1.กินรสจัดและมันมาก
ถ้าว่ากันถึงปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดสิว ขอเน้นเรื่องอาหารเผ็ดจัดเป็นหลัก เพราะความเผ็ดร้อนจะทําให้ต่อมไขมันทั่วร่างกายทํางานมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นการกระตุ้นสิวอีกทางหนึ่ง รวมถึงอาหารที่มีไขมันสูงก็ส่งผลให้ร่างกายผลิตน้ำมันส่วนเกินมากขึ้นด้วย
2.กินเร็ว (ไปไหน)
นิสัยกินเร็วจะส่งผลโดยตรงต่อระบบการย่อยอาหาร ทําให้เกิดกรดในกระเพาะท้องอืด ท้องเฟ้อ(จนอาจเป็นโรคกรดไหลย้อนได้) เมื่ออาหารไม่ย่อย ร่างกายก็ดูดซึมได้ไม่เต็มที่ ทําให้ขาดสารอาหารไปหล่อเลี้ยงผิว แถมก่อให้เกิดพิษขึ้นในร่างกายจนอุณหภูมิภายในร้อนกว่าปกติจึงเกิดเป็นสิวในที่สุดหยุดกินเร็วและเลิกดื่มน้ำเยอะๆระหว่างมื้อ หันมาดื่มน้ำอย่างเต็มที่หลังมื้ออาหาร
3.ติดโทรศัพท์
ทั้งโทรศัพท์ตั้งโต๊ะหรือโทรศัพท์มือถือล้วนเสี่ยงทั้งนั้น โดยเฉพาะคนที่ชอบหนีบหูโทรศัพท์ขณะมือไม่ว่าง ขอบอกเลยว่าสาวๆน้อยคนนักที่จะทําความสะอาดโทรศัพท์บ่อยๆทําให้เกิดการหมักหมมของสิ่งสกปรก ทั้งคราบแป้ง เหงื่อ และสิ่งสกปรกอื่นๆจากมือเรา เป็นที่มาของสิวอักเสบบริเวณข้างแก้มนั่นแหละ ถ้ายังเลิกนิสัยหนีบโทรศัพท์แนบแก้มไม่ได้ อย่างน้อยขยันใช้ผ้าสะอาดเช็ดหน้าจอบ้างก็ยังดีนะ
4.นอนดึกเกิ๊น
“นอนดึก ตื่นเช้า”จัดเป็นพฤติกรรมยอดฮิตของสาวยุคใหม่ ที่ทําให้ระบบในร่างกายแปรปรวนไปหมด แถมส่งผลให้ผิวอ่อนแอ และเกิดปัญหาสิวผด สิวอักเสบผิวแห้ง ผิวระคายเคืองดังนั้นโปรดฝึกนิสัยนอนแต่หัวค่ำ และก่อนนอนอย่าลืมใช้ผลิตภัณฑ์บํารุงให้ถูกกับสภาพผิว ตื่นเช้ามาจะได้พบกับผิวสวยใสห่างไกลสิว
5.เท้าคางเสียสวย
นอกจากจะทําให้เสียบุคลิกเพราะดูเป็นคนอมทุกข์ เบื่อโลกตลอดเวลาแล้ว ยังทําให้เกิดสิวบริเวณคางและแก้ม เนื่องจากมือเรามีเชื้อโรคโน่นนี่สารพัด หนําซ้ำยังทําให้เกิดริ้วรอยอีกต่างหาก
6.ท้องผูกแก้ไม่หาย
หากร่างกายขับถ่ายผิดปกติก็เท่ากับว่าของเสียยังคงคั่งค้างอยู่ในร่างกาย ส่งผลเสียต่อตับ ลําไส้ หลอดเลือด หัวใจ และแน่นอนว่าผิวพรรณด้วยกากอาหารที่บูดเน่าจะเกิดเป็นสารพิษต่างๆเช่น ไนโตรเจน แอมโมเนีย กํามะถัน เมื่อร่างกายไม่ขับถ่าย สารเหล่านี้จะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกายพร้อมกับน้ำในลําไส้ ส่งผลให้ผิวหยาบกร้าน เป็นสิว และเกิดริ้วรอยดังนั้นจึงควรหันมารับประทานอาหารที่มีกากใยสูงหรือเป็นยาระบายอ่อนๆ อย่างมะขามมะละกอ ส้มโอ กล้วย เพื่อป้องกันท้องผูก
7.ปลอกหมอนมอมแมม
นี่คือสิ่งที่แนบชิดใบหน้าที่สุดและนานที่สุด สาวๆบางคนไม่ล้างหน้า ผมไม่สระ นอนน้ําลายยืด ฯลฯ สิ่งสกปรกและแบคทีเรียจะสะสมอยู่ที่ปลอกหมอนไปเรื่อยๆ จริงๆคุณหมอแนะนําว่าควรเปลี่ยนปลอกหมอนทุกๆ3-7วัน(แล้วแต่ความสะอาดของแต่ละคน)ส่วนตัวหมอนควรนําไปตากแดดสัปดาห์ละครั้ง เพื่อสุขอนามัยที่ดีถ้าทําได้ ควรเลือกปลอกหมอนที่ทําจากผ้าเนื้อนุ่มทอด้วยเส้นใยที่มีความละเอียดสูง และระบายความอับชื้นได้ดี อย่างผ้าซาตินหรือคอตต้อนผสมไหม เพื่อให้ไม่ให้ระคายเคืองผิว
8.มือหนัก
ล้างหน้านะคะ ไม่ใช่ซักผ้า ไม่ต้องหนักมือมากก็ได้ บางคนถึงขั้นใช้เล็บขูดผิวหน้าเพื่อขจัดความมันออกงานนี้บอกเลย ใครมีสิวอยู่แล้ว สิวจะยิ่งอักเสบมากขึ้นแถมยังมีสิวใหม่เกิดตามมาเรื่อยๆ เอาเป็นว่าถ้ารู้สึกว่าความมันยังตกค้าง ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสําหรับผิวมันโดยเฉพาะและหลังล้างหน้าควรหาผ้าขนหนูสะอาดเนื้อนุ่มซับหน้าเบาๆ แรกๆอาจรู้สึกว่าผิวหน้าไม่แห้งสนิท แต่ไม่นาน
9.ล้างเมคอัพไม่เกลี้ยง
ทุ่มเทเวลาให้กับการแต่งหน้ายังทําได้ แล้วทําไมไม่ให้เวลากับการล้างเครื่องสําอางบ้างยิ่งเครื่องสําอางประเภทกันน้ําหรือLongLasting จําเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสําอางโดยเฉพาะ(MakeupRemover) ขอยืนยัน ส่วนคนที่กังวลว่าจะล้างหน้าไม่หมดจดจึงจัดหนัก3-4ขั้นตอนก็ควรเลิกได้แล้วเช่นกัน เพราะผิวหน้าจะขาดความชุ่มชื่นและเสียสมดุล ทําให้เกิดสิวและริ้วรอยได้ ท่องไว้ว่าเดินสายกลางนะจ๊ะสาวๆ
10.ขยันเซตแต่ขี้เกียจสระ
สําหรับคนที่มีผิวแพ้ง่ายอาจเกิดผดผื่นและสิวบริเวณไรผมได้ ดังนั้นควรสระผมให้สะอาดก่อนเข้านอน หรือถ้ารู้ตัวว่าแพ้ก็ควรหลีกเลี่ยง หรือเปลี่ยนยี่ห้อดู เพื่อป้องกันสิวเรื้อรังไม่หายขาด
11.ชอบโบ๊ะ
รู้ตัวว่าเป็นสิวก็ยิ่งโบ๊ะหนัก พยายามทาคอนซีลเลอร์ แป้ง รองพื้น หรือกลเม็ดเทคนิคเด็ดมาปกปิดสิวสารพัด แถมยังล้างเครื่องสําอางไม่เกลี้ยง ส่งผลให้เกิดสิวใหม่ในชั่วข้ามคืนขอบอกว่าการปกปิดสิวนั้นควรทําเฉพาะที่จําเป็นจริงๆเท่านั้น เพราะเมื่อเราเป็นสิวก็ควรให้ผิวได้หายใจและพักผ่อนให้มากที่สุด
12.เครียดจัดจุดเดือดต่ำ
เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะหลั่งสารสเตียรอยด์และกรดน้ำย่อยในกระเพาะเพิ่มขึ้นความไม่สมดุลทางร่างกายเหล่านี้จะส่งผลต่อการเกิดอนุมูลอิสระ แล้วฟ้องออกมาที่ผิวพรรณหมองคล้ำ ไม่สดใส เกิดสิวง่าย และริ้วรอยนี่ไม่ต้องพูดถึง จะบอกว่าห้ามเครียดก็คงไม่ได้แต่เมื่อเครียดแล้วก็ต้องหาวิธีผ่อนคลายในแบบที่ตัวเองชอบ พร้อมกับรู้จักควบคุมอารมณ์อย่าเป็นคนใจร้อน ทําทุกสิ่งรีบเร่ง เพราะจะเป็นการเพิ่มความเครียดได้อีกทางหนึ่ง
เรียบเรียง : Pitchaya/Photo : Getty Images