นระหว่างทำ
(เลเซอร์ Isolaz จะรู้สึกเหมือนมีหัวมาดูดวื๊ดๆ พร้อมยิงเลเซอร์ไปด้วย ตัวนี้เราว่าชิลๆ ไม่เจ็บค่ะ)
เราปรึกษาหมอเสร็จก็ไปคลีนหน้าและกดสิว ซึ่งมีเพียง 2 อย่างนี้เท่านั้นที่จะเป็นพนักงานทำ นอกนั้นคุณหมอจะเป็นผู้ทำการรักษาทั้งหมดค่ะ พอเสร็จก็เข้าห้องเลเซอร์ ปิดตาอะไรเรียบร้อยคุณหมอที่ตรวจเราก็จะเข้ามาทำเลเซอร์ให้ โดยอธิบายและสอบถามเราไปด้วย (ของเราหมอจะถามว่าทำจมูกหรือฉีดอะไรมาหรือเปล่า เพื่อจะระวังส่วนนั้นให้ค่ะ)
ในการทำเลเซอร์ของเรา เริ่มจากไอโซลาสก่อน ตัวนี้สบายมากค่ะ ไม่เจ็บเลย ความรู้สึกจะเหมือนมีอะไรมีมาดูดวื๊บๆ บนผิวหน้า ซึ่งขณะดูดก็จะมีการยิงเลเซอร์ไปด้วย ซึ่งหมอจะเน้นช่วงคางกับกรามให้เราเป็นพิเศษ เราชอบตัวนี้มาก เพราะได้ทำความสะอาดรูขุมขนและเลเซอร์ในตัว รู้สึกคุ้มค่ะ 555+
ต่อจากนั้นจะเป็นวีบีม เลเซอร์ตัวนี้จะแปล๊บๆ นิดๆ แต่ไม่ถึงกับร้อนหรือแสบ เพราะมีไอเย็นพ่นควบคู่ไปด้วย สำหรับเราซึ่งในช่วงชีวิตนึงเคยผ่านสมรภูมิการรักษาสิวหนักมาแล้ว ตัวนี้สบายมาก เราลองถามเพื่อนคนอื่นที่เคยทำ เค้าก็ว่าไม่เจ็บ แค่แปล๊บๆ เหมือนกัน
(เลเซอร์ V Beam จะมีไอเย็นพ่น ช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นระหว่างทำ)
กรณีเราปัญหาสิวยังไม่ลุกลามหนัก คุณหมอเลยไม่ได้แนะนำให้ซื้อคอร์สเลเซอร์ เพราะไม่จำเป็น แต่สำหรับคนที่มีปัญหาเยอะ ที่ The Demis Clinic เขามีโปรแกรมรักษาสิว Multi Laser และ Multi Treatment เป็นคอร์ส 10 ครั้งที่สลับสับเปลี่ยนให้เหมาะกับปัญหาผิวในช่วงนั้นๆ ได้ ไม่ได้จำกัดว่าต้องทำตัวใดตัวหนึ่งตลอดจนหมด เช่น ตอนที่มารักษาครั้งแรกๆ ปัญหาสิวหนัก คุณหมอให้ทำตัว 2 ตัวนี้ พอหลังๆ สิวเริ่มหาย คุณหมออาจจะแนะนำตัวอื่นที่เหมาะสมก็ได้ ในคนที่มีปัญหาเยอะ ต้องรักษาต่อเนื่องก็นับว่าน่าสนใจอยู่นะ เห็นว่าไม่มีหมดอายุด้วย
หลังจากทำเลเซอร์เรากลับบ้านได้เลย ไม่มีรอยไหม้หรือแสบแดงอะไร วันรุ่งขึ้นแต่งหน้าได้ตามปกติ ปัญหาสิวของเราดีขึ้น ไม่ถึงกับไม่มีสิวขึ้นอีกเลย แต่ก็น้อยลงอย่างรู้สึกได้ค่ะ แต่ที่รู้สึกได้ชัดคือรอยแดงจากสิวอักเสบที่จางลงเร็วกว่าตอนไม่ได้ทำ เราแฮปปี้มาก อีกทั้งไม่ต้องกินยา ไม่ต้องทายาด้วย
ในส่วนของสกินแคร์คุณหมอช่วยดูให้ว่าตัวไหนที่ใช้อยู่สามารถใช้ต่อได้บ้าง แต่ช่วงสิวเห่อคุณหมอแนะนำให้ใช้แค่ 1 ตัวก่อน หรือคนที่อยากใช้ของคุณหมอเพื่อความมั่นใจ ที่คลินิกก็มีผลิตภัณฑ์ DDC ที่คิดค้นโดยแพทย์จาก The Demis Clinic มาในแพ็คเกจเท่ๆ น่าใช้ มีครบทั้งยาแต้มสิวสูตรสมุนไพรออร์แกนิก สกินแคร์ และเมคอัพ แต่ตรงนี้แล้วแต่ความพึงพอใจของเราเลยค่ะ ไม่บังคับ ขนาดเลเซอร์คุณหมอยังแนะนำให้ทำเป็นครั้งก็พอ อิสระและสบายใจ เป็นอีกจุดนึงที่ประทับใจ ไม่แปลกใจเลยค่ะที่ได้รางวัล Best of Acne Laser จากงาน สุดสัปดาห์ Beauty Awards 2020 ^^
(เป็นคลินิกที่กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย)
(The Demis Clinic สาขาสยามสแควร์วัน ชั้น 6)
ใครมีปัญหาอยากปรึกษาคุณหมอ สามารถไปได้ที่ The Demis Clinic ปัจจุบันมีเพียง 2 สาขาเท่านั้น เพราะต้องการควบคุมมาตรฐานให้เท่ากัน ไม่ว่าไปสาขาไหนจะได้เจอคุณหมอทีมเดียวกัน (สลับวันกันเข้า) และเทคโนโลยีจัดเต็มเหมือนกัน ทั้งที่สาขาสยามสแควร์วัน ชั้น 6 โทร 02 251 6320 และสาขาสัมมากรเพลส รามคำแหง 110 โทร 02-729-8524 (แนะนำให้โทรศัพท์นัดคิวก่อนค่ะ) หรือติดตามข่าวสารต่างๆ ได้ที่ www.facebook.com/Thedenisclinic/
*ผลลัพธ์ขึ้นกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล