ATLAS บอยแบนด์น้องใหม่ มากความสามารถ ที่ค่าย XOXO Entertainment เดบิวต์พวกเขาออกมาประดับวงการ T-pop อีกหนึ่ง วงนี้ประกอบไปด้วย 7 สมาชิก ได้แก่ มิวอ้อน , เออร์วิน, แทด, ไนซ์, ภูมิ, เจ็ท และจูเนียร์ แม้จะต่างคาแร็กเตอร์ ต่างที่มา แต่พวกเขาก็มารวมกันเป็นหนึ่งเดียวด้วยแพชชั่นและเป้าหมายเดียวกัน นั่นคืออยากจะออกเดินทางบนเส้นทางสายดนตรีเพื่อสร้างความสุขให้กับแฟนๆ
ATLAS บอยแบนด์น้องใหม่ กับแพชชั่นในเส้นทางดนตรีที่มีเกินร้อย
ขอทำความรู้จัก 7 สมาชิกวง ATLAS (แอทลาส) สักนิดค่ะ
แทด: สวัสดีครับ ผมแทด อายุ 18 ปี กำลังเรียนอยู่ที่ EBA จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครับ
มิวอ้อน: สวัสดีครับ มิวอ้อนครับ อายุ 18 ปี เรียนอยู่ที่ BBA จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครับ
เออร์วิน: เออร์วินนะครับ อายุ 19 ปี เรียนปี 1 วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒครับ
ภูมิ: ครับผม ภูมิ อายุ 23 ปี จบสาขาภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตครับ
ไนซ์: ไนซ์ครับ อายุ 21 ปี 3 วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
เจ็ท: สวัสดีครับ ผมเจ็ทอายุ 24 ปี จบวิศกรรมศาสตร์ ทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท จากประเทศอังกฤษครับ
จูเนียร์: จูเนียร์ครับ อายุ 24 ปี จบคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครับ
บ
แต่ละคนเข้ามาเป็นสมาชิก ATLAS กันได้อย่างไรคะ
จูเนียร์: ก่อนหน้านี้ผมเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการเรียนและซ้อมกีฬา พอเริ่มเข้ามหาวิทยาลัย มีรุ่นพี่ที่รู้จักกันชวนให้มาถ่ายแบบและเดินแบบบ้าง มีงานด้าน influencer เหมือนเป็นการปูพื้นเส้นทางในวงการมาเรื่อยๆ กระทั่งมีโอกาสเข้ามาเป็นศิลปิน
ต้องบอกว่า ผมชอบทำงานในวงการบันเทิงนะครับ ชอบแต่เราก็ไม่ได้มั่นใจมาก เพราะตอนเข้าปี 1 ผมได้ไปแคสต์ละคร แต่ก็ได้รับคอมเมนต์ว่าเสียงแบบนี้อยู่เฉยๆ ดีกว่า เป็นนายแบบดีแล้ว อย่าเต้น อย่าร้อง อย่าพูดนะ เหมือนเราโดนกด โดนปรามาส กลายเป็นทำให้เราไม่ค่อยมั่นใจ จนวันที่ได้รับโอกาสให้มาลองทำสิ่งนี้ แม้จะยังมีบ้างที่รู้สึกไม่มั่นใจในเนื้อเสียงของตัวเอง ไม่มั่นใจในการเต้น แต่ผมเชื่อว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เป็นอย่างไร คุณสามารถทำในสิ่งที่อยากเป็นได้ อยู่ที่เราจะให้โอกาสตัวเองมั้ย ถ้าเราเข้าใจว่าเราอยากทำสิ่งนี้เพื่ออะไร ก็ลุยเลยครับ
เจ็ท: จริงๆ แล้ว ผมชอบการร้องเพลงมาตลอด ฟังเพลงเยอะ เสพผลงานศิลปินเยอะ ตอนเด็กๆ ผมเองก็มีความฝันเล็กๆ คือการเป็นศิลปินได้ยืนร้องเพลงบนสเตจ แต่ไลฟสไตล์ของผมอาจจะไม่ค่อยเอื้อเท่าไร เพราะผมเรียนสายวิชาการค่อนข้างหนัก เรียนเพื่อปูทางทำธุรกิจ ตอนเด็กๆ ผมเลยไม่กล้า express ในสิ่งที่เราชอบ พอไปเรียนต่อเมืองนอก เรียนด้านวิศกรรมศาสตร์ ก็ยิ่งห่างไกลจากสิ่งที่เราฝันไว้มาก พอจบปี 3 ผมต้องไปฝึกงาน ได้ฝึกทั้งที่ โรงงาน ธนาคาร สนามบิน หลายที่มาก เพื่อค้นหาคำตอบว่าเราชอบอะไร แล้วพอคิดดีๆ ก็รู้สึกว่าเราอยากลองสิ่งนี้ นั่นก็คือการร้องเพลง
จนกระทั่งมีรุ่นพี่คนหนึ่งให้โอกาส ผมเรียนเต้น เรียนร้องเพลง แล้วเข้ามาออดิชั่นตจน ได้มาเป็นหนึ่งในสมาชิกวง ATLAS ผมรู้เลยว่านี่คือสิ่งที่ใช่ แต่ที่เรียนมาตลอดไม่ใช่ว่าตัดสินใจพลาดนะครับ ผมได้อะไรหลายอย่างจากการเรียนวิศวกรรม พอมาทำงานเพลงเราก็นำมาปรับใช้ทำให้เราทำงานได้อย่างเป็นสเต็ป 1 2 3 4
ไนซ์: ของผมจะคนละขั้วกับเจ็ทเลย ผมเป็นแดนเซอร์มาก่อน มีโอกาสทำงานกับศิลปินหลายคน อาทิ พี่เบิร์ด ธงไชย, พี่ทาทา ยัง ฯลฯ เคยเต้นให้วง GOT7 ตอนมาคอนเสิร์ตที่เมืองไทยด้วย แต่เรื่องร้องเพลงผมไม่เคยทำ ซึ่งจริงๆ แล้วผมชอบร้องเพลงก่อนการเต้นอีกนะครับ แต่ผมปิดตัวเองมาตลอด เพราะคนบอกว่าเสียงเราเหมือนเป็ด ไม่ต้องร้องเพลงหรอก เพื่อนที่โรงเรียนก็บอกเลิกร้องเพลง แล้วกลับมาเต้นเถอะ ดูเป็นคำพูดปกตินะ แต่แทงใจมาก ฟังแล้วเสียใจนะครับ มันเลยทำให้เราไม่กล้าร้องเพลง ผมก็เลยเต้นๆๆ อย่างเดียว ทำงานเก็บเงินจากการเต้นนี่แหละครับ
จนกระทั่งได้วันหนึ่งได้มีโอกาสไปแคสต์ซีรีส์เรื่อง Make it right the series รักออกเดิน เมื่อปี 2015 ก็เริ่มเป็นที่รู้จัก มีแฟนๆ คอยให้การสนับสนุน ต้องบอกว่าทีแรกผมไม่ชอบการแสดงเท่าไร เพราะเราไม่มั่นใจ แต่พอลองเปิดใจแล้วไปเวิร์คช็อป ก็ทำให้รู้ว่าเราทำได้นะ ขอแค่เรากล้าและเปิดใจ ไม่ต้องสนใจคำวิจารณ์ของใคร การได้ลองเล่นซีรีส์เหมือนเราได้ก้าวขึ้นบันไดไปอีกขั้น ทำให้อยากทำงานเบื้องหน้ามากขึ้น อยากเป็นศิลปิน ก็เลยลองเข้ามาออดิชั่น แล้วมาเจอทุกคนจนได้มาเป็น ATLAS
การได้รับเลือกให้มาเป็นสมาชิกวง ATLASเหมือนปลดล็อกให้กับผมมากๆ ช่วงแรกที่ฝึกก็หนักหนาสาหัสเอาการ ร้องเพี้ยนบ้าง ทำพลาดบ้าง ซึ่งผมก็จะนอยด์มากเป็นวันๆ เลย บางทีนอยด์จน 4 วันไม่มาซ้อม แต่เดี๋ยวนี้ผมดีขึ้นมากๆ ครับ เพราะได้กำลังใจจากแฟนคลับ ทำให้ผมเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมควรพยายามทำเพื่อใคร
ภูมิ: ผมชอบร้อง ชอบเต้นตั้งแต่เด็ก โรงเรียนมีงานอะไรผมจะร่วมทำกิจกรรมตลอด ทั้งร้อง ทั้งเต้น พอช่วงม.ปลายโตขึ้น ก็ไม่ใช่แค่งานในโรงเรียนแล้ว เริ่มมีงานระดับจังหวัด แล้วจากนั้นก็มีโอกาสได้ไปแคสต์งานโฆษณา แต่ด้วยความที่เราหนัก 80 กว่ากิโล แคสต์นับไม่ถ้วน แคสต์ทุกวันก็ไม่ได้งานสักที ระหว่างนั้นผมก็พยายามลดน้ำหนักไปด้วย ใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น ถามว่าท้อมั้ยก็ท้อครับ ได้แต่บอกกับตัวเองว่า ถ้าเราหยุดแคสต์ก็เท่ากับว่าเราหยุดความฝัน ผมยังคงแคสต์งานต่อไปเรื่อยๆ จนได้งานแรก เป็นงานขนม ผ่านไป 5-6 เดือนก็ได้ตัวที่สอง จากนั้นก็มีโอกาสได้เล่นซีรีส์วัยรุ่นเรื่อง Social Death Vote ได้เล่นเอ็มวี รู้สึกว่าตัวเองเริ่มเข้าใกล้วงการมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็มีโอกาสหยิบยื่นมาให้เราได้เข้ามาออดิชั่นจนผ่านเข้ามาเป็นสมาชิกวง ATLAS ผมเคยคิดว่าถ้าผมยอมแพ้ ป่านนี้ความฝันเราคงจบลงไปนานแล้ว
เออร์วิน: ผมเองก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่ชอบงานด้านวงการบันเทิง การแสดง ศิลปิน มาตั้งแต่เด็ก เรามีโอกาสได้ลองทำงานหลายรูปแบบ ได้งานแสดงครั้งแรกตอนอายุ 13 ปี มีงานโฆษณาบ้าง เราเป็นเด็กเชียงใหม่ก็บินไปกลับ เชียงใหม่-กรุงเทพฯคนเดียวเพื่อมาทำงาน ผลงานที่ผ่านงานก็จะมีซีรีส์ Love Song Love Series และ Love Song Love Stories เป็นนักแสดงสมทบในซีรีส์เรื่องเคว้ง จนกระทั่งเข้ามาออดิชั่นเป็นศิลปินครับ เป็นอะไรที่ตื่นเต้นและแปลกใหม่มากครับ พอได้มาร้องมาเต้น ได้เจอสมาชิกทุกคน เป็นประสบการณ์การทำงานอีกรูปแบบหนึ่งที่ดีมากเลยครับ
มิวอ้อน: ตั้งแต่เด็กๆ ผมอาจจะไม่ถนัดการร้องการเต้น แต่เป็นคนชอบเสียงดนตรี ชอบฟังเพลง เพราะพ่อผมสะสมลำโพงเลยเปิดเพลงให้ฟังตลอดตั้งแต่เด็กจนโต จากนั้นผมก็เริ่มศึกษาเอง ฝึกเล่นกีตาร์ เข้าชมรมดนตรี ช่วงม.ต้นเราก็ได้ลองอะไรหลายๆ อย่าง แต่ทุกอย่างที่เรียนไปก็ยังไม่ใช่สิ่งที่เราชอบจริงๆ จนประมาณอายุ 15 ปีผมได้ดูคอนเสิร์ตวง BTS ในยูทูบ รู้สึกว่าเขาเจ๋งมากเลย ดูไปเราก็ยิ้มตามไปด้วย เราได้เห็นศิลปินมีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่รัก แล้วเขาก็ส่งต่อความสุขนั้นไปให้แฟนๆ มันมีพลังมาก เข้าใจถึงคำว่าไอดอลที่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คนเลยครับ นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมอยากเป็นศิลปิน เลยไปลงคอร์สร้องเพลง คอร์สเต้น จนกระทั่งได้มาออดิชั่นแล้วเจอกับทุกคน ซึ่งเป้าหมายของ ATLAS ก็คือการเป็นแรงบันดาลใจดีๆ ให้คนอื่นด้วยเช่นกันครับ
แทต: จริงๆ แม่ของผมก็สนับสนุนให้ผมเรียนร้องเพลงเรียนเต้นนะครับ แต่เรียนไม่นาน ผมก็บอกว่าไม่ชอบ แล้วหยุดเรียนไปเลย ส่วนหนึ่งเพราะกลัวที่สังคมบอกว่าอาชีพแบบนี้ไม่มั่นคง
พอจะเข้ามหาวิทยาลัย ผมต้องเขียนอธิบายสตอรี่ของตัวเอง เขียนแล้วลองอ่านดูก็รู้สึกว่านี่ทำไมไม่ใช่ชีวิตเราเอง สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ เลยลองปรึกษาคุณแม่ ก็ลองไปค้นหาตัวเอง ลองเล่นกีฬาควบคู่กับการเรียนไปด้วย เพราะเราเองก็ชอบกีฬา แล้วผมก็มาเห็นข่าวเปิดออดิชั่นการเป็นศิลปิน แต่ตอนนั้นหมดเขตปิดรับสมัครมาสองอาทิตย์แล้ว แต่ผมก็ตัดสินใจทักไป “ว่าอยากลองออดิชั่น ยังทันมั้ยครับ” พี่ทีมงานให้โอกาส ปรากฎว่าผ่าน เลยมีโอกาสเข้ามาเจอสมาชิกทั้ง 6 คน
ปกติอะไรที่ผมทำได้ผมถึงจะเอ็นจอย แต่ทั้งที่ผมไม่เก่งทั้งร้องทั้งเต้น แต่กลับรู้สึกสนุกที่ได้ทำ และอยากทำต่อเรื่อยๆ ถึงแม้ผมจะไม่เก่ง ผมจะฝึกและสู้ต่อไปเรื่อยๆ พอเห็นสมาชิกอีก 6 คนมีแพชชั่น เราก็อยากจับมือกันทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ
จูเนียร์: เราผ่านการแข่งขัน ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกมา พวกเราต่างมาตามหาความฝัน จนมาเจอแพชชั่นที่อยากทำด้วยกัน ก่อนมาเป็น ATLAS สกิลแต่ละคนต่างกันมาก ถ้าฟังจากที่มาที่ไปเราไม่น่าจะมีโอกาสโคจรมาเจอกันเลย ไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน เออร์วินมาจากเชียงใหม่ ภูมิมาจากโคราช เจ็ทมาจากอังกฤษ แต่พอมาอยู่ด้วยกัน เราต้องเริ่มจากศูนย์ด้วยกันหลายๆ เรื่อง ยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องพัฒนาไปด้วยกัน เพื่อทำให้ทุกคนภูมิใจ
ชื่อวง ATLAS มีที่มาที่ไปอย่างไรคะ
เออร์วิน: เราคิดธีมเล่นๆ ว่าอยากได้ชื่อประมาณว่าเป็นแสงนำทาง คือกว่าเราจะมาอยู่จุดนี้ได้ เราต่างก็มีไอดอลที่ชื่นชอบ เราเองก็อยากส่งต่อแสงนำทางนี้ให้คนอื่นบ้าง เลยคิดว่าจะตั้งชื่อดาวในยูนิเวิร์สมั้ย นอร์ธสตาร์บ้างอะไรบ้าง (หัวเราะ) แล้วผมไปเจอคำว่า ATLAS รู้สึกว่าเท่ดี แต่ยังไม่รู้ความหมายนะ ก็ลองดูประวัติคำนี้ คือเทพเจ้าหนึ่งในตำนานกรีก แต่ความหมายยังไม่ค่อยเป็นพวกเราเท่าไร จนไปเจอ Atlas ที่แปลว่าแผนที่โลก อันนี้น่าสนใจ ดูเป็นพวกเรามาก ที่ต่างคนมาจากต่างที่ แล้วมาเจอกัน
จูเนียร์: ATLAS เหมือนเป็นส่วนประกอบของแผนที่ เหมือนพวกเราที่เป็นเหมือน 7 องค์ประกอบที่ทำให้เกิดแผนที่นี้ขึ้นมา เลยกลายเป็น ATLASที่มาเดินทางร่วมกัน
แต่ละคนมีไอดอลที่ชื่นชอบเป็นใครบ้างคะ
จูเนียร์: ผมปลื้ม ไค วง EXO เรื่องความเก่งไม่ต้องพูดถึง เก่งรอบด้านจริงๆ ทั้ง ร้อง เต้น เพอร์ฟอร์มดี นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่มีบุคลิกที่ดีมาก เท่ มีเสน่ห์ที่น่าค้นหา ดูนิ่งๆ แต่ขี้เล่นครับ
เจ็ท: ผมชอบนนท์-ธนนท์มากๆ กว่าจะมีวันนี้เขาผ่านอะไรมากเยอะมาก เรื่องราวของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับเรา แล้วเขาเป็นศิลปินที่เก่งมาก เป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ตัวจริง
ไนซ์: ของผมชื่นชอบ Sam Smith ครับ ตั้งแต่สมัยเราเป็นแดนเซอร์ ผมก็จะมีไอดอลในการเต้น พอเราอยากร้องเพลง ผมก็ชอบทุกอย่างที่เป็นเขา เพลงของแซม สมิธ เป็นเพลงสากลที่เราฟังแรกๆ ผมอย่างเก่งให้ได้แบบเขาครับ
ภูมิ: ผมชอบพี่เบิร์ด-ธงไชย พี่เบิร์ดคือตัวจริงของวงการเพลง ผมชอบเพลงพี่เขามาก สังเกตว่ากาลเวลาทำอะไรเพลงพี่เบิร์ดไม่ได้เลย เพลงพี่เบิร์ดไม่เคยตกยุค ฟังเมื่อไรก็เพราะ ยิ่งนานวันเพลงพี่เบิร์ดยิ่งมีคุณค่า พี่เบิร์ดคือนิยามของศิลปินและซูเปอร์สตาร์ที่แท้จริงครับ
เออร์วิน: ผมชอบ Chris Brown ชอบในความเจ๋งของเขา ที่เขาทำให้เพลงและผลงานเป็นที่รู้จักด้วยตัวเอง คือคนรู้จักเขาเพราะเพลง ไม่ได้รู้จักเขาก่อนเพลง เป็นศิลปินที่เก่งทุกด้าน เต้น ร้อง เฟอร์ฟอร์มดีมากๆ
มิว: ผมชอบวง BTS มาก เก่งทุกคน มีความสามารถรอบด้าน ถึงเราจะฟังเพลงภาษาเกาหลีไม่เข้าใจ แต่ดนตรีไม่มีแบ่งแยก ดนตรีทำให้เราเข้าใจว่าเพลงกำลังสื่อสารอะไร เศร้า สุข ให้กำลังใจ ผมรู้สึกด้วยดนตรีของเขา จากที่ชอบเพลง ชื่นชมวง เราก็เริ่มศึกษาประวัติ ซึ่งหลายคนๆ ก็คงรู้กันว่า กว่า BTS จะเติบโตและมีชื่อเสียงในระดับโลกขนาดนี้ พวกเขาพยายามและอดทนต่อสู้เป็นอย่างมากในเส้นทางสายดนตรี สมาชิกทั้ง 7 คนเป็นแรงบันดาลใจที่ดีให้กับผมมากๆ เลยครับ
แทต: ผมชอบ วี BTS แต่จริงๆก็ปลื้มทั้ง 7 คนเลย เป็นศิลปินที่มีทัศนคติดีมากทั้งวง ผมไม่เขินเลยที่เป็นแฟนบอยเขา เรากล้าที่จะชอบเขา ทำให้เราอยากที่เก่งให้ได้แบบเขาบ้าง แต่ที่ชอบวี เป็นพิเศษ เพราะผมชอบตัวตนเขา ที่เขาดูเป็นคนชิลๆ ยิ้มง่าย น่ารัก ขี้เล่นครับ
เล่าถึงผลงานเพลงที่ปล่อยออกมาให้ฟังสักนิดค่ะ
จูเนียร์: ‘คุยแก้เหงา (Mr.Lonely)’ ซิงเกิ้ลใหม่ลำดับที่ 3 เพลงนี้ได้พี่ URBOYTJ มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ครับ เล่าถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน เป็นแฟนก็ไม่ใช่ เป็นเพื่อนก็ไม่เชิง ทำให้ทุกอย่าง แต่ไม่ได้เป็นอะไรกัน เป็นแค่ “คนคุยแก้เหงา”
ซิงเกิ้ลที่สอง ‘โลเล (LOLAY)’ เป็นเพลงแดนซ์สนุกๆ สดใส ที่คนฟังเต้นตาม เพลงนี้อยากให้ทุกคนสนุกและมีความสุขครับ ฟีลจะต่างจากซิงเกิ้ลแรก ‘MAYDAY MAYDAY ‘ เพลงแนว Hiphop Dance Electronic เนื้อเพลงจะเล่าถึงพลังของวัยรุ่น ที่มีความมุ่งมั่น และความเชื่อ ด้วยด้วยมู้ดแอนด์โทนสีจะเข้มๆ แมนๆ เพลงนี้จะสื่อถึงคาแร็คเตอร์ของวง ส่วนโลเลจะนำเสนออีกด้านของเราที่มีความขี้เล่นครับ แอบบอกว่าภายในปีนี้น่าจะมีอัลบั้มด้วยครับ
ฟีดแบ็กจากแฟนๆ ที่ได้ฟังเพลงของ ATLAS เป็นอย่างไรบ้างคะ
ภูมิ: ส่วนใหญ่แฮปปี้ครับ คำชมและกำลังใจคือแรงผลักดัน ส่วนคำติเรานำไปปรับปรุงและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ถ้าสังเกตจะมีคอมเมนต์ชาวต่างชาติเยอะเลยครับ ทำให้เรารู้ว่าแฟนชาวต่างชาติฟังเพลงพวกเราด้วย ดีใจมาก
เป้าหมายสำคัญของ ATLAS คือ…
จูเนียร์: ผมขอเป็นตัวแทนตอบนะครับ ก็คือการได้ทำให้ทุกคนมีความสุข เราไม่คิดจะแข่งกับใคร ไม่คิดว่าปล่อยเพลงมาต้องได้ยอดวิวเยอะกว่าใคร เราทำด้วยความสุขก็อยากจะแชร์ความสุขนี้ไปให้กับเอลิส (ชื่อกลุ่มแฟนคลับ) ที่ให้กำลังใจพวกเราอยู่ด้วย อยากเป็นพลังงานดีให้กับคนที่กำลังหมดไฟ เขาเป็นพลังงานงานให้เราเราก็อยากจะเป็นพลังงานให้เขาด้วยครับ
ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้พวกเราในทุกเรื่องๆ ทุกช่วงเวลาไม่ว่าเราจะยิ้มหรือแม้ตอนที่เราเหนื่อยมากๆ พวกเราจะตั้งใจทำผลงานดีๆ เพื่อแฟนๆ ทุกคนเลยครับ ฝากติดตามด้วยนะครับ
Text: AuAi
Photo: เนาวพจน์ โพธิเกษม
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ
BNK48 รุ่น 3 ปาเอญ่า-อีฟ-โยเกิร์ต-ข้าวฟ่าง-พีค-แพนเค้ก ฝูงกระต่ายสุดคิวต์ที่อาสามอบความสุขให้ทุกคน