ถือว่า ฟาดเคราะห์ ! อุบัติเหตุที่เกิดกับคนดังช่วงนี้ อุทาหรณ์สอนให้ไม่ประมาท

ช่วงนี้คนดังมีข่าวอุบัติเหตุให้เราใจหายใจคว่ำกันหลายเคสเลยทีเดียว ถ้าปลอดภัยดีก็ถือว่า ฟาดเคราะห์ กันไป แต่ถ้าเกิดการสูญเสียคงเป็นเรื่องเศร้าที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งอุบัติเหตุแต่ละครั้งก็เป็นอุทาหรณ์บอกให้เราไม่ประมาท เราไปดูกันค่ะว่าช่วงนี้ อุบัติเหตุกับคนดังมีอะไรบ้าง และเราจะระวังตัวได้ยังไง

ฟาดเคราะห์ แรงๆ ! กับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับดาราช่วงนี้

สดๆ ร้อนๆ เลยกับ นานา ไรบีนา ที่โดนรถบรรทุกไถลมาชนท้ายรถอย่างจัง โดยที่ในรถมี น้องบีนา กับ น้องบรู๊คลิน อยู่ด้วย โดยเหตุการณ์คือ รถของนานาจอดติดไฟแดงอยู่ แล้วรถบรรทุกคันนี้พุ่งมาแบบเบรกไม่อยู่เนื่องจากถนนลื่น จึงชนท้ายรถอย่างจัง กระจกแตกลงมาหมด เด็กๆ ทั้งสองคนหวีดร้องด้วยความตกใจ

แต่หลังจากไปตรวจเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลแล้วปรากฏว่าทุกคนปลอดภัยดี เนื่องจากนานาให้เด็กๆ นั่ง Car Seat ตัวเด็กๆ จึงไม่หล่นจากเก้าอี้ เธอบอกว่าเมื่อก่อนถ้าไปไหนใกล้ๆ ปกติจะให้เด็กๆ นั่งตัก ซึ่งต่อไปนี้เธอบอกว่าจะให้เด็กๆ นั่ง Car Seat อย่างสม่ำเสมอแล้ว และตระหนักว่ามันคือสิ่งจำเป็นที่ทำให้ลูกๆ ของเธอปลอดภัย ถึงแม้เด็กๆ จะยังมีอาการผวาอยู่ก็ตาม

เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคุณพ่อคุณแม่ได้ดีเลยนะคะ ใครมีลูกเล็กๆ อย่าให้ลูกนั่งตักเราโดยเด็ดขาด แต่ให้เด็กๆ นั่ง Car Seat ไว้ เพราะการที่ให้ลูกนั่งตัก เมื่อเวลาเจอแรงกระแทกลูกจะเป็นคนรับแรงกระแทกเต็มๆ ซึ่งนั่นอันตรายต่อเด็กๆ มากจนอาจถึงชีวิต และถึงแม้ไม่ได้นั่งตัก แต่นั่งเบาะธรรมดาและไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ก็อาจทำให้เด็กๆ หล่นจากเบาะได้รับบาดเจ็บได้

เคสต่อมาคือกรณีของคุณ เปิ้ล-นาคร ที่ลงแข่งเรือ F1 แล้วจังหวะที่เร่งความเร็วเพื่อจะแซงคู่แข่งนั้นเอง เรือก็ได้เสียหลักพลิกคว่ำ แต่โชคดีที่ระบบความปลอดภัยของเรือยังดีพอ และตัวเปิ้ลเองก็ถอดเข็มขัดนิรภัยเพื่อขึ้นสู่ผิวน้ำได้ทัน อีกทั้งยังมีทีมกู้ภัยที่เข้าช่วยเหลือ จึงทำให้เขาปลอดภัยแม้จะสำลักน้ำไปบ้าง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาคิดได้ว่าการแข่งขันไม่จำเป็นที่จะต้องชนะทุกครั้งไป และการที่ใช้พลังงานเครื่องยนต์เกินขีดความสามารถ อาจทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันได้ ควรจะใช้ให้พอดีเท่านั้น

สำหรับกรณีนี้ แม้จะเป็นนักแข่งและเชื่อมั่นในระบบความปลอดภัยก็ตาม แต่ก็ควรจะประมาณศักยภาพของตนเองและยานพาหนะ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และแม้จะยืนยันว่าจะไม่เลิกแข่ง แต่คุณเปิ้ลคงต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้แล้วแหละค่ะ

กรณีสุดท้ายที่ยังยืดเยื้อกันอยู่ คือเรื่องของ ดีเจเชาเชา ที่ขับรถชนรถจักรยานยนต์และคู่กรณีเสียชีวิต อันนี้ถ้าดูจากกล้องวงจรปิดจะเห็นว่ากลุ่มจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตวิ่งด้วยความเร็วสูง (คล้ายแข่งรถกัน) ที่เลนหนึ่ง ส่วนรถของดีเจเชาเชาวิ่งมาจากเลนกลาง แต่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตแฉลบมาตัดหน้าจึงทำให้ดีเจเชาเชาเบรกไม่ทัน และชนกับรถของผู้เสียชีวิตในที่สุด

เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับทั้งตัวผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และผู้ขับรถยนต์เลยทีเดียว เพราะผู้ขี่รถจักรยานยนต์หลายคนมีความประมาท ทั้งไม่ใส่หมวกกันน็อค ขี่สวนเลน ขับขี่เร็วเกินไป (อย่าลืมว่าจักรยานยนต์มีแค่ 2 ล้อ ศูนย์ถ่วงมักจะไม่มั่นคงและทำให้แฉลบหรือล้มได้ง่าย) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอันตรายถึงชีวิต ส่วนคนขับรถก็ไม่ควรประมาท เพราะถึงแม้เราจะขับระมัดระวังแค่ไหนก็ตามก็อาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นได้ ดังนั้นไม่ควรขับรถเร็ว และที่สำคัญ “กล้องหน้ารถ” จำเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยเก็บหลักฐานและทำให้คดีคลี่คลายเร็วขึ้น

อ้อ อีกอย่างที่ทำให้กรณีของดีเจเชาเชากลายเป็นผู้ผิดหลายกระทงก็คือ รถของเขาไม่ได้ต่อพรบ. และใบขับขี่หมดอายุ ซึ่งเอกสารเหล่านี้สำคัญมากนะคะ เพราะเกิดเราทำผิดอะไรขึ้นมา จากที่เป็นฝ่ายถูกจะกลายเป็นฝ่ายผิดเพราะเสมือนเป็นบุคคลผิดกฎหมาย อย่าลืมไปต่อให้เรียบร้อยนะ