รวม 7 วิตามิน ที่ชีวิตนี้สาวกบิวตี้ต้องมีติดกระเป๋า!!

Alternative Textaccount_circle
event

บางทีการบำรุงแค่ภายนอกอาจจะไม่พอ เราต้องบำรุงผิวพรรณจากภายในด้วยนะคะ นั่นคือการกิน แต่การกินอาหารเพียงอย่างเดียวอาจจะให้สารอาหารและวิตามินต่างๆ ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย สาวๆ อย่างเราก็เลยต้องหาตัวช่วยเป็นเหล่าอาหารเสริมและ วิตามิน มาดูกันซิว่าสาวๆ อย่างเราควรกินวิตามินอะไรบ้าง

 

7 วิตามิน ที่สาวๆ ควรกิน

 

วิตามินซี

ใช่ค่ะ ใครๆ ก็รู้ เพราะวิตามินซีขึ้นชื่อเรื่องช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูขาวกระจ่างใส การกินวิตามินซีเป็นประจำจำช่วยให้ผิวดูขาวขึ้นได้ แต่นอกจากช่วยเรื่องผิวพรรณแล้ว วิตามินซียังช่วยสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย ช่วยให้ร่างกายขับสารพิษได้ดีขึ้น ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน และการกินวิตามินซียังช่วยทำให้แผลผ่าตัดหายเร็วขึ้นด้วย

ปริมาณที่ควรกิน : ผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปควรได้รับวิตามินซีไม่ต่ำกว่าวันละ 60-90 มิลลิกรัม และในบางรายอาจะต้องกินวิตามินเสริมมากกว่าปกติ คือ 500 มิลลิกรัมขึ้นไป

ควรกินตอนไหน : วิตามินมีฤทธิ์เป็นกรด จึงไม่ควรกินตอนท้องว่าง เพราะอาจจะไปกัดกระเพาะได้ ควรกินพร้อมอาหารหรือหลังอาหารในช่วง9-10 โมงเช้า เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายดูดซึมอาหารได้ดี และไม่ควรกินวิตามินซีก่อนนอน เพราะจะทำให้ร่างกายทำงานหนัก รบกวนการพักผ่อนในเวลากลางคืน ทำให้นอนหลับยาก พักผ่อนไม่เพียงพอ

ข้อเสีย : การกินวิตามินซีในปริมาณมากเกินไปติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองจนเกิดเป็นแผล มีอาการไม่สบายท้อง ปวดมวนท้อง ท้องเสียอย่างรุนแรง โลหิตจาง และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไตได้ด้วย แต่ไม่ต้องกังวล เพราะวิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ดังนั้น เวลาที่เรากินวิตามินซี ก็ดื่มน้ำตามเยอะๆ เพื่อให้ร่างกายสามารถขับออกมาทางปัสสาวะได้นั่นเอง

วิตามิน

 

วิตามินอี

มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงตับ การได้รับวิตามินอีในปริมาณที่เหมาะสมจะทำให้ผิว ผม และเล็บดูสุขภาพดี นอกจากนี้ยังช่วยสมานแผล บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ลดการเกิดริ้วรอย เสริมการทำงานของฮอร์โมนเพศให้สมดุล และช่วยเสริมการทำงานของหัวใจ

ปริมาณที่ควรกิน : 400 IU ต่อวัน

กินต่อเนื่องได้นานแค่ไหน : ไม่ควรกินต่อเนื่องนานเกิน 3 เดือน เพราะวิตามินตัวนี้จะสะสมที่ไขมันได้และมีผลเสียต่อตับได้

ข้อเสีย : ถ้าร่างกายมีวิตามินอีสูงมากเกินไป อาจขัดขวางการดูดซึมของวิตามินเอ และอาจพบอาการท้องอืด อาเจียน ท้องร่วง ท้องเสีย ปวดท้อง ปวดหัว ตาพร่า อ่อนเพลีย เมื่อยล้า ได้บ้างในบางราย รวมถึงอาจพบอาการเลือดไหลไม่หยุดในผู้ที่ขาดวิตามินเค และในผู้ที่ได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ แต่ทั้งนี้ถ้าได้รับไม่เกิน 800 IU ต่อวันมักจะไม่เกิดผลเสียใดๆ

 

Grape Seed Extract สารสกัดจากเมล็ดองุ่น

สารสกัดจากเมล็ดองุ่นสามารถดักจับอนุมูลอิสระได้ดี ทุกรูปแบบ และจำนวนมาก ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณ์สดใส ไม่เกิดริ้วรอยก่อนวั ช่วยลดกระบวนการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติอันเป็นสาเหตุของฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ อีกทั้งยังทำให้สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการอักเสบต่างๆ และยังบรรเทาอาการภูมิแพ้ได้อีกด้วย

ปริมาณที่ควรกิน : วันละ 100 มิลลิกรัม

ควรกินตอนไหน : โดยแบ่งกินตอนเช้า 50 มิลลิกรัม และเย็น 50 มิลลิกรัม

ข้อเสีย : น้ำมันสกัดจากเมล็ดองุ่นนั้นอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้า ผู้ที่เป็นโรคเลือดไหลไม่หยุดไม่ควรกิน และก่อนการผ่าตัดหรือทำฟันไม่ควรกิน เพราะจะทำให้เลือดออกง่าย ไหลไม่หยุด

วิตามิน

 

Zinc (สังกะสี) 

สังกะสีมีส่วนร่วมในการทำงานของเอนไซม์มากกว่า 100 ชนิด ช่วยในการเจริญเติบโตของเด็ก และช่วยคงความสมดุลในร่างกายของผู้ใหญ่ ช่วยควบคุมฮอร์โมน สร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่สำคัญคือช่วยชะลอความแก่ของเซลล์ตามธรรมชาติให้ลดลง จึงช่วยชะลอความแก่ได้ แถมยังช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนและควบคุมน้ำมันใต้ผิว ทำให้รักษาสิวได้ และยังช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้นด้วย

ปริมาณที่ควรกิน : 8 กิลลิกรัมในผู้หญิง และ 11 มิลลิกรัมในผู้ชาย

กินต่อเนื่องได้นานแค่ไหน : กินต่อเนื่องได้ถึง 3 เดือน แต่ถ้ากินเกิน 1 เดือนควรกิน Copper (ทองแดง) ร่วมด้วย เพื่อป้องกันการดูดซึมสังกะสีลดลง โดยให้กิน Copper ในปริมาณ 2-3 มิลลิกรัม หลังจากกิน Zinc ไปแล้ว 2 ชั่วโมง

ข้อเสีย : หากร่างกายได้รับสังกะสีมากกว่าวันละ 40 มิลลิกรัมอาจทำให้เกิดพิษได้ และยังสัมพันธ์กับธาตุทองแดงในร่างกายต่ำ  เปลี่ยนแปลงการทำงานของธาตุเหล็ก ลดการทำงานของภูมิคุ้มกัน และลดระดับของคอเลสเตอรอลชนิดดี อาการคือ อาจเกิดภาวะคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ง่วงซึม เพลีย

 

ตามอ่านอีก 3 ตัวที่หน้าถัดไปนะจ๊ะ

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up