account_circle
FAST & FEEL LOVE เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ หนังแอ็คชั่นรูปแบบใหม่ ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจากฝีมือ เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ที่หลายคนอดแปลกใจไม่ได้ว่า เต๋อ นวพลจะทำหนังแอ็คชั่นในรูปแบบไหนกันนะ และการเปิดเกมความเร็วด้วยกีฬา Sport Stacking จะ FAST & FEEL LOVE กันขนาดไหน เรื่องนี้ต้องให้ ผู้กำกับ เต๋อ นวพล กับสามนักแสดงนำ นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต, ปริมมี่-วิพาวีร์ พัทธ์ณศิริ และโปเต้-อนุสรา กอสัมพันธ์ มาสปอยล์ให้ฟังแล้วแหละ
จีดีเอช เปิดตัวภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดของผู้กำกับขวัญใจเด็กแนว “เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์” “FAST & FEEL LOVE เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ” ภาพยนตร์แอ็คชั่นในชีวิตประจำวัน ที่เดิมพันด้วยความเร็ว และความรัก นำแสดงโดย นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต , ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์, โปเต้-อนุสรา กอสัมพันธ์ และ ปริมมี่-วิพาวีร์ พัทธณ์ศิริ
ผู้กำกับ เต๋อ-นวพล เผยว่า… “หนังเรื่องนี้พูดถึงเรื่องราวในชีวิตประจำวันที่ทุกคนต้องพบเจอ ทุกคนต้องเคยเจอปัญหาที่บ้านเป็นแบบนั้น แบบนี้ ปั๊มน้ำเสีย เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ถูกนำออกมาเล่าในหนัง ในรูปแบบของแอ็คชั่นแล้วมันดูสนุก เลยรู้สึกว่าคนดูน่าจะรู้สึกอิน และสนุกไปกับหนังได้ไม่ยาก แม้จะเล่าเรื่องผ่าน Sport Stacking ก็ตาม ในส่วนของนักแสดงกว่าจะมาเป็นนัท กับ ญาญ่า พูดเลยว่าหายากมาก เพราะเขาต้อง FAST และ FEEL LOVE ด้วยในคนเดียวกัน ได้ญาญ่ามารับบทนี้คือดีมากครับ หนังเรื่องนี้มีครบทุกรส สนุก แอ็คชั่น ครบทุกความรู้สึก อยากให้ทุกคนได้ชมกันครับ”
นัท-ปริมมี่ แท็คทีมใน FAST & FEEL LOVE เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ หนังแอ็คชั่นในชีวิตประจำวัน ที่เดิมพันด้วยความเร็ว และความรัก
บทและคาแร็คเตอร์ที่ได้รับ
นัท: สวัสดีครับ ผม นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต รับบท “เกา” ครับ เกาเป็นคนที่มีแพชชั่นในการเล่น Sport Stacking ให้ได้เร็วที่สุดในโลก แล้วเขาก็ทำได้ดีมาตลอด ซึ่งพี่เต๋อ ผู้กำกับก็มาเกิดไอเดียว่า จริงๆ แล้วคนอายุวัยนี้จะต้องมีภาระประจำวันเพิ่มมากขึ้น ผมมองว่าความสนุกของคาแร็คเตอร์นี้ คือการที่เกามีโฟกัสเดียวมาตลอดชีวิต จนถึงวัย 30 ขวบ แล้วเขาต้องมาดีลกับเรื่องที่… สำหรับหลายๆ คน อาจจะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา เช่น จัดการภาษี จ่ายค่าน้ำค่าไฟ นี่เป็นจุดแรกที่ผมรู้สึกรีเลทกับเกาได้ คือตัวผมเองไม่มีความสนใจเรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวันเหล่านี้เลย ผมสนใจแค่การแสดงกับสถาปัตย์ เรื่องอื่นผมไม่เอาเลย แล้วผมก็เพิ่งรู้ไม่นานมานี้ว่า ความยากของการจ่ายค่าน้ำค่าไฟช้าเป็นยังไง แล้วถ้าโดนตัดน้ำคือยุ่งยากมาก เพราะมีการถอนมิเตอร์น้ำ ต้องไปเดินเรื่อง เข้าตึกนู้นออกตึกนี่ (หัวเราะ)
ส่วนพาร์ทอื่นๆ คาแร็คเตอร์นี้ ก็จะได้เห็นว่า เกาดีลกับความรักยังไง เกาแสดงออกในเรื่องความรักยังไง เกามองความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ อย่างไร ไม่ว่าจะเป็น เกากับเจ เกากับปอ เกากับเมทัล เป็นความสนุกที่หลายๆ วิธีที่เกาใช้ในเรื่องผมเองไม่เคยทำ เช่น การฝากภาระทั้งหมดไว้กับคนๆ หนึ่งโดยสนิทใจ ก็คือ เจ (รับบทโดย ญาญ่า อุรัสยา) เกาคิดแค่ว่าถ้าฉันเป็นแชมป์โลก ฉันจะเลี้ยงเธอ เธอจะสบาย เขาคิดดีนะ แต่คิดแคบ คิดถึงเป้าหมายของตัวเอง แต่ทิ้งภาระไว้กับคนอื่นๆ แล้ววันหนึ่งเจ ซึ่งเป็นแฟนของเกา มีความต้องการของตัวเอง ความสัมพันธ์จึงเกิดทางแยก มันเลยทำให้หนังเกิดเรื่องราวขึ้นมา
โปเต้: สวัสดีค่ะ โปเต้-อนุสรา กอสัมพันธ์ เล่นเป็น “เมทัล” ค่ะ เดิมเมทัลเป็นแม่บ้านที่โรงเรียนสอน Sport Stacking ของคุณเกา แล้วเขาก็ชวนไปเป็นแม่บ้านให้ที่บ้าน คาแร็คเตอร์เมทัลเป็นแม่บ้านที่คูลๆ หน่อย เป็นแม่บ้านที่ทำได้ทุกอย่าง ทำอาหารเช้า ทำความสะอาด ซ่อมปั๊มน้ำ คือทำหน้าที่แทนเจ (ญาญ่า อุรัสยา) นางเอกของเรื่องได้ เป็นแม่บ้านที่เข้ามาซัพพอร์ตกิจวัตรประจำวันของพระเอก
ปริมมี่: สวัสดีค่ะ ปริมมี่-วิพาวีร์ พัทธ์ณศิริ ค่ะ รับบทเป็น “ปอ” ผู้จัดการโรงเรียนสอน Sport Stacking ที่เกาสอนอยู่ เป็นเพื่อนของเกา และทำหน้าที่เป็นผู้จัดการเพื่อซัพพอร์ตเกาด้วย คอยช่วยเหลือเกาตลอด เกากับปอเวลาอยู่กับกีฬา Sport Stacking เขาจะเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง เพราะปอจะเข้าใจว่า ทำไมเกาต้องซ้อม ทำไมเกาต้องเร็ว คอยเตือนว่าไม่เร็วแล้วนะ มีคนอื่นเร็วกว่าแล้ว ปอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เป็นทีมเกาเสมอ
ทั้งสามคนมองว่า บทบาทที่ได้รับท้าทายตัวเองยังไงบ้างคะ
นัท: ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ ผมรับบทที่มีความเป็นมนุษย์มาก แต่ละบทก็แตกต่างกันไป พอเป็นเกา มันมีความเป็นคอมิคบางอย่างที่พี่เต๋อต้องการ “ทำแบบนี้สิ แบบนั้นสิ” มันไม่ได้ออกมาจากเรา มันเป็นแอ็คชั่นที่พี่เต๋อเขียนมาให้แล้ว หน้าที่ของเราคือ จะพาตัวละครที่เรียลลิสติก ไปแตะจุดที่เป็นการ์ตูนได้ยังไง สำหรับผมคือยากมาก เราเชื่อสัญชาตญาณตัวเองไม่ได้ เพราะมันมีความการ์ตูนที่เราต้องบวกเพิ่มเข้าไป เล่นแล้วสนุกดีนะครับ มุกบางอย่างก็ไม่ใช่มุกปกติที่เราเล่น
ปริมมี่: ปริมห่างจากงานแสดงไป 6 ปี ไม่ได้อยู่ไทยนาน เพราะไปทำงานที่เมืองนอก กลับมาเล่นหนังของพี่เต๋อที่ต้องพูดเร็ว ซึ่งเราเองพูดไทยไม่ชัด เป็นอะไรที่ยากมาก ปริมว่าตัวเองพูดเร็วแล้วนะ แต่พี่เต๋ออยากให้พูดเร็วขึ้นอีก แล้วต้องชัดด้วย แล้วพี่เต๋อยังต้องให้บทเป๊ะด้วย มีความเป็นการ์ตูนด้วยอีก ยากแต่ก็สนุกดีค่ะ
นัท: จริงๆ ไม่มีตัวละครไหนที่ตลกเลยนะ ทุกคนซีเรียสมาก แล้วพี่เต๋อจะบอกตลอดว่า ตลกหรือไม่ตลก ให้คนดูสัมผัสและตัดสินเอง
ปริมมี่: จริงค่ะ ปอคือโคตรซีเรียส ซีเรียสเรื่องเกา ซีเรียสเรื่อง Sport Stacking ทุกคนไม่มีใครรู้ว่าหนังจะออกมาอย่างไร ขนาดตัวพี่เต๋อยังบอกว่า “ผมก็ไม่รู้นะว่าจะออกมายังไง แต่เรามาสนุกด้วยกันเถอะ” (หัวเราะ)
เพราะอะไรถึงตัดสินใจลองมาแคสต์หนังเรื่องนี้กันคะ
โปเต้: คือเราเป็นแฟนคลับพี่เต๋อ นวพลอยู่แล้ว ตอนแรกที่พี่เขาชวนมาเล่น ใจคิดว่าเราอยากทำอะไรใหม่ๆ เหมือนกัน เป็นผลงานการแสดงเรื่องแรกของเราเลย พี่เต๋อชวนให้ไปแคสต์ก็ไป ก็ลองดูก่อน ไม่ได้ก็ไม่ได้ซีเรียส แต่พอได้รับเลือก เฮ้ย… ประหลาดใจ รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันค่ะ
นัท: เพราะเป็นพี่เต๋อเลยครับ ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่เข้ามาแคสต์ เราก็ได้รู้ข้อมูลเยอะขึ้นเรื่อยๆ เห็นบทมากขึ้น แล้วมันก็มีความอยากเล่นมากขึ้น พอรู้ฟีลหนังว่ามันมีความเร็ว เราก็งงนะ เพราะเราจะคุ้นกับหนังพี่เต๋อที่เงียบๆ ช้าๆ
ปริมมี่: ตอนไปแคสต์งงมากค่ะ คาแร็คเตอร์ยังไงนะ ทำไมมันฟาสต์ขนาดนี้ (หัวเราะ)
ทราบว่าโปเต้เคยเป็นผู้กำกับ เรื่องนี้ต้องมาเป็นนักแสดงเป็นอย่างไรบ้างคะ
โปเต้: เป็นอีกงานที่สนุกค่ะ มันใหม่มากสำหรับเรา ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ต้องลองทำการบ้านเอง ลองหาวิธีเล่นต่างๆ พี่เต๋อไม่ได้บอกให้เราอิมโพรไวส์ แต่เขาจะบอกมาเลยว่าเขาต้องการอะไร เขาต้องการจังหวะแบบนี้ การพูดแบบนี้ เราต้องหาวิธีการทำงานของตัวเอง และปรับเอง ยากมากนะกับการเป็นนักแสดง ไม่เคยคิดเลยว่าการแสดงจะยากขนาดนี้ เพิ่งเข้าใจหัวอกนักแสดงก็วันนี้ค่ะ
สำหรับนัทที่ต้องเล่น Sport Stacking ในหนังเรื่องนี้ล่ะคะ เบื้องหลังการฝึกฝนเป็นอย่างไรบ้าง
นัท: ผมอยากทำงานแสดง แล้วโดนสั่งให้ฝึกทักษะบางอย่าง มันเป็นความอยากส่วนตัว แล้วก็มาเจอในเรื่องนี้ รู้สึกว่าเจ๋งที่มีสกิลนี้ติดตัวเพิ่ม เรื่องนี้ต้องสวมบทบาทเป็นเซียนกีฬา Sport Stacking หรือ กีฬาเรียงแก้ว ซึ่งเป็นการแข่งขัน นำแก้วพลาสติกที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษ มาวางซ้อนกันในลักษณะรูปทรงพีระมิดตามรูปแบบต่างๆ เพื่อประชันความเร็วกับคู่แข่ง ซึ่งแค่เพียงเสี้ยววินาทีก็สามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้ โดยคนที่ใช้เวลาน้อยที่สุดคือผู้ชนะ
ผมพอจะรู้จักกีฬาประเภทนี้อยู่บ้าง รู้ว่าเป็นกีฬาที่ต้องใช้สมาธิสูงมาก แต่ผมยังไม่เคยเล่น เป็นกีฬาที่ยากนะ เลยต้องไปศึกษาหาข้อมูล และให้โค้ชมาช่วยสอน ซึ่งกีฬาประเภทนี้ไม่มีทางลัดที่จะให้เราเก่งได้รวดเร็ว สิ่งที่ทำได้คือต้องลงมือซ้อมอย่างสม่ำเสมอ ในแต่ละวันผมจะมาแพลนว่าเราต้องซ้อมกี่ชั่วโมง ซ้อมมากไปบางทีก็มือสั่น ช่วงนั้นเราหยุดทุกอย่าง หยุดเล่นกีฬาที่เราเคยเล่น เพื่อโฟกัสกับแค่ Sport Stacking อย่างเดียว ซึ่งความยากของกีฬาชนิดนี้คือมันมีลิมิตของเวลา เช่น ทำ 50 เซ็ต 100 เซ็ต ก็จะไม่ไหวแล้ว
ทั้งสามคนได้มาร่วมงานกันแล้วเป็นอย่างไรบ้าง
โปเต้: กับปริมมี่เราเจอกันซีนเดียว แต่กับพี่นัทเราอยู่ด้วยกันตลอด พี่นัทเราเคยเจอกันมาก่อนหน้านี้แล้ว เขาเล่นเอ็มวี เรากำกับ พอมาเจอกันในฐานะนักแสดงด้วยกันก็ตลกดีนะ แต่โดยรวมเป็นการทำงานที่คลิกกันง่ายมาก เพราะเขาเป็นนักแสดงมืออาชีพ เล่นเก่ง เป็นคนกวนๆ เป็นคนที่ไม่เก๊ก เป็นคนอัธยาศัยดี ชอบพูดคุย ส่วนกับญาญ่า ก็เป็นคนง่ายๆ ชิลมาก เรื่องนี้จะได้เห็นญาญ่าในลุคที่ธรรมดามากๆ ดูแปลกไปอีกแบบ
นัท: กับปริมมี่คือชิล จริตเหมือนกัน เรารู้สึกว่าเป็นเพื่อนกับคนนี้ได้ เป็นแนวไม่คิดอะไรเยอะ สมมติว่าวนมาเจอกันข้างนอก เราก็สามารถเป็นเพื่อนกับคนนี้ได้ โดยที่ไม่ต้องใช้เวลามากในการพิจารณา กับโปเต้ เจอตั้งแต่สมัยเขากำกับผม เขาเป็นคนตลก มีเซ้นส์บางอย่างในการแสดงที่ดี ในเรื่องผมเข้ากับเขาหลายซีนเลย แล้วผมสั่งเขาได้ เหมือนได้เอาคืน เพราะปกติเขาจะกำกับผมไง เรื่องนี้อยากให้จับตาดูคนนี้ให้ดี
ปริมมี่: ปริมไม่ได้เจอพี่ญ่าในซีน แต่เจอกันเบื้องหลังคือเขาไนซ์มาก คุยภาษาอังกฤษกันทั้งวันเลยค่ะ พี่ญ่าน่ารักมาก ไม่ถือตัวเลย เดินมาคุยกับเรา นั่งกับเรา อยู่ด้วยกันกับพวกเรา ไม่ต้องมีแยกตัว แยกโซน กับพี่นัทเจอกันในหนัง ครั้งสองครั้งก็สนิทกันเลย พูดคุยกันได้แทบจะทุกเรื่อง
ต้องถามนัทว่า การได้รับบทเป็นพระเอกของญาญ่า อุรัสยา รู้สึกอย่างไรบ้าง
นัท: คิดเหมือนกันนะว่าต้องทำไงนะ (หัวเราะ) เต็มไปด้วยความไม่รู้ วันแรกกดดันตัวเองมาก แต่พอมาเจอกันครั้งแรกตั้งแต่ read through พี่ญ่าชิลมากอย่างไม่น่าเชื่อ นี่เขาคือนักแสดงเอลิสต์ของบ้านเราเลยนะ ทำไมถึงชิลขนาดนี้ เป็นความชิลที่ทุกคนสัมผัสได้ พอเจอกันมากขึ้น คุยกันมากขึ้น เราก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกของญาญ่า เราปฏิบัติตัวกับเขาปกติ เราเป็นทีมเวิร์คที่ดีด้วยกัน ความน่ารักของพี่ญ่าคือ วันแรกที่เจอกัน ผมเลือดกำเดาไหล พี่ญ่ายื่นทิชชูมาให้ คอยเป็นห่วง พี่เขาใจดีมาก ยิ่งพอสนิทกัน พี่ญ่าก็ชอบแกล้ง ชอบแซวกัน
เล่าถึงซีนเด็ดของตัวเองหน่อยได้ไหมคะ
นัท: บอกไม่ได้มากน่ะสิ ผมชอบเยอะมาก ถ้าถามถึงความแปลกใหม่ ก็ต้องช็อตเทคนิคต่างๆ ผมยังไม่เคยเล่นหนังที่มีช็อตเทคนิค บอกได้แค่นี้ครับ ซึ่งผมตื่นเต้นมากที่ได้เล่น
ปอ: นั่นแหละ สนุกมาก
โปเต้: จริง สนุกมาก
ในฐานะนักแสดง คิดว่าหนังเรื่องนี้ต้องการส่งสารอะไรให้กับคนดูคะ
โปเต้: ถ้าดูตามคาแร็คเตอร์เมทัลที่เราได้รับนะ หนังเรื่องนี้กำลังบอกว่า คนเรามีความสามารถกันคนละแบบ ไม่ว่าคุณจะทำงานอาชีพอะไร ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน รปภ. คือเราไม่สามารถดูถูกใครได้ ทุกคนมีสิ่งที่ตัวเองถนัด แต่ถ้ามองโดยรวมของหนังทั้งเรื่อง คิดว่าสามารถรีเลทในชีวิตประจำวันของคนวัยทำงานได้ดีเลยค่ะ
นัท: ในมุมของความรัก ผมชอบในเส้นเรื่อง ‘เวลากับความรัก’ ฉันให้เวลาเธอ เธอให้เวลาฉัน เราหาเวลาอยู่ร่วมกัน แต่หลายครั้งในความสัมพันธ์ บางทีเราเอาเวลาเขามามากเกินไป ซึ่งพอเป็นเรื่องของเวลา บางทีเราไม่รู้ว่าจะคืนเขาอย่างไร ผมชอบความเป็นจริงของชีวิตในของเรื่องความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในหนัง บางทีคนๆ หนึ่งอาจจะแค่ผิดที่ไม่รู้ตัวจริงๆ ตอนนั้น แล้วมันแค่ต้องมูฟออน ไม่ใช่การที่เธอทำแบบนี้กับฉัน แล้วฉันเอาคืนเธอ
ปริมมี่: หนังเรื่องนี้สะท้อนชีวิตคนจริงๆ ค่ะ เป็นเรื่องที่คนอาจจะลืมโฟกัส ซึ่งมันจะโชว์อีกแง่ของความรักที่เกิดขึ้นกับทุกคนได้
FAST & FEEL LOVE เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ กำลังจะเข้าโรงภาพยนตร์แล้ว ฝากผลงานกับแฟนๆ สุดสัปดาห์สักนิดค่ะ
โปเต้: เป็นหนังแนวใหม่ของพี่เต๋อ เราจะลืมหนังฟีลเดิมของพี่เต๋อไปเลยค่ะ คือหลายคนจะรู้สึกว่าหนังของเต๋อ นวพล จะนิ่งๆ เงียบๆ แต่เรื่องนี้คือหนังเร็ว หนังแอ็คชั่น โบ๊ะบ๊ะเลยค่ะ
ปริมมี่: ดูหนังที่บ้านก็ไม่เหมือนในโรงภาพยนตร์ ต้องมาดูจอใหญ่ จะได้ฟีลมากกว่า แล้วเรื่องนี้สะท้อนสิ่งเล็กๆ ในชีวิตประจำวันที่เราอาจจะมองข้ามไป ดูแล้วน่าจะได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับตัวเองและคนรอบข้างค่ะ
นัท: ขอฝากภาพยนตร์ FAST & FEEL LOVE เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ ด้วยนะครับ สิ่งที่ทุกคนจะได้เห็น ผมเชื่อว่ามันจะสนุก เพราะไม่น่าจะมีใครเคยเห็นหนังแนวนี้จากพี่เต๋อ นวพล ถือเป็นหนังรสชาติแปลกใหม่เป็นสิ่งที่รีเลทกับชีวิตประจำวันคนเรา และยังมีหลายประเด็นในมุมของความรักที่น่าสนใจครับ อย่างน้อยก็มาดู เพื่อสนับสนุนภาพยนตร์ไทยก็ได้ครับ พบกัน 6 เมษายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
Text: AuAi
ช่างภาพแฟชั่นและสัมภาษณ์: เติมสิทธิ์ ศิริพานิช @termsit
สไตลิสต์: ภัทร์ อินทวงศ์ @ptagram_
ผู้ช่วยสไตลิสต์: สุภกิจ ปรัชญาพัฒนพงศ์ @youryu_ss
เสื้อผ้านัท: Jacquemus @club21multilabel_th
Prada @prada
เสื้อผ้าปริมมี่: Jacquemus @club21multilabel_th
Prada @prada
ภาพประกอบ: GDH
#FastAndFeelLove